สำนักผู้นำสูงสุดซัยยิด อาลี คาเมเนอี

เสียงเรียกร้องจากผู้นำ

    • เสรีภาพ
    • อิมามโคมัยนี
      • อิมามโคมัยนี ผู้ถือธงอิสลามอันบริสุทธิ์ของศาสดามุฮัมหมัด
      • ความหวังอันยิ่งใหญ่ของอิมามโคมัยนี
      • บทสรุปและบารอกัต(สิริมงคล)ที่ได้จากการเคลื่อนไหวของอิมามโคมัยนี
      • ผลงานอันยิ่งใหญ่ของอิมามโคมัยนี
        ปริ้นซ์  ;  PDF
        งานชิ้นแรกของท่านอิมามโคมัยนี “คือการชุบชีวิตอิสลาม” นับเป็นเวลาสองร้อยกว่าปีมาแล้วที่นักล่าอาณานิคมต่างใช้กลยุทธ์ทุกรูปแบบ ในการทำให้อิสลามถูกลบเลือนและถูกหลงลืมจากสังคม นายกรัฐมนตรีคนหนึ่งของอังกฤษ เคยประกาศต่อหน้านักการเมือง สมุนของนักล่าเมืองขึ้นในอดีตว่า เราต้องจำกัดบทบาทอิสลามให้แคบลงมากที่สุดในกลุ่มประเทศมุสลิม! จากอดีตจนถึงปัจจุบันเงินจำนวนมหาศาลถูกใช้จ่ายไปเพื่อทำลายอิสลามให้หายไปจากการดำรงชีวิตของผู้คนในลำดับแรก ต่อด้วยการทำให้อิสลามออกไปจากสติปัญญาความนึกคิดและการปฏิบัติตามของปัจเจกบุคคล เพราะพวกมันรู้ว่าศาสนานี้ เป็นอุปสรรคอันใหญ่หลวงต่อการปล้นสะดมของนักล่าอำนาจและนักล่าอาณานิคม อิมามโคมัยนีได้ชุบชีวิตอิสลามขึ้นมาอีกครั้งหนึ่งและทำให้อิสลามกลับมามีบทบาทในด้านสติปัญญา การปฏิบัติตน รวมทั้งในเวทีการเมืองโลกด้วยเช่นกัน.

        ผลงานชิ้นที่สอง “การมอบจิตวิญญาณแห่งเกียรติยศแก่มวลมุสลิม” มิใช่เป็นแค่เกียรติยศที่ถูกกล่าวขานในด้านการวิเคราะห์, การอ้างอิงในระดับมหาวิทยาลัย, หรือการกล่าวถึงในบทบาท และรูปแบบการดำเนินชีวิตของประชาชนในสังคมเพียงเท่านั้น แต่ผลพวงของขบวนการอิมามโคมัยนีนั้น ทำให้มุสลิมทุกคนในทุกสถานที่บนโลกใบนี้มีเกียรติยศและศักดิ์ศรี.

        มุสลิมคนหนึ่งจากประเทศใหญ่ในโลก ซึ่งมีมุสลิมเป็นประชากรส่วนน้อย บอกกับข้าพเจ้าว่า “ก่อนการปฏิวัติ เราไม่เคยเปิดเผยความเป็นมุสลิมของตัวเอง ตามวัฒนธรรมประเพณีของประเทศนั้น ทุกคนต้องมีชื่อตามภาษาท้องถิ่น ถึงแม้นว่าบิดา มารดาเป็นมุสลิมได้ตั้งชื่ออิสลามให้บุตรของตนก็ตาม แต่ก็ไม่มีใครกล้าเปิดเผยชื่อนั้น และรู้สึกเขินอายที่จะบอกชื่ออิสลามของตน แต่หลังจากการปฏิวัติอิสลามของพวกคุณ เรากล้าที่บอกชื่อมุสลิมอย่างภาคภูมิใจ หรือถ้ามีใครถามว่าเราเป็นใคร เราจะแนะนำตัวเองด้วยชื่ออิสลามด้วยความภาคภูมิใจยิ่ง”

        ดังนั้น ด้วยกับผลงานอันยิ่งใหญ่ของอิมามโคมัยนี ทำให้ประชาชาติอิสลามทั่วโลกรู้สึกมีเกียรติและมีความภาคภูมิใจในความเป็นมุสลิมของตนเอง.
        ผลงานชิ้นที่สาม อิมามโคมัยนีได้ทำให้มวลมุสลิมเข้าใจความหมายของคำว่า “ประชาชาติอิสลามที่แท้จริง” ซึ่งก่อนหน้านี้ ไม่ว่ามุสลิมจะอยู่ในมุมใดของโลก พวกเขามิเคยรับรู้ถึงความหมายของคำว่า ประชาชาติอิสลามหรือไม่เคยเห็นปรากฏอย่างเป็นรูปธรรมเกี่ยวกับคำๆนี้ แต่ในวันนี้ประชาชาติตั้งแต่ทวีปเอเชียจวบจนใจกลางทวีปแอฟริกา, อเมริกาและยุโรป รวมทั้งกลุ่มประเทศในตะวันออกกลางทั้งหมด ต่างรู้สึกว่าตนเองเป็นส่วนหนึ่งของสังคมใหญ่ในโลกที่เรียกว่าประชาชาติอิสลาม อิมามคือผู้จุดประกายความรู้อย่างลึกซึ้งของ คำว่า การเป็นประชาชาติอิสลาม ซึ่งถือว่าเป็นสุดยอดแห่งอาวุธในการปกป้องมวลมุสลิมจากน้ำมือของพวกอหังการ.

        ผลงานชิ้นที่สี่ การทำลายศูนย์รวมพลังอำนาจทั้งหมดของชาติมหาอำนาจในภูมิภาคตะวันออกกลางและของโลก โดยการโค้นล้มระบบการปกครองของชาห์ปาห์เลวี ซึ่งถือเป็นผลงานที่ยิ่งใหญ่ถ้าเราจินตนาการถึงศักยภาพของอิหร่านในอดีต ที่เป็นฐานทัพใหญ่ของชาติมหาอำนาจประจำภูมิภาคนี้ ทั้งอ่าวเปอร์เซียและตะวันออกกลางอยู่ภายใต้ฐานทัพนี้ แต่มันต้องพังพินาศลงอย่างย่อยยับด้วยมือของอิมามโคมัยนี. 

        ผลงานชิ้นที่ห้า จัดตั้งการปกครองตามแบบฉบับอิสลาม ทั้งมุสลิมและคนต่างศาสนิกไม่เคยคิดคาดฝันหรือคาดการณ์ว่าระบอบการปกครองแบบนี้จะถูกนำมาปฏิบัติใช้ให้เป็นรูปธรรมได้ อิมามโคมัยนี ทำให้ส่ิงนี้ซึ่งเหนือจิตนาการของทุกคนเป็นจริงปรากฏเป็นรูปธรรมที่สมบูรณ์ด้วยมุอ์ญิซาต(ปาฏิหาริย์)ของท่าน.

        ผลงานชิ้นที่หก การสร้างขบวนการแห่งอิสลาม ก่อนการปฏิวัติอิสลาม มีขบวนการเคลื่อนไหวมากมายจากกลุ่มชน และเยาวชน ที่ไม่พอใจต่อการปกครอง และเพื่อเรียกร้องเสรีภาพทั้งในประเทศอิสลามและในประเทศที่ไม่ใช่อิสลาม โดยที่พวกเขามีอุดมการณ์การเคลื่อนไหวแบบซ้ายจัด แต่หลังจากการปฏิวัติอิสลาม การเคลื่อนไหวของขบวนการเพื่อเรียกร้องสิทธิเสรีภาพเหล่านี้ ต่างเปลี่ยนรูปแบบไปตามแนวทางอิสลาม วันนี้ไม่ว่าในจุดใดของโลกที่มีการเคลื่อนไหวเพื่อต่อต้านเผด็จการและเพื่ออิสรภาพ ต่างยึดแนวคิดตามแบบฉบับของอิสลามในการขับเคลื่อนทั้งสิ้น.

        ผลงานชิ้นที่เจ็ด การสร้างวิสัยทัศน์รูปแบบใหม่ต่อบทบัญญัติแห่งชีอะฮ์ บทบัญญัติของเรา มีรากฐานที่แข็งแกร่งและมั่นคงมาโดยตลอด บัญญัติแห่งชีอะฮ์เป็นหนึ่งในมวลบทบัญญัติ ที่มีหลักฐานและรากฐานแก่นแท้ อันมั่นคง ท่านอิมามผู้เป็นที่รักของเราได้ทำให้ฟิกฮฺ (ศาสนบัญญัติ)อันมั่นคงนี้เป็นที่รู้จักในเวทีโลกอย่างกว้างขวาง และท่านยังได้สร้างความกระจ่างให้แก่เราเกี่ยวกับบัญญัติบางประการ ที่เราไม่เคยทราบมาก่อน.

        ผลงานชิ้นที่เเปด การทำลายความเชื่อผิดๆของผู้ปกครองทั้งหลาย ในด้านจริยธรรมส่วนตัวของพวกเขาเป็นที่ยอมรับในโลกว่า ผู้ใดที่อยู่ในตำแหน่งระดับสูงของสังคมจะต้องมีคุณลักษณะโดดเด่น เช่น เย่อหยิ่ง ทนงตน ใช้ชีวิตความเป็นอยู่อย่างสะดวกสบาย และฟุ่มเฟือย หรูหรา เห็นแก่ตน ถือความคิดของตนเป็นใหญ่ และอื่นๆ แม้กระทั้งในประเทศที่เคยทำการการปฏิวัติมาก็มีให้เห็น บรรดานักปฏิวัติหลายคน ที่เคยใช้ชีวิตการต่อสู้ของตนในเต๊นท์บ้าง หลบซ่อนตัวอยู่ในหลุมบ้าง หลังจากได้รับตำแหน่งอำนาจการปกครอง สภาพการดำรงชีวิตและจริยธรรมอันดีงามของพวกเขาก็เปลี่ยนแปลงไปด้วย เฉกเช่นกับบรรดาผู้ปกครองคนอื่นๆบนโลกใบนี้ ซึ่งเป็นสิ่งที่เราพบเห็นอย่างใกล้ชิด จึงไม่ใช่สิ่งแปลกใหม่สำหรับประชาชน. 
        อิมามของเราได้เปลี่ยนแปลงและลบล้างความเชื่อเหล่านี้ ท่านได้แสดงให้เห็นว่าผู้นำที่เป็นที่รักของประชาชนและประชาชาติอิสลามบนโลก สามารถดำรงชีวิตอยู่ได้อย่างสมถะ สามารถต้อนรับผู้มาเยี่ยมเยือนได้ในฮูซัยนียะห์ แทนที่จะเป็นพระราชวังหลังใหญ่ และสามารถพูดคุยพบปะกับประชาชนได้ด้วยอาภรณ์ ภาษา และกริยาตามแบบฉบับของอัมบียา.

        หากหัวใจของบรรดาผู้ปกครองทั้งหลายได้รับรัศมีแห่งสัจธรรมแล้วไซร้ ความหรูหรา ความอหังการ ความฟุ่มเฟือยเหล่านี้ จะไม่เป็นส่วนหนึ่งของวิธีการปกครองของพวกเขาเลย ดังนั้น หนึ่งในมุอฺญิซาตของท่านอิมามคือ รัศมีแห่งสัจธรรมและมะอฺริฟัต (การรู้จักอย่างแจ่มแจ้ง) ได้เจิดจรัสในชีวิตการเป็นอยู่และอุดมการณ์ที่ท่านได้สร้างไว้.

        ผลงานชิ้นที่เก้า การปลุกจิตวิญญานแห่งศักดิ์ศรี,ความเชื่อมั่นให้แก่ประชาชาติอิหร่าน พี่น้องที่รักทั้งหลาย! รัฐแห่งมาร ได้ทำให้เราเป็นประชาชาติที่ไร้ความสามารถและอ่อนแอ มาเป็นเวลานาน เราซึ่งเป็น ประชาชาติที่เปี่ยมล้นไปด้วยความสามารถ และมีคุณสมบัติพิเศษอันโดดเด่น ซึ่งมีผลงานอันเป็นที่ภาคภูมิใจทั้งทางด้านวิชาการและการเมือง ตลอดหน้าประวัติศาสตร์อิสลาม.
        อำนาจของต่างชาติ นับตั้งแต่อังกฤษ รัสเซีย และประเทศต่างๆในยุโรป ตลอดจน อเมริกา ได้เคยดูถูกความสามารถของเรา และประชาชาติของเราก็เคยหลงเชื่อเช่นนั้น ว่าพวกเขาไม่มีความสามารถที่จะทำงานชิ้นใหญ่ได้ ไม่สามารถสร้างหรือประดิษฐ์ สิ่งใดได้ และต้องคอยให้ประเทศอื่นเป็นนายนำตน ข่มเหงตน! ดังนั้น พวกเขาได้ฆ่าจิตวิญญาณแห่งศักดิ์ศรี และความภาคภูมิใจไปจากประชาชาติของเราแล้ว แต่ท่านอิมาม ได้ปลุกและชุบชีวิตจิตวิญญาณเหล่านี้แก่ประชาชาติอิหร่านอีกครั้ง.
        ในขณะที่ประชาชนของเรา มีความรู้สึกที่ปราศจากความเย่อหยิ่ง และชาตินิยม ตามที่ระบอบชาห์ปาห์เลวีได้หว่านความคิดชั่วนี้ไว้ แต่พวกเขากลับรู้สึกมีเกียรติและเข้มแข็ง วันนี้ประชาชาติของเราไม่เกรงกลัวต่อการร่วมมือกันระหว่างตะวันออกและตะวันตก ไม่เกรงกลัวมาตรการคว่ำบาตร และไม่รู้สึกอ่อนแอไร้ความสามารถอีกต่อไป เยาวชนคนหนุ่มสาวของเรารู้สึกว่า พวกเขาสามารถสร้างประเทศชาติของตนเองได้ด้วยน้ำมือของพวกเขา ประชาชนของเรารู้สึกว่าพวกเขาสามารถยืนหยัด ต่อสู่้จากการให้ร้ายต่างๆที่มาจากชาติตะวันตกและชาติตะวันออก ซึ่งอิมามโคมัยนีคือผู้ชุบชีวิตจิตวิญญาณแห่งความเชื่อมั่นนี้ ให้แก่ประชาชาติของเรา.

        และผลงานชิ้นที่สิบของท่านอิมามโคมัยนี คือ การที่ท่านได้พิสูจน์ให้เห็นว่า ((ไม่เอาทั้งตะวันออกและไม่เอาทั้งตะวันตก)) เป็นไปได้ ผู้คนคิดว่า ถ้าไม่พึ่งพิงตะวันตก ก็ต้องพึ่งพิงตะวันออก และต้องอยู่ภายใต้อำนาจฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งแล้วสรรเสริญพวกเขา พวกเขาคิดไม่ถึงว่า ประชาชาติหนึ่งจะสามารถปฏิเสธได้ทั้งตะวันตก และทั้งตะวันออก โดยที่ยืนหยัดอยู่จนสามารถสร้างรากฐานที่เเข็งเกร่งมั่งคงให้กับตนเองได้ และอิมามโคมัยนีคือผู้พิสูจน์สิ่งนี้ให้ประจักษ์.

        บางส่วนจากคุฏบะห์ในนมาซวันศุกร์
        14/7/1989 

      • รัฐอิสลามแห่งอิหร่าน, ศูนย์กลางการเคลื่อนไหวอันยิ่งใหญ่ของประชาชาติ
      • บะศีเราะห์(การรู้เท่าทัน)และความอดทนในการต่อสู้ คือที่มาของความสำเร็จของ
      • อิมามโคมัยนีคือครูแห่งการปฏิวัติ ((เราทำได้))
      • ทักษะและความโดดเด่นของท่านอิมามโคมัยนี
      • อิสรภาพและประชาธิปไตยควบคู่ไปกับจิตวิญญาณและจริยธรรมอันประเสริฐ
      • อิมามโคมัยนีกับการฟื้นฟูสัจธรรมที่ถูกหลงลืมของอิสลาม
      • ภาระหน้าที่ของเราต่อแนวทางของท่านอิมามโคมัยนี
      • การซื่อสัตย์ต่อท่านอิมามโคมัยนีและการเคลื่อนไหวในแนวทางของท่าน
      • พันธสัญญาที่เรามีต่อแนวทางของท่านอิมามโคมัยนี
      • บทเรียนของท่านอิมามโคมัยนีต่อประชาชาติ(อุมมัต) “เชื่อมสัมพันธ์ต่อ
      • ความจำเป็นในการไตร่ตรองและทบทวนจากบทเรียนต่างๆของท่าน
      • สถาบันการเมืองของอิมามโคมัยนี
    • ฮัจญ์
    • สถานะสตรีในสังคม
    • ปาเลสไตน์
700 /