การถือศีลอด
- ความหมายของศีลอด
1. ศีลอด ในบทบัญญัติอิสลามหมายถึง การที่ได้ปฏิบัติตามคำบัญชาของ อัลลอฮฺ (ซบ.) โดยหลีกเลี่ยงไม่กิน ไม่ดื่ม ไม่กระทำในสิ่งต่างๆ ที่เป็นสาเหตุให้ศีลอดบาฏิล จากอะซานซุบฮฺจนถึงอะซานมัฆริบ ตามเงื่อนไขดังที่จะอธิบายต่อไป
- ประเภทของศีลอด
2. ศีลอดแบ่งออกเป็น 4 ประเภท ดังนี้
- ศีลอดวาญิบ เช่น ศีลอดเดือนรอมฎอน
- ศีลอดมุซตะฮับ เช่น ศีลอดเดือนเราะญับ และชะอฺบาน
- ศีลมักรูฮฺ เช่น ศีลอดวันอาชูรอ
- ศีลอดฮะรอม เช่น ศีลอดวันอีดฟิฏรฺ (วันแรกของเดือนเชาวาล) อีดกุรบาน (วันที่ 10 เดือนซิลฮิจญฺ)
ศีลอดวาญิบต่างๆ
3. ศีลอดวาญิบต่างๆ ประกอบด้วย
- ศีลอดเดือนรอมฎอน
- ศีลอดเกาะฎอ (ทดแทน)
- ศีลอดกะฟาเราะฮฺ
- ศีลอดเกาะฎอแทนบิดาและมารดา
- ศีลอดมุซตะฮับกลายเป็นวาญิบ เนื่องจากการบนบาน สัญญา และสาบาน
- ศีลอดวันที่สามของการอิอฺติกาฟ
- ศีลอดแทนการกุรบานสัตว์ในฮัจญฺตะมัตตุอ์
ศีลอดวันอาชูรอ
4. อนุญาตให้ถือศีลอดในวันอาชูรอหรือไม่?
คำตอบ เป็นมักรูฮฺ
ศีลอดเงียบ
5. ได้ยินว่าการถือศีลอดเงียบ ฮะรอม แต่บางคนกล่าวว่า ถ้าเป็นการบนบานถือว่า ฮะลาล ดังนั้น คำกล่าวเช่นนี้ถูกต้องหรือไม?
คำตอบ ฮะรอม
ศีลอดของภรรยาและบุตร
6. ฯพณฯท่านกล่าวในช่วงศีลอดฮะรอมว่า ศีลอดของภรรยา ถ้าหากเป็นการก้าวก่ายสิทธิของสามี และศีลอดของบุตร ถ้าเป็นเหตุรบกวน หรือสร้างความยากลำบากให้แก่บิดา มารดา คำถามคือ ศีลอดเหล่านี้ครอบคุมเฉพาะศีลอดมุซตะฮับเพียงอย่างเดียว หรือครอบคุมศีลอดวาญิบประเภทอื่นด้วย?
คำตอบ ไม่ครอบคุมศีลอดวาญิบ
- เงื่อนไขวาญิบของศีลอด
7. ศีลอดจะเป็นวาญิบเหนือบุคคล ต้องมีเงื่อนไขดังต่อไปนี้
- บรรลุนิติภาวะตามศาสนบัญญัติ (บาลิฆ)
- มีสติสัมปชัญญะ
- มีความสามารถ
- ไม่สลบหรือหมดสติ
- ไม่ได้เดินทางไกล
- ปราศจากระดู และโลหิตหลังการคลอดบุตร
- ศีลอดมิได้เป็นอันตรายต่อร่างกาย
- ศีลอดมิได้เป็นความลำบาก
- ความลำบากในการถือศีลอด
ไม่สามารถถือศีลอดเมื่อย่างเข้าสู่วัยบาลิฆ
8. เด็กหญิงเมื่อย่างเข้าสู่วัยบาลิฆ แต่เนื่องจากร่างกายอ่อนแอ ไม่สามารถถือศีลอดได้ และหลังจากเดือนรอมฎอนผ่านพ้นไปแล้ว ก็ไม่สามารถถือศีลอดกะฎอได้อีก จนกระทั่งถืงเดือนรอมฎอนปีถัดไป กรณีนี้เงื่อนไขเป็นอย่างไร?
คำตอบ การไม่สามารถถือ หรือกะฎอศีลอด เพราะร่างกายอ่อนแอเพียงอย่างเดียว หรือไร้ความสามารถ ไม่ได้เป็นสาเหตุทำให้การกะฎอศีลอด หมดสภาพลง ทว่าการกะฎอศีลอดเดือนรอมฎอนที่ไม่ได้ถือ ยังเป็นวาญิบสำหรับเขา
9. เด็กหญิงที่เพิ่งย่างเข้าสู่วัยบาลิฆ และการถือศีลอดเป็นเรื่องลำบาก กรณีนี้เงื่อนไขเป็นอย่างไร? และวัยบาลิฆของเด็กหญิง เมื่อมีอายุครบ 9 ปี บริบูรณ์ตามปีจันทรคติกระนั้นหรือ?
คำตอบ ทัศนะของนักปราชญ์ทั่วไป วัยบาลิฆตามชัรอียฺ ของเด็กหญิงเมื่อมีอายุครบ 9 ปี บริบูรณ์ตามปีจันทรคติ ซึ่งการถือศีลอดเป็นวาญิบสำหรับพวกเขา ไม่อนุญาตให้ละเว้นการถือศีลอด เพราะมีอุปสรรคบางประการ แต่ถ้าการถือศีลอดเป็นอันตรายต่อร่างกาย หรือถ้าถือศีลอดต้องอดทนต่อความยากลำบากอย่างยิ่ง อนุญาตให้ละศีลอดได้
10. สำหรับเด็กหญิงอายุครบ 9 ปีบริบูรณ์ ศีลอดเป็นวาญิบสำหรับเขา แต่เนื่องจากความลำบาก เขาได้ละศีลอด ดังนั้น วาญิบต้องกะฎอศีลอดหรือไม่?
คำตอบ การกะฎอศีลอดเดือนรอมฎอน ที่ได้ละขณะถือ เป็นวาญิบสำหรับเขา
11. เนื่องจากร่างกายอ่อนแอ ข้าพเจ้าไม่ได้ถือศีลอดตั้งแต่ย่างเข้าสู่วัยบาลิฆ จนกระทั่งอายุ 12 ปี และตอนนี้ข้าพเจ้าต้องทำอย่างไร?
คำตอบ วาญิบต้องกะฎอ ศีลอดเดือนรอมฎอนที่ไม่ได้ถือ ขณะย่างเข้าสู่วัยบาลิฆ และถ้าตั้งใจละศีลอด ทั้งที่ไม่มีอุปสรรคทางชัรอียฺ วาญิบต้องกะฟาเราะฮฺศีลอดด้วย
12. บุคคลที่ย่างเข้าสู่วัยบาลิฆ เนื่องจากร่างกายอ่อนแอ หรือไร้ความสามารถ จึงไม่ได้ถือศีลอด ดังนั้น วาญิบต้องกะฎอศีลอดเพียงอย่างเดียว หรือวาญิบต้องกะฎอและจ่ายกะฟาเราะฮฺด้วย?
คำตอบ ถ้าการถือศีลอดไม่ลำบากสำหรับเขา แต่ตั้งใจละศีลอด นอกจากวาญิบต้องกะฎอแล้ว ต้องจ่ายกะฟาเราะฮฺด้วย แต่ถ้ากลัวว่าถือศีลอดแล้วจะไม่สบาย ดังนั้น วาญิบให้กะฎอเพียงอย่างเดียว
การละศีลอดตอนกลางวันเนื่องจากความลำบาก
13. ถ้าบุคคลที่มีอาชีพ ที่ไม่อาจละทิ้ง หรือปล่อยวางได้ และเนื่องจากความหิวกระหาย การถือศีลอดเป็นความลำบากสำหรับเขาอย่างยิ่ง ในทำนองเดียวกันบุคคลที่อายุยังน้อยอยู่ ซึ่งการถือศีลอด เป็นความยากลำบากสำหรับเขา ดังนั้น เขาสามารถละศีลอดตั้งแต่เช้าได้หรือไม่ หรือว่ามีเงื่อนไขอย่างอื่น?
คำตอบ ตามสมมติของคำถาม ทุกครั้งที่ถือศีลอด ถ้าประสบความลำบาก เขาสามารถละศีลอดได้ แต่ในกรณีที่กระหายน้ำมาก อิฮฺติยาฏวาญิบ ให้ละศีลอดและดื่มน้ำในปริมาณที่จำเป็น และให้อิมซาก (หลีกเลี่ยง) การกินการดื่มตลอดทั้งวัน และทั้งสองกรณี ต้องกะฎอศีลอดของวันนั้น ภายหลังจากนั้น
- วิธีพิสูจน์วันแรกของเดือน
วิธีพิสูจน์วันแรกของเดือน
14. วันแรกและวันสุดท้ายของเดือนรอมฎอน พิสูจน์ได้ด้วยการเห็นดวงจันทร์ หรือปฏิบัติตามปฏิทิน แม้ว่าเดือนชะอฺบานจะไม่ครบ 30 วันกระนั้นหรือ?
คำตอบ วันแรกและวันสุดท้ายของเดือนรอมฎอน พิสูจน์ได้ด้วยการเห็นดวงจันทร์ของตนเอง หรือด้วยคำยืนยันของผู้อาดิล 2 คน หรือทุกวิธีที่สามารถเชื่อมั่นได้ หรือเดือนมี 30 วัน หรือฮากิมชัรอฺบอกว่าเป็นวันที่ 1 ของเดือน
15. บริเวณที่ข้าพเจ้าอาศัยอยู่ ไม่ได้เห็นดวงจันทร์ แต่เดือนชะอฺบานมี 30 วัน วันศุกร์จึงประกาศให้เป็นวันที่ 1 ของเดือนรอมฎอน ขณะที่วันแรกของเดือนชะอฺบาน มิได้มีการพิสูจน์ให้รู้ชัดเจน ดังนั้น ขอความกรุณาช่วยกำหนดหน้าที่ของข้าพเจ้า และของมิตรสหายคนอื่น ในการปฏิบัติอะมัลในค่ำคืนก็อดร์ การอ่านดุอาอฺประจำวัน อะมัลเฉพาะพิเศษสำหรับบางคืน และบางวัน
คำตอบ เมื่อเดือนชะอฺบานผ่านไป 30 วัน พิสูจน์ได้ว่าเป็นวันที่ 1 ของเดือนรอมฎอน แม้ว่าจะไม่เห็นดวงจันทร์วันแรกของเดือนรอมฎอนก็ตาม แต่มีเงื่อนไขว่าวันแรกของเดือนชะอฺบาน ต้องพิสูจน์ถูกต้องตามชัรอียฺ มิเช่นนั้นการผ่านไป 30 วัน มิอาจเชื่อถือได้ ส่วนค่ำคืนอันจำเริญของค่ำก็อดร์ มีอยู่คืนเดียวอย่างต่อเนื่อง การได้รับประโยชน์จากความประเสริฐ ของค่ำคืนก็อดร์ ความประเสริฐของดุอาอฺเฉพาะคืน มีช่วงเวลาอันเฉพาะจากเดือนอันจำเริญ ถ้าหากช่วงเวลาเฉพาะพิเศษนี้ ไม่ชัดเจนสำหรับตน ให้อิฮฺติยาฏกระทำอะมัลซ้ำได้ เพื่อจะได้รบความประเสริฐนั้น
รู้ว่าเห็นดวงจันทร์เดือนรอมฎอนตอนกลางวัน
16. ถ้าหากก่อนเที่ยงประกาศว่า เป็นวันที่ 1 เดือนรอมฎอน ศีลอดวันนั้นจะเป็นอย่างไร?
คำตอบ ถ้าหากยังไม่ได้ทำสิ่งที่ทำให้ศีลอดบาฏิล อิหฺติยาฏวาญิบ ต้องเนียตถือศีลอด และให้ถือศีลอด และหลังจากนั้นให้กะฎอศีลอดวันนั้นด้วย แต่ถ้ากระทำบางสิ่งบางอย่างที่เป็นสาเหตุให้ศีลอดบาฏิล ศีลอดบาฏิล แต่เพื่อให้เกียรติเดือนรอมฎอน ต้องหลีกเลี่ยงไม่ทำสิ่งที่เป็นสาเหตุให้ศีลอดบาฏิล จนถึงอะซานมัฆริบ และหลังจากเดือนรอมฏอนผ่านไป ต้องกะฏอศีลอดของวันนั้น
ศีลอดที่มิได้พิสูจน์วันแรกของเดือน
17. ถ้ากำหนดวันที่ 1 เดือนรอมฎอน และวันอีดฟิฏรฺ โดยไม่เห็นดวงจันทร์วันแรกของเดือน เนื่องจากมีเมฆหนาแน่นในท้องฟ้า หรือมีสาเหตุอื่น ประกอบกับเดือนชะอฺบาน และเดือนรอมฏอนก็ไม่ครบ 30 วัน ดังนั้น สำหรับพวกเราที่อาศัยอยู่ในประเทศญี่ปุ่น อนุญาตให้ปฏิบัติตามอิหร่าน หรือปฏิบัติตามปฏิทินได้หรือไม่? หน้าที่เราต้องทำอย่างไร?
คำตอบ ถ้าวันแรกของเดือนไม่ได้พิสูจน์ ด้วยการเห็นดวงจันทร์ในเมืองนั้น หรือเมืองใกล้เคียงที่อยู่ในเส้นขอบฟ้าเดียวกัน หรือไม่มีผู้อาดิล 2 คนยืนยัน และฮากิมชัรอฺก็ไม่ได้ประกาศ ดังนั้น ต้องอิหฺติยาฏ เพื่อพิสูจน์วันแรกของเดือน
มัรญิอฺตักลีดขัดแย้งกันในการพิสูจน์วันอีดฟิฏรฺ
18. ถ้าหากในหมู่มัรญิอฺตักลีด มีความเห็นขัดแย้งกันในการพิสูจน์วันอีดฟิฏรฺ ผู้ปฏิบัติตามจะทำอย่างไร? หรือให้ผู้ปฏิบัติตามทุกคน ปฏิบัติตามทัศนะมัรญิอฺที่ตนตักลีด?
คำตอบ การพิสูจน์วันแรกของเดือน ไม่อาจตักลีดตามได้ ดังนั้น ถ้าตนเชื่อมั่นคำพูด และคำประกาศเห็นดวงจันทร์ ของมัรญิอฺตักลีด ต้องละศีลอดในวันนั้น แต่ถ้าสงสัย จำเป้นต้องถือศีลอดในวันนั้น
- การเห็นดวงจันทร์
เชื่อมั่นว่าเดือนใหม่ปรากฏ
19. ถ้าหากเชื่อมั่น หรือแน่ใจว่าเดือนใหม่ปรากฏแล้ว ซึ่งความเป็นไปได้ที่จะเห็นดวงจันทร์นั้นมี ดังนั้น เป็นไปได้ไหม ถ้าจะอาศัยหรือเชื่อในสิ่งนั้น แม้ว่าจนบัดนี้จะยังไม่เห็นดวงจันทร์ก็ตาม ?
คำตอบ ถ้าเชื่อมั่นว่าเดือนใหม่ปรากฏแล้ว และเป็นไปได้ที่จะมองเห็น -กล่าวคือ การมีอยู่ของดวงจันทร์ และมีความเป็นไปได้ที่จะเห็น- ประกอบกับความรู้เรื่องดวงจันทร์ขึ้นก็ชัดเจน และร่องรอยของดวงจันทร์วันแรกได้เกิดขึ้น แม้ว่าตอนนี้ตนจะยังไม่ได้เห็นดวงจันทร์ก็ตาม
เกณฑ์มาตรฐานการเข้าเดือนใหม่
20. มาตรฐานการเข้าเดือนใหม่คืออะไร? การที่ดวงจันทร์ออกนอกการบดบัง หรือการหลุดออกจากสภาพเดือนดับ หรือต้องมองเห็นดวงจันทร์ด้วยตาเปล่า โดยปราศจากอุปกรณ์ หรือมีเงื่อนไขว่าต้องเห็นดวงจันทร์เท่านั้น?
คำตอบ หลักเกณฑ์คือ ดวงจันทร์ต้องออกนอกการบดบัง มีความเป็นไปได้ที่จะมองเห็น แม้ว่าจะมองเห็นผ่านอุปกรณ์ก็ตาม
ไม่มีความรู้เรื่องการเห็นดวงจันทร์
21. ถ้ามั่นใจว่าเดือนใหม่ปรากฏแล้ว แต่ไม่แน่ใจว่าจะสามารถมองเห็นได้หรือไม่ กรณีนี้กฏเป็นอย่างไร?
คำตอบ ถือว่าไม่เพียงพอ
การเห็นดวงจันทร์
22. การเห็นดวงจันทร์ในวันแรกของทุกเดือน เป็นวาญิบกิฟายะฮฺ หรืออิฮฺติยาฏวาญิบ?
คำตอบ การเห็นดวงจันทร์ด้วยตัวของมัน ไม่เป็นวาญิบชัรอียฺ
ช่วงการเห็นดวงจันทร์
23. ดังที่ทราบกันดีว่า ดวงจันทร์ในวันสุดท้าย หรือวันแรกของเดือน จะมีสภาพตามข้อใดข้อหนึ่ง ดังต่อไปนี้
ก. ดวงจันทร์จะตกก่อนดวงอาทิตย์
ข. ดวงจันทร์จะตกในเวลาใกล้เคียงกับดวงอาทิตย์
ค.ดวงจันทร์จะตกหลังจากดวงอาทิตย์ตก
ดังนั้น กรุณาอธิบายว่าข้อใดข้อหนึ่งจาก 3 ข้อข้างต้น มีความเป็นไปได้ต่อการกำหนดวันแรกของเดือน?
คำตอบ สมมติฐานทั้ง 3 ข้อตามกล่าวมา สำหรับการเห็นดวงจันทร์ เพื่อพิสูจน์เดือนใหม่ จากค่ำคืนหลังที่จะเห็นดวงจันทร์ ถือว่าเพียงพอ
24. บางประเทศ (เช่น สวีเดน) มีความเป็นไปได้ที่จะเห็นดวงจันทร์ เดือนเชาวาล แต่ต้องหลังจากดวงอาทิตย์ตก และหลังจากเห็นเดือนใหม่ในอิหร่านสิ้นสุดลงแล้ว 2-3 วัน เนื่องจากในพื้นที่แถบนี้ ดวงจันทร์จะตกก่อนดวงอาทิตย์ ขณะที่เป็นไปได้ในพื้นที่แถบนี้ จะเห็นดวงจันทร์ ก่อนดวงอาทิตย์ตก ฉะนั้น ลักษณะเช่นนี้ถือว่าเพียงพอหรือไม่ สำหรับการพิสูจน์วันแรกของเดือนเชาวาล?
คำตอบ ความมั่นใจในความเป็นไปได้ที่จะเห็นดวงจันทร์ ก่อนดวงอาทิตย์ตก เพื่อพิสูจน์เดือนใหม่ จากค่ำคืนหลังจากที่ได้เห็น ถือว่าเพียงพอ
เส้นขอบฟ้าร่วมและหลักเกณฑ์
25. การมีเส้นขอบฟ้าเดียวกัน ถือเป็นเงื่อนไขของการเห็นดวงจันทร์หรือไม่?
คำตอบ ใช่ ถือว่าเป็นเงื่อนไขเดียวกัน
26. การมีเส้นขอบฟ้าเดียวกันหมายถึงอะไร? และบริเวณที่อยู่ในเส้นขอบฟ้าเดียวกันคือ พื้นที่ส่วนใด?
คำตอบ จุดประสงค์ของ เส้นขอบฟ้าเดียวกัน คือพื้นที่ซึ่งมีความเป็นไปได้หรือไม่ได้ ในการเห็นดวงจันทร์กับอีกเมืองหนึ่ง และต้องอยู่ในระดับเดียวกัน
การพิสูจน์เดืนใหม่ในเมืองต่างๆ ที่อยู่เส้นขอบฟ้าเดียวกัน
27. ถ้าหากเมืองใดเมืองหนึ่งเห็นดวงจันทร์เดือนรอมฎอน เมืองอื่นที่อยู่เส้นขอบฟ้าเดียวกัน หรือมีเวลาต่างกัน 2 ชั่วโมง จะถือว่าเป็นวันแรกของเดือนด้วยหรือไม่?
คำตอบ ถ้าหาก 2 ประเทศมีความเกี่ยวข้องกัน ในความเป็นไปได้ที่จะเห็นดวงจันทร์ เป็นที่ชัดเจน ฉะนั้น สำหรับเมืองอื่น ก็ถือว่าเพียงพอเช่นกัน ซึ่งความต่างกันในเรื่องดวงอาทิตย์ตก ไม่อาจนำมาเป็นบรรทัดฐานได้
การมั่นใจในเส้นขอบฟ้าของพื้นที่อื่น
28. ถ้าหากวันที่ 29 ของเดือน ในเตหะราน และโคราซานเป็นวันอีด สำหรับประชาชนที่อยู่ในเมืองอื่น เช่น บูชะฮฺร์ อนุญาตให้ละศีลอดได้ไหม? ขณะที่เส้นขอบฟ้าของเตหะราน และโคราซาน กับจังหวัดบูชะฮฺร์แตกต่างกัน
คำตอบ โดยทั่วไปแล้วถ้าหาก 2 เมืองมีความแตกต่างกันมาก ในเรื่องเส้นขอบฟ้า สมมติว่าเมืองหนึ่งเห็นดวงจันทร์ แต่อีกเมืองไม่อาจเห็นได้ ดังนั้น การเห็นดวงจันทร์ของเมืองหนึ่ง ถือว่าไม่เพียงพอ สำหรับอีกเมืองที่การเห็นดวงจันทร์ ไม่อาจเป็นไปได้อย่างแน่นอน
การเห็นดวงจันทร์ในประเทศตะวันตก
29. ถ้าเห็นดวงจันทร์ในประเทศอังกฤษ ประชาชนที่อยู่ประเทศใกล้เคียง ในแถบตะวันตกด้วยกัน จะถือว่าเห็นด้วยไหม?
คำตอบ ถ้าหากเห็นดวงจันทร์ในประเทศหนึ่ง ผลที่ตามมาจากการเห็น หรือเป็นไปได้ที่จะเห็นดวงจันทร์ในอีกประเทศหนึ่ง ดังนั้น ถือว่าเพียงพอ สำหรับประเทศดังกล่าวด้วย แต่เนื่องจากมีความแตกต่างกันมาก ด้านภูมิศาสตร์ ฉะนั้น การเห็นดวงจันทร์ในประเทศตะวันออก ไม่ได้มีความจำเป็นที่ต้องเห็นในประเทศตะวันตกด้วย
30. ถ้าเห็นดวงจันทร์ในประเทศแถบตะวันออก จะถือว่าประเทศแถบตะวันตก เห็นโดยอัตโนมัติหรือไม่? ขอบเขตเป็นอย่างไร?
คำตอบ การเห็นดวงจันทร์ในประเทศแถบตะวันออก โดยปกติแล้วจะทำให้ประเทศแถบตะวันตกเห็นดวงจันทร์โดยปริยาย แต่บางครั้งเมื่อพิจารณาความต่างกันด้านภูมิศาสตร์ ทำให้ความเป็นปกตินั้นหมดไป ซึ่งเกณฑ์มาตรฐานทั่วไป สำหรับ 2 ประเทศใกล้เคียงกันคือ ความเป็นไปได้ในการเห็นดวงจันทร์
การเห็นดวงจันทร์ในประเทศที่อยู่ในละติจูดเดียวกัน
31.ทางตอนเหนือของแคนนาดาอยู่ในละติจูดเดียวกับอังกฤษ ดังนั้น ถือว่าแคนนาดาอยู่ในเส้นขอบฟ้าเดียวกัน กับอังกฤษหรือไม่?
คำตอบ การอยู่ในละติจูดเดียวกันถือว่าไม่เพียงพอ ทว่ามาตรฐานของความข้องเกี่ยว เรื่องการเห็นดวงจันทร์ ในประเทศหนึ่ง ต้องสามารถเห็นในอีกประเทศหนึ่งได้ด้วย
สองพื้นที่มีเขตร่วมกันตอนกลางคืน
32. ถ้ามั่นใจและเชื่อว่าเดือนใหม่ปรากฏแล้ว และมีความเป็นไปได้ที่จะเห็นเดือน ในอีกประเทศหนึ่ง ที่ไม่ใช่ประเทศตน ซึ่งประเทศดังกล่าว กับประเทศตนมีบางช่วงของกลางคืนร่วมกัน ฉะนั้น การเห็นดวงจันทร์ในประเทศหนึ่ง จะมีผลกับอีกประเทศหนึ่งไหม?
คำตอบ กรณีที่ 2 ประเทศ มีบางช่วงของการคืนร่วมกัน ไม่อาจนำมาเป็นเหตุ เพื่อใช้กฏเกณฑ์ร่วมกันได้ ถือว่าไม่เพียงพอ
เกณฑ์การเห็นดวงจันทร์
33. การเห็นดวงจันทร์ผ่านอุปกรณ์มีกฏเกณฑ์อย่างไร การเห็นภาพดวงจันทร์ใหม่ ด้วยการใช้กล้องเฉพาะพิเศษ การสะท้อนแสง และการดึงเอาข้อมูลที่บันทึกไว้ โดยคอมพิวเตอร์มาใช้ประกอบ สำหรับการพิสูจน์เดือนใหม่ถือว่าเพียงพอไหม?
คำตอบ การเห็นดวงจันทร์ผ่านอุปกรณ์ กับการเห็นดวงจันทร์ด้วยตาเปล่า ไม่แตกต่างกัน เชื่อถือได้ ซึ่งเกณฑ์ของการเห็นต้องถูกรักษาไว้ ดังนั้น การเห็นดวงจันทร์ด้วยตาเปล่า ด้วยแว่นขยาย หรือกล้องโทรทรรศน์ อยู่ในกฎเดียวกัน ส่วนการสะท้อนภาพไปยังคอมพิวเตอร์ ซึ่งการยืนยันสถานะของการเห็น ไม่ได้เป็นที่ชัดเจน และยังมีปัญหาอยู่
- คำยืนยันเห็นดวงจันทร์ ของผู้อาดิล 2 คน
ผู้อาดิล 2 คนยืนยันว่าเห็นดวงจันทร์
34. ถ้าหากมีผู้อาดิลหลายคนยืนยันว่า มีผู้อาดิล 2 คนเห็นดวงจันทร์ ดังนั้น ถือว่าพิสูจน์วันแรกของเดือนรอมฎอน หรือเดือนเชาวาลได้หรือไม่?
คำตอบ ไม่ได้..ผู้อาดิล 2 คนต้องยืนยันด้วยตัวเองว่า เห็นดวงจันทร์ ถ้าการเห็นดวงจันทร์ของเขาบอกโดยคนอื่น ถือว่าไม่เพียงพอ นอกเสียจากว่าเชื่อมั่นในคำพูดของพวกเขาว่า เห็นดวงจันทร์จริง
อธิบายแตกต่างกันในการเห็นดวงจันทร์
35. ถ้าผู้รู้ของเมืองหนึ่ง อธิบายการเห็นดวงจันทร์ หรือไม่เห็นต่างกัน ซึ่งความยุติธรรมของผู้รู้เป็นที่ยอมรับของประชาชน และเมื่อพิจารณาแล้วพบว่า ผู้รู้เหล่านั้นมีความมั่นใจในการพิสูจน์ของตนเอง ดังนั้น หน้าที่อันเป็นวาญิบสำหรับผู้ปฏิบัติคืออะไร?
คำตอบ ถ้าคำอธิบายทั้งสองขัดแย้งกันในลักษณะทีเป็น การปฏิเสธกับการยืนยัน กล่าวคือคนหนึ่งบอกว่ามีหลักฐานพิสูจน์การเห็นดวงจันทร์ ส่วนอีกคนบอกว่าไม่มี ความแตกต่างลักษณะนี้ เป็นเหตุนำไปสู่ ความขัดแย้งของสองคำอธิบาย ดังนั้น คำพูดของทั้งสองจึงตกไป หน้าที่ของผู้ปฏิบัติตามคือ นำเอาทัศนะทั้งสองมาเปรียบเทียบกัน ซึ่งการละศีลอด หรือจะถือศีลอดต่อไป ให้พิจารณาดูว่าทัศนะใดใกล้ความจริงที่สุด แล้วให้ปฏิบัติไปตามนั้น
แต่ระหว่างการเห็นดวงจันทร์ กับการไม่เห็น มีการขัดแย้งกันในลักษณะที่ว่า บางคนพูดว่าเห็นดวงจันทร์ แต่บางคนพูดว่าไม่เห็น คำพูดของผู้ที่บอกว่าเห็นดวงจันทร์ ในกรณีที่อาดิล เป็นเหตุผลชัรอียฺสำหรับผู้ปฏิบัติตาม ซึ่งต้องปฏิบัติไปตามนั้น ทำนองเดียวกันถ้าฮากิมชัรอฺ ประกาศเห็นดวงจันทร์ คำประกาศของท่านเป็นเหตุผลชัรอียฺ สำหรับผู้ปฏิบัติทุกคน ซึ่งต้องปฏิบัติไปตามนั้น
- ตรวจสอบให้แน่ใจเรื่องการเห็นดวงจันทร์
ประกาศการเห็นดวงจันทร์ทางวิทยุและโทรทัศน์
36. ถ้าเมืองหนึ่งไม่เห็นดวงจันทร์วันแรกของเดือนเชาวาล แต่โทรทัศน์และวิทยุประกาศการเห็นดวงจันทร์ ถือว่าเพียงพอหรือไม่ หรือเป็นวาญิบต้องตรวจสอบให้มากกว่านั้น?
คำตอบ ถ้ามั่นใจว่าเห็นดวงจันทร์ หรือมีคำประกาศเห็นดวงจันทร์จาก วิลายะตุลฟะกีฮฺ เพียงพอแล้ว ไม่จำเป็นต้องตรวจสอบอีก
คาดเดาการเห็นดวงจันทร์จากคำพูดคนอื่น
37. ถ้าคาดเดาจากคำพูดของคนบางกลุ่มว่า พรุ่งนี้เป็นวันอีดฟิฏรฺ สามารถถือศีลอดได้หรือไม่?
คำตอบ ตราบที่ตนยังไม่แน่ใจว่า พรุ่งนี้เป็นวันอีดฟิฏรฺ หรือวันแรกเดือนเชาวาล ไม่สามารถละศีลอดได้
แน่ใจความถูกต้องการคำนวณของนักดาราศาสตร์
38. ถ้าบุคคลหนึ่งแน่ใจความถูกต้อง การคำนวณของนักดาราศาสตร์ว่า เดือนใหม่ปรากฏแล้ว และสามารถเห็นได้ด้วยตาเปล่า (ไม่ผ่านอุปกรณ์) ฉะนั้น ในการพิสูจน์เดือนรอมฎอน หรือวันอีดฟิฏรฺ สามารถเชื่อมั่นการคำนวณได้หรือไม่? โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ถ้าคำพูดนั้นออกมาจากผู้เชี่ยวชาญด้านนี้โดยเฉพาะ
คำตอบ ความมั่นใจในความถูกต้อง ของการคำนวณทางดาราศาสตร์เพียงอย่างเดียว เชื่อถือไม่ได้ ส่วนการเชื่อว่าสามารถเห็นดวงจันทร์ได้ บุคคลนั้นต้องให้เหตุผลในความมั่นใจของตนด้วย
การปฏิบัติตามรัฐที่ไม่ใช่อิสลามเรื่องการเห็นดวงจันทร์
39. ถ้าอนุญาตให้ปฏิบัติตาม คำประกาศการเห็นดวงจันทร์ โดยรัฐบาลหนึ่ง ซึ่งคำประกาศนั้นมีหลักเกณฑ์ทางวิชาการ สำหรับการพิสูจน์ดวงจันทร์ในประเทศอื่นด้วย เป็นเงื่อนไขหรือไม่ ที่รัฐบาลต้องเป็นอิสลาม หรืออาจปฏิบัติตามได้ แม้ว่ารัฐบาลนั้นจะอธรรมชั่วร้ายก็ตาม?
คำตอบ หลักเกณฑ์ในเรื่องนี้คือ การแน่ใจการเห็นดวงจันทร์ในแถบพื้นที่นั้น ซึ่งเพียงพอแล้วสำหรับผู้มีหน้าที่ปฏิบัติตาม
การปฏิบัติตามอะฮฺลิซซุนนะฮฺ เรื่องการเห็นดวงจันทร์
40. การปฏิบัติตามประเทศซาอุดิอารเบีย ในการกำหนดวันที่ 10 เดือนซุลฮิจญฺ (อีดกุรบาน) เป็นวาญิบหรือไม่? หรือว่าเรื่องนี้สามารถปฏิบัติแตกต่างกันได้?
คำตอบ สำหรับบรรดาฮุจญาต อนุญาตให้ปฏิบัติตาม คำประกาศ การเห็นดวงจันทร์ของนักปราชญ์อะฮฺลิซซุนนะฮฺได้
41. เสี้ยวเล็กและบางของดวงจันทร์คือ คุณลักษณะของดวงจันทร์ในค่ำคืนแรก และเป็นเหตุผลที่ว่า คืนก่อนหน้านี้ ไม่ใช่คืนแรกของเดือน ทว่าเป็นคืนที่ 30 ของเดือนก่อนใช่หรือไม่? และถ้าพิสูจน์ได้ว่าเป็นวันอีดสำหรับบุคคลหนึ่ง โดยอีกด้านหนึ่งแน่ใจว่าวันก่อนหน้านี้ ไม่ใช่วันอีดแน่นอน ดังนั้น จำเป็นต้องกะฎอศีลอดวันที่ 30 เดือนรอมฎอนหรือไม่?
คำตอบ แค่ดวงจันทร์เล็กและอยู่ต่ำ หรือใหญ่และอยู่สูง หรือหนา หรือบาง เพียงอย่างเดียว ไม่ใช่เหตุผลทางชัรอียฺที่จะกำหนดว่า เป็นคืนแรกหรือคืนที่สองของเดือน แต่ถ้าความรู้นั้นทำผู้ปฏิบัติพบเห็นบางอย่าง ดังนั้น ต้องปฏิบัติตามข้อจำกัดของความรู้ของตน เกี่ยวกับประเด็นนี้
42. ถ้าจะอาศัยคืนที่มีดวงจันทร์เต็มดวง (ค่ำที่ 14) และความหน้าเชื่อถือนั้น ประกอบเป็นเหตุผล สำหรับการคำนวณวันแรกของเดือน อนุญาตหรือไม่ เพื่อว่าวิธีนี้จะทำให้วันต้องสังสัย (เยามุลชัก) เป็นที่ชัดเจนขึ้น เช่น ถ้าเป็นวันที่ 30 เดือนรอมฎอน กฏการปฏิบัติของเดือนรอมฎอน ยังมีผลใช้อยู่ เช่น บุคคลหนึ่งไม่ได้ถือศีลอดในวันนี้ ด้วยเหตุผลที่กล่าวมา เป็นเหตุให้เป็นวาญิบต้องกะฎอศีลอดภายหลัง และบุคคลที่ถือศีลอดในวันนี้ ด้วยเหตุผลที่ว่า ยังเป็นเดือนรอมฎอนอยู่
คำตอบ สิ่งที่กล่าวมาไม่ถือเป็นเหตุผลทางชัรอียฺ แต่ถ้าสิ่งนั้นให้ความรู้แก่ผู้ปฏิบัติ วาญิบต้องปฏิบัติไปตามนั้น
- ฮุกของฮากิมในการประกาศวันแรกของเดือน
43. มีคำกล่าวว่า มุจญฺตะฮิดต้องฮุกุ่มเรื่องการเห็นดวงจันทร์ เพื่อทุกคนจะได้ปฏิบัติตาม จุดประสงค์หมายถึงอะไร? และครอบคุมเหนือใครบ้าง
คำตอบ จุดประสงค์คือ การประกาศทัศนะของตน เกี่ยวกับวันแรกของเดือน แต่เรื่องการเห็นดวงจันทร์ ฮุกุ่มไม่ได้อยู่กับมัรญิอฺ วัตถุประสงค์ของฮากิม หมายถึงมุจญฺตะฮิดญามิอุชชะรออิฏ ซึ่งอันดับแรกเป็นหน้าที่ของ วิลยะตุลฟะกีฮฺ
การปฏิบัติตามวิลายะตุลฟะกีฮฺเรื่องการเห็นดวงจันทร์
44. ถ้าวะลียุลอัมริมุสลิมีนประกาศว่า พรุ่งนี้เป็นวันอีด และวิทยุโทรทัศน์ก็ประกาศว่า หลายเมืองเห็นดวงจันทร์ ดังนั้น ถือว่าเป็นวันอีดสำหรับประชาชนทุกคนในประเทศหรือไม่? หรือเฉพาะบางเมืองที่เห็นดวงจันทร์ และเมืองต่างๆ ที่ตั้งอยู่ในเส้นขอบฟ้าเดียวกันเท่าน้นเป็นวันอีด?
คำตอบ ฮุกมฺของฮากิม ครอบคุมทั้งประเทศ ฮุกมฺของฮากิมเป็นชัรอียฺ เป็นที่เชื่อถือสำหรับคนทั้งประเทศ
45.ดังที่ทราบกันดีว่า ฟุกะฮาที่ยิ่งใหญ่ส่วนมาก พิสูจน์วันแรกของเดือนเชาวาลด้วย 5 วิธี ซึ่งอธิบายไว้ในหนังสือ ริซาละฮฺ เตาฎีฮุลมะซาอิล แต่การพิสูจน์ของฮากิมชัรอฺ มิได้เหมือนกับพวกเขา ด้วยเหตุนี้ บรรดาผู้ศรัทธาส่วนใหญ่ พิสูจน์วันแรกของเดือนเชาวาล และละศีลอดด้วยการสอบถามจากมัรญิอฺของตนได้อย่างไร?
คำตอบ ตราบที่ฮากิมชัรอฺ ยังไม่ได้ประกาศการเห็นดวงจันทร์ เพียงแค่เขาเห็นดวงจันทร์ ไม่เพียงพอสำหรับการให้คนอื่นปฏิบัติตามได้ เว้นเสียแต่ว่ามีความมั่นใจว่าเห็นดวงจันทร์จริง
แจ้งการเห็นดวงจันทร์ให้ฮากิมชัรอฺ
46. ถ้าบุคคลหนึ่งเห็นดวงจันทร์ และทราบดีว่าการเห็นดวงจันทร์ สำหรับฮากิมชัรอฺ ไม่อาจเป็นไปได้ เป็นหน้าที่ของเขาหรือไม่ ที่ต้องแจ้งการเห็นดวงจันทร์กับฮากิม?
คำตอบ ไม่เป็นวาญิบที่เขาต้องแจ้ง เว้นเสียแต่ว่าการไม่แจ้ง จะก่อให้เกิดความเสียหาย
ฮากิมกับผู้ปฏิบัติตามมีเส้นขอบฟ้าต่างกัน
47. ฮุกมฺซึ่งฮากิมได้ประกาศเป็นวันแรกของเดือน สำหรับบุคคลซึ่ง ที่อยู่อาศัยของเขากับมุจญฺตะฮิดท่านนั้น มีเส้นขอบฟ้าต่างกันมาก จำเป็นต้องปฏิบิติตามหรือไม่?
คำตอบ ฮุกมฺซึ่งฮากิมได้ประกาศสำหรับประเทศ ที่มีการเห็นดวงจันทร์ในประเทศเขา กับความเป็นไปได้ที่จะเห็นในประเทศอื่น ไม่เกี่ยวข้องกัน ไม่ต้องปฏิบัติตาม
- เนียตศีลอด
วิธีเนียตศีลอด
48. การถือศีลอดก็เหมือนกับอิบาดะฮฺอื่นๆ ที่ต้องเนียตด้วย หมายถึงการที่บุคคลหนึ่ง หลีกเลี่ยงการกิน การดื่ม และสิ่งที่เป็นสาเหตุให้ศีลอดบาฏิล เพื่อปฏิบัติตามคำบัญชาของ อัลลอฮฺ (ซบ.) แค่เขาตัดสินใจแน่วแน่เพียงเท่านี้ ถือว่าเป็นการเพียงพอ โดยไม่จำเป็นต้องพูดออกมา
เนียตทุกวันหรือเนียตควบคุมทั้งเดือน
49. ศีลอดเดือนรอมฎอน จำเป็นต้องเนียตทุกวัน หรือเนียตเพียงครั้งเดียวในวันแรกของเดือน ก็เพียงพอ?
คำตอบ ถ้าในคืนแรกของเดือนรอมฎอน เนียตว่า จะถือศีลอดตลอดทั้งเดือน ถือว่าเป็นการเพียงพอ แต่ดีกว่า (อิฮฺติยาฏมุสตะฮับ) ทุกคืนของเดือนรอมฎอน ให้เนียตว่าจะถือศีลอดวันพรุ่งนี้
วาญิบของศีลอดอยู่ที่เนียต
50. มารดาของข้าพเจ้าเนียตว่า จะถือศีลอดคลอดทั้งเดือน แต่หลังจาก 7 วันผ่านไป ไม่สบาย อยากทราบว่าหน้าที่ของท่านคืออะไร?
คำตอบ เนียตเพียงอย่างเดียว ไม่อาจทำให้สิ่งใดเป็นพันธะแก่เขาได้ ด้วยเหตุนี้ ตามคำพูดที่กล่าวมา ศีลอดไม่วาญิบสำหรับเขา
เนียตเอรติกาซี เพียงพอแล้วสำหรับศีลอด
51. บุคคลหนึ่งเนียตถือศีลอดในตอนกลางคืน และได้นอนหลับไป จนกระทั่งอะซานซุบฮฺผ่านไป เมื่อตื่นขึ้นมาลืมไปว่าได้เนียตถือศีลอด หลังจากดื่มน้ำแล้ว เพิ่งนึกขึ้นได้ว่า เมื่อคืนเนียตถือศีลอดไว้ กรณีนี้ถือว่ศีลอดถูกต้องหรือไม่?
คำตอบ การกระทำโดยไม่ตั้งใจ หรือลืม ไม่ก่อความเสียหายอันใด แก่ความถูกต้องของศีลอด ถ้าเนียตก่อนหน้านี้ – แม้ว่าจะเป็นเนียตเอรติกาซี –ก็ตาม ถือว่าเป็นการเพียงพอ
ช่วงเวลาเนียตถือศีลอด
ช่วงเวลาการเนียติถือศีลอดวาญิบต่างๆ
52. ช่วงเวลาการเนียตถือศีลอดวาญิบต่างๆ โดยทั่วไปแล้วเป็นช่วงไหน?
คำตอบ เนียตเพื่อถือศีลอดเดือนรอมฎอน หรือศีลอดนะซัรแน่นอน เริ่มตั้งแต่ตอนหัวค่ำจนถึงอะซานซุบฮฺ แต่ถ้าเป็นศีลอดวาญิบ ที่ไม่มีกำหนดเวลาแน่นอน (เช่น ศีลอดกะฎอ หรือนะซัรทั่วไป) เริ่มตั้งแต่หั่วค่ำ จนถึงอะซานซุฮรฺของอีกวัน
ช่วงเวลาการเนียติถือศีลอดมุสตะฮับ
53. ศีลอดมุสตะฮับ ไม่ว่าจะนึกได้ในช่วงใดของวันว่าจะถือศีลอด เขาสามารถเนียตถือศีลได้ ศีลอดถูกต้อง แต่มีเงื่อนไขว่า ถึงตอนนั้น ยังไม่ได้ทำสิ่งที่เป็นสาเหตุให้ศีลอดบาฏิล
ล่าช้าในการเนียตถือศีลอด
54. การเริ่มต้นถือศีลอด ให้เริ่มตั้งแต่แสงสีเงินแรก และเนียตศีลอด ก็ต้องเริ่มตั้งแต่ตอนนั้น อย่าปล่อยให้ล่าช้า และดีกว่าให้เนียตถือศีลอดก่อนแสงสีเงินจับขอบฟ้า
55. บุคคลซึ่งเมื่อถึงอะซานซุบฮฺ ตั้งใจไม่เนียตถือศีลอดเดือนรอมฎอน แต่มาเนียตถือศีลอดในตอนกลางวัน ศีลอดบาฏิล และต้องหลีกเลี่ยงไม่ทำสิ่งที่เป็นสาเหตุให้ศีลอดบาฏิล จนถึงอะซานมัฆริบ และหลังจากเดือนรอมฎอนผ่านไป ต้องกะฎอศีลอดวันนั้นด้วย
56. บุคคลที่ไม่เนียตถือศีลอดเดือนรอมฎอน เนื่องจากลืม หรือไม่ทราบ และมานึกได้ในตอนกลางวัน ถ้าได้ทำสิ่งที่เป็นสาเหตุให้ศีลอดบาฎิลแล้ว ศีลอดวันนั้นบาฏิล และต้องหลีกเลี่ยงไม่ทำสิ่งที่เป็นสาเหตุให้ศีลอดบาฏิล จนถึงอะซานมัฆริบ, แต่ถ้าเวลาที่นึกได้ว่าต้องศีลอด และจนถึงขณะนั้น ยังไม่ได้กระทำสิ่งที่เป็นสาเหตุให้ศีลอดบาฏิล ถ้านึกได้หลังซุฮรฺ ศีลอดบาฏิล แต่ถ้านึกได้ก่อนซุฮรฺ อิฮฺติยาฏวาญิบ ให้เนียตถือศีลอด และต้องถือศีลอด และต้องกะฎอศีลอดวันนั้นในภายหลัง
57. ถ้าศีลอดวาญิบอื่น ที่นอกเหนือจากเดือนรอมฎอน เช่น ศีลอดกะฟาเราะฮฺ หรือศีลอดกะฎอ ไม่ได้เนียตถือศีลอดจนใกล้ถึงซุฮรฺ และจนถึงเวลานั้น ถ้ายังไม่ได้ทำสิ่งที่เป็นสาเหตุให้ศีลอดบาฏิล สามารถเนียตศีลอดได้ ศีลอดถูกต้อง
58. ถ้าผู้รับจ้างถือศีลอด ตั้งใจหรือลืม ปล่อยเนียตให้ผ่านไป จนเกือบจะถึงอะซานซุฮรฺ ศีลอดของเขา – ถ้ายังไม่ได้ทำสิ่งที่เป็นสาเหตุให้ศีลอดบาฏิล – ถูกต้องหรือไม่?
คำตอบ กรณีของการรับจ้าง ประเด็นที่จ้างต้องเป็นไปตามการจ้าง ทำนองเดียวกัน ต้องปฏิบัติสิ่งที่เป็นที่รับรู้กันในหมู่ผู้ศรัทธา ถ้ามิได้เป็นไปทำนองนี้ ถือว่าไม่ถูกต้อง และผู้รับจ้างไม่มีสิทธิในค่าจ้างนั้น
- เนียตถือศีลอดมุสตะฮับ
เนียตศีลอดมุสตะฮับ ขณะมีศีลอดกะฎอ
59. ผู้ที่มีศีลอดกะฎอวาญิบเดือนรอมฎอนติดค้างอยู่ ไม่สามารถถือศีลอดมุสตะฮับได้ แต่ถ้าลืมและถือศีลอดมุสตะฮับ ถ้านึกได้ตอนกลางวัน ศีลอดมุสตะฮับบาฏิล และถ้านึกได้ก่อนซุฮรฺ สามารถเนียตศีลอดกะฎอเดือนรอมฎอนได้ ศีลอดถูกต้อง
60. ผู้ที่มีศีลอดวาญิบติดค้างอยู่ และตั้งใจที่จะถือศีลอด แต่เนื่องจากมีเหตุจำเป็น ทำให้ไม่สามารถถือศีลอดได้ เช่น หลังจากพระอาทิตย์ขึ้น จำเป็นต้องเดินทางไกล และได้ออกเดินทาง และกลับบ้านอีกครั้งหลังซุฮรฺ ซึ่งระหว่างทางมิได้กระทำสิ่งที่เป็นสาเหตุให้ศีลอดบาฏิล แต่ช่วงเวลาของการเนียตศีลอดวาญิบหมดแล้ว และวันนั้นก็เป็นวันถือศีลอดมุสตะฮับด้วย ดังนั้น สามารถเนียตถือศีลอดมุสตะฮับได้หรือไม่?
คำตอบ กรณีที่มีศีลอดกะฎอวาญิบเดือนรอมฎอนติดค้างอยู่ จะเนียตศีลอดมุสตะฮับ แม้ว่าช่วงเวลาเนียตศีลอดวาญิบ หมดไปแล้วก็ตาม ศีลอดไม่ถูกต้อง
เนียตศีลอดมุสตะฮับแทนที่ศีลอดกะฎอ
61. ผู้ที่ไม่รู้ว่ามีศีลอดกะฎอค้างอยู่กี่วัน แต่สมมติว่าตนมีศีลอดกะฎอ และถือศีลอดมุสตะฮับ ต่อมามั่นใจว่าไม่มีศีลอดกะฎอติดค้าง ฉะนั้น ศีลอดของเขาจะถือว่าเป็นศีลอดกะฎอหรือไม่?
คำตอบ ศีลอดที่ถือโดยเนียตเป็นศีลอดมุสตะฮับ เพื่อแทนที่ศีลอดวาญิบที่ติดค้างอยู่ ไม่อาจทดแทนกันได้
62. กรณีที่บิดาเสียชีวิต และมีศีลอดกะฎอติดค้างอยู่ บุตรชายคนโตสามารถถือศีลอด มุสตะฮับได้หรือไม่?
คำตอบ ไม่เป็นปัญหา
การเพิ่มเนียตอย่างอื่นในศีลอดมุสตะฮับ
63. เพื่อผลบุญข้าพเจ้าได้เนียตถือศีลอดมุสตะฮับ และในช่วงเวลานั้นเอง ก็ตัดสินใจว่าจะลดน้ำหนักสักสองสามกิโลกรัม ซึ่งสิ่งนี้เป็นแรงจูงใจให้มีกำลังใจถือศีลอดมากขึ้น ดังนั้น เนียตของข้าพเจ้าถูกต้อง และจริงใจเพื่ออัลลอฮฺหรือไม่?
คำตอบ ถ้าสมมติว่าการตัดสินที่หลัง เป็นเนียตหรือความตั้งใจที่ตามมา ซึ่งความตั้งใจแรกคือ การถือศีลอด ถือว่าไม่เป็นไร ถ้านอกเหนือจากนี้ ศีลอดบาฏิล ทำนองเดียวกัน ไม่ว่ากรณีใดก็ตาม ถ้ามีความตั้งใจแบบผสมผสาน ศีลอดบาฎิล
- ปัญหาต่างๆ
นอนหลับจนถึงเวลาสะฮัร
64. ถ้าเนียตตั้งแต่ตอนหัวค่ำว่า พรุ่งนี้จะถือศีลอด และได้นอนหลับไป จนกระทั่งอะซานซุบฮฺผ่านไปก็ยังไม่ตื่น หรือยุ่งอยู่กับงานจนลืมไปว่าถึงเวลาซุบฮฺแล้ว หลังจากนั้นเพิ่งนึกได้ ศีลอดของเขาถูกต้องหรือไม่?
65. ตอนกลางคืน ตั้งใจว่าจะถือศีลอด แต่ตอนเช้าไม่ได้ตื่น มาตื่นอีกครั้งใกล้พระอาทิตย์ขึ้น ศีลอดของเขาถูกต้องหรือไม่?
คำตอบ ศีลอดถูกต้อง
เนียตศีลอดต่างๆ พร้อมกัน
66. ถ้ามีศีลอดวาญิบนะซัร และศีลอดกะฎอรอมฎอนค้างอยู่ ซึ่งตรงกับวันประสูติท่านเราะซูล (ซ็อลฯ) พอดี ดังนั้น เพื่อความถูกต้องของศีลอด ที่กำหนดไว้แล้ว เนียตจำเป็นหรือไม่?
คำตอบ ถ้ามีศีลอดหลายประเภทติดค้างอยู่ เช่น ศีลอดกะฎอ กะฟาเราะฮฺ นะซัร และศีลอดอื่นๆ อีก ดังนั้น ศีลอดที่ต้องการถือ วาญิบต้องระบุเนียตให้ชัดเจน ส่วนศีลอดมุสตะฮับ สำหรับผู้ที่มีศีลอดกะฎอเดือนรอมฏอนอยู่ ถือว่าไม่ถูกต้อง
อาการป่วยไข้ดีขึ้นตอนกลางวันเดือนรอมฎอน
67. เนียตศีลอด สำหรับผู้ป่วยที่หายในตอนกลางวันของเดือนรอมฎอน เป็นอย่างไร?
คำตอบ ถ้าผู้ป่วยหายเป็นปกติในช่วงตอนกลางวัน ของเดือนรอมฎอน ไม่วาญิบต้องเนียตศีลอด และถือศีลอด แต่ถ้าหายเป็นปกติก่อนเที่ยง และจนถึงขณะนั้น ยังไม่ได้ทำสิ่งที่เป็นสาเหตุให้ศีลอดบาฏิล อิฮฺติยาฏมุสตะฮับ ให้เนียตศีลอด และถือศีลอดในวันนั้น และหลังจากเดือนรอมฎอนผ่าน ต้องกะฎอศีลอดวันนั้นด้วย
เนียตศีลอดในวันที่สงสัย
68. วันที่สงสัยว่า เป็นวันสุดท้ายของเดือนชะอฺบาน หรือวันที่ 1 ของเดือนรอมฎอน จะเนียตศีลอดอย่างไร?
คำตอบ วันที่สงสัยว่าเป็นวันสุดท้ายของเดือนชะอฺบาน หรือวันที่ 1 ของเดือนรอมฎอน (เยามุลชัก) ไม่วาญิบต้องถือศีลอด แต่ถ้าต้องการถือศีลอด ไม่สามารถเนียตเป็นศีลอดเดือนรอมฏอนได้ ทว่าสามารถเนียตเป็นศีลอดมุสตะฮับ วันสุดท้ายของเดือนชะอฺบาน หรือศีลอดกะฏอ หรือศีลอดอื่นที่คล้ายคลีงกัน ซึ่งต่อมาทราบว่าเป็นเดือนรอมฎอน ศีลอดนั้นเป็นศีลอดเดือนรอมฎอน โดยปริยาย และไม่จำเป็นต้องกะฎอภายหล้ง แต่ถ้ามาทราบตอนกลางวันว่า เป็นเดือนรอมฏน ต้องเนียตถือศีลอดเดือนรอมฎอนในช่วงนั้นทันที
ศีลอดมาฟิซซิมมะฮฺ
69. ผู้ที่ไม่รู้ว่าตนมีศีลอดกะฎอค้างอยู่ สามารถถือศีลอดมาฟิซซิมมะฮฺ ได้หรือไม่?
คำตอบ ได้ สามารถถือศีลอดได้ด้วยเนียตดังกล่าว
70. ข้าพเจ้าถือศีลอดมาประมาณ 1 เดือน โดยเนียตว่า ถ้าหากมีศีลอดอยู่ในภาระต้องรับผิดชอบ ให้ถือว่าเป็นศีลอดกะฏอ แต่ถ้าไม่มีศีลอดอยู่ในภาระรับผิดชอบ ก็ให้เป็นไปเพื่อแสวงหาความใกล้ชิดต่ออัลลอฮฺ โดยสมบูรณ์ ดังนั้น 1 เดือนที่ถือศีลอดมา ให้ถือเป็นศีลอดกะฎอที่อยู่ในภาระรับผิดชอบของข้าพเจ้า ได้หรือไม่?
คำตอบ ถ้าเนียตว่า ขณะถือศีลอดโดยชัรอียฺแล้ว ได้ปฏิบัติในสิ่งรับผิดชอบ ซึ่งครอบคลุมทั้งศีลอดกะฎอ และศีลอดมุสตะฮับ ทั้งที่ศีลอดกะฎอก็อยู่ในภาระรับผิดชอบ ดังนั้น ให้ถือว่านั่นเป็นศีลอดกะฎอ
เปลี่ยนเนียตศีลอดรับจ้างหลังจากได้ปฏิบัติ
71. การถือศีลอดรับจ้าง ถ้าหากผู้จ้างบิดพลิ้วไม่จ่ายค่าจ้าง ผู้รับจ้างสามารถเปลี่ยนศีลอด หรือนมาซให้เป็นของคนอื่น หมายถึง เนียตว่าสิ่งที่ได้กระทำไปแล้ว เป็นการกะฎอให้แก่บุคลลอื่นได้หรือไม่? และโดยพื้นฐานของเนียตศีลอด เช่น ศีลอดนี้ ได้เนียตให้แก่ใคร ต้องระบุตั้งแต่แรกของการเนียตไหม? หรือว่าหลังนมาซและศีลอดเสร็จสิ้นแล้ว สามารถระบุบุคคลได้ในตอนหลัง
คำตอบ เนียตต้องระบุบุคคลตั้งแต่แรก ซึ่งหลังจากปฏิบัติแล้ว จะเปลี่ยเนียตให้คนอื่นไม่ได้ และตามสมมติของคำถาม ผู้รับจ้างได้ปฏิบัติหน้าที่แทนผู้ที่ให้เขาเป็นตัวแทนแล้ว ดังนั้น ผู้จ้างจะต้องจ่ายหนี้ให้เขา
- ความต่อเนื่องในเนียต
การกลับเนียตศีลอดตอนกลางวัน
72. ขณะที่ศีลอดเดือนรอมฎอน ข้าพเจ้าตัดสินใจว่าจะละศีลอด เนื่องจากการหยุแหย่ของชัยฏอน แต่ก่อนที่จะกระทำสิ่งที่เป็นสาเหตุให้ศีลบาฏิล ข้าพเจ้าเปลี่ยนใจ ดังนั้น กฏของศีลอดของข้าพเจ้าจะเป็นอย่างไร? และถ้าเพื่อว่าสิ่งนี้ได้เกิดขึ้น กับศีลอดที่ไม่ใช่เดือนรอมฎอน จะมีกฎเป็นอย่างไร?
คำตอบ การถือศีลอดเดือนรอมฎอน ถ้าตอนกลางวันได้กลับเนียต และตัดสินใจว่าจะไม่ถือศีลอดอีกต่อไป ศีลอดบาฏิล แม้ว่าเขาตั้งเใจแน่วแน่ว่า จะถือศีลอดอีกครั้ง ก็ไม่มีประโยชน์อีกต่อไป และแน่นอน เขาจะต้องหลีกเลี่ยงไม่กระทำ สิ่งที่เป็นสาเหตุให้ศีลอดบาฏิล ไปจนถึงอะซานมัฆริบ แต่ถ้าเขาเกิดลังเลใจ หมายถึงจนถึงตอนนั้น ยังไม่ได้ตัดสินใจว่า จะบาฏิลศีลอด หรือตัดสินใจว่าจะกระทำสิ่งที่เป็นสาเหตุให้ศีลอดบาฏิล แต่ยังไม่ได้กระทำ ดังนั้น ทั้งสองกรณีนี้ ศีลอดของเขาจะถูกต้องหรือไม่ ยังเป็นที่สงสัยอยู่ แต่อิฮฺติยาฏวาญิบ ให้ถือศีลอดต่อไปให้จบวัน แล้วให้กะฎอศีลอดของวันนั้นภายหลัง ซึ่งศีลอดวาญิบอื่นๆ ที่กำหนดแล้ว เช่น ศีลอดนะซัร ที่ระบุแน่นอน หรือศีลอดอื่นที่คล้ายคลึงกัน ก็อยู่ในกฏเดียวกัน
73. ระหว่างการถือศีลอดมุสตะฮับ หรือศีลอดวาญิบที่ไม่ได้ระบุแน่นอน ข้าพเจ้าตัดสินใจว่าจะบาฏิลศีลอด แต่ก่อนที่จะกระทำสิ่งที่เป็นสาเหตุให้ศีลอดบาฏิล ข้าพเจ้าเปลี่ยนใจ กฏของศีลอดของข้าพเจ้าจะเป็นอย่างไร?
คำตอบ ศีลอดต่างๆ ทั้งที่เป็นมุสตะฮับ และวาญิบที่ไม่ได้กำหนด หมายถึง ไม่ได้กำหนดวันที่เป็นวาญิบแน่นอน ถ้าตัดสินใจว่าจะบาฏิลศีลอด แต่ยังไม่ได้กระทำสิ่งที่เป็นสาเหตุให้ศีลอดบาฏิล หลังจากนั้นเปลี่ยนใจเนียตถือศีลอดใหม่อีกครั้ง ถ้าก่อนอะซานซุฮรฺ ศีลอดถูกต้อง - ส่วนศีลอดมุสตะฮับ สามารถรอจนถึงอะซานมัฆริบ แล้วเปลี่ยเนียตใหม่ ศีลอดถูกต้อง
- สิ่งที่เป็นสาเหตุให้ศีลอดบาฏิล
กรณีที่ทำให้ศีลอดบาฏิล (มุบฏิลลาต)
74. มี 9 ประการที่ทำให้ศีลอดบาฏิล คือ
1. การกินการดื่ม
2. การร่วมเพศ
3. อิสติมนาอฺ หมายถึงการสำเร็จความใคร่ด้วยตนเอง จนน้ำอสุจิเคลื่อนออกมา
4. การพูดความเท็จที่เกี่ยวข้องกับ อัลลอฮฺ (ซบ.) นบี หรือตัวแทนของนบี อะลัยฮิมุสสลาม
5. การปล่อยให้ฝุนละอองที่หนาทึบเข้าไปในลำคอ
6. การดำน้ำที่ศีรษะจมอยู่ใต้น้ำทั้งหมด
7. คงสภาพการมีญูนุบ เหฎ หรือนิฟาส จนถึงอะซานซุบฮฺ
8. การสวนทวารด้วยของเหลว
9. การตั้งใจอาเจียน
ซึ่งเงื่อนไขของ 9 ประการดังกล่าว จะกล่าวอธิบายต่อไป (ส่วนข้อ 4 – 6 อิฮฺติยาฏวาญิบ ถือเป็นสิ่งที่ทำให้ศีลอดบาฏิล)
- การกินและการดื่ม
75. ถ้าผู้ถือศีลอดรู้ หรือตั้งใจกินหรือดื่มบางสิ่งบางอย่าง ศีลอดบาฏิล ไม่ว่าสิ่งที่กินหรือดื่มนั้นจะเป็นอาหารหรือเครื่องดื่มปกติทั่ว ๆ ไป หรือมิใช่ปกติ เช่น กระดาษ เศษผ้า หรือสิ่งที่คล้ายคลึงกัน ไม่ว่าจะมากหรือน้อยก็ตาม เช่น หยดน้ำที่เล็กมาก หรือเศษโรตีชิ้นเล็กๆ
ละศีลอดเนื่องจากการแข่งขัน
76. เนื่องจากการแข่งขันฟุตบอล เป็นเหตุให้หิว และกระหายน้ำมาก ดังนั้น สามารถละศีลอดได้หรือไม่?
คำตอบ เกี่ยวกับคำถามที่ถามมา ไม่อนุญาตให้ละศีลอด
ละศีลอดเนื่องจากความกระหายและหิว
77. บุคคลหนึ่งถือศีลอดเดือนรอมฎอนเสมอ แต่มีอยู่วันหนึ่งไม่ได้ตื่นขึ้นรับประทานอาหารตอนเช้า ด้วยเหตุนี้ จึงไม่สามารถถือศีลอด ต่อไปจนถึงพระอาทิตย์ตกดินได้ และในตอนกลางวัน ได้เกิดเหตุการณ์หนึ่งกับเขา เป็นเหตุทำให้ต้องละศีลอด ดังนั้น เป็นวาญิบต้องจ่ายกะฟาเราะฮฺด้วยหรือไม่?
คำตอบ ถ้าถือศีลอดต่อไป ซึ่งผลของความหิวกระหายจากการถือศีลอด ได้สร้างความลำบากแก่เขาอย่างยิ่ง และในที่สุดเขาได้ละศีลอด เป็นวาญิบให้กะฎอเพียงอย่างเดียว ไม่ต้องจ่ายฟะกาเราะฮฺ
รับประทานอาหาร (สะฮัร)หลังอะซานซุบฮฺ
78.ในเดือนรอมฎอนพวกเราตื่นขึ้นตอนสะฮัร เพื่อรับประทานอาหาร หลังจากนั้นรู้ว่าอะซานซุบฮฺผ่านไปแล้ว ศีลอดเป็นที่ยอมรับหรือไม่ หรือว่าต้องกะฎอศีลอดวันนั้น?
คำตอบ ถ้าสอบถามแล้ว หรือรู้ว่ายังไม่ถึงเวลาซุบฮฺ จึงรับประทาน ต่อมารู้ว่าเป็นเวลาซุบฮฺ ศีลอดถูกต้อง และไม่ต้องกะฎอ
79. เนื่องจากในปัจจุบัน การจัดระบบงานในแต่ละวัน จะอาศัยนาฬิกาเป็นหลัก และตามเมืองต่างๆ เนื่องจากมีอาคารสูงอยู่มากมาย ทำให้เป็นไปไม่ได้ที่จะมองเห็นแสงเงินจับขอบฟ้า กรณีนี้ถ้าบุคคลหนึ่งมั่นใจกับนาฬิกาของตน ซึ่งบ่งบอกว่าเป็นเวลา 04.00 นาฬิกา เขาจึงรับประทานอาหาร ต่อมารู้ว่าถ่านนาฬิกาหมด และตามความเป็นจริงตอนนั้นก็เป็นเวลา 04.15 นาฬิกา ดังนั้น ศีลอดของบุคคลเช่นนี้จะถูกต้องหรือไม่?
ทำนองเดียวกันบุคคลที่มีสายตาคาดเคลื่อน มองเวลา 05.00 นาฬิกา แล้วคิดว่าเป็นเวลา 04.00 นาฬิกา เขาจึงรับประทานอาหาร ต่อมารู้ว่าผิดพลาด และรู้ว่ารับประทานอาหารหลังเวลาซุบฮฺ?
คำตอบ ทั้งสองกรณี ถ้ามั่นใจกับนาฬิกา และเชื่อว่าเวลากลางคืนยังคงเหลืออยู่ ต่อมาพบว่าขัดแย้งกัน ศีลอดของเขาในเดือนรอมฎอน ถูกต้อง
80. ขณะที่กำลังรับประทานอาหาร ถ้ารู้ว่าเป็นเวลาซุบฮฺ จะต้องทำอย่างไร?
คำตอบ จะต้องคายอาหารออก ถ้าตั้งใจกลืนเข้าไป ศีลอดบาฏิล
กฎของเศษอาหารจากกระเพาะเข้าสู่ปากขณะถือศีลอด
81. บางครั้งคนเราเรอ หมายถึงเศษอาหารที่มีรสเปรี้ยว ย้อนออกจากกระเพาะ เข้าไปในปาก ดังนั้น ถ้าผู้ถือศีลอดเรอ แล้วบังเอิญ หรือตั้งใจกลืนเข้าไป ศีลอดของเขาจะมีกฏเป็นอย่างไร?
คำตอบ หลังจากเศษอาหารได้เข้าปากแล้ว ตั้งใจหรือเจตนากลืนเข้าไป ศีลอดบาฏิล แต่ถ้าบังเอิญ ศีลอดไม่บาฏิล
การกลืนเสมหะขณะถือศีลอด
82. ขณะป่วยเป็นไข้หวัด มีเสมหะออกมารวมอยู่ในปาก และแทนที่จะบ้วนทิ้ง กับคืนเข้าไป ศีลอดของข้าพเจ้าถูกต้องหรือไม่? บางวันของเดือนรอมฎอน ข้าพเจ้าอยู่ที่บ้านของญาติ แต่เนื่องจากเป็นไข้หวัด อาย และมีความละอายใจ ข้าพเจ้าจึงตะยะมุมกับฝุ่น แทนการฆุสลฺวาญิบ และไม่ได้ฆุสลฺจนกระทั่งเกือบอะซานซุฮรฺ ซึ่งข้าพเจ้าทำซ้ำกันอยู่สองสามวัน ศีลอดของข้าพเจ้าในวันเหล่านั้นถูกต้องหรือไม่?
คำตอบ การกลืมเสมหะเข้าไป ไม่ทำให้ศีลอดบาฏิล แต่ถ้าออกมาพ้นลำคอ เป็นอิฮฺติยาฏวาญิบห้ามกลืน ส่วนการไม่ได้ฆุสลฺญินาบัต ในวันที่ต้องการถือศีลอด จนกระทั่งก่อนอะซานซุบฮฺ และตะยัมมุมแทนการฆุสลฺ ถ้าเป็นเพราะมีเหตุทางชัรอียฺ, หรือตะยัมมุมในช่วงเวลาเหลือน้อย ไม่ทำให้ศีลอดบาฏิล ศีลอดของท่านที่ถือด้วยการตะยัมมุม ถูกต้อง แต่กรณีอื่นที่นอกเหนือจากนี้ ศีลอดของท่านในวันเหล่านั้น บาฏิล
การกลืนเศษอาหารที่ติดตามซอกฟัน
83. ข้าพเจ้าถือศีลอดในเดือนรอมฎอน แต่มีอยู่วันหนึ่งไม่ได้แปรงฟัน ทำให้เศษอาหารที่ติดอยู่ตามซอกฟัน ถึงแม้ว่าจะไม่ได้ตั้งใจ ก็จะเข้าไปเอง ดังนั้น การกะฎอศีลอดวันดังกล่าว เป็นวาญิบสำหรับข้าพเจ้าหรือไม่?
คำตอบ ถ้าไม่รู้ว่ามีเศษอาหารติดอยู่ตามซอกฟัน หรือไม่รู้ว่าเศษอาหารจะเข้าไปถึงลำคอ และได้กลืนเข้าไปโดยไม่ได้ตั้งใจ หรือไม่รู้ตัว ไม่เป็นวาญิบต้องกะฎอศีลอด
การทำความสะอาดฟัน
84. การทำความสะอาดฟัน หลังจากรับประทานอาหาร สำหรับบุคคลที่ตั้งใจว่าพรุ่งนี้จะถือศีลอด มีกฏว่าอย่างไร?
คำตอบ ไม่เป็นวาญิบ ต้องทำความสะอาดฟัน สำหรับบุคคลที่ตั้งใจว่าจะถือศีลอด ถึงแม้จะคาดว่า การไม่ทำความสะอาดฟัน จะทำให้เศษอาหารที่ติดอยู่ตามซอกฟันเข้าไปในลำคอ และถ้าหลังจากนั้นเศษอาหารได้เข้าไปจริงโดยบังเอิญ ศีลอดไม่บาฏิล, ใช่ ถ้ามั่นใจว่าการไม่ทำความสะอาดฟัน จะทำให้เศษอาหารเข้าไป เป็นวาญิบ ต้องทำความสะอาดฟัน แต่ถ้าไม่ทำความสะอาดและเศษอาหารได้เข้าไปจริง (อิฮฺติยาฏวาญิบ) ศีลอดบาฏิล
การแปรงฟันด้วยยาสีฟัน
85. การแปรงฟันด้วยยาสีฟัน ขณะถือศีลอดจะเป็นไรไหม?
การใช้เชือกขัดฟัน
คำตอบ ไม่เป็นไร แต่ต้องป้องกันไม่ให้น้ำลาย ที่ผสมกันระหว่างยาสีฟันกับน้ำ เข้าไป
86. กฏการใช้เชือกขัดฟัน – ที่มีฟูออไลน์ และมีรสสะระแหน่ผสมอยู่- ขณะถือศีลอด เป็นอย่างไร?
คำตอบ ถ้าไม่กลืนน้ำลายลงไป ไม่เป็นไร
การเคี้ยวหมากฝรั่งและดูดกันดุร
87. การเคี้ยวหมากฝรั่ง และดูดกันดุร สำหรับผู้ถือศีลอด กฏเกณฑ์เป็นอย่างไร?
คำตอบ ถ้าหากไม่มีสิ่งใดเข้าไปถึงลำคอ ไม่เป็นไร ส่วนการดูดกันดุร ศีลอดบาฏิล
การบาฏิลศีลอด เนื่องจากคำขอร้องของคนอื่น
88. ถ้าข้าพเจ้าถือศีลอด แล้วมารดาได้อ้อนวอนให้รับประทานอาหาร หรือดื่ม ศีลอดบาฏิลหรือไม่?
คำตอบ การกินและการดื่มคือ สาเหตุที่ทำให้ศีลอดบาฏิล แม้ว่าจะเป็นผลมาจากการอ้อนวอนขอร้อง จากบุคคลอื่นก็ตาม
การกระทำสิ่งที่เป็นสาเหตุให้ศีลอดบาฏิล โดยการบังคับของคนอื่น
89. ถ้าบังคับให้นำเอาบางสิ่งใส่ปากผู้ถือศีลอด หรือจับศีรษะกดน้ำ ศีลอดของเขาบาฏิลหรือไม่? และกรณีที่บังคับให้ผู้ถือศีลอด ละศีลอด เช่น บอกว่า ถ้าไม่ละศีลอด จะทำอันตรายต่อร่างกาย หรือทำลายทรัพย์สิน เพื่อเป็นการปกป้องอันตรายที่จะเกิดขึ้น เขาได้รับประทานอาหาร ดังนั้น ศีลอดของเขาบาฏิลหรือไม่?
คำตอบ ผู้ถือศีลอด ที่ถูกนำเอาบางสิ่งใส่ปากเข้าไปจนถึงลำคอ โดยที่ไม่ได้ตั้งใจ หรือถูกจับกดน้ำ จนศีรษะจมอยู่ใต้น้ำทั้งหมด ศีลอดไม่บาฏิล แต่ถ้าเขาละศีลอดเพราะเป็นผลมาจาก การบังคับของคนอื่น ศีลอดบาฏิล
กฎการละศีลอดเนื่องจากลืม
90. ผู้ที่ถือศีลอดได้กินหรือดื่มบางอย่าง เพราะลืม วาญิบต้องบอกให้เขารู้ตัวหรือไม่?
คำตอบ ไม่เป็นวาญิบ ต้องบอกให้เขารู้ตัว
จำเป็นต้องดื่มน้ำ สำหรับนักบิน และพนักงานต้อนรับที่ถือศีลอด
91. ถ้าหากเครื่องบิน ต้องบินด้วยความสูงและมีระยะทางที่ยาวไกล ซึ่งต้องใช้เวลาบินประมาณ 2.30- 3.00 ชั่วโมง ซึ่งนักบินและพนักงานต้อนรับ ต้องดื่มน้ำทุกๆ 20 นาที เพื่อปรับความสมดุลของร่างกาย ในกรณีนี้ถ้าเป็นเดือนรอมฎอน กะฟาเราะฮฺและกะฎอศีลอด เป็นวาญิบสำหรับพวกเขาหรือไม่?
คำตอบ ถ้าหากศีลอดเป็นอันตรายสำหรับพวกเขา อนุญาตให้ดื่มน้ำละศีลอดได้ แต่ต้องกะฎอศีลอดในภายหลัง และไม่เป็นวาญิบต้องจ่ายกะฟาเราะฮฺ
การกลั้วคอและบ้วนปากด้วยน้ำ ขณะถือศีลอด
92. ถ้าผู้ถือศีลอดมีเจตนาที่จะดับกระหาย ด้วยการเอาน้ำกลั้วคอ แล้วบ้วนออก โดยที่ไม่มีน้ำแม้เพียงเล็กน้อยเข้าไป กรณีนี้กฏเกณฑ์เป็นอย่างไร?
คำตอบ ตามสมมติฐานของคำถาม ไม่เป็นไร
93. หลังจากกลั้วคอ – ไม่ว่าจะทำเพื่อวุฎูอฺ หรือเพื่ออย่างอื่น- ขณะที่เขาถือศีลอดเดือนรอมฎอน เป็นวาญิบสำหรับผู้ถือศีลอด ต้องบ้วนน้ำลายทิ้ง 3 ครั้งหรือไม่?
คำตอบ ไม่เป็นวาญิบ ต้องทำเช่นนั้น สิ่งที่เป็นวาญิบคือ การบ้วนน้ำออกจากปาก และถ้ามั่นใจว่าน้ำออกหมดแล้ว ไม่มีสิ่งใดเป็นวาญิบสำหรับเขาอีก
94. กฎของการบ้วนปากสำหรับผู้ถือศีลอด เป็นอย่างไร?
คำตอบ ถ้าขณะบ้วนปาก น้ำจากลำคอได้ไหลลงไปด้านล่าง ศีลอดบาฏิล
การเอาลิ้นออกนอกปาก ขณะถือศีลอด
95. การบ้วนน้ำลาย และนำกลับเข้าไปอีกครั้ง เป็นสาเหตุทำให้ศีลอดบาฏิล และการเอาลิ้นออกมานอกปาก อยู่ในกฎเดียวกันหรือ เช่น ถ้าบุคคลหนึ่งได้เอาลิ้นออกมาข้างนอกปาก จะด้วยเหตุผลอันใดก็ตาม เป็นสาเหตุให้ศีลอดบาฏิลหรือไม่?
คำตอบ การกระทำเพียงเท่านั้น ไม่ทำให้ศีลอดบาฏิล
มีความรู้สึกเหมือนมีน้ำตาลอยู่ในปาก ขณะถือศีลอด
96. ในเดือนรอมฎอนได้เดินทางไปดูโรงงานผลิตน้ำตาล แล้วมีความรู้สึกว่า เหมือนมีน้ำตาลอยู่ในปาก ศีลอดของเราบาฏิลหรือไม่?
คำตอบ เพียงแค่รู้สึกว่ามีน้ำตาลอยู่ในปาก หรือแม้แต่มีน้ำตาลในปากจริง แต่ไม่ได้กลืนลงไป ไม่ทำให้ศีลอดบาฏิล
- การร่วมเพศ
การมีสัมพันธ์ทางเพศ ขณะถือศีลอด
97. ชายที่ไม่สามารถถือศีลอดได้ สามารถร่วมเพศกับภรรยาที่ศีลอดได้หรือไม่?
คำตอบ ไม่ได้ ถือว่าไม่อนุญาต
หยอกล้อเล่นกับภรรยา ขณะถือศีลอด
98. ถ้าชายหยอกล้อกับภรรยา ขณะถือศีลอดเดือนรอมฎอน จะมีผลเสียต่อศีลอดของเขาหรือไม่?
คำตอบ ถ้าไม่มีผลทำให้อสุจิเคลื่อนออกมา ไม่มีผลกระทบต่อศีลอดแต่อย่างใด
ทั้งคู่มีเพศสัมพันธ์ ขณะถือศีลอด
99. ถ้าหากสามีและภรรยา ทำการร่วมเพศกันในเดือนรอมฎอน ซึ่งภรรยาก็ยินยอมที่จะกระทำ กรณีนี้ กฎเกณฑ์เป็นอย่างไร?
คำตอบ ทั้งสองคนอยู่ในกฏที่ว่าด้วย การละศีลอดโดยตั้งใจ ซึ่งนอกจากทั้งสองต้องกะฎอแล้ว เป็นวาญิบต้องกะฟาเราะฮฺศีลอดด้วย
การมีเพศสัมพันธ์ เนื่องจากลืม
100. ถ้าผู้ถือศีลอด ลืมไปว่ากำลังถือศีลอด ได้ทำการร่วมเพศ การกระทำนั้น จะมีผลเสียกับศีลอดหรือไม่?
คำตอบ ถ้าลืมไปว่ากำลังถือศีลอด ได้ทำการร่วมเพศ ศีลอดไม่บาฏิล แต่ถ้าขณะที่ทำการร่วมเพศนึกขึ้นได้ จะต้องหยุดการร่วมเพศทันที ถ้าไม่หยุด ศีลอดบาฏิล
คงสภาพการมีญูนุบจนถึงอะซานซุบฮฺ
101. บุคคลที่มีญูนุบในเดือนรอมฎอน ต้องฆุสลฺญินาบัตก่อนอะซานซุบฮฺ ถ้าตั้งใจไม่ฆุสลฺจนถึงอะซานซุบฮฺ ศีลอดบาฏิล ซึ่งกฎข้อนี้มีผลบังคับใช้ กับการกะฎอศีลอดเดือนรอมฎอนด้วย – แม้ว่าจะไม่ตั้งใจก็ตาม
102. ถ้ามีญูนุบในต้องกลางคืนเดือนรอมฎอน แต่ไม่ได้ฆุสลฺจนถึงอะซานซุบฮฺ โดยไม่ได้เจตนา เช่น นอนหลับฝันเปืยก และได้นอนหลับจนเลยเวลาอะซานซุบฮฺ ศีลอดของเขาถูกต้อง
103. ผู้ที่มีญูนุบในเดือนรอมฎอนขณะตื่น หรือมีญูนุบขณะนอนหลับ แล้วได้ตื่น ซึ่งรู้ว่าถ้านอนหลับจนถึงอะซานซุบฮฺ ก็ไม่ตื่นทำฆุสลฺ ไม่อนุญาตให้นอนก่อนทำฆุสลฺ, ถ้านอนหลับจนถึงอะซานซุบฮฺก็ยังไม่ตื่นทำฆุสลฺ ศีลอดบาฏิล, แต่ถ้าคาดว่าถ้านอนหลับจะตื่นทำฆุสลฺก่อนอะซานซุบฮฺ และตัดสินใจว่าหลังจากตื่นจะฆุสลฺ แต่นอนหลับไม่ตื่น ศีลอดถูกต้อง, แต่ถ้านอนหลับอีกครั้ง จนถึงอะซานซุบก็ไม่ตื่น ต้องกะฎอศีลอดวันนั้นด้วย
104. ผู้ที่มีหน้าที่ต้องฆุสลฺ ในเวลากลางคืนเดือนรอมฎอน แต่เนื่องจากเวลาเหลือน้อย หรือน้ำเป็นอันตราย หรือมีสาเหตุอื่นที่คล้ายคลึงกัน ไม่สามารถฆุสลฺได้ ฉะนั้น ต้องตะยัมมุมแทนฆุสลฺ
105. ขณะถือศีลอดได้นอนหลับจนน้ำอสุจิเคลื่อนออกมา ศีลอดของเขาไม่บาฏิล
106. ผู้ที่ถือศีลอดในเดือนรอมฎอน หรือวันอื่นที่ถือศีลอด ขณะนอนหลับในเวลากลางวัน ได้ฝันจนน้ำอสุจิเคลื่อนออกมา หลังจากตื่น ไม่เป็นวาญิบต้องรีบฆุสลฺ
107. หญิงที่หมดเหฎ ต้องฆุสลฺ ทำนองเดียวกันหญิงที่หมดนิฟาส (โลหิตหลังการคลอดบุตร) เป็นวาญิบต้องฆุสลฺ ถ้าปล่อยเวลาให้ผ่านไป โดยไม่ได้ฆุสลฺจนถึงอะซานซุบฮฺ เดือนรอมฎอน ศีลอดบาฏิล
108. หญิงขณะถือศีลอด ได้มีเหฎ หรือคลอดบุตร ศีลอดบาฏิล
ตั้งใจให้มีญูนุบตอนกลางคืนเดือนรอมฎอน ทั้งที่ไม่อาจฆุสลฺได้
109. ถ้าไม่มีน้ำอยู่ในครอบครอง หรือมีเหตุชัรอียฺอื่น ที่นอกเหนือจากมีเวลาน้อย ทำให้ไม่สามารถฆุสลฺญินาบัตได้ อนุญาตให้มีญูนุบโดยตั้งใจด้วยวิธีฮะลาล ตอนกลางคืนเดือนรอมฎอนได้หรือไม่?
คำตอบ ถ้าหน้าที่ของเขาต้องตะยัมมุม ซึ่งหลังจากมีญูนุบ ถ้ามีเวลาพอที่จะตะยัมมุม อนุญาตให้กระทำเช่นนั้นได้
ตะยัมมุมในช่วงเวลาเหลือน้อย ด้วยการตั้งใจละทิ้งฆุสลฺ
110. ผู้ที่ตื่นนอนก่อนอะซานซุบฮฺ ด้วยสภาพที่มีญูนุบ เขาสามารถไม่ฆุสลฺจนใกล้เวลาอะซานซุบฮฺ แล้วตะยัมมุมแทนได้หรือไม่?
คำตอบ ถ้าปล่อยเลาฆุสลฺให้ผ่านไปจนเหลือเวลาน้อย ถือว่าเป็นการทำกุนาฮฺ ในกรณีนี้ก่อนอะซานซุบฮฺต้องตะยัมมุม ศีลอดของเขาถูกต้อง
111. ผู้ที่มีญูนุบในเดือนรอมฎอน ตั้งใจไม่ฆุสลฺ จนกระทั่งเวลาเหลือน้อย แล้วได้ตะยัมมุมแทน ศีลอดของเขาจะเป็นอย่างไร?
คำตอบ ศีลอดของเขาถูกต้อง แม้ว่าตามคำถามที่ถามมา เป็นทำกุนาฮฺก็ตาม
ผู้ถือศีลอดลืมฆุสลฺญินาบัต ก่อนอะซานซุบฮฺ
112. ถ้าลืมฆุสลฺญินาบัตสำหรับศีลอดเดือนรอมฎอน หรือศีลอดอื่น และนึกขึ้นได้ตอนกลางวัน กฏเกณฑ์เป็นอย่างไร?
คำตอบ ถ้าลืมฆุสลฺญินาบัตตอนกลางคืนเดือนรอมฎอน จนถึงอะซานซุบฮฺ และได้เขาสู่เวลาซุบฮฺด้วยสภาพมีญูนุบ ศีลอดบาฏิล และอิฮฺติยาฏกะฎอศีลอดเดือนรอมฎอน ก็อยู่ในกฏเดียวกัน แต่สำหรับศีลอดอื่น ไม่บาฏิล
ลืมการนอนหลับฝันจนอสุจิเคลื่อน ก่อนอะซานซุบ
113. ผู้ที่นอนหลับฝันจนอสุจิเคลื่อนออกมา ในเดือนรอมฎอน และตื่นขึ้นก่อนอะซานซุบฮฺ แต่ไม่รู้ตัวว่ามีญูนุบ และได้นอนหลับอีกครั้ง โดยตื่นขึ้นระหว่างอะซานซุบฮฺ และรู้ตัวว่ามีญูนุบ ซึ่งเขามั่นใจว่า มีญูนุบก่อนอะซานซุบฮฺแน่นอน ศีลอดของเขาจะเป็นอย่างไร?
คำตอบ ถ้าก่อนอะซานซุบฮฺ ไม่รู้ตัวว่ามีญูนุบ ศีลอดถูกต้อง
สงสัยว่านอนหลับฝันจนอสุจิเคลื่อน ตอนกลางคืนเดือนรอมฎอน
114. ถ้าในเวลากลางคืนเดือนรอมฎอน ก่อนอะซานซุบฮฺสงสัยว่า ตนนอนหลับฝันจนอสุจิเคลื่อนออกมาหรือไม่ แต่ไม่สนใจต่อความสงสัย และได้นอนหลับไปอีกครั้ง และตื่นขึ้นหลังอะซานซุบฮฺ ซึ่งรู้ว่าตนมีญูนุบก่อนอะซานซุบฮฺ กฏเกณฑ์เป็นอย่างไร?
คำตอบ ถ้าหลังจากตื่นนอนครั้งแรก ไม่เห็นร่องรอยการมีญูนุบในตัว เพียงแค่คาดว่าอาจจะมีแต่ก็ไม่พบสิ่งใด และได้นอนหลับจนถึงอะซานซุบฮฺ ศีลอดถูกต้อง แม้ว่าหลังจากนั้นจะรู้ว่าอสุจิได้เคลื่อนออกมาก่อนอะซานซุบฮฺก็ตาม
การถือศีลอดด้วยการคงสภาพการมีญูนุบจนถึงอะซานซุบฮฺ
115. ถ้าผู้ที่มีอุปสรรคปัญหาบางประการ ได้คงสภาพการมีญูนุบจนถึงอะซานซุบฮฺ อนุญาตให้ถือศีลอดวันนั้นได้หรือไม่?
คำตอบ ถ้าเป็นเดือนอื่นที่ไม่ใช่เดือนรอมฎอน หรือศีลอดกะฎอเดือนรอมฎอน ไม่เป็นไร แต่สำหรับศีลอดเดือนรอมฎอน มีรายละเอียดดังนี้ ถ้าไม่สามารถฆุสลฺได้ เป็นวาญิบต้องตะยัมมุมแทน แต่ถ้าไม่ตะยัมมุม ศีลอดไม่ถูกต้อง
116. อนุญาตให้ผู้ที่มีญูนุบ ฆุสลฺญินาบัตหลังพระอาทิตย์ขึ้น เพื่อถือศีลอดกะฎอ หรือศีลอดมุสตะฮับได้หรือไม่?
คำตอบ ถ้าตั้งใจคงสภาพการมีญูนุบจนถึงอะซานซุบฮฺ ศีลอดเดือนรอมฎอน และศีลอดกะฎอเดือนรอมฎอน ไม่ถูกต้อง แต่สำหรับศีลอดอื่นโดยเฉพาะอย่างยิ่ง ศีลอดมุสตะฮับ ถือว่าถูกต้อง