ประชาชนชาวเมืองกุมหลายพันคน ได้เข้าพบท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม อยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี เนื่องในวาระครบรอบปีของเหตุการณ์ การลุกขึ้นต่อสู้ของประชาชนชาวเมืองกุม เมื่อวันที่ 19 เดย์ ปี 1356 (ค.ศ. 1977) โดยท่านผู้นำถือว่า นโยบายและการคำนวณที่ผิดพลาดของอเมริกาที่มีต่อประชาชาติอิหร่าน คือ ความต่อเนื่องของการคำนวณที่ผิดพลาดของพวกอเมริกาในการวิเคราะห์การลุกขึ้นต่อสู้แห่งประวัติศาสตร์ของ 19 เดย์ และท่านยังชี้ให้เห็นถึงความจำเป็นในการเรียนรู้บทเรียนจากการลุกขึ้นต่อสู้นี้ว่า เป็นความพยายามอย่างไม่หยุดยั้ง กว้างขวางและมีประสิทธิภาพของสื่อและนักเคลื่อนไหวทางสังคมออนไลน์ สำหรับการทำลายภาพลวงตาแห่งอำนาจของศัตรู และทำให้ความคิดของสาธารณชนได้รับภูมิคุ้มกันและบรรดาเจ้าหน้าที่มุ่งความสนใจไปที่ผลประโยชน์ของประชาชาติและประเทศในทุกการตัดสินใจและการดำเนินการทางเศรษฐกิจและวัฒนธรรม เป็นความต้องการที่สำคัญในปัจจุบัน โดยท่านกล่าวว่า “เราทุกคนทั้งหมด จะต้องดำเนินการเคลื่อนไหวในระดับชาติต่อไป เพื่อบรรลุสู่เป้าหมายทางเศรษฐกิจและไม่ใช่เศรษฐกิจ ด้วยความหวังและความพยายามที่เพิ่มมากขึ้น”
ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ถือว่า การลุกขึ้นต่อสู้ของประชาชน ผู้ศรัทธาและกล้าหาญแห่งเมืองกุมเป็นหนึ่งในจุดสูงสุดของประวัติศาสตร์ของประเทศ และเช่นเดียวกับช่วงสัปดาห์ทั้งหมดของพระเจ้า มีบทเรียนต่างๆ อย่างมากมาย โดยท่านผู้นำกล่าวว่า “บทเรียนที่สำคัญที่สุดของวันนั้น คือ การแสดงให้เห็นว่า พวกสหรัฐนั้นมีความชอบและมีความหวังต่อชาวอิหร่าน เป็นเช่นไร”
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ได้ชี้ให้เห็นถึงการเยือนกรุงเตหะรานของจิมมี่ คาร์เตอร์ ประธานาธิบดีสหรัฐในขณะนั้น เมื่อวันที่ 10 เดย์ 1356 (มกราคม ค.ศ.1977) และการที่เขาให้คำจำกัดความผิดๆ เกี่ยวกับมูฮัมหมัด เรซา และคำอธิบายถึงอิหร่านในยุคสมัยปาห์ลาวีว่า เป็นเกาะแห่งเสถียรภาพ โดยท่านกล่าวเสริมว่า “อิหร่านในปี 1356 (1977) ซึ่งคาร์เตอร์ มองว่า เป็นสิ่งน่าปรารถนาสำหรับอเมริกา ทั้งในแง่ของนโยบายต่างประเทศ เป็นผู้อยู่ใต้บังคับบัญชาโดยแท้จริงของพวกอเมริกาและเป็นผู้ให้ผลประโยชน์ของพวกเขา และในแง่ของนโยบายในประเทศ อิหร่านได้เห็นการปราบปรามอย่างรุนแรงต่อทุกกระแสที่ต่อต้านและแตกต่างจากระบอบการปกครอง และในแง่ของเศรษฐกิจ อิหร่านนั้นมีรายได้อย่างมหาศาลจากการขายน้ำมัน แต่ทว่า มีการแบ่งชนชั้นอย่างมาก และในแง่ของวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี อิหร่าน ถือว่า มีความล้าหลัง และในแง่ของวัฒนธรรม อิหร่านเป็นประเทศที่มีวัฒนธรรมแห่งการคอร์รัปชั่น ความไร้ยางอาย และความหยาบคายแบบตะวันตกที่แพร่กระจายออกไปทุกวัน”
ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี เน้นย้ำว่า “การลุกขึ้นต่อสู้เมื่อวันที่ 19 เดย์ ทำให้อิหร่านที่พวกอเมริกามีความปรารถนา หลุดพ้นออกจากเงื้อมมือของพวกเขา แต่พวกอเมริกายังคงมีความหวังต่ออิหร่าน ซึ่งแน่นอนว่า เช่นเดียวกับที่คาร์เตอร์ได้ฝังความฝันนี้ไว้ ขณะที่พวกอเมริกาคนอื่นๆ ก็จะกระทำเช่นเดียวกัน”
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า บทเรียนที่สองของการลุกขึ้นต่อสู้เมื่อวันที่ 19 เดย์ คือ การเปิดเผยถึงการคำนวณที่ผิดพลาดของอเมริกาและการพิสูจน์ว่า พวกเขาไม่สามารถเข้าใจความเป็นจริงของอิหร่านได้
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม กล่าวเสริมว่า “ผู้ที่ยึดติดกับภาพลักษณ์ของอเมริกาและลืมเลือนความยิ่งใหญ่ของพระเจ้าและประชาชาติอิหร่าน ควรให้ความสนใจกับความจริงที่ว่า เพียง 9 วันหลังจากคาร์เตอร์ยกย่องเกาะแห่งเสถียรภาพของชาวอเมริกา จึงเกิดการลุกขึ้นต่อสู้ของชาวเมืองกุม แสดงให้เห็นว่า อเมริกานั้นมีความล้าหลังและเพิกเฉยเพียงใดในการทำความเข้าใจปัญหาของอิหร่าน”
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ได้เปรียบเทียบชัยชนะของการปฏิวัติอิสลามจากใจกลางป้อมปราการแห่งความอหังการที่สำคัญที่สุดกับการอบรมสั่งสอนของศาสดามูซา (อ.) ในวังของฟาโรห์ โดยท่านกล่าวเสริมว่า “พวกอเมริกาต่างหลับใหล ขณะที่การปฏิวัติอิสลามครั้งใหญ่ ก็ระอุขึ้นจากใจกลางป้อมปราการอันแข็งแกร่งแห่งผลประโยชน์ของพวกเขา เช่นเดียวกับที่ฟาโรห์นั้นไม่รู้ว่า ศาสดามูซา กำลังเติบโตและได้รับการเลี้ยงดูในบ้านของเขา”
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏัวัติอิสลาม ได้กล่าวอธิบายถึงข้อผิดพลาดอย่างต่อเนื่องของระบบการคำนวณของอเมริกาต่ออิหร่านในช่วง 46 ปีที่ผ่านมา โดยท่านกล่าวเสริมว่า “ผู้ที่ถูกข่มขู่จากนโยบายของอเมริกา ไม่ควรหวาดกลัว และควรให้ความสนใจอย่างเพียงพอต่อจุดอ่อนพื้นฐานและความต่อเนื่องของระบอบการปกครองของสหรัฐฯ
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม กล่าวอธิบายถึงนโยบายที่ผิดพลาดและไม่มีประสิทธิภาพของอเมริกาต่อประชาชาติอิหร่าน โดยท่านชี้ให้เห็นในประเด็นการคว่ำบาตร และกล่าวว่า “พวกเหล่านั้นในการคว่ำบาตร มีเป้าหมายที่จะทำให้เศรษฐกิจของอิหร่านต้องทรุดตัวลง แต่ประชาชาติอิหร่านได้มีความก้าวหน้าทางด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ในช่วงที่มีการคว่ำบาตร และเยาวชนทั้งหลายได้เตรียมพร้อมที่จะใช้เทคโนโลยีดังกล่าวในเวทีด้านต่างๆ”
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม กล่าวเสริมว่า “แน่นอนว่า การคว่ำบาตรทำให้ประเทศได้รับความเสียหายไปบ้าง แต่ก็ไม่สามารถบรรลุเป้าหมายของพวกเขาได้ และหากพระเจ้าทรงประสงค์ ประชาชาติอิหร่านจะคิดบัญชีความเสียหายเหล่านี้ในสักวันหนึ่ง”
ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ถือว่า ชัยชนะของการปฏิวัติอิสลาม เป็นรอยร้าวในกำแพงคอนกรีตแห่งความอหังการและเป็นความสั่นสะเทือนของการปิดล้อมของชาติตะวันตก โดยท่านกล่าวเสริมว่า “บทเรียนอีกประการหนึ่งจากการลุกขึ้นต่อสู้เมื่อวันที่ 19 เดย์ คือ เราจะต้องปกป้องความคิดเห็นของสาธารณชนจากการโฆษณาชวนเชื่อของศัตรู”
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า จุดประสงค์ของการเผยแพร่บทความที่ดูหมิ่นต่ออิมามโคมัยนีในหนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่งในเดือนเดย์ 1356 (ปฏิทินอิหร่าน) เป็นผลมาจากการที่สหรัฐอเมริกาและระบอบปาห์ลาวีได้ใช้เครื่องมือทางซอฟต์พาวเวอร์ โดยท่านกล่าวว่า “พวกเหล่านี้ต้องการทำลายดาบซุลฟะกอรแห่งภาษาของอิมามโคมัยนี ซึ่งมอบความหวังและความอบอุ่นสู่หัวใจของประชาชน จากข้างหลุมศพอันบริสุทธิ์ของท่านอะมีรุลมุอ์มินีนอะลี (อ.) แต่ชาวเมืองกุมด้วยความเฉลียวฉลาดและไม่ไว้วางใจต่อการโฆษณาชวนเชื่อของอเมริกาและระบอบปาห์ลาวี ได้ทำให้การเคลื่อนไหวนั้นพบกับความล้มเหลว”
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ได้ชี้ให้เห็นถึงการเพิ่มขึ้นหลายพันเท่าของการใช้ซอฟต์พาวเวอร์ทางการโฆษณาชวนเชื่อของสหรัฐอเมริกาเพื่อยึดโยงผลลัพธ์จากการใช้ฮาร์ดแวร์ โดยท่านกล่าวว่า “ในฉนวนกาซ่า พวกเขาได้สังหารหมู่มนุษย์ ผู้บริสุทธิ์นับหมื่นคน แต่ไม่สามารถทำลายขบวนการมุกอวะมะฮ์ด้วยฮาร์ดแวร์ได้ ในเลบานอน พวกเขาได้สังหารบุคคลอย่าง ซัยยิดฮะซัน นัศรุลลอฮ์และผู้บัญชาการคนอื่นๆ แต่ฮิซบุลลอฮ์ไม่ได้ถูกทำลายและจะไม่ถูกทำลายเป็นอันขาด”
ท่านอยาตุลลอฮ์ คอเมเนอี ถือว่า การกระทำในการอธิบายและการโฆษณาชวนเชื่อ เป็นดัชนีชี้วัดที่สำคัญอย่างมาก โดยท่านผู้นำกล่าวว่า “ศัตรูกำลังพยายามที่จะมีอิทธิพลต่อความคิดของประชาชนด้วยการโกหกหลอกลวง ทั้งการสร้างระยะห่างระหว่างความเป็นจริงกับความคิดและจินตนาการของประชาชน และวิธีการอื่นๆ ในปัจจุบันนี้ องค์การโทรทัศน์และวิทยุ กระทรวงวัฒนธรรม และทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการโฆษณาชวนเชื่อและวัฒนธรรม รวมถึงผู้ขับเคลื่อนในสังคมออนไลน์ จะต้องฉีกม่านมายาของอำนาจศัตรูและปกป้องความคิดของประชาชนจากการโกหก ภัยคุกคาม และการบิดเบือนของศัตรู”
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังชี้ให้เห็นว่า แก่นแท้ของความอหังการไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปจากอดีตที่ผ่านมา โดยท่านกล่าวว่า “ไม่มีใครควรคิดว่า อเมริกาและระบอบรัฐเถื่อนไซออนิสต์ในปัจจุบันนี้ มีความแตกต่างจากอดีตที่ผ่านมา แน่นอนว่า วิธีการและเครื่องมือของพวกเขามีความหลากหลายและกว้างขวางมากขึ้นเป็นพันเท่า และในทางกลับกัน เราจะต้องดำเนินการอย่างเฉลียวฉลาดและรอบคอบมากขึ้นเป็นพันเท่าด้วยเช่นกัน”
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า การสร้างภูมิคุ้มกันให้กับความคิดของสาธารชน เป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่ง โดยท่านกล่าวเสริมว่า “กุญแจที่สำคัญ คือ การไม่เชื่อคำพูดของศัตรู เราจะต้องรู้ว่าสิ่งที่ศัตรูนำเสนอในการโฆษณาชวนเชื่อเพื่อมีอิทธิพลต่อความคิดของสาธารชนนั้น เป็นการหลอกลวงและเป็นเรื่องโกหก และเราจะต้องปฏิเสธมันในทันที”
ในอีกส่วนหนึ่งของคำปราศรัย ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ถือว่า อิหร่าน เป็นจุดสูงสุดทางยุทธศาสตร์ของโลก เนื่องจากมีของขวัญอันล้ำค่า เช่น ทรัพยากรธรรมชาติและทรัพยากรมนุษย์ที่ก้าวหน้ากว่าค่าเฉลี่ยของโลก และตั้งอยู่ในตำแหน่งทางภูมิศาสตร์และภูมิรัฐศาสตร์ที่สำคัญ โดยท่านผู้นำกล่าวเสริมว่า “อิหร่านเคยเป็นของอเมริกามาหลายทศวรรษ เมื่อประมาณ 80 ปีที่แล้ว แต่การปฏิวัติอิสลามได้ทำให้ประเทศหลุดพ้นออกจากการควบคุมของอเมริกา และนี่คือเหตุผลที่ว่าทำไมความขมขื่นที่พวกเขามีต่อการปฏิวัติอิสลาม จึงไม่มีวันถูกลืมเลือน”
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังชี้ให้เห็นถึงคำพูดของบางคนที่ถามว่า ทำไมสาธารณรัฐอิสลามถึงไม่ยอมเจรจาและติดต่อกับสหรัฐอเมริกา ทั้งที่ยังมีความสัมพันธ์กับประเทศในยุโรปและสถานทูตของพวกเขายังดำเนินการอยู่ในอิหร่าน โดยท่านกล่าวว่า “อิหร่านก่อนการปฏิวัติอิสลาม อยู่ในความครอบครองของสหรัฐอเมริกา ซึ่งการปฏิวัติอิสลามได้ทำให้ความมั่งคั่งทางการเมืองและเศรษฐกิจอันมหาศาลนั้นหลุดพ้นจากมือของพวกอเมริกา ดังนั้น ความเคียดแค้นของพวกเขาที่มีต่อการปฏิวัติอิสลามนั้นมีควมลึกซึ้ง และนี่คือความแตกต่างที่ใหญ่หลวงเมื่อเทียบกับประเทศในยุโรป”
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า ความล้มเหลวของอเมริกาในการยึดอิหร่านคืน แม้จะใช้งบประมาณมหาศาลในช่วง 46 ปีที่ผ่านมา เป็นอีกสาเหตุหนึ่งของความเคียดแค้นที่มีต่อประชาชาติอิหร่านและสาธารณรัฐอิสลาม โดยท่านกล่าวเสริมว่า “อเมริกาได้รับความพ่ายแพ้ในประเทศนี้และกำลังพยายามชดเชยความพ่ายแพ้นั้น ด้วยเหตุนี้เอง พวกเขาจึงกระทำทุกอย่างที่สามารถทำได้เพื่อเป็นศัตรูกับประชาชนชาวอิหร่าน”
ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ถือว่า หนึ่งในความต้องการของมหาอำนาจจอมอหังการ โดยเฉพาะรัฐบาลอเมริกาจากทุกประเทศ รวมถึงเจ้าหน้าที่ในสาธารณรัฐอิสลาม คือ การคำนึงถึงผลประโยชน์และข้อพิจารณาของพวกเขาในการออกแบบประเด็นต่าง ๆ โดยท่านผู้นำ เน้นย้ำให้เห็นว่า การยอมตามความคาดหวังที่ไม่มีเหตุผลของอเมริกานี้ เป็นการคุกคามต่อประชาธิปไตยและหลักการของสาธารณรัฐในประเทศ โดยท่านกล่าวว่า “ประชาชนได้ลงคะแนนเสียงเลือกเจ้าหน้าที่ทั้งหลาย เพื่อให้บรรลุผลประโยชน์ของพวกเขา ไม่ใช่ผลประโยชน์ของอเมริกา ด้วยเหตุนี้เอง บรรดาผู้มีอำนาจตัดสินใจในปัญหาเศรษฐกิจ เช่น อัตราเงินเฟ้อ การผลิต และการแลกเปลี่ยนสกุลเงิน รวมถึงปัญหาด้านวัฒนธรรม เช่น การสวมฮิญาบ ควรคำนึงถึงผลประโยชน์ของประชาชาติอิหร่านและสาธารณรัฐอิสลาม ในการตัดสินใจของพวกเขาเท่านั้น และไม่ควรคำนึงถึงผลประโยชน์ของอเมริกาและรัฐเถื่อนไซออนิสต์เลย เพราะพวกเขาเป็นศัตรูกับประชาชาติของเราและสาธารณรัฐอิสลามอย่างถึงรากถึงโคน และความหวังของพวกเขา คือ การทำลายอิหร่าน”
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม กล่าวแสดงความพึงพอใจต่อจุดยืนที่ชัดเจน เด็ดขาด และกล้าหาญของประธานาธิบดีของเราที่ต่อต้านระบอบรัฐเถื่อนไซออนิสต์ และการสนับสนุนของอเมริกาต่ออาชญากรรมของพวกไซออนิสต์ โดยท่านกล่าวว่า “จุดยืนเหล่านี้ ได้ทำให้หัวใจของประชาชนมีความสุข
ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ได้เน้นย้ำให้เห็นถึงความสำคัญของการรักษาประเด็นความหวังให้คงอยู่ ท่ามกลางการเคลื่อนไหวของศัตรู เพื่อทำให้บรรดาเยาวชนต้องสิ้นหวัง โดยท่านผู้นำกล่าวว่า “เราจะต้องหวังในการชี้นำและความช่วยเหลือจากพระเจ้า และพลังอำนาจที่พระองค์ทรงประทานให้แก่ประชาชาติต่างๆ และเป็นเป้าหมายที่สำคัญที่สุดของนักเคลื่อนไหวทุกคนในด้านการโฆษณาชวนเชื่อและผู้พูด ควรฟื้นคืนความหวังในหัวใจทั้งหลายและหลีกเลี่ยงออกจากคำพูดที่ไร้ความหวัง”
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า สาส์นของอิมาม ผู้ยิ่งใหญ่จากเมืองนะญัฟ หลังจากเหตุการณ์เมื่อวันที่ 19 เดย์ และข่าวดีแห่งชัยชนะต่อประชาชาติอิหร่าน เป็นตัวอย่างของความสนใจของอิมามต่อความสำคัญของการมีความหวังอย่างมาก โดยท่านได้ตั้งข้อสังเกตว่า “ผู้ใดบ้างในวันที่ท่านอิมามให้สัญญาว่าจะเกิดชัยชนะแก่การเคลื่อนไหว เขาเชื่อว่า การปฏิวัติจะได้รับชัยชนะ และพลังอำนาจที่ยิ่งใหญ่และก้าวล้ำอย่างสาธารณรัฐอิสลาม จะเกิดขึ้นในภูมิภาคนี้ของโลกเพื่อหยุดยั้งการรุกรานและเป้าหมายอันชั่วร้ายของชาติตะวันตกได้อย่างมากมาย และจะมีผูใดเชื่อว่า จะมีวันที่ธงชาติอเมริกาจะถูกเผาในประเทศชาติตะวันตกและแม้แต่ในกรุงวอชิงตันเอง?
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า แนวโน้มของปัญหาเศรษฐกิจของประเทศ มีแนวโน้มที่ดีในมุมมองของผู้เชี่ยวชาญและผู้ที่คุ้นเคยกับข้อเท็จจริง โดยท่านกล่าวเสริมว่า ไบางคนมองว่า เป็นไปไม่ได้ที่จะบรรลุนโยบายต่างๆ เช่น การเติบโตทางเศรษฐกิจร้อยละ 8 ในขณะที่ในงานนิทรรศการของนักเคลื่อนไหวทางเศรษฐกิจ ซึ่งประธานาธิบดีได้ไปเยี่ยมชมเมื่อไม่นานมานี้ ได้มีการพูดและพิสูจน์แล้วว่า การบรรลุการเติบโตร้อยละ 8 โดยไม่ต้องได้รับความช่วยเหลือจากต่างประเทศนั้นมีความเป็นไปได้ และประธานาธิบดียังได้กล่าวย้ำถึงคำพูดของนักเคลื่อนไหวและผู้เชี่ยวชาญเหล่านั้นอีกด้วย”
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า ความจำเป็นที่ความหวังจะต้องมีผลลัพท์ ต้องอาศัยความพยายามและความเพียรพยายาม โดยท่านกล่าวเสริมว่า “เราจะต้องจัดหาหนทางเพื่อความก้าวหน้าของประเทศ ด้วยความหวังและความพยายาม”
ในช่วงท้ายของคำปราศรัย ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ได้เน้นย้ำให้เห็นว่า เหตุการณ์ต่างๆในภูมิภาค รวมทั้งในซีเรีย ไม่ควรทำให้ปัญหาปาเลสไตน์ลดน้อยลง โดยท่านกล่าวว่า “แหล่งที่มาหลักของขบวนการมุกอวะมะฮ์ คือ การยืนหยัดต่อสู้กับการกระทำอันชั่วร้ายของระบอบรัฐเถื่อนไซออนิสต์”
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม เน้นย้ำให้เห็นถึงการรักษาขบวนการมุกอวะมะฮ์ให้คงอยู่และทำให้มีความแข็งแกร่งเพิ่มมากขึ้นในแต่ละวัน โดยท่านกล่าวว่า “เราสนับสนุนการต่อสู้ในฉนวนกาซ่า เวสต์แบงก์ เลบานอน เยเมน และสถานที่ใดก็ตามที่มีการยืนหยัดและการต่อสู้กับระบอบรัฐเถื่อนไซออนิสต์”