สำนักผู้นำสูงสุดซัยยิด อาลี คาเมเนอี

คณะผู้บริหารและคณาจารย์สถาบันญามิอะตุซซะฮ์รอ เข้าพบท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม

“สถาบันศาสนา จำเป็นที่จะต้องมีการเปลี่ยนแปลงและมีความทันสมัยในการตอบปัญหาใหม่ๆ”

คณะผู้บริหาร คณาจารย์ และกลุ่มนักศึกษาศาสนาสถาบันญามิอะตุซซะฮ์รอ เข้าพบท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม อยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี  โดยท่านผู้นำถือว่า สถาบันที่มีประสิทธิภาพนี้ เกิดขึ้นจากปรากฏการณ์อันเป็นเอกลักษณ์ของการปฏิวัติอิสลาม และเป็นสาเหตุที่ทำให้มีการส่งเสริมระดับความรู้ทางศาสนาและการมีประสิทธิผลของสตรีทั้งหลาย โดยท่านผู้นำได้ชี้ให้เห็นถึงความจำเป็นของการเปลี่ยนแปลงและความทันสมัยของสถาบันศาสนาที่ก้าวไปพร้อมกับการพัฒนาของสังคม โดยท่านกล่าวว่า “สถาบันศาสนา จะต้องมีความคิดเห็นเกี่ยวกับประเด็นที่สำคัญของสังคม รวมถึงประเด็นเศรษฐกิจ การปกครอง และครอบครัว”

ในการพบปะกันครั้งนี้ ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ถือว่า การก่อตั้งสถาบันญามิอะตุซซะฮ์รอ (ซ.) เป็นหนี้บุญคุณต่อความคิดสร้างสรรของท่านอิมามโคมัยนี ผู้สูงส่ง โดยท่านผู้นำ กล่าวว่า “การจัดตั้งสถาบันที่มีภารกิจในการส่งเสริมความรู้ทางศาสนาและความตระหนักรู้ของสตรีและเด็กผู้หญิงในประเทศเป็นจำนวนมาก ถือว่า เป็นสิ่งที่มีคุณค่าเป็นอย่างยิ่ง เพราะว่า ก่อนหน้านี้นั้น บรรดาสตรีไม่มีโอกาสเช่นนี้ในประวัติศาสตร์ของประเทศ”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังชี้ให้เห็นถึงอันตรายหลายประการที่เกิดขึ้นจากการเผยแพร่วัฒนธรรมตะวันตกสู่สังคมสตรีในสมัยของเรซา คาน รวมถึงภาวะแทรกซ้อนที่เกิดขึ้นจากความรู้ทางศาสนาของบรรดาสตรีในระดับต่ำ และการขาดแคลนสถาบันเพื่อการส่งเสริมความรู้ทางศาสนาของพวกนาง โดยท่านกล่าวเสริมว่า “ปัจจุบันนี้ สถาบันญามิอะตุซซะฮ์รอ (ซ.) มีหน้าที่รับผิดชอบในภารกิจที่สำคัญนี้ ด้วยเหตุนี้เอง ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม ที่พวกท่านมีความสามารถที่จะดึงดูดนักศึกษาได้มากยิ่งขึ้นและมีการยกระดับความรู้ทางศาสนาของพวกเขา ก็ถือว่า เป็นสิ่งที่มีคุณค่าอย่างมาก”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า การแพร่ขยายความรู้ทางศาสนาที่แท้จริงในหมู่ประชาชนทั่วไป เป็นสิ่งที่จำเป็นสำหรับการขับเคลื่อนไปสู่อารยธรรมอิสลาม และเนื่องจากความจำเป็นนี้ ท่านจึงกล่าวว่า “การเผยแพร่และการอธิบายเกี่ยวกับความรู้ของอิสลามและการฟื้นฟูศาสนา ถือเป็นภารกิจที่สำคัญอีกประการหนึ่งของญามิอะตุซซะฮ์รอ (ซ.) ซึ่งจะต้องดำเนินการเพื่อให้เกิดประสิทธิผลทางการศึกษา และความก้าวหน้าทางจิตวิญญาณของสตรีทั้งหลาย ซึ่งมีจำนวนครึ่งหนึ่งของสังคม จะต้องได้รับการกำหนดเป้าหมายและการวางแบบแผน”

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ถือว่า การเปลี่ยนแปลง เป็นเรื่องธรรมชาติและมีความจำเป็นในโลก โดยท่านผู้นำกล่าวว่า “หากบังเหียนของการเปลี่ยนแปลงอยู่ในมือของบุคคลที่มีความสติปัญญาและเคร่งครัดต่อศาสนา สังคมและมนุษยชาติก็จะได้รับการยกระดับ แต่ทว่า หากปราศจากการเปลี่ยนแปลง การเปลี่ยนแปลงก็จะหลงทางและเสื่อมถอยลง ดังที่ทุกวันนี้เกิดขึ้นในสังคมตะวันตก ทำให้การปฏิเสธทางสติปัญญาเริ่มจะเป็นที่รู้จัก”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสสลาม ถือว่า สถาบันศาสนา จำเป็นที่จะต้องมีการเปลี่ยนแปลงเหมือนสถาบันอื่นๆ โดยท่านกล่าวเสริมว่า “สถาบันศาสนา มีไว้เพื่อประชาชน เพื่อการเผยแพร่ การส่งเสริมทางศาสนาและการสถาปนาอำนาจอธิปไตยทางศาสนา อีกทั้งเนื่องจากสังคมมีการเปลี่ยนแปลง จึงควรที่จะปรับปรุงสถาบันศาสนาให้สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างเหมาะสม”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า ความทันสมัยของหนังสือเรียนและวิธีการสอนในสถาบันศาสนาและการเข้าสู่ประเด็นที่สังคมมีความต้องการ รวมถึงปัญหาทางการเงินและทรัพย์สิน การปกครอง ครอบครัวและประเด็นใหม่ๆ เช่น สกุลเงินดิจิทัล เป็นข้อกำหนดของการเปลี่ยนแปลงในสถาบันศาสนา โดยท่านกล่าวเสริมว่า “การต่อต้านการเปลี่ยนแปลงของสถาบันศาสนา เป็นการต่อต้านความก้าวหน้าของศาสนาในประเทศ แน่นอนว่า ผู้ที่มีความเหมาะสม ควรที่จะสร้างการเปลี่ยนแปลง”

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ถือว่า มีความจำเป็นในการเข้าร่วมของบรรดาสตรีที่มีการศึกษาศาสนาระดับสูงในสื่อสารมวลชนและสังคมระหว่างประเทศ อีกทั้งการแสดงบทบาทของญามิอะตุซซะฮ์รอ (ซ.) ในประเด็นนี้ โดยท่านผู้นำกล่าวเสริมว่า “หลังจากชัยชนะของการปฏิวัติอิสลาม ทำให้สตรีทั้งหลายที่มีเกียรติมีจำนวนมากขึ้นในสังคม ซึ่งพวกนางจะต้องเตรียมความพร้อมในการอธิบายถึงประเด็นต่างๆที่เกี่ยวข้องกับสตรีและครอบครัวในสื่อสารมวลชน นอกเหนือจากนี้ พวกนางยังสามารถที่จะอธิบายถึงประเด็นที่สูงส่งทางศาสนาบนเวทีต่างๆในการประชุมใหญ่ระดับนานาชาติและอิสลาม โดยอ้างอิงจากโองการอัลกุรอาน ริวายะฮ์ต่างๆและนะฮ์ญุลบะลาเฆาะฮ์ ซึ่งการกระทำนี้ จะมีส่วนช่วยให้เกิดความก้าวหน้าและการยอมรับของประเทศในโลก อีกทั้งยังจะมีประสิทธิผลในการสร้างประชาชาติอิสลามอีกด้วย”

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี  ถือว่า การวางแบบแผนสำหรับการขัดเกลาและการพัฒนาทางด้านจิตวิญญาณของสตรีทั้งหลายในญามิอะตุซซะฮ์รอ (ซ.)  มีความจำเป็นที่ควบคู่ไปกับการศึกษาทางวิชาความรู้ โดยท่านผู้นำกล่าวว่า “สตรีที่มีจริยธรรมอิสลามและการขัดเกลาจิตวิญญาณ สามารถที่จะสร้างการเปลี่ยนแปลงและการอบรมสั่งสอนแก่เยาวชนคนรุ่นใหม่ได้”

ในช่วงเริ่มต้นของการพบปะกันครั้งนี้ นางบุรกิอีย์  ผู้อำนวยการสถาบันญามิอะตุซซะฮ์รอ (ซ) ได้กล่าวรายงานเกี่ยวกับกิจกรรมและแบบแผนงานของสถาบันแห่งนี้

700 /