ครอบครัวบรรดาชะฮีดแห่งความมั่นคง หลายพันคน เข้าพบท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม อยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี โดยท่านผู้นำถือว่า ชะฮีดเหล่านี้ เป็นหนึ่งในชะฮีดทั้งหลายบนเส้นทางแห่งสัจธรรม และท่านชี้ให้เห็นถึงความสำคัญพื้นฐานของความมั่นคงในทุกกิจการของสังคม และในมิติต่างๆ ของการดำเนินชีวิตของประชาชน ท่านได้เน้นย้ำว่า “มีเพียงอิหร่านที่แข็งแกร่งเท่านั้นที่สามารถรับประกันความมั่นคงและความก้าวหน้าของประเทศและประชาชาติได้ ดังนั้น อิหร่านควรที่จะมีความแข็งแกร่งยิ่งขึ้นในแต่ละวัน ในทุกมิติ ทั้งในด้านเศรษฐกิจ วิทยาศาสตร์ การเมือง การป้องกันและการบริหารจัดการ”
ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ยังชี้ให้เห็นถึงการกระทำอย่างต่อเนื่องของระบอบรัฐเถื่อนไซออนิสต์ที่ชั่วร้ายในการก่ออาชญากรรมสงครามที่โหดร้ายที่สุดในฉนวนกาซ่าและเลบานอน และท่านได้เรียกร้องให้มีการจัดตั้งกลุ่มแนวร่วมพันธมิตรเพื่อต่อสู้ระบอบการปกครองที่ชั่วร้ายนี้ และท่านยังชี้ให้เห็นถึงการเคลื่อนไหวที่ชั่วร้ายของรัฐเถื่อนไซออนิสต์ เมื่อสองคืนที่ผ่านมา โดยท่านกล่าวเสริมว่า “ในกรณีที่พวกเหล่านี้กระทำผิดพลาด โดยมีเป้าหมายที่เฉพาะเจาะจงนั้น พวกเหล่านี้ได้ทำให้มันเป็นเรื่องใหญ่โต แต่ทว่า การมองข้ามและเราบอกว่าไม่มีอะไรและไม่สำคัญนั้น ก็ถือเป็นความผิดพลาดด้วยเช่นกัน”
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ได้เน้นย้ำให้เห็นว่า จะต้องทำลายการคำนวณที่ผิดพลาดของรัฐเถื่อนไซออนิสต์เกี่ยวกับอิหร่าน โดยท่านกล่าวว่า “พวกเหล่านี้ได้ประสบกับการคำนวณที่ผิดพลาด เพราะว่า พวกเขาไม่รู้จักอิหร่าน เยาวชน และประชาชาติอิหร่าน และพวกเขายังไม่สามารถเข้าใจได้อย่างถูกต้องเกี่ยวกับอิหร่าน เยาวชน และประชาชาติอิหร่าน และจนถึงขณะนี้ ยังไม่สามารถที่จะเข้าใจถึงพลังอำนาจ ศักยภาพ นวัตกรรม และเจตนารมณ์ของประชาอิหร่าน ซึ่งพวกเราจะต้องทำให้พวกเหล่านี้เข้าใจ”
ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี เน้นย้ำว่า “แน่นอนว่า บรรดาเจ้าหน้าที่ของเราจะต้องกำหนดอย่างถูกต้องถึงคุณภาพของการงาน และกระทำในสิ่งที่เป็นประโยชน์อันสูงสุดของประเทศนี้และประชาชาติ เพื่อที่พวกเขาจะได้เข้าใจว่า ประชาชาติอิหร่านนั้นคือใคร และเยาวชนทั้งหลายนั้นเป็นอย่างไร?
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม กล่าวว่า “ความคิดนี้ แรงจูงใจ การเตรียมความพร้อม และความกล้าหาญที่มีอยู่ในประชาชาติอิหร่าน จะต้องได้รับการอนุรักษ์ไว้ เพราะว่า องค์ประกอบเหล่านี้ คือ ผู้สร้างความมั่นคง”
ในระหว่างการพบปะกันกับครอบครัวของบรรดาชะฮีดแห่งความมั่นคง ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า สิทธิของชะฮีดทั้งหลายแห่งความมั่นคงและครอบครัวของพวกเขาที่มีต่อประชาชาติ เป็นสิ่งที่ไม่อาจอธิบายได้อย่างแท้จริง โดยท่านกล่าวเสริมว่า “ความมั่นคง ถือเป็นรากฐานของทุกวิถีทางและความก้าวหน้าของประเทศและประชาชาติ และคุณค่าของผู้รักษาความมั่นคงและบรรดาชะฮีดที่น่าภาคภูมิใจในเวทีนี้ ในกองกำลังตำรวจ บาซิจญ์ ซิพอฮ์ กองทัพและหน่วยข่าวกรอง เราจะต้องเข้าใจถึงความสำคัญและคุณค่าของการรักษาความปลอดภัยที่ไม่อาจทดแทนได้”
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังได้ยกหลักฐานจากอัลกุรอาน ถือว่า ความมั่นคง เป็นความโปรดปรานอันยิ่งใหญ่ของพระเจ้า และท่านยังชี้ให้เห็นถึงเวทีที่กว้างขวางอย่างมากของผู้รักษาความมั่นคงของประเทศและสังคม โดยท่านกล่าวว่า “ไม่ว่า สถานที่ใดก็ตามที่ไม่มีความมั่นคงและผู้พิทักษ์ที่มีคุณค่าของมัน ความชั่วร้ายก็จะเกิดขึ้น”
ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ถือว่า ความชั่วร้ายที่เขตชายแดน ในเมืองต่างๆ การโจรกรรม การลักลอบขนอาวุธ การค้ายาเสพติด และการแพร่กระจายข่าวลือ ล้วนเป็นตัวอย่างของความพยายามในการสร้างความไม่มั่นคงทั้งสิ้น โดยท่านผู้นำกล่าวเสริมว่า “ทุกคนที่ยืนหยัดต่อสู้กับความชั่วร้ายในแต่ละประเภท ซึ่งจะได้รับตำแหน่งผู้พิทักษ์ความมั่นคง อันน่าภาคภูมิใจแก่เขา”
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ได้กล่าวอธิบายถึงองค์ประกอบหลักและความจำเป็นในการจัดการและการรักษาความมั่นคง โดยท่านกล่าวว่า “บางคนมีการวิเคราะห์และจินตนาการที่แปลกประหลาด เขาคิดว่าการหลีกเลี่ยงจากการผลิตเครื่องมือที่อ่อนไหวต่อเหล่ามหาอำนาจ จอมอหังการ รวมถึงขีปนาวุธ สามารถนำความมั่นคงมาสู่อิหร่านได้ แต่ความคิดและความเข้าใจผิดนี้ จะส่งผลเสียต่อประชาชาติและเจ้าหน้าที่ทั้งหลายจริงๆ เขาบอกว่า จะต้องทำให้ประเทศมีความอ่อนแอ เพื่อที่พวกท่านจะได้มีความมั่นคง”
ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ถือว่า พลังอำนาจของชาติ เป็นวิธีเดียวที่จะเกิดความมั่นคงในอิหร่าน โดยท่านผู้นำกล่าวเสริมว่า “เพื่อรักษาความปลอดภัยของประเทศและสังคมและความก้าวหน้าของอิหร่าน เราจะต้องมีความแข็งแกร่งในทุกด้านทางเศรษฐกิจ วิทยาศาสตร์ การป้องกัน การเมือง การบริหารจัดการ และด้านอื่น ๆ และมีความแข็งแกร่งยิ่งขึ้นในทุกวัน”
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า โศกนาฏกรรมของการยึดครองอิหร่านในสงครามโลกครั้งที่หนึ่งและครั้งที่สอง แม้ว่าจะมีการประกาศถึงความเป็นกลางของประเทศแล้วก็ตาม ซึ่งมีสาเหตุมาจากนโยบายที่ชั่วร้ายของผู้ปกครองที่ไร้ขีดความสามารถหรือผู้ทรยศและมีการพึ่งพา โดยท่านกล่าวเสริมว่า “ด้วยการหันเหจากเครื่องมือแห่งอำนาจที่แท้จริง พวกเขาทำให้ประชาติและประเทศต้องพบกับความอับอาย ความอ่อนแอและความไร้ความสามารถ ในการรักษาความปลอดภัยของตน”
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ได้กล่าวอธิบายถึงประเด็นที่สำคัญเกี่ยวกับความมั่นคง คือ ความจำเป็นในการมีความมั่นคงทางจิตใจของประชาชน โดยท่านกล่าวว่า “ผู้ที่ทำให้ประชาชน รวมถึงในสื่อสังคมออนไลน์ ด้วยบางเนื้อหา ข่าวลือ หรือการวิเคราะห์ และการอธิบายที่ผิดพลาด ทำให้เกิดความวิตกกังวล ความกลัว และความสงสัย ขณะที่อัลกุรอานเรียกพวกเขาว่า มุรญิฟูน เพราะว่า พระผู้เป็นเจ้าทรงรับสั่งให้ศาสดามุฮัมมัด (ศ็อลฯ) ลงโทษพวกเขา หากพวกเขานั้นไม่หยุดกระทำเช่นนี้”
ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ถือว่า บุคคลดังกล่าว มีการวิเคราะห์ที่ผิดพลาดและมีอคติ และท่านผู้นำยังกล่าวถึงผู้ที่เชื่อมโยงกับสื่อสังคมออนไลน์ โดยท่านเน้นย้ำว่า “ทุกสิ่งที่อยู่ในจิตใจของมนุษย์ ไม่ควรเผยแพร่ในสื่อสังคมออนไลน์ แต่ทว่า ควรคำนึงถึงผลกระทบต่ออารมณ์ ความรู้สึก และความคิดของประชาชนด้วย”
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังชี้ให้เห็นถึงปัญหาสื่อสังคมออนไลน์ที่เกิดขึ้นหลายครั้ง ในช่วงหลายสัปดาห์และหลายวันที่ผ่านมา โดยท่านกล่าวว่า “ผู้ที่ตัดสินใจเกี่ยวกับสื่อสังคมออนไลน์ ควรให้ความสนใจว่า ข่าวหรือบทความที่เป็นเท็จ จะทำให้ประชาชนเกิดความหวาดกลัวและสงสัยได้อย่างไร”
ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี กล่าวเสริมว่า “เนื่องจากเจ้าหน้าที่ของประเทศนั้น มีหน้าที่สำคัญเกี่ยวกับความปลอดภัยของเขตชายแดน ตรอกซอกซอย ถนน และชีวิตของประชาชน พวกเขาจึงมีความรับผิดชอบในการรักษาความมั่นคงทางจิตใจของประชาชนอีกด้วย เช่นกัน”
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังชี้ให้เห็นถึง การใช้ประโยชน์จากสงครามที่นุ่มนวลของเหล่าผู้ประสงค์ร้ายของประเทศและประชาชาติต่างๆ เคียงข้างสงครามที่ยากลำบาก โดยท่านกล่าวว่า “การทำให้บรรยากาศทางจิตวิทยาของสังคม ไม่มีความปลอดภัย ถือเป็นหนึ่งในองค์ประกอบของสงครามที่นุ่มนวลนี้ และทุกคนได้เห็นว่า พวกเขาใช้สื่อสังคมออนไลน์ เพื่อก้าวไปสู่เป้าหมายของตนได้อย่างไร”
ช่วงท้ายของส่วนนี้ในการปราศรัย ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลามได้กล่าวกับครอบครัวของบรรดาชะฮีดแห่งความมั่นคงว่า “พวกท่านจงมีความภูมิใจและภูมิใจในบรรดาชะฮีดของพวกท่าน เพราะหากไม่มีพวกเขาและเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยคนอื่นๆ ปัญหาต่างๆมากมายก็จะเกิดขึ้นแก่ประเทศและประชาชาติ ด้วยเหตุนี้เอง ประชาชนทุกคน จะต้องรู้จักคุณค่าของบรรดาชะฮีดเหล่านี้และครอบครัวของพวกเขาด้วย”
ในอีกส่วนหนึ่งของการปราศรัย ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ได้ชี้ให้เห็นถึงอาชญากรรมที่ร้ายแรงของระบอบรัฐเถื่อนไซออนิสต์ในฉนวนกาซ่า รวมถึงการเป็นชะฮีดของเด็กนับหมื่นคน และผู้หญิงมากกว่าหมื่นคน ซึ่งถือเป็นตัวอย่างหนึ่งของอาชญากรรมสงครามที่โหดร้ายที่สุดและความล้มเหลวครั้งใหญ่ของรัฐบาลและองค์กรระหว่างประเทศ เช่น สหประชาชาติ ในการจัดการกับการกระทำดังกล่าว โดยพวกเขาวิพากษ์วิจารณ์ระบอบรัฐเถื่อนนี้ในฉนวนกาซ่าและเลบานอนอย่างรุนแรง โดยท่านผู้นำกล่าวว่า “สงคราม มีกฎเกณฑ์และขีดจำกัด และไม่ใช่ว่า ขอบเขตทั้งหมดจะถูกละเมิดในสงคราม แต่ขบวนการอาชญากรที่ปกครองดินแดนที่ถูกยึดครองได้ทำลายขอบเขตและกฎเกณฑ์ทั้งหมด”
ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ถือว่า มีความจำเป็นสำหรับรัฐบาลต่างๆ โดยเฉพาะรัฐบาลอิสลาม ที่จะต้องยืนหยัดต่อสู้กับระบอบรัฐเถื่อน อาชญากร และการจัดตั้งแนวร่วมกลุ่มพันธมิตรระดับโลกเพื่อต่อสู้ระบอบเพชฌฆาตนี้ โดยท่านผู้นำกล่าวเสริมว่า “การยืนหยัด ไม่ได้หมายถึง การตัดความช่วยเหลือทางด้านเศรษฐกิจ เพราะเห็นได้ชัดว่า การช่วยเหลือต่อระบอบรัฐเถื่อนที่แย่งชิง เป็นหนึ่งในบาปที่น่าเกลียดที่สุดและใหญ่ที่สุด แต่ทว่า การยืนหยัด หมายถึง แนวร่วมกลุ่มพันธมิตรระดับโลก ทางการเมือง เศรษฐกิจ และหากมีความจำเป็นจะต้องเป็นแนวร่วมพันธมิตรทางทหาร เพื่อต่อสู้กับระบอบรัฐเถื่อนที่ชั่วร้ายที่ก่ออาชญากรรมสงครามที่โหดร้ายที่สุด”