คณะเจ้าหน้าที่จัดสัมมนาแห่งชาติเพื่อเทอดเกียรติบรรดาชะฮีด 9,800 คน ในจังหวัดเคอร์มานชาห์ เข้าพบท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม อยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี โดยท่านผู้นำถือว่า เคอร์มานชาห์ เป็นสถานที่รวมตัวและการใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันของกลุ่มชนที่สูงส่ง สำนักคิดต่างๆ และประชาชน ในฐานะผู้พิทักษ์ชายแดนที่ซื่อสัตย์และจริงใจของอิหร่าน และด้วยการเทอดเกียรติให้แก่อยาตุลลอฮ์ อัชรอฟี อิสฟะฮานี อิมามญุมอะฮ์ ชะฮีดแห่งเคอร์มานชาห์ โดยท่านกล่าวว่า “ประชาชนและเยาวชนของเคอร์มานชาห์ ในความหมายทั่วไป พวกเขามีความกล้าหาญและมีความพร้อมในการปกป้องและเป็นเกราะป้องกันประเทศ และลักษณะพิเศษเหล่านี้ ในช่วงเวลาต่างๆ รวมถึงในช่วงสมัยของการป้องกันอันศักดิ์สิทธิ์ และการยืนหยัดต่อสู้ในการเผชิญหน้ากับการรุกรานของศัตรู พวกบาธ และนอกเหนือจากนี้ ก่อนหน้านี้ ยังได้แสดงให้เห็นในการเผชิญหน้ากับเหล่าผู้แบ่งแยกดินแดนที่ทรยศอย่างทันท่วงที”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ได้ตั้งคำถามว่า อะไรคือหน้าที่ของเราในวันนี้ ที่มีต่อมรดกและความทรงจำของบรรดาชะฮีด การเสียสละ และความกล้าหาญของพวกเขา? โดยท่านกล่าวว่า “ความต้องการของประเทศในวันนี้ ที่มีต่อจิตวิญญาณของสาส์นและวิถีชีวิต ผู้ศรัทธาของเยาวชนคนหนุ่มสาวที่บริสุทธิ์ใจนั้น น้อยกว่าในช่วงสงคราม เพราะว่าสงครามในวันนั้น เป็นสงครามฮาร์ดแวร์และเห็นได้อย่างชัดเจน แต่สงครามในวันนี้ เป็นสงครามในรูปแบบผสม”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังชี้ให้เห็นถึงความซับซ้อนของแผนการสมคบคิดของศัตรู ซึ่งเป็นการผสมผสานระหว่างด้านฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ในการโจมตีอิหร่าน โดยท่านกล่าวเสริมว่า “วันนี้ พวกเหล่านี้ใช้ทั้งอาวุธปืน และปฏิบัติการทางจิตวิทยาและอาวุธทางวัฒนธรรม เพื่อเผชิญหน้ากับสาธารณรัฐอิสลาม แน่นอนว่า ปัจจุบันนี้ ไม่ต้องสงสัยเลยว่า พวกเรานั้นมีความแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น ตั้งแต่ช่วงสงครามในภาคบังคับ และขีดความสามารถของประเทศก็เทียบไม่ได้กับยุคสมัยนั้น แต่การเข้าร่วมอยู่ในสมรภูมิและความก้าวหน้าที่ดีในด้านนี้ ยังถือว่าไม่เพียงพอ แต่ทว่า ภารกิจที่มีประสิทธิภาพ จะต้องคำนึงถึงจิตใจ ความคิด ภาษาและการกำหนดทิศทาง”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังชี้ให้เห็นถึงการขับเคลื่อนของบรรดาเยาวชนในการป้องกันประเทศ ในช่วงสงครามภาคบังคับ ถือว่า เยาวชน เป็นองค์ประกอบหลักในการเผชิญหน้ากับเหล่าผู้ประสงค์ร้ายในปัจจุบันนี้ โดยท่านกล่าวว่า “เยาวชนในปัจจุบัน ควรตระหนักถึงคุณค่าและความสำคัญของภารกิจของบรรดาชะฮีดและลักษณะที่โดดเด่นและพิเศษ เช่น ความบริสุทธิ์ใจ และการให้อภัย การเสียสละ และพฤติกรรมของอิสลาม และศาสนบัญญัติของบรรดานักต่อสู้ของเรา เมื่อเปรียบเทียบกับเหล่าทหารที่ไร้กฏเกณฑ์ และการปล้นสะดมประเทศอื่นๆ ควรที่จะรู้จักกันอย่างลึกซึ้ง”

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ถือว่า การประเมินประสิทธิผลของผลผลิตทางวัฒนธรรมและศิลปะ มีความจำเป็นอย่างยิ่ง โดยท่านผู้นำเน้นย้ำว่า “จิตวิญญาณที่ควบคุมการขับเคลื่อนทั้งหมด ควรที่จะมีผลกระทบและผลผลิต โดยเฉพาะในเยาวชนคนรุ่นใหม่ และจะต้องมีการตรวจสอบและมองดูว่า ผลงานของพวกท่านมีประสิทธิผลกับเยาวชนมากน้อยเพียงใด”