สำนักผู้นำสูงสุดซัยยิด อาลี คาเมเนอี

บรรดาชนชั้นนำทางปัญญาหลายร้อยคน เข้าพบท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม

วิธีการเดียวที่จะยุติสงครามในภูมิภาคตะวันออกกลาง คือการลดความชั่วร้ายของสหรัฐ

บรรดาชนชั้นนำทางปัญญาหลายร้อยคน ผู้ได้รับเหรียญรางวัลโอลิมปิกวิชาการและสอบเอ็นทรานซ์มหาวิทยาลัย เข้าพบท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม อยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี โดยท่านผู้นำ ถือว่า มีความจำเป็นในการใช้ประโยชน์สูงสุดจากชนชั้นนำทางปัญญาในภาคส่วนต่างๆ และความจำเป็นที่จะต้องสร้างพื้นฐานสำหรับอิทธิพลของชนชั้นนำทางปัญญาในกิจการต่างๆของประเทศ โดยท่านกล่าวว่า “ปัจจุบันนี้ ภารกิจที่สำคัญมากที่สุดและการญิฮาดของชนชั้นนำทางปัญญา คือ การสร้างขบวนการทางวิชาการและวิทยาศาสตร์ใหม่”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังเน้นย้ำให้เห็นว่า อีกไม่นาน จะมีการพูดคุยเกี่ยวกับประเด็นฉนวนกาซ่าและเลบานอนกับประชาชาติอิหร่าน โดยท่านกล่าวเสริมว่า “รากฐานของปัญหาต่างๆในภูมิภาคนี้(ตะวันออกกลาง) คือ เหล่าบุคคลเยี่ยงสหรัฐอเมริกาและประเทศในยุโรปบางประเทศที่อ้างสันติภาพและความสงบสุขอย่างไม่ถูกต้อง และบนพื้นฐานนี้ วิธีการเดียวที่จะยุติความขัดแย้งและสงครามในภูมิภาคนี้ คือ การลดความชั่วร้ายของประเทศเหล่านี้”

ในช่วงเริ่มต้นของการพบปะกันครั้งนี้ ท่านผู้นำสูงสุดการปฎิวัติอิสลาม ชี้ให้เห็นถึงเหตุการณ์การเป็นชะฮีดของมุญาฮิด (นักต่อสู้) ผู้ยิ่งใหญ่ ซัยยิด ฮะซัน นัศรุลลอฮ์ โดยท่านกล่าวว่า “เรากำลังไว้ทุกไว้อาลัยและโศกเศร้าในวันต่างๆเหล่านี้ และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง ข้าพเจ้านั้นเป็นผู้ไว้อาลัยอย่างจริงจัง เพราะว่า เหตุการณ์การสูญเสียซัยยิด ฮะซัน นัศรุลลอฮ์ นั้นไม่ใช่เป็นเพียงการสูญเสียอย่างเล็กๆ แต่ถึงแม้ว่าจะมีการไว้ทุกข์ไว้อาลัยทั่วประเทศ ทว่า การพบปะกับชนชั้นนำทางปัญญาที่วางแผนไว้แล้วนั้น เราก็ไม่ได้เลื่อนออกไปเป็นเวลาอื่นแต่อย่างใด”

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ถือว่า การพบปะกับชนชั้นนำทางปัญญาตามเวลาที่กำหนด มีความจำเป็นในการให้ความสนใจถึงความสำคัญของปัญหาของชนชั้นนำทางปัญญา โดยท่านผู้นำกล่าวเสริมว่า “สาส์นของการพบปะกันครั้งนี้ กล่าวคือ  แม้ว่าเราจะไว้ทุกข์ไว้อาลัย แต่การไว้ทุกข์ของเราไม่ได้หมายถึง การตีอกชกตัว การซึมเศร้า และความสันโดษ แต่การไว้ทุกข์ของเรานั้นได้รับมาจากการไว้ทุกข์ไว้อาลัยให้กับท่านอิมามฮุเซน ผู้เป็นหัวหน้าของบรรดาชะฮีด (อ.) ซึ่งหมายความว่า เป็นการชุบชีวิต และการให้กำลังใจในการทำงานและความก้าวหน้า และสาส์นนี้ ควรที่จะต้องเข้าไปสู่หัวใจและจิตวิญญาณของพวกเราอย่างแท้จริง”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม กล่าวว่า “พื้นฐานของปัญหาและสาเหตุของความขัดแย้งและสงครามในภูมิภาค คือ การดำรงอยู่ของสหรัฐอเมริกาและประเทศในยุโรปบางประเทศ ซึ่งอ้างสันติภาพและความสงบสุขอย่างไม่ถูกต้อง และหากความชั่วร้ายของพวกเหล่านี้ลดลงจากภูมิภาคนี้ ความขัดแย้งและสงครามก็จะสิ้นสุดลงและประเทศต่างๆ จะสามารถปกครองภูมิภาคและอยู่ร่วมกันได้อย่างสันติสุขและสันติภาพ”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า การยุยงของซัดดัมในการโจมตีอิหร่านและวันต่างๆที่ขมขื่นและยากลำบาก เป็นตัวอย่างของการก่อสงครามของสหรัฐฯ และพวกชาติตะวันตกในภูมิภาค โดยท่านกล่าวเสริมว่า “ความรักในปัจจุบันระหว่างทั้งสองประเทศ กล่าวคือ อิหร่านและอิรัก ซึ่งปรากฏอยู่ในขบวนการเดินเท้าที่ยิ่งใหญ่ในวันอัรบะอีน เป็นตัวอย่างที่ชัดเจน ซึ่งแสดงให้เห็นว่า ปัจจัยหลักของปัญหาต่างๆของภูมิภาคนี้ มาจากผู้เรียกร้องสันติภาพที่เป็นเท็จ ซึ่งความชั่วร้ายของพวกเหล่านี้ ควรถูกกำจัดออกไปจากภูมิภาค ด้วยเตาฟีก(ความสำเร็จ) ของพระเจ้า ความอุตสาหะพยายามของประชาชาติอิหร่านและด้วยความช่วยเหลือจากแรงบันดาลใจของการปฏิวัติอิสลามและความร่วมมือของประชาชาติอื่นๆ”

หลังจากนั้น ท่านอยาตุลลอฮ์ได้กล่าวยกย่องคำพูดที่รอบคอบและมีความหวังของชนชั้นนำทางปัญญา ทั้ง 7 คนและรองประธานาธิบดีฝ่ายวิทยาศาสตร์ในการพบปะกันครั้งนี้ โดยท่านผู้นำกล่าวว่า “คุณลักษณะพิเศษทางปัญญาของเยาวชน คือ การมีความกระตือรือร้นและการคำนึงถึงเป้าหมายที่ยิ่งใหญ่ ซึ่งเป็นสิ่งที่น่าชื่นชมอย่างไม่ต้องสงสัย แต่แบบแผนและโครงการนี้ จะต้องมีการติดตามอย่างต่อเนื่องในรูปแบบข้อเสนอการปฏิบัติได้จริงและมีความเกี่ยวข้องกับหน่วยงานภาคส่วนต่างๆ”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังได้กล่าวต่อไปอีก 3 ประเด็นที่เกี่ยวกับประเด็นในการพบปะกัน กล่าวคือ การให้ความใส่ใจถึงความเป็นจริงของชนชั้นนำทางปัญญาในประเทศ การอนุรักษ์และการเพิ่มจำนวนชนชั้นนำทางปัญญา หน้าที่และความรับผิดชอบของชนชั้นนำทางปัญญา

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม อธิบายในประเด็นแรก กล่าวคือ ความจำเป็นที่ต้องใส่ใจกับความเป็นจริงของชนชั้นนำทางปัญญาในประเทศ ถือว่า ความไม่รู้ในศักยภาพและขีดความสามารถ เป็นหนึ่งในผลเสียที่สำคัญของประเทศ และท่านยังได้เน้นย้ำให้เห็นถึงความจำเป็นในการรับรู้สิ่งต่างๆเหล่านี้ต่อความพยายามของเหล่าผู้ประสงค์ร้ายที่ซ่อนหรือปฏิเสธขีดความสามารถต่างๆ โดยท่านกล่าวว่า “บางคนยังคงเหมือนเมื่อ 100 ปีที่ผ่านมา พวกเขาคิดและปฏิเสธขีดความสามารถทางวิทยาศาสตร์ โดยไม่ยอมรับความจริงที่ว่า ในบรรยากาศและระบบนิเวศของประเทศในปัจจุบัน เหตุการณ์ที่ยิ่งใหญ่และน่าประหลาดใจ อาจจะเกิดขึ้นกับโลกก็ได้

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ถือว่า ชนชั้นนำทางปัญญาและพื้นฐานของการสร้างชนชั้นนำทางปัญญาเป็นทรัพยากรที่สำคัญที่สุดของประเทศ โดยท่านผู้นำกล่าวเสริมว่า “พื้นฐานที่สำคัญที่สุดสำหรับการสร้างชนชั้นนำทางปัญญา คือ การใช้ความฉลาด และอิหร่านเป็นหนึ่งในประเทศชั้นนำของโลกในแง่ของการใช้ความฉลาด”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า มีการละเลยความสนใจต่อชนชั้นนำทางปัญญาและการอบรมชนชั้นนำทางปัญญาในยุคสมัยของทรราช โดยท่านกล่าวว่า “หลังจากการปฏิวัติอิสลาม ได้ให้ความสนใจกับขีดความสามารถต่างๆ ของชนชั้นนำทางปัญญา แต่การให้ความสนใจนี้ด้วยการดึงความสามารถเหล่านี้มาอย่างมากขึ้นในภาคส่วนต่างๆ เช่น น้ำ น้ำมัน ก๊าซ และพลังงาน นิวเคลียร์ นาโน และองค์ความรู้ใหม่ๆ เช่น ปัญญาประดิษฐ์ ควรที่จะเพิ่มเป็นสองเท่า ซึ่งเป็นหน้าที่ของรองประธานาธิบดีฝ่ายวิทยาศาสตร์ด้วย และโดยพื้นฐานแล้ว การก่อตั้งมูลนิธิชนชั้นนำทางปัญญา ด้วยวัตถุประสงค์เพื่อกำหนดชนชั้นนำทางปัญญาและการใช้ประโยชน์จากพวกเขาสำหรับภารกิจที่สำคัญ”

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ถือว่า การรักษาและการเพิ่มจำนวนชนชั้นนำทางปัญญา และการป้องกันไม่ให้พวกเขาหลบหนีและเดินทางออกนอกประเทศ ด้วยความหวังที่ผิด ๆ ขึ้นอยู่กับความรู้สึกของชนชั้นนำทางปัญญาที่มีอิทธิพลต่อประเทศ โดยท่านผู้นำกล่าวเสริมว่า “ชนชั้นนำทางปัญญาที่ประสบกับการปิดสถาบันวิจัยหรือหน่วยงานของรัฐบางแห่ง รู้สึกได้ถึงการไร้ประสิทธิภาพและสำหรับการแสวงหาปัจจัยยังชีพ ย่อมนำไปสู่อาชีพที่เขา จะไม่เป็นชนชั้นนำทางปัญญาอีกต่อไป”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม เน้นย้ำให้เห็นถึงความจำเป็นที่จะต้องมีกลไกอันเฉพาะ สำหรับการเข้าถึงของชนชั้นนำทางปัญญาและการนำเสนอขีดความสามารถของพวกเขา โดยท่านกล่าวว่า “รองประธานาธิบดีฝ่ายวิทยาศาสตร์ สามารถเป็นตัวเชื่อมในประเด็นนี้ได้ด้วยเช่นกัน แน่นอนว่า หน่วยงานของรัฐทุกแห่ง ควรใช้ประโยชน์จากกลุ่มชนชั้นนำทางปัญญาและสร้างความรู้สึกในกลุ่มชนชั้นนำว่า การดำรงอยู่ของพวกเขานั้นมีประสิทธิภาพและมีประโยชน์”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ได้ชี้ให้เห็นถึงการเดินทางออกนอกประเทศของชนชั้นนำทางปัญญาบางส่วน โดยมีเป้าหมายเพื่อการเติบโตและความต่อเนื่องของการวิจัยทางวิทยาศาสตร์ เนื่องจากการมีอยู่ของพื้นฐานต่างๆในบางประเทศ ท่านผู้นำถือว่า การจัดเตรียมสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับการวิจัยและพัฒนาทางวิทยาศาสตร์ เป็นสิ่งที่มีความจำเป็นอย่างยิ่ง โดยท่านเน้นย้ำว่า “อีกเวทีหนึ่งในการแสดงบทบาทของชนชั้นนำทางปัญญา คือ การก่อตัวของกลุ่มนักคิดในฐานะที่เป็นศูนย์รวมของชนชั้นนำทางปัญญา ทุกสาขา วิทยาศาสตร์ และในประเด็นนี้อีกเช่นกัน รองประธานาธิบดีฝ่ายวิทยาศาสตร์ก็ต้องมีการเชื่อมโยงกับศูนย์กลางที่เกี่ยวข้อง ในขณะที่ระบบราชการที่เป็นอันตรายถึงชีวิตต่อจิตวิญญาณอันละเอียดอ่อนของชนชั้นนำทางปัญญา จะต้องถูกกำจัดออกไป”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ได้กล่าวอธิบายถึงแกนหลักที่สามของประเด็นที่เกี่ยวข้องกับชนชั้นนำทางปัญญา กล่าวคือ ความรับผิดชอบและหน้าที่ของพวกเขา โดยท่านกล่าวเสริมว่า “ความรับผิดชอบของชนชั้นนำทางปัญญานั้นมีมากกว่าความรับผิดชอบของประชาชนทั่วไป เพราะว่าพวกเขานั้นได้รับความโปรดปรานจากพระผู้เป็นเจ้า มากกว่าผู้อื่น อาทิเช่น ความรู้ เกียรติและศักดิ์ศรี และความมั่งคั่ง”

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ถือว่า ความรับผิดชอบของชนชั้นนำทางปัญญาต่อการตื่นตัวทางวิทยาศาสตร์ของประเทศ มีความสำคัญเป็นอย่างมาก โดยท่านผู้นำตั้งข้อสังเกตว่า “การตื่นตัวทางวิทยาศาสตร์ได้เกิดขึ้นในช่วงเวลาหนึ่ง สถาบันและมหาวิทยาลัยต่างๆก็ให้การยอมรับ ซึ่งส่งผลให้การเติบโตทางวิทยาศาสตร์ของประเทศนั้น มีความรวดเร็วเพิ่มขึ้น ซึ่งแน่นอนว่า ได้มีการพูดคุยกันในเวลานั้น แต่ทว่า ความรวดเร็วของการเติบโตนี้ได้ชะลอตัวลง”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังชี้ให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วของวิทยาศาสตร์ในโลก เรียกร้องให้กลุ่มชนชั้นนำทางปัญญา ทำการญิฮาดสำหรับการตื่นตัวทางวิทยาศาสตร์ โดยท่านเน้นย้ำว่า “ประเทศต้องการการตื่นตัวและขบวนการเคลื่อนไหวทางวิทยาศาสตร์รูปแบบใหม่ ซึ่งเป็นหน้าที่ของชนชั้นนำทางปัญญา แน่นอนว่า ศูนย์วิทยาศาสตร์และการวิจัยก็เช่นเดียวกัน มีความรับผิดชอบในด้านนี้ แต่ปัจจัยหลัก คือ บุคคลชนชั้นนำทางปัญญา”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า การสถาปนาขบวนการวิทยาศาสตร์ใหม่ เป็นการญิฮาดของชนชั้นนำทางปัญญา และท่านเน้นย้ำให้เห็นว่า การขับเคลื่อนและการตื่นตัวทางวิทยาศาสตร์ครั้งใหม่ จะนำไปสู่ความเหนือกว่าคู่แข่งและเหล่าผู้ประสงค์ร้าย โดยท่านกล่าวว่า “ผลลัพธ์ประการหนึ่งของความเหนือกว่าทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี คือ มือของศัตรูจะสั้นลงจากการก่อความเสียหายแก่ประชาชนในฉนวนกาซ่าและชานเมืองเบรุต และจะป้องกันการลอบวางเพลิงที่จะเผาหัวใจทั้งหลายได้อีกด้วย”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ในคำแนะนำอีกประการหนึ่ง ท่านได้ชี้ให้เห็นถึงช่องว่างขนาดใหญ่ระหว่างจำนวนบริษัทฐานความรู้และอัตราที่คาดการณ์ไว้ในแบบแผนฉบับที่ 7 ซึ่งท่านเน้นย้ำถึงความจำเป็นในการเพิ่มจำนวนของบริษัทต่างๆ โดยท่านกล่าวว่า “แน่นอนว่า การเพิ่มขึ้นเหล่านี้ไม่ควรกระทำโดยลดตราเกียรติยศของบริษัทฐานความรู้ลง และในลักษณะที่บริษัทนั้น ไม่ควรที่จะเป็นฐานความรู้ แต่ทว่า ควรจะต้องมีความเข้มงวดในด้านการประเมินผล”

ในช่วงเริ่มต้นของการพบปะกันครั้งนี้ ดร. ฮุเซน อัฟชีน  รองประธานาธิบดีฝ่ายวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และเศรษฐกิจฐานความรู้ และประธานมูลนิธิชนชั้นนำทางปัญญาแห่งชาติ กล่าวว่า  “ปัจจุบันนี้ เทคโนโลยี ได้กลายเป็นองค์ประกอบหลักของอำนาจในโลก และการสร้างห่วงโซ่อุปทานและการปรากฏในระดับแนวหน้าของเทคโนโลยี ถือเป็นความสำคัญเชิงกลยุทธ์” เขายังกล่าวรายงานถึงแบบแผนงานในอนาคตของหน่วยงาน เพื่อมุ่งสู่ทิศทางการเพิ่มอำนาจของเทคโนโลยี รวมถึงในด้านการพัฒนาโปรแกรมปัญญาประดิษฐ์ที่ครอบคลุมอีกด้วย

นอกจากนี้ สมาชิกทั้ง 7 คนของมูลนิธิชนชั้นนำทางปัญญาแห่งชาติ ได้แก่

-มีลาด ลุฏฟี นักศึกษาปริญญาเอก สาขาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ

-ฮุจญัต มิยอนออบอดี ปริญญาเอก ด้านการจัดการน้ำ

-ซัยยิด อะลี มะดะนี ซอเดห์ ปริญญาเอก สาขาเศรษฐศาสตร์และผู้ได้รับเหรียญทองแดงของการแข่งขันคณิตศาสตร์โอลิมปิกโลกปี 2000

- ระซูล ละวาอี ปริญญาเอก ด้านการพัฒนาการเกษตรและผู้ได้รับเหรียญรางวัลทางวิชาการของมูลนิธิชนชั้นนำทางปัญญา

-ซัจญาด อินติชอรี ปริญญาเอก ด้านการจัดการทรัพยากรน้ำและผู้ได้รับเหรียญรางวัลทางวิชาการของมูลนิธิชนชั้นนำทางปัญญา

-   

และสตรี ได้แก่

- มัรยัม ริซอพูร ปริญญาเอก สาขาวิศวกรรมอุตสาหการ และอันดับหนึ่งในหลักสูตรปริญญาเอก

และ ฮันนาเนห์ คุรรัมดัชตี นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย โรงเรียนมัธยมฟัรซอเนกอน 2  และผู้คว้าเหรียญทองจากการแข่งขันดาราศาสตร์และฟิสิกส์ดาราศาสตร์โลก ประจำปี 2024

โดยพวกเขาเหล่านี้ได้แสดงความคิดเห็นและข้อเสนอแนะเกี่ยวกับประเด็นต่างๆ ของประเทศ ดังนี้

ความจำเป็นในการเปลี่ยนแปลงการทูตทางวิทยาศาสตร์ของประเทศ ด้วยการปรับปรุงกระบวนการสรรหานักศึกษาระดับชนชั้นนำทางปัญญาในระดับภูมิภาคและระดับนานาชาติ การสร้างแพลตฟอร์มสำหรับการเพิ่มการใช้ปัญญาประดิษฐ์ในด้านที่มีความสำคัญ เช่น พลังงาน ความมั่นคงทางอาหาร โลจิสติกส์  และ  นโยบายการเงิน  การแก้ไขความขัดแย้งทางผลประโยชน์ในนโยบายทางน้ำ การใช้อุปกรณ์ซอฟเพาเวอร์และขีดความสามารถขององค์กรความร่วมมือระดับภูมิภาคสำหรับการปรับปรุงการทูตด้านน้ำ การบรรลุยังเป้าหมายของโครงการพัฒนาและเอกสารต้นทางด้วยการเพิ่มขีดความสามารถให้กับระบบการปกครองของประเทศและระดมชนชั้นนำทางปัญญา การยกระดับทุนมนุษย์ด้วยการจัดเตรียมทักษะการบริหารให้กับชนชั้นนำทางปัญญา และการแก้ไขกระบวนการสรรหาชนชั้นนำทางปัญญาในสำนักงานต่างๆ การขจัดอัตราเงินเฟ้อเชิงโครงสร้างและกฎหมายด้วยการถอดออกจากสภาคู่ขนาน และการจัดตั้งคณะกรรมการกำกับดูแลความก้าวหน้า การปฏิรูปกระบวนการสอบเข้ามหาวิทยาลัยด้วยขจัดเงาหนักของเกรดสุดท้ายเพื่อเข้าสู่มหาวิทยาลัย การจัดทำแบบอย่างที่ดีและการส่งเสริมวิถีชีวิตทางวิทยาศาสตร์สำหรับยุวชน การลดข้อจำกัดอายุในการเข้าร่วมการแข่งขันวิทยาศาสตร์โอลิมปิก การสร้างความมั่นคงทางอาหารด้วยการจัดการเศษอาหารและความจำเป็นของการมีศูนย์กลางเพื่อนำรูปแบบการดำเนินงานในการเปลี่ยนชายฝั่งมักรอน ให้เป็นเมืองหลวงทางเศรษฐกิจของประเทศ ทั้งหมดเหล่านี้ ล้วนเป็นประเด็นต่างๆที่กลุ่มชนชั้นนำทางปัญญากล่าวถึงในการพบปะกับท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม

 

700 /