ประธานาธิบดี พร้อมคณะรัฐบาลชุดที่ 14 เข้าพบท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม อยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ถือเป็นการพบปะกันครั้งแรก หลังจากการเลือกตั้งประธานาธิบดีคนใหม่ โดยท่านผู้นำแสดงความขอบคุณสำหรับการจัดตั้งรัฐบาลอย่างรวดเร็วด้วยความอุตสาหะพยายามของประธานาธิบดีและความช่วยเหลืออันทรงคุณค่าของรัฐสภา และท่านอธิบายถึงประเด็นต่างๆที่สำคัญ ดังเช่น การจัดลำดับความสำคัญอย่างเร่งด่วน รวมทั้งปัญหาเงินเฟ้อและสินค้าราคาแพง วิธีการคัดเลือกผู้บริหารจัดการและผู้ร่วมงาน การปรากฏตัวในหมู่ประชาชน ความจำเป็นของการกำกับดูแลทางกฎหมายในโลกไซเบอร์ และการใส่ใจต่อการผลิต ทั้งหมดเหล่านี้ ล้วนเป็นกุญแจที่สำคัญในการแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจ
ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ยังกล่าวยกย่องและเทอดเกียรติต่อการขับเคลื่อนที่ยิ่งใหญ่ในวันอัรบะอีนของประชาชน และแสดงความยินดี เนื่องในวโรกาสสัปดาห์รัฐบาล และเทอดเกียรติในการรำลึกถึงบรรดาชะฮีด รอญาอี และบาฮุนัร ตลอดจนชะฮีด ระอีซี พร้อมทั้งผู้ร่วมทางของเขา โดยท่านผู้นำกล่าวแสดงความหวังว่า สัปดาห์ของรัฐบาลตลอดหลายปีที่ผ่านมา ในการรับใช้ของรัฐบาลชุดที่สิบสี่นี้ ถือเป็นสัปดาห์แห่งความหวัง มีข่าวดี และมีการรายงานที่สร้างความสุข
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า การจัดตั้งรัฐบาลอย่างตรงต่อเวลา เป็นพระมหากรุณาธิคุณของพระผู้เป็นเจ้าและเป็นความโปรดปรานอันใหญ่หลวงของพระองค์ และท่านได้กล่าวขอบคุณทุกคนที่ช่วยเหลือในการบริหารประเทศอย่างปกติและการเลือกตั้งที่ปลอดภัย หลังจากเหตุการณ์อันน่าสลดใจในการเป็นชะฮีดของประธานาธิบดีระอีซี พร้อมทั้งผู้ร่วมทางของเขา รวมถึงผู้ที่เกี่ยวข้องกับรัฐบาลชุดที่ผ่านมา ทั้งสื่อระดับชาติ และหน่วยงานอื่นๆ
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม กล่าวอธิบายถึงวิธีการปรึกษาหารือของประธานาธิบดีกับท่านในกรณีคณะรัฐมนตรี โดยท่านกล่าวว่า “ขอยืนยันว่า ข้าพเจ้านั้นรู้จักพวกเขาจำนวนหนึ่ง ก็ต้องยอมรับในคุณสมบัติของพวกเขาที่ได้รับมาจากแหล่งที่มาที่น่าเชื่อถือได้และเน้นย้ำถึงชื่อของบางคน แต่ทว่า ข้าพเจ้าบอกว่าไม่มีความคิดเห็นเกี่ยวกับอีกจำนวนหนึ่ง เนื่องจากข้าพเจ้าไม่รู้จักพวกเขา ซึ่งพวกเขาก็สามารถโน้มน้าวรัฐสภาและรับคะแนนไว้วางใจได้ทั้งหมด”
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม กล่าวเสริมว่า “วันนี้ รัฐมนตรี ผู้มีเกียรติทุกคนที่ได้รับความไว้วางใจจากประธานาธิบดีและรัฐสภา ล้วนเป็นเจ้าหน้าที่ในระดับสูงของประเทศ และหน้าที่ของทุกคน คือ การสนับสนุนและช่วยให้พวกเขาประสบความสำเร็จ”
ในประเด็นแรกของการปราศรัยต่อรัฐบาลชุดใหม่ ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ได้กล่าวถึงโอกาสที่จะรับใช้ประชาชนและความพยายามที่จะทำให้ประเทศได้รับความก้าวหน้า ถือเป็นความโปรดปรานอันยิ่งใหญ่จากพระผู้เป็นเจ้า โดยท่านผู้นำกล่าวเสริมว่า “จะต้องรู้จักคุณค่าต่อความไว้วางใจของพระเจ้าและประชาชน และทราบด้วยว่าโอกาสของ 4 ปี ในการรับใช้ จะผ่านไปอย่างรวดเร็ว ดุจดั่งสายฟ้าแลบและพายุที่พัดพา แน่นอนว่า ในช่วงเวลานี้ ภารกิจที่ยิ่งใหญ่สามารถกระทำได้ ดังเช่นที่ อะมีร กะบีร ได้กระทำภารกิจที่ยิ่งใหญ่ภายใน 3 ปี และ ระอีซี ผู้ทรงเกียรติ ก็ได้สร้างรากฐานที่ดีในเวลาประมาณ 3 ปีของการรับใช้ ซึ่งหากพระเจ้าทรงประสงค์ จะเห็นผลลัพท์ของมันในประเทศ”
ในประเด็นที่สอง ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า การรู้จักการเงินและศักยภาพต่างๆ เป็นเงื่อนไขในการเพิ่มประสิทธิภาพของรัฐบาล โดยท่านกล่าวว่า “มีตัวอย่างมากมายในอดีตที่เจ้าหน้าที่บางคนไม่รู้จักหรือไม่เชื่อในศักยภาพของประเทศ ด้วยเหตุนี้เอง จึงเกิดความสูญเสียแก่ประเทศ”
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า ศักยภาพทางธรรมชาติอย่างมากมายและมีคุณค่า สถานภาพทางภูมิศาสตร์ การเชื่อมผ่านเส้นทางจากเหนือ ใต้ ตะวันตก และตะวันออกของโลก และมีชายหาดที่ทอดยาว ล้วนเป็นศักยภาพทางด้านวัตถุ โดยท่านกล่าวเสริมว่า “ความศรัทธาทางศาสนาและการเมืองของประชาชน ศักยภาพของมนุษย์ และเยาวชนที่ได้รับการศึกษาหลายล้านคน ความมั่งคั่งที่ไม่อาจทดแทนได้ หากเรารู้จักสิ่งเหล่านี้และใช้ความคิดและพลังงานของพวกเขา ปัญหาต่างๆ มากมายก็จะได้รับการแก้ไข”
ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ถือว่า ประชาชาติอิหร่านมีศักยภาพในการสร้างอัจฉริยะ และท่านผู้นำยังชี้ให้เห็นถึงบุคคลที่มีชื่อเสียง เช่น ควอญะฮ์ นะซีรุดดิน ฏูซี อิบนุซีนา มุลลาศ็อดรอและซะการิยา รอซี โดยท่านกล่าวว่า “พวกเขาเหล่านี้ เป็นสัญลักษณ์ของศักยภาพอันไม่มีที่สิ้นสุดของการโบยบินทางความคิดของประชาชาติอิหร่าน และบัดนี้ เราสามารถที่จะปลูกฝังอัจฉริยะจากเยาวชนที่มีขีดความสามารถของประเทศได้”
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า ศักยภาพทางการเมือง ความลึกซึ้งเชิงยุทธศาสตร์ และอำนาจในระดับภูมิภาค เป็นศักยภาพอื่นๆ ของอิหร่าน โดยท่านกล่าวเสริมว่า “ประสบการณ์เชิงบวกและเชิงลบในช่วง 45 ปีที่ผ่านมา ถือเป็นประเด็นที่มีคุณค่าที่สุดที่ควรจะนำมาให้ความสนใจ”
การชี้แจงประเด็นสำคัญในการคัดเลือกผู้ร่วมงานของรัฐบาลใหม่ ถือเป็นประเด็นประการที่สามจากการปราศรัยของท่านผู้นำสูงสุดในการพบปะกันครั้งนี้ โดยท่านกล่าวว่า “พวกท่านจะต้องคัดเลือก ผู้ร่วมงานที่เป็นเยาวชน ผู้มีศรัทธา นักการปฏิวัติอิสลาม มีความมุ่งมั่น และมีแรงบันดาลใจ เพื่อคลี่คลายปมและด้วยการฝึกฝนพวกเขาในระดับการบริหารจัดการที่แตกต่างกันจากล่างสุด จะเกิดนักบริหารจัดการรุ่นที่มีความโดดเด่นและเต็มไปด้วยแรงบันดาลใจสำหรับอนาคตของประเทศ”
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม กล่าวแนะนำกับประธานาธิบดีว่า “การจ้างงานเยาวชนคนหนุ่มสาวจำนวนหนึ่งร้อยคนที่มีคุณสมบัติเหล่านี้ และเมื่อสิ้นสุดรัฐบาล จะเกิดความเปลี่ยนแปลงในการผลิตผู้บริหารร้อยคนที่แข็งแกร่งและมีความพร้อม ซึ่งภารกิจนี้ จะเป็นภารกิจที่ยิ่งใหญ่อย่างมาก แน่นอนว่า ชะฮีดระอีซี ก็ประสบความสำเร็จในด้านนี้ด้วยเช่นกัน”
ในประเด็นต่อมา ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังชี้ให้เห็นถึงคำกล่าวของประธานาธิบดีที่เกี่ยวกับประเด็นผู้เชี่ยวชาญ โดยท่านเน้นย้ำว่า “ข้าพเจ้ามีความเห็นอย่างแน่วแน่ในการใช้ประโยชน์จากบรรดาผู้เชี่ยวชาญ เพราะว่า ภารกิจนี้ในขณะที่ประเทศก้าวหน้าและยังทำให้ประชาชนมีความพอใจ ทำให้มีการปกครองที่ชาญฉลาดและมีปัญญา และรอดพ้นออกจากวงจรการทำงานแบบสังสรรค์ มาเป็นแบบมิตรภาพ และมีคำแนะนำ”
ขณะเดียวกัน ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม เน้นย้ำว่า “ในการใช้ประโยชน์จากผู้เชี่ยวชาญ เราควรระวังอย่าสร้างความรู้สึกผิดๆ ให้กับอาภรณ์และวรรณกรรมของผู้เชี่ยวชาญ”
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ได้ยกหลักฐานจากคำกล่าวของท่านอะมีรรุลมุอ์มินีน อะลี (อ.) โดยท่านกล่าวเสริมว่า “ในการปรึกษาหารือและขอความคิดเห็นจากผู้เชี่ยวชาญ เราไม่ควรปรึกษากับคนตระหนี่ คนขี้ขลาด และคนโลภ เพราะว่า อารมณ์ พฤติกรรมของพวกเหล่านี้ จะส่งผลต่อความคิดเห็นและการให้คำปรึกษาของผู้เชี่ยวชาญและจะทำให้เกิดปัญหา”
ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ถือว่า ความศรัทธา ความซื่อสัตย์ การรู้จัก และความเชื่อมั่นในความสามารถในประเทศและระดับชาติ เป็นคุณลักษณะที่จำเป็นของผู้เชี่ยวชาญที่มีประโยชน์ โดยท่านผู้นำกล่าวว่า “ผู้เชี่ยวชาญที่กำลังมองหาวิธีการที่ยกเลิกไปแล้วและเก่า อีกทั้งไม่มีคุณค่าของพวกต่างชาติ ถือว่า พวกเขาไม่มีประโยชน์เลย”
อีกคำแนะนำประการหนึ่งของท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลามที่มีต่อเจ้าหน้าที่ของรัฐฯ คือ การปรากฏตัวในหมู่ประชาชน โดยท่านกล่าวว่า “อย่าไปสนใจคำพูดที่ว่า ถ้าพวกท่านเดินทางเยือนต่างจังหวัด เขาจะบอกว่าเป็นประชานิยม เพราะว่า การรับรู้บริบทของชีวิตประชาชน เป็นไปไม่ได้ด้วยกระเป๋าเอกสารและรายงานที่เป็นลายลักษณ์อักษร แม้ว่าจะมีรายงานที่ดีก็ตาม ด้วยเหตุนี้เอง พวกท่านจะต้องติดตามการเดินทางเยือนต่างจังหวัดและการปรากฏตัวในหมู่ประชาชน รวมทั้งหมู่บ้านและการตัดสินใจโดยอาศัยการสังเกตและคำบอกเล่า”
ประเด็นที่สำคัญประการต่อไปที่ท่านอยาตุลลอฮ์คาเมเนอีได้กล่าวถึง กล่าวคือ ประเด็นความยุติธรรม ซึ่งถือว่า เป็นหนึ่งในตัวชี้วัดของรัฐอิสลามและการปฏิวัติอิสลาม
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังชี้ให้เห็นว่า การอนุมัติและการดำเนินการตามโครงการและกฎหมายต่างๆ ถือว่า การกำหนดผลกระทบที่มีต่อกระบวนการยุติธรรมเป็นสิ่งที่สำคัญอย่างมาก และท่านได้ตั้งข้อสังเกตว่า “เมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา เราได้หยิบยกประเด็นภาคผนวกของความยุติธรรมขึ้นมา และบอกว่า ภาคผนวกของความยุติธรรม ควรเตรียมพร้อมสำหรับทุกกฎหมายและการตัดสินใจที่สำคัญทั้งหมด ซึ่งมัรฮูมระอีซี ก็มีความก้าวหน้าในด้านนี้และได้ทำงานไปบ้างแล้ว แต่ก็ยังไม่สมบูรณ์”
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า ภาคผนวกของความยุติธรรม ไม่ใช่การงานธุรการ กระดาษ แบบฟอร์ม และพิธีการที่แนบกับกฎหมาย แต่เป็นเรื่องจริงในเนื้อหาของกฎหมายและโครงการต่างๆ โดยท่านกล่าวเสริมว่า “ภาคผนวกของความยุติธรรม หมายถึง ศูนย์กลาง เช่น องค์กรการวางแบบแผนและงบประมาณที่รับผิดชอบในการตัดสินใจหรือการจัดทำร่างญัตติและกฎหมายหรือกลุ่มในนามของประธานาธิบดี ควรจะต้องวัดผลกระทบของโครงการและกฎหมายต่อตัวชี้วัดความยุติธรรมทางสังคม รวมถึงช่องว่างระหว่างชนชั้น และหากเกิดช่องว่างทางชนชั้นเพิ่มขึ้น พวกเขาจะต้องยกเลิกส่วนนั้นของโครงการ”
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังชี้ให้เห็นถึงข้อมูลที่เกี่ยวกับการผลิตซอฟต์แวร์ของกลุ่มเยาวชนมหาวิทยาลัยจำนวนหนึ่ง ซึ่งตรงตามโครงการและกฎหมายโดยยึดภาคผนวกของความยุติธรรม โดยท่านให้คำแนะนำต่อบรรดาเจ้าหน้าที่ให้เชิญกลุ่มนี้และใช้ประโยชน์จากผลิตภัณฑ์ของพวกเขา หากเห็นว่ามีประโยชน์ โดยท่านเน้นย้ำว่า “ความยุติธรรมด้วยการแสดงออกทางภาษา และการอธิบายที่ซ้ำซาก ไม่อาจบรรลุผล แต่ทว่า จะต้องใช้แรงจูงใจ และการเข้าสู่ภาคสนาม ซึ่งช่างโชคดียิ่งนักที่แรงจูงใจนี้มีอยู่ในตัวประธานาธิบดีและควรกระทำในลักษณะที่ไม่มีเจ้าหน้าที่คนใดสามารถฝ่าฝืนเส้นทางสู่ความยุติธรรมได้”
ในคำแนะนำประการที่เจ็ด ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ได้ให้ความสนใจกับการระมัดระวังในการจัดลำดับความสำคัญต่างๆโดยคำนึงถึงทรัพยากรและโอกาสที่มีจำกัด และภารกิจต่างๆ มากมายที่รออยู่ข้างหน้า โดยท่านผู้นำกล่าวเสริมว่า “ลำดับความสำคัญบางประการเกี่ยวข้องกับปัญหาเร่งด่วน เช่น ปัญหาเงินเฟ้อและราคาที่สูงขึ้น ซึ่งจะต้องได้รับการแก้ไขอย่างเหมาะสม แต่ลำดับความสำคัญบางประการ หมายถึง ปัญหาด้านโครงสร้างพื้นฐานซึ่งหากเพิกเฉยในวันนี้ จะต้องเริ่มต้นทำงานในอีก 10 ปีหลังจากนี้”
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า พลังงานนิวเคลียร์ เป็นหนึ่งในลำดับความสำคัญด้านโครงสร้างพื้นฐานและจำเป็นสำหรับอนาคตของประเทศ และปฏิเสธบางความคิดเห็นที่น่าสงสัยบางประการเกี่ยวกับประโยชน์ของมัน โดยท่านกล่าวว่า “ประเทศไม่สามารถที่จะพรากจากปัญหาทางวิทยาศาสตร์ เทคนิค และความก้าวหน้าของโลกได้ และ ด้วยการล้าหลังบนเส้นทางนี้มานานหลายปีแล้วจะต้องมองหาจุดเริ่มต้นของมัน”
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า แผนการของรัฐบาลที่จะเสร็จสิ้นบนเส้นทางเหนือ-ใต้และตะวันออก-ตะวันตก โดยคำนึงถึงความสามารถในการสื่อสารที่สำคัญของประเทศ เป็นลำดับความสำคัญอีกประการหนึ่งที่ไม่อาจละเลย โดยท่านกล่าวเสริมว่า “ประเด็นความมั่นคงทางอาหาร การพึ่งตนเองในข้าวสาลี วิธีการชลประทานแบบใหม่ในการเกษตร การพัฒนาภาคส่วนน้ำมันต้นน้ำและการใช้สิ่งอำนวยความสะดวกให้มากที่สุดเพื่อประยุกต์วิธีการสกัดน้ำมันและก๊าซแบบใหม่ ตลอดจนการผลิตผลิตภัณฑ์ต่างๆ มากมายในภาคปลายน้ำ ถือเป็นลำดับความสำคัญที่สำคัญอื่นๆ ที่ประเทศกำลังเผชิญอยู่”
ประเด็นเรื่องพื้นที่เสมือนจริง เป็นประเด็นประการที่แปดของท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลามที่กล่าวถึงเจ้าหน้าที่รัฐบาล โดยท่านกล่าวว่า “ทุกวันนี้ พื้นที่เสมือนจริงไม่ใช่เสมือนจริงอีกต่อไป แต่เป็นความจริงที่กำลังพัฒนาในชีวิตของผู้คน ดังนั้น จึงต้องมีหลักนิติธรรมในโลกไซเบอร์”
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า การตีความพื้นที่เสมือนจริงของประเทศก่อนหน้านี้ว่าถูกละทิ้ง เนื่องจากขาดการกำกับดูแลทางกฎหมาย โดยท่านกล่าวว่า “หากพวกท่านมีช่องว่างทางกฎหมายในด้านนี้ ให้สร้างกฎหมายที่จำเป็นและควบคุมงานตามนั้น เช่นเดียวกับทุกคนในโลกก็กระทำสิ่งนี้อย่างจริงจัง ดังที่พวกท่านเห็นแล้วว่า ชาวฝรั่งเศสได้จับกุมบุคคลนั้นในข้อหาละเมิดกฏหมายของตน”
ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี เน้นย้ำว่า “การละเมิดกฏหมาย เป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้ ประเทศอยู่ในมือของพวกท่านแล้ว และพวกท่านมีหน้าที่และภารกิจต่อประเทศนั้น อีกทั้งพวกท่านไม่ควรปล่อยให้พวกเขาละเมิดกฎหมายของพวกท่าน”
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังชี้ให้เห็นถึงความชัดเจนของพื้นฐานคำกล่าวของท่านเกี่ยวกับโลกไซเบอร์ ขณะเดียวกัน ก็มีบางคนยืนกรานว่า ได้รับรู้ผิดหรือเข้าใจผิด โดยท่านกล่าวว่า “หากโลกไซเบอร์ในประเทศมีกฏหมาย ก็จะกลายเป็นโอกาส แต่ถ้าไม่มีกฏหมายก็จะกลายเป็นภัยคุกคาม”
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ได้กล่าวถึงประเด็นโลกไซเบอร์ โดยให้ความสนใจต่อประเด็นที่สำคัญของปัญญาประดิษฐ์และความรวดเร็วที่แปลกและน่าประหลาดใจของเทคโนโลยีนี้ในโลกอีกครั้ง โดยท่านกล่าวว่า “บัดนี้ หน่วยงานทางทหารและพลเรือนของเรา กำลังใช้เทคโนโลยีนี้ แต่การใช้งานจากสิ่งนี้ ไม่ควรหลอกลวงเรา เพราะว่าการใช้ประโยชน์ไม่ได้มีความเป็นพิเศษอะไร ทว่าจะต้องเข้าใจถึงขั้นตอนที่ลึกซึ้งและความหลากหลายของเทคโนโลยีนี้”
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า การล้าหลังในการเรียนรู้ปัญญาประดิษฐ์ขั้นลึก เป็นเหตุให้มีการสร้างโดเมนที่พิเศษอื่นๆ เช่น พลังงานปรมาณูในมือของประเทศที่ครอบงำเทคโนโลยีนี้ โดยท่านกล่าวเสริมว่า “เหล่านักฉวยโอกาสและผู้แสวงหาอำนาจของโลก จะสร้างหน่วยงานปัญญาประดิษฐ์ในอนาคตและจะไม่ยอมให้ประเทศอื่นเข้าสู่บางภาคส่วน และขั้นตอนต่างๆของมันได้”
ในคำแนะนำประการที่เก้า ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า การผลิต การเสริมสร้างความเข้มแข็ง และการเพิ่มอุปทาน เป็นกุญแจที่สำคัญในการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจของประเทศ โดยท่านกล่าวว่า “ด้วยการเสริมสร้างความเข้มแข็งและมีความจริงจังในปัญหาการผลิต ปัญหาเงินเฟ้อ การสร้างงาน และมูลค่าของสกุลเงินของชาติ จะได้รับการแก้ไข”
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า ความก้าวหน้าทางการผลิตของชาติ จำเป็นทีจะต้องได้รับการช่วยเหลือของรัฐบาลและปรับปรุงประเด็นต่างๆ เช่น สภาพแวดล้อมทางธุรกิจ และท่านยังชี้ให้เห็นถึงการพบปะของท่านกับกลุ่มผู้ประกอบการ เมื่อไม่กี่เดือนที่ผ่านมา โดยท่านกล่าวว่า “ขีดความสามารถของนักเคลื่อนไหวในภาคส่วนการผลิต คือ สิ่งที่น่าทึ่งใจเป็นอย่างมาก ซึ่งทุกคนต่างเชื่อว่า การเสริมสร้างความเข้มแข็งในการผลิตของพวกเขา ต้องการการช่วยเหลือจากรัฐบาล”
ในคำแนะนำอีกประการหนึ่ง ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ชี้ให้เห็นถึงอันตรายของการแก่ก่อนวัยของประชากรของประเทศ โดยเน้นย้ำว่า มีความจำเป็นของพลวัตและความยืดหยุ่นของนโยบายให้สอดคล้องกับความต้องการของประเทศ โดยท่านผู้นำกล่าวว่า “รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ควรติดตามประเด็นเรื่องประชากรอย่างจริงจัง และดำเนินการด้วยมาตรการที่จำเป็น รวมทั้งติดตามการตรวจสอบเครือข่ายสุขภาพ ขจัดอุปสรรคต่อการเติบโตของประชากร เนื่องจากประเทศต้องการประชากร วัยเยาวชนคนหนุ่มสาว และหากต้องเผชิญกับผลอันขมขื่นจากการสูงวัยของประชากร ก็ไม่มีทางรักษาได้”
ในคำแนะนำประการที่สิบเอ็ด ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี เน้นย้ำให้เห็นถึงความไม่หวาดกลัวอุปสรรคต่างๆ และท่านชี้ให้เห็นความจริงที่ว่า ไม่มีแบบแผนหรือภารกิจใดที่จะไม่มีอุปสรรคขวางกั้น โดยท่านกล่าวเสริมว่า “ตัวเลือกแรกของบางคน เมื่อต้องรับมือกับอุปสรรค คือ การล่าถอย แต่วิสัยทัศน์นี้มีความผิดพลาดและจะต้องก้าวผ่านหรือเลี่ยงออกจากอุปสรรคให้ได้ และแน่นอนว่า หลังจากการทำงานทั้งหมดแล้ว บางครั้งอาจจำเป็นที่จะต้องมีการล่าถอยทางยุทธวิธี แต่พวกท่านไม่ควรล่าถอย เมื่อประสบกับอุปสรรคด้วยคำพูดและการลงคะแนนเสียงของพวกท่าน”
อีกประเด็นหนึ่ง ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลามเน้นย้ำให้เห็นว่า อย่าได้คาดหวังจากศัตรูและรอคอยพวกเหล่านี้ โดยท่านกล่าวว่า “ข้อเท็จจริงนี้ปรากฏอยู่ในคำกล่าวของประธานาธิบดีและคำแถลงของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมาด้วย แน่นอนว่า นี่ไม่ได้หมายความว่า เรามีปฏิสัมพันธ์กับศัตรู ณ ที่ไหนสักแห่ง แต่ทว่า ปัญหาก็คือ เราไม่คาดหวังจากเขาและไว้เนื้อเชื่อใจเขา”
คำแนะนำประการสุดท้ายและประการที่สิบสามของท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลามที่มีต่อเจ้าหน้าที่รัฐบาล คือ คำแนะนำทางด้านจิตวิญญาณและการยกระดับความศรัทธาและการปฏิบัติกิจการศาสนา หมายถึง การมีความผูกพันธ์กับอัลกุรอานและการวิงวอนต่อพระผู้เป็นเจ้าที่เพิ่มมากขึ้น”
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังชี้ให้เห็นถึงแบบอย่างของเจ้าหน้าที่ในสายตาของประชาชนและพนักงานของหน่วยงานต่างๆ ถือว่า มีความจำเป็นที่จะต้องให้ความสำคัญกับพฤติกรรมของเจ้าหน้าที่รัฐบาลให้มากยิ่งขึ้น และปรารถนาให้เจ้าหน้าที่รัฐฯประสบความสำเร็จในการรับใช้อิสลาม ประชาชน และอิหร่าน
ในช่วงเริ่มต้นของการพบปะกันครั้งนี้ ดร.มัซอูด เพเชชกียอน กล่าวเทอดเกียรติรำลึกถึงบรรดาชะฮีดแห่งรัฐบาลและการรับใช้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ชะฮีดระอีซี ถือว่า รัฐบาลชุดที่ 14 เป็นคณะรัฐมนตรีที่ได้รับการปรึกษาหารือโดยมีส่วนร่วมของทุกฝ่ายทางการเมืองและคณะกรรมการทเฉพาะทาง ซึ่งมีคำขวัญว่า ความสามัคคีและความเห็นอกเห็นใจ และดำเนินการภายใต้กรอบนโยบายทั่วไปของรัฐอิสลาม ตามเอกสารยุทธศาสตร์และกำหนดการตามแผนงานฉบับที่เจ็ด
ฯพณฯ ประธานาธิบดี อธิบายว่า สมาชิกของคณะรัฐบาลชุดที่ 14 เห็นพ้องที่จะปฏิบัติตามหลักการต่างๆ เช่น สิทธิและความยุติธรรม โดยถือว่า การช่วยเหลือเขตพื้นที่ด้อยโอกาส และ การให้ความสนใจต่อผู้ที่ไม่มีใครมองเห็น เป็นภารกิจพิเศษที่สำคัญ 2 ประการของรัฐบาลของเขา โดยเขากล่าวว่า “ก้าวแรกในเส้นทางการปฏิรูปกิจการของประเทศ คือ ความเป็นเอกภาพ ความเห็นอกเห็นใจกัน การยึดมั่นสายเชือกแห่งอัลลอฮ์ และความสามัคคีภายใต้การชี้นำของท่านผู้นำสูงสุด เพื่อให้เราสามารถที่จะยืนหยัดต่อสู้กับปัญหาและเหล่าศัตรูทั้งหมดของเรา”
นายเพเชชกียอน กล่าวเสริมว่า “ความพึงพอใจของประชาชนที่มีต่อเจ้าหน้าที่ทั้งหลายขึ้นอยู่กับพฤติกรรมที่ยุติธรรมและการให้เกียรติ ไม่ใช่การคว่ำบาตรที่ฉ้อฉลของเหล่าศัตรู”
ในตอนท้ายของคำกล่าว ท่านประธานาธิบดีได้ชี้ให้เห็นถึงความจำเป็นในการหลีกเลี่ยงความแตกต่างส่วนบุคคล โดยเขาเน้นย้ำว่า “หากความเป็นเอกภาพเกิดขึ้นภายในประเทศและในหมู่ประชาชาติอิสลาม พวกอเมริกา ยุโรป และประเทศอื่นๆ ที่สนับสนุนอาชญากรรมของระบอบการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ของรัฐเถื่อนไซออนิสต์อย่างโหดร้าย จะพบกับความล้มเหลว”