สำนักผู้นำสูงสุดซัยยิด อาลี คาเมเนอี

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติประกาศรับรอง ดร.มัซอูด เพเชซกียอน เป็นประธานาธิบดี

ข้าพเจ้าขอรับรองคะแนนเสียงของประชาชาติอิหร่านที่มีต่อบุคคลที่มีเกียรติ

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม อยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี พร้อมทั้งบรรดาเจ้าหน้าที่รัฐฯ ทหาร และสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร บรรดาครอบครัวชะฮีด เอกอัครราชทูตประเทศต่างๆประจำกรุงเตหะราน เข้าร่วมในพิธีรับรองการดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสมัยที่ 14 โดยท่านผู้นำได้ประกาศแต่งตั้ง ดร.มัซอูด เพเชซกียอน ให้ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีของสาธารณรัฐอิสลามอย่างเป็นทางการ ซึ่งตรงตามมาตรา 110 ข้อที่  9 ของรัฐธรรมนูญ ด้วยการลงคะแนนเสียงของประชาชาติอิหร่าน

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า พิธีการรับรองนี้ เกิดขึ้นหลังการจัดการเลือกตั้งประธานาธิบดีครั้งที่14 เป็นความภาคภูมิใจของประชาชาติและการแสดงถึงความมีเหตุผลและความเงียบสงบของบรรยากาศการเมืองของประเทศ ทั้งนี้ ประชาชาติได้เลือกบุคคลที่มีเกียรติ ซื่อสัตย์ เป็นที่รักของประชาชน และเป็นนักวิชาการ ขึ้นดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี

โดย ฮุจญตุลอิสลาม วัลมุสลิมีน มุฮัมมะดีย์ ฆุลพัยกานี เป็นผู้อ่านคำประกาศรับรองของท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ซึ่งมีรายละเอียดดังนี้

ด้วยพระนามของอัลลอฮ์ ผู้ทรงเมตตาเสมอ ผู้ทรงกรุณาปรานียิ่ง

การสรรเสริญทั้งมวลนั้น เป็นกรรมสิทธิ์ของพระผู้อภิบาลแห่งสากลจักวาล และขอกล่าวอำนวยพรแด่ศาสดามุฮัมหมัด และบรรดาวงศ์วาน ผู้บริสุทธิ์ของท่าน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ผู้ที่คงเหลืออยู่ในสากลจักวาล(อิมามมะฮ์ดี (อ.ญ.)

ขอขอบคุณต่อพระผู้เป็นเจ้า ผู้ทรงรอบรู้และผู้ทรงอำนาจ ผู้ทรงทำให้อิหร่านแห่งอิสลามได้รับความภูมิใจอีกครั้ง และทำให้ภาพลักษณ์ของประเทศที่ยิ่งใหญ่เปล่งประกายแสงสว่าง

บททดสอบในการเลือกตั้งประธานาธิบดีที่กำหนดชะตากรรมได้เสร็จสิ้นลงด้วยความพยายามของประชาชนและเจ้าหน้าที่ทั้งหลาย ในสภาวะที่ยากลำบากด้วยความสงบนิ่งและความสงบสุข อีกทั้งบุคคลที่ได้รับการเลือกของประชาชาติพร้อมที่จะตอบสนองต่อความรับผิดชอบอันยิ่งใหญ่นี้

การเลือกตั้งประธานาธิบดีครั้งที่ 14 เกิดขึ้นก่อนที่จะครบวาระของประธานาธิบดี ชะฮีดผู้ล่วงลับ ซึ่งเป็นหนึ่งในความภาคภูมิใจของประชาชาติอิหร่าน และเป็นสัญญาณของความมั่นคงของรัฐอิสลามที่ยืนหยัด และบ่งบอกถึงความมีเหตุผลและความเงียบสงบของบรรยากาศทางการเมืองของประเทศ

เมื่อเหลียวมองถึงบางปรากฏการณ์อันไม่พึงประสงค์จากบททดสอบที่คล้ายคลึงกันในบางภูมิภาคของโลก แสดงให้เห็นว่า ชาวอิหร่านและประชาชาติอิหร่านนั้นมีความโดดเด่นอย่างมากทีเดียว

บัดนี้ ด้วยความขอบคุณต่อทุกๆคนที่มีบทบาทในการสร้างความภาคภูมิใจนี้  เนื่องจากการปฏิบัติตามประชาชาติยิ่งใหญ่ในการลงคะแนนเสียงให้กับ ดร. มัซอูด เพเชซกียอน บุคคลที่มีเกียรติ ซื่อสัตย์ เป็นที่รักของประชาชน และเป็นนักวิชาการ ข้าพเจ้าจึงขอรับรองและประกาศแต่งตั้งให้เขา ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐอิสลาม และด้วยดุอาและความหวังอย่างจริงใจเพื่อให้เขาประสบความสำเร็จ และข้าพเจ้าขอเน้นย้ำอีกครั้งว่า  คะแนนเสียงของประชาชนและการรับรองของข้าพเจ้า จะดำเนินต่อไปตราบเท่าที่นโยบายของเขายังคงปฏิบัติตามเส้นทางอันเที่ยงตรงของอิสลามและการปฏิวัติอิสลาม

 

ขอความศานติ พึงมีแด่ปวงบ่าวผู้ทรงคุณธรรมของพระผู้เป็นเจ้า

ซัยยิด อาลี คาเมเนอี

7 มุรดอด 1403

 ตรงกับ 28 กรกฎาคม 2024

 

ในพิธีการนี้ หลังจากที่ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลามได้มอบคำสั่งรับรองและประกาศแต่งตั้ง นายเพเชซกียอน ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีของประเทศแล้ว โดยท่านผู้นำได้ให้โอวาท ถือว่า การเลือกตั้งครั้งที่ 14 เป็นความสำเร็จในบททดสอบที่สำคัญของประชาชาติ และแสดงความหวังว่า ผลของการเลือกตั้งอันหอมหวานจะรู้สึกถูกรสชาติของประชาชาติและท่านยังให้คำแนะนำที่สำคัญแก่ประธานาธิบดีและรัฐบาลในอนาคต ประชาชนและผู้สนับสนุนผู้สมัครทั้งหลาย
ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ด้วยการขอบคุณต่อพระเจ้า ถือว่า พิธีการรับรอง เป็นหน้าสุดท้ายของหนังสือที่เต็มไปด้วยความหมาย ซึ่งประชาชาติอิหร่านและผู้ที่เกี่ยวข้องกับการเลือกตั้งครั้งที่ 14 ได้เก็บรักษาไว้ในการสะสมความภาคภูมิใจของประชาชาติ
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังได้ชี้ให้เห็นถึงบรรยากาศความโศกเศร้าของสาธารณชนที่เกิดจากการสูญเสียประธานาธิบดี ผู้ล่วงลับ โดยท่านกล่าวว่า “ถึงแม้ว่า จะเป็นเช่นนี้ แต่การเลือกตั้งได้ดำเนินต่อไปด้วยความสงบนิ่ง ความปลอดภัย มีการแข่งขันกัน และการสร้างปฏิสัมพันธ์กันของผู้สมัครกับประธานาธิบดีที่ได้รับเลือกอย่างน่าชื่นชม ซึ่งเกิดจากความเพียรพยายายามของนายมุคบิร ผู้รักษาการประธานาธิบดีและคณะรัฐบาลในประเด็นนี้  ภายในระยะเวลา 2 เดือน ข้าพเจ้าต้องขอขอบคุณมา ณ โอกาสนี้ด้วย”
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติ ถือว่า ประชาธิปไตยที่ผสมผสานกับการแข่งขันและความปลอดภัยในประเทศ อันเป็นผลมาจากการลุกขึ้นต่อสู้และการปฏิวัติอิสลามของประชาชาติเมื่อต้องเผชิญกับสถานการณ์ที่น่าเศร้าใจในอดีตที่ผ่านมา โดยท่านกล่าวเสริมว่า “นับตั้งแต่วันแรกของชัยชนะ ท่านอิมามโคมัยนี ผู้สูงส่ง ด้วยความเด็ดขาดอย่างสมบูรณ์ การมีส่วนร่วม และอิทธิพลของประชาชนในการบริหารประเทศ ในฐานะที่เป็นการกระทำที่ไม่เคยมีมาก่อนและถือเป็นเหตุการณ์หนึ่งที่สำคัญที่สุดในการสร้างประวัติศาสตร์ของประเทศ”
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังชี้ให้เห็นถึงประสบการณ์ที่ล้มเหลวของยุคสมัยรัฐธรรมนูญนิยม โดยท่านกล่าวว่า “แม้ว่า ประชาชนจะต่อสู้ดิ้นรน แต่ประสบการณ์ดังกล่าวก็ยังคงไร้ผล เนื่องจากการขาดผู้นำที่มีอำนาจ มีอิทธิพล เป็นที่นิยมของประชาชน และความโกลาหลของสถานการณ์ภายใน รวมทั้งการแทรกแซงของพวกต่างชาติที่นำไปสู่การสถาปนาเผด็จการที่โหดเหี้ยมและใช้ความรุนแรง ในอีก 15 ปีต่อมา ซึ่งถูกเรียกว่า เรซา ชาห์ และความเพียรพยายามอย่างหนักหน่วงของประชาติชาติก็สูญเปล่า”
ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ถือว่า ความเป็นเผด็จการ การแสดงถึงการถูกกดขี่และความกดดันต่อประชาชาติ  และ ความอัปยศอดสูและการปฏิบัติตามในการเผชิญหน้ากับพวกต่างชาติ  เป็นลักษณะที่สำคัญที่สุดของการปกครองระบอบปาห์ลาวีที่ 1 โดยท่านกล่าวเสริมว่า “พวกอังกฤษได้กระทำการทุกอย่างที่พวกเขาต้องการ ทั้งในแง่ทางการเมือง วัฒนธรรม เศรษฐกิจ การบริหารประเทศและการต่อต้านศาสนาและนักการศาสนา ด้วยการปล้นสะดมทรัพยากรของชาติอิหร่านโดยอาศัยบุคคลผู้นี้ และในที่สุด เขาก็ถูกเนรเทศและขับไล่ออกจากอิหร่าน เนื่องจากมีแนวโน้มไปทางเยอรมนีของฮิตเลอร์ และมอบอำนาจให้ลูกชายที่ไร้ความสามารถของเขาดำรงอยู่ต่อไปในนโยบายเดียวกัน”
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า วิกฤติของการหายใจไม่ออกภายในอย่างรุนแรง ความอัปยศอดสูในการเผชิญหน้ากับนโยบายของพวกต่างชาติ และการปล่อยให้มีการปล้นสะดมทรัพยากรของประเทศ รวมทั้งน้ำมัน เป็นลักษณะที่สำคัญของมุฮัมหมัด เรซา ปาห์ลาวี โดยท่านกล่าวว่า “ภารกิจของบุคคลที่สองได้มาถึงจุดหนึ่ง โดยการโค่นล้มรัฐบาลแห่งชาติที่สถาปนาขึ้นเป็นพิเศษด้วยคะแนนเสียงของประชาชน โดยหันไปใช้รัฐประหารแบบอเมริกา-อังกฤษ ซึ่งไม่อาจจินตนาการถึงอาชญากรรมที่สูงกว่านี้ได้”
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า ระบอบประชาธิปไตยในปัจจุบันในประเทศ เป็นของขวัญแห่งการปฏิวัติอิสลามให้กับประชาชาติ โดยท่านกล่าวว่า “ในช่วงสี่สิบปีที่ผ่านมา มีการเลือกตั้งหลายสิบครั้งโดยมีการแข่งขันกัน ความปลอดภัย และการมีส่วนร่วมของประชาชน ซึ่งแน่นอนว่า บางครั้ง การมีส่วนร่วมที่สูงและบางครั้งก็มีน้อยกว่า แต่ทว่า อันดับแรก คือ ความสำคัญของแรงจูงใจของประชาชนนั้นเกิดขึ้นมาโดยตลอด”
ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี กล่าวถึงคำพูดของประธานาธิบดีในพิธีการในวันนี้ว่า เป็นที่น่าเชื่อถือ มีความลึกซึ้ง และแสดงให้เห็นถึงการยึดมั่นในรากฐานที่แท้จริงของระบอบประชาธิปไตยทางศาสนา โดยท่านผู้นำกล่าวเสริมว่า “เราหวังว่าด้วยพระมหากรุณาธิคุณของพระเจ้าและความช่วยเหลือของทุกคน ประธานาธิบดีที่คู่ควรของประเทศและรัฐบาลที่จะถูกจัดตั้งขึ้นจะสามารถบรรลุภารกิจที่ยิ่งใหญ่เพื่อชาติและประชาชาติได้”
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม จึงได้ให้คำแนะนำที่สำคัญ 7 ประการแก่ประธานาธิบดี รัฐบาล และเจ้าหน้าที่ในภาคส่วนต่างๆ
ในคำแนะนำประการแรก ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลามชี้ให้เห็นถึงความมั่งคงและศักยภาพทางธรรมชาติและทรัพยากรมนุษย์เป็นจำนวนมากของอิหร่านที่ยิ่งใหญ่ โดยท่านเรียกร้องให้รัฐบาลใหม่ใช้ประโยชน์จากขีดความสามารถเหล่านี้ โดยท่านกล่าวว่า “มีคนจำนวนมากเป็นนักคิดและมีความคิดสร้างสรรค์ในประเทศ ซึ่งมีคำแนะนำหรือคำคัดค้านของพวกเขา ถือเป็นแนวทางที่ดี และน่าทึ่งใจอย่างมาก รัฐบาลและประธานาธิบดี ผู้ทรงเกียรติ ควรใช้ประโยชน์จากขีดความสามารถอันมหาศาลนี้ เพื่อให้บรรลุเป้าหมายโดยใช้ยุทธศาสตร์ เพื่อประชาชน กับประชาชน และในหมู่ประชาชน”
ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี กล่าวเสริมว่า “นอกเหนือจากศักยภาพของทรัพยากรมนุษย์แล้ว ประเทศยังมีโอกาสและความมั่งคั่งทางธรรมชาติอีกมากมาย ซึ่งในปัจจุบันนี้ ส่วนมากยังไม่เคยถูกนำมาใช้ประโยชนด้วยเช่นกัน และภารกิจที่ยิ่งใหญ่สามารถกระทำได้ด้วยการอาศัยโอกาสเหล่านี้ โดยมีเงื่อนไข คือ ความเพียรพยายามอย่างยืนยง การติดตามการงานต่างๆอย่างจริงจังและการเลือกเพื่อนร่วมงานที่ดี”
คำแนะนำประการที่สองของท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลามเกี่ยวกับความสำคัญการงานแบบญิฮาดี และท่านผู้นำยังเน้นย้ำให้เห็นว่า ภูผาแห่งปัญหาต่างๆ สามารถเคลื่อนย้ายได้ด้วยจิตวิญญาณแห่งญิฮาดี โดยท่านกล่าวเสริมว่า “การงานแบบญิฮาดี หมายถึง การงานที่ไม่รู้จักความเหน็ดเหนื่อยและไม่ได้รับค่าจ้างและการมีบุญคุณของการงาน อีกทั้งก้าวไปข้างหน้าโดยมีเป้าหมายในการปฏิบัติตามหน้าที่ของมนุษยธรรมและแห่งพระเจ้า”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลามไม่ได้ถือว่า การปฏิบัติตามกรอบกฎหมายและการบริหาร เป็นการปฏิเสธการงานแบบญิฮาดี โดยท่านกล่าวว่า “หลายคนปฏิบัติตามกฎหมายแบบผิวเผิน แต่ไม่ได้ผลลัพธ์ที่ตามต้องการ แต่ทว่า การงานแบบญิฮาดีมุ่งเน้นไปที่คุณภาพ ดังภารกิจที่ยิ่งใหญ่ เช่น ชัยชนะในการป้องกันอันศักดิ์สิทธิ์แปดปี และการเผชิญหน้ากับแผนการสมรู้ร่วมคิดที่ซับซ้อนและมีหลากสีของเหล่าศัตรู ก็จะเกิดขึ้นได้ด้วยการงานแบบญิฮาดี”
ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ถือว่า ชะฮีดระอีซี  เป็นผู้ที่ทำงานแบบญิฮาดี โดยท่านผู้นำตั้งข้อสังเกตว่า “เขานั้นเป็นผู้ที่ไม่รู้จักทั้งกลางวันและกลางคืนสำหรับการทำงานและความพยายามต่างๆ และเขาไม่ได้แสวงหาความดีของผู้อื่นจากผลงานอันมากมายของเขา”
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า สิ่งที่จำเป็นของการงานแบบญิฮาดี คือ การมีส่วนร่วมของเจ้าหน้าที่ทั้งหลายในภาคสนามและการหลีกเลี่ยงออกจากการควบคุมในระยะไกล โดยท่านกล่าวว่า “เป็นไปไม่ได้ ที่ผู้บริหารจัดการจะควบคุมสิ่งต่าง ๆ จากระยะไกล และเขาจะต้องเข้าถึงหัวใจของการงานต่างๆ”
ในคำแนะนำประการต่อมา ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า การมีปฏิสัมพันธ์ระหว่างเสาหลักของประเทศ เป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างยิ่ง โดยท่านกล่าวว่า “ทั้งรัฐสภาควรช่วยเหลือรัฐบาลและรัฐบาลควรใส่ใจกับความอ่อนไหวของรัฐสภา ฝ่ายตุลาการสูงสุดควรมีส่วนร่วมด้วยเช่นกันในทุกจุดที่มีความต้องการ”
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังชี้ให้เห็นถึงคำแนะนำของตนที่มีต่อบรรดาประธานสภาทั้งหลายในการจัดประชุมร่วมกัน โดยท่านกล่าวว่า “การประชุมประธานสภาทั้งหลายและการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในประเด็นต่างๆ ถือเป็นโอกาสที่ดีอย่างมากที่ควรคำนึงถึงอย่างจริงจัง”
การรักษาลำดับความสำคัญ เป็นคำแนะนำประการที่สี่ของท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ด้วยการเน้นย้ำโดยท่านกล่าวว่า “ข้าพเจ้ารู้สึกอ่อนไหวอย่างมากต่อประเด็นทางวัฒนธรรมและทางสังคม แต่ในปัจจุบันนี้ ในแง่ของเวลา คือ การให้ความสำคัญกับประเด็นทางเศรษฐกิจ และต้องการมีการขับเคลื่อนทางเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง ความต่อเนื่อง และคำนวณอย่างรอบคอบ แน่นอนว่า รัฐบาลชุดที่ผ่านมา มีผลงานอันทรงคุณค่าที่ควรจะกระทำต่อไปอย่างต่อเนื่องและควรเพิ่มภารกิจอื่นๆ เข้าไปอีกด้วยเช่นกัน”
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า มาตรการทางเศรษฐกิจในประเด็นที่สำคัญๆ เช่น มูลค่าสกุลเงินตราของประเทศ การผลิต การลงทุน การปรับปรุงสภาพแวดล้อมทางธุรกิจ ตลอดจน มาตรการระยะสั้นและเร่งด่วน เพื่อปรับปรุงความเป็นอยู่ของประชาชน เป็นสิ่งที่มีความจำเป็นอย่างยิ่ง โดยท่านกล่าวว่า “เราสามารถที่จะกระทำภารกิจต่างๆเหล่านี้ได้”

ในคำแนะนำอีกประการหนึ่งที่กล่าวถึงประชาชนทุกคน และนักเคลื่อนไหวทางการเมืองและทางสังคม ซึ่งท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลามชี้ให้เห็นว่า บรรยากาศการเลือกตั้งและความรู้สึกของสาธารณชน อันเป็นผลจากความท้าทายและการแข่งขันในเวทีการเลือกตั้ง โดยท่านเน้นย้ำว่า “หลังจากการเลือกตั้ง เราไม่ควรใส่ใจกับการกระซิบกระซาบต่างๆในการแบ่งเป็นสองฝ่ายและการเตรียมการ นี่คือ คำแนะนำที่เน้นย้ำของข้าพเจ้า”
ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ยังเน้นย้ำให้เห็นว่า อย่าทำให้ความรู้สึกที่เกิดขึ้นในช่วงการเลือกตั้งเป็นเหตุให้ประชาชนต้องทะเลาะกันและไม่ควรเกิดขึ้นต่อไป โดยท่านผู้นำกล่าวเสริมว่า “ลักษณะอันเฉพาะของการเลือกตั้ง คือ การลงคะแนนเสียงให้กับบุคคลหนึ่ง และการไม่ลงคะแนนเสียงให้กับอีกบุคคลหนึ่ง แต่การกระทำนี้ไม่ควรทำให้เกิดการทะเลาะวิวาท ความแตกต่าง และความแตกแยกกัน”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า การมาและไปของรสนิยมและแนวโน้มต่างๆที่หลากหลาย ในการบริหารประเทศ ตั้งแต่เริ่มต้นการปฏิวัติอิสลามจนถึงบัดนี้ เป็นบททดสอบประเภทหนึ่ง โดยท่านกล่าวว่า “ในการเลือกตั้งทั้งหมดที่จัดขึ้น ทุกคนที่ลงสนามไม่ว่าจะผู้สมัครได้รับการโหวตหรือผู้ที่ไม่ได้รับการโหวต พวกเขาเหล่านี้ คือ ผู้ชนะ เพราะว่า ประชาชาติอิหร่านเป็นผู้ชนะและเราไม่มีผู้แพ้ในการเลือกตั้งครั้งนี้”
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม กล่าวถึงนักเคลื่อนไหวทางการเมือง ทางสังคม และการเลือกตั้งทุกคน โดยท่านกล่าวเสริมว่า “ไม่ใช่ว่า ผู้สนับสนุนผู้สมัครที่ได้รับคะแนนเสียง รู้สึกว่า ตนเองนั้นมีความสูงส่ง หรือผู้สนับสนุนผู้สมัครไม่ได้รับคะแนนเสียง ก็ไม่ควรรู้สึกถึงการพ่ายแพ้”
ในคำแนะนำประการต่อมา ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ให้คำแนะนำแก่บรรดาเจ้าหน้าที่และผู้ในการรู้จักคุณค่าของศักยภาพในประเทศและการพึ่งพายังมัน โดยท่านกล่าว “พวกท่านจงให้ความสำคัญกับศักยภาพในประเทศ เพื่อให้ เราทำได้ ยังคงเป็นสโลแกนตลอดไป”
ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ไม่ถือว่า คำแนะนำให้พึ่งพาศักยภาพในประเทศ ไม่ได้หมายถึง การไม่ใช้ประโยชน์จากศักยภาพภายนอก โดยท่านกล่าวเสริมว่า ไไม่มีผู้ฉลาดคนใดบอกว่า จะไม่ใช้ประโยชน์จากศักยภาพและสิ่งอำนวยความสะดวกภายนอก แต่ทว่าเราควรใช้ขีดความสามารถภายในและภายนอกทั้งหมด แม้ว่า บางครั้งเหล่าศัตรูของเราจะกระทำการงานที่เป็นประโยชน์กับเราก็ตาม เราก็จะต้องใช้ประโยชน์จากมัน  แต่ทว่าอย่าได้เพิกเฉยต่อศักยภาพภายในเป็นอันขาด และไม่ควรหยุดปัญหาภายในและแขวนไว้กับประเด็นภายนอก”
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม เน้นย้ำกับเจ้าหน้าที่ว่า “ทุกการงานที่ดีและมีเกียรติ ซึ่งพวกท่านสามารถกระทำได้ในระดับโลก แต่อย่าได้เพิกเฉยจากขีดอำนาจและความคิดสร้างสรรค์ในประเทศ”
คำแนะนำประการสุดท้ายของท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลามเกี่ยวกับประเด็นนโยบายด้านต่างประเทศ ในประเด็นนี้ โดยท่านกล่าวว่า “พวกท่านจงมีความกระตือรือร้นและมีประสิทธิภาพ ไม่ใช่ไม่แสดงปฏิกิริยาใดๆในการเผชิญหน้ากับกระแสและเหตุการณ์ระดับโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในระดับภูมิภาค และประเด็นทางการเมืองและแม้แต่ทางวิทยาศาสตร์ เช่น ปัญญาประดิษฐ์”
ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ยังชี้ให้เห็นว่า การเพิกเฉยและการละเลยเหตุการณ์ต่างๆ ของโลกและภูมิภาคเป็นสิ่งที่ไม่อนุญาต โดยท่านผู้นำกล่าวเสริมว่า “พวกท่านจะต้อวแสดงจุดยืนของประเทศอย่างเปิดเผย ชัดเจน และมีสงบนิ่ง เพื่อให้โลกได้รู้จักถึงจุดยืนของอิหร่านแห่งอิสลาม”
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังกล่าวเทอดเกียรติรำลึกความทรงจำ ชะฮีดผู้รับใช้ อะมีรอับดุลลอฮียอน ผู้ซึ่งสวมหน้ากากเป็นนักการทูตและนักเจรจาที่ดี มีความคล่องตัว ผู้ขับเคลื่อน และมีความพยายามที่เป็นประโยชน์ โดยท่านกล่าวว่า “การขับเคลื่อนและความพยายามเหล่านี้ควรดำเนินต่อไปอย่างต่อเนื่อง”
ในการจัดลำดับความสำคัญของนโยบายด้านต่างประเทศของประเทศ ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลามชี้ให้เห็นถึงสิทธิพิเศษของอิหร่านในการมีเพื่อนบ้านเป็นจำนวนมาก ถือว่า จะต้องทำงานและใช้ความพยายามอย่างจริงจังในการกระชับความสัมพันธ์กับเพื่อนบ้าน เป็นสิ่งที่มีความจำเป็นโดยท่านกล่าวว่า “ลำดับความสำคัญของนโยบายด้านต่างประเทศอีกประการหนึ่ง คือ การกระชับความสัมพันธ์กับประเทศต่างๆ เช่น ประเทศในแอฟริกาและเอเชียที่สามารถจะขยายสนามทางการทูตของอิหร่านได้”
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า ความสำคัญของนโยบายด้านต่างประเทศอีกประการหนึ่งคือการรู้จักคุณค่าและการกระชับความสัมพันธ์กับประเทศต่างๆ ซึ่ง เมื่อหลายปีที่ผ่านมา ให้การสนับสนุนอิหร่านในการเผชิญกับแรงกดดันต่างๆ และการช่วยเหลือในด้านการทูตและเศรษฐกิจ”
ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี กล่าวเสริมในประเด็นนี้ว่า “การที่เราไม่ได้เอ่ยชื่อประเทศในยุโรปในการลำดับความสำคัญของนโยบายด้านต่างประเทศ ไม่ได้หมายถึง การต่อต้านและความเป็นปฏิปักษ์กัน แต่ทว่า ด้วยเหตุผลนี้ ซึ่งพวกเขาปฏิบัติต่ออิหร่านอย่างดีในกรณีต่างๆ เช่น มาตรการคว่ำบาตร น้ำมัน และคดีปลอม เช่น สิทธิมนุษยชน หากพวกเขาไม่มีพฤติกรรมที่ไม่ดีเหล่านี้ ความสัมพันธ์กับพวกเขา ถือเป็นสิ่งสำคัญประการหนึ่งของเรา แน่นอนว่า มีบางประเทศที่เราไม่ลืมเลือนการรังแกและพฤติกรรมที่ดื้อรั้นของพวกเขา”
ในช่วงสุดท้ายของการปราศรัย ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า ประเด็นฉนวนกาซ่า เป็นประเด็นในระดับโลก โดยท่านกล่าวเสริมว่า “ปาเลสไตน์ในครั้งหนึ่ง เคยเป็นเพียงประเด็นของประเทศในโลกอิสลาม แต่ทว่าในวันนี้ ได้กลายเป็นประเด็นทั่วไปและในระดับโลก และได้เข้าสู่รัฐสภาคองเกรสแห่งสหรัฐอเมริกา สหประชาชาติ การแข่งขันกีฬาโอลิมปิก และเวทีอื่นๆ อีกด้วย”
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังอ้างถึงการกระทำอันป่าเถื่อนของระบอบรัฐเถื่อนไซออนิสต์ที่ยึดครอง ถือว่า เป็นขบวนการอาชญากร ฆาตกรและผู้ก่อการร้าย โดยท่านกล่าวเสริมว่า “ระบอบรัฐเถื่อนนี้ไม่ใช่เป็นรัฐบาล แต่ทว่าได้แสดงให้ประชาคมโลกเห็นถึงภาพลักษณ์ที่น่ารังเกียจที่สุดของขบวนการอาชญากร และได้นำการสร้างบรรทัดฐานใหม่ในประวัติศาสตร์ของอาชญากรรมของมนุษย์”
ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ยังชี้ให้เห็นถึงการเป็นชะฮีดของเด็กทารก เด็ก ผู้ป่วยในโรงพยาบาล และสตรี เป็นจำนวนมากในฉนวนกาซ่า โดยท่านผู้นำกล่าวเสริมว่า “การทิ้งระเบิดอย่างหนักของรัฐเถื่อนไซออนนิสต์เข้าใส่บุคคลเหล่านี้หรือผู้ที่ไม่ได้ยิงกระสุนแม้แต่นัดเดียว”
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังชี้ให้เห็นถึงการเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องของความแข็งแกร่งของการยืนหยัดต่อสู้ โดยท่านกล่าวเสริมว่า “พวกไซออนิสต์ด้วยความช่วยเหลือทั้งหมดของสหรัฐอเมริกาและรัฐบาลที่ทรยศบางแห่ง ไม่สามารถหยุดยั้งกองกำลังการยืนหยัดต่อสู้ได้ และเป้าหมายที่ระบุไว้ในการกำจัดกลุ่มฮามาสให้สิ้นซากพบกับความล้มเหลว ทั้งฮามาส ขบวนการญิฮาด และการยืนหยัดต่อสู้ได้ยืนหยัดอย่างเต็มกำลัง”
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า การกระทำของรัฐสภาสหรัฐฯ เมื่อสองวันที่ผ่านมาในการอภิปรายของอาชญากรไซออนิสต์ เป็นความอัปยศอย่างใหญ่หลวง โดยท่านเน้นย้ำว่า โลกควรตัดสินใจอย่างจริงจังเกี่ยวกับเหตุการณ์ในฉนวนกาซ่าและรัฐบาล ประชาชาติต่างๆ ตลอดจนบุคคลสำคัญทางการเมืองและทางปัญญาในเวทีด้านต่างๆ ควรกระทำอะไรบางสิ่งบางอย่าง”
ในตอนท้ายของการปราศรัยในพิธีการรับรองคำสั่งและการประกาศแต่งตั้งดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติได้ขอพรต่อพระผู้เป็นเจ้า ผู้ทรงสูงส่งอีกครั้ง โปรดประทานความสำเร็จให้แก่ประธานาธิบดี ที่มีเกียรติของเราและรัฐบาลใหม่ เพื่อให้พวกเขาสามารถกระทำการงานที่ยิ่งใหญ่และทำให้ประชาชาติอิหร่านที่มีเกียรติได้รับความภาคภูมิใจ

ก่อนการกล่าวคำปราศรัยของท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ดร. มัซอูด เพเซชกียอน ได้กล่าวเทอดเกียรติในการรำลึกความทรงจำของท่านอิมามโคมัยนี(ร.ฮ.) ผู้สถาปนาการปฏิวัติอิสลาม ผู้ล่วงลับ บรรดาชะฮีดของอิหร่านแห่งอิสลาม นายพล กอซิม สุไลมานี ชะฮีดรอญาอี ชะฮีดบอฮุนัร และชะฮีดอยาตุลลอฮ์ ระอีซี และขอบคุณท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลามในการปูพื้นฐานการมีส่วนร่วมของประชาชน และการแข่งขันทางความคิดที่มีความแตกต่างในการเลือกตั้งที่ผ่านมา
ท่านประธานาธิบดี ถือว่า ตัวเอง เป็นก้อนดินที่อยู่ตรงเท้าของประชาชาติอิหร่าน ผู้มีเกียรติอีกครั้ง โดยเขากล่าวว่า “เรานั้นเป็นผู้รับฟังความคาดหวังในการเปลี่ยนแปลงของประชาชาติอิหร่านทั้งหมด และมีหน้าที่ในการปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญ”
นายเพเซชกียอน กล่าวเสริมว่า “เส้นทางสู่การบรรลุเอกสารวิสัยทัศน์ยี่สิบปีในประเทศ ในภูมิภาค และในโลก  ด้วยการดำเนินการตามนโยบายทั่วไปที่ประกาศโดยท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลามและกฎหมายแบบแผนพัฒนา และสิ่งที่สำคัญนี้จะเป็นภารกิจของรัฐบาลชุดที่ 14 ต่อไป”
ท่านประธานาธิบดี ยังชี้ให้เห็นถึงเป้าหมายที่สำคัญของเอกสารวิสัยทัศน์ยี่สิบปี ได้แก่ อันดับแรกทางเศรษฐกิจ วัฒนธรรม และวิทยาศาสตร์ของอิหร่านในภูมิภาค แรงบันดาลใจในโลกอิสลามและการสร้างปฏิสัมพันธ์ที่สร้างสรรค์กับโลก โดยเขาเน้นย้ำถึงคุณค่าของอิสลาม เช่น ความยุติธรรม และเสรีภาพที่ชอบด้วยกฎหมายและการสร้างอิหร่านที่ปลอดภัย เป็นอิสระ และทรงพลัง พร้อมทั้งกล่าวเสริมว่า “การบรรลุเป้าหมายที่สำคัญอย่างมากเหล่านี้ จำเป็นต้องอาศัยรัฐบาลที่มีความสามารถและความเห็นพ้องต้องกันในการกำกับดูแลเพื่อความก้าวหน้าและการพัฒนา”
นายเพเซชกียอน ยังอธิบายอีกว่า การใช้อารมณ์ในตนเอง เป็นสาเหตุหลักของความขัดแย้งทางการเมือง โดยเขาชี้ถึงคำสอนของท่านอะมีรุลมุอ์มินีนอะลี (อ.) และกล่าวถึงประชาชาติอิหร่านว่า เขามุ่งมั่นที่จะสืบสานเส้นทางของบรรดาชะฮีด การรับใช้และการแสดงความรักต่อประชาชน การรักษาความยุติธรรมและการได้รับการสนับสนุนและความพึงพอใจของประชาชน จะเป็นแกนหลักในพฤติกรรมของรัฐบาลในอนาคต
ท่านประธานาธิบดี ยังอธิบายอีกว่า “เอกภาพ ความสามัคคี การหล่อหลอมเป็นหนึ่งเดียวกัน การปฏิบัติตามกฎหมายของประชาชนทุกคน บรรดาชนชั้นสูง และเจ้าหน้าที่ทั้งหลาย เพื่อก้าวผ่านวิกฤติต่างๆ ความคับแคบ และการตอบสนองต่อความคาดหวัง ถือเป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างยิ่ง” พร้อมเรียกร้องให้ทุกคนดำเนินตามนโยบายการหล่อหลอมเป็นหนึ่งเดียวกันในการจัดตั้งรัฐบาลสามัคคีแห่งชาติ เพื่อเข้ามาช่วยเหลือเขา
ในตอนท้ายของคำกล่าวของท่านประธานาธิบดี เขาได้กล่าวขอบคุณความเพียรพยายามของรักษาการประธานาธิบดี สภาผู้พิทักษ์ และกระทรวงมหาดไทยสำหรับการจัดการการเลือกตั้งอย่างเหมาะสม ยังกล่าวชื่นชมการมีส่วนร่วมของประชาชนทุกคน บรรดาชนชั้นสูง และบุคคลต่างๆของกลุ่มการเมืองพื่อตกผลึกของระบบสาธารณรัฐในการเลือกตั้งประธานาธิบดี
ในพิธีการรับรองตำแหน่งประธานาธิบดี นายวะฮีดี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยของรัฐบาลชุดที่ 13 ได้กล่าวรายงานขั้นตอนของการจัดการเลือกตั้งประธานาธิบดีครั้งที่ 14
โดยการจัดการเลือกตั้งประธานาธิบดีเกิดขึ้นถึงสองครั้ง ภายใต้กรอบเวลา 35 วัน การสร้างเวทีสำหรับความสงบนิ่งทางการเมือง ความปลอดภัย และมีการแข่งขันกัน การมอบความมั่นคงในภาคสนามและทางไซเบอร์ สำหรับการเลือกตั้งในหน่วยเลือกตั้งประมาณ 60,000 แห่งในอิหร่านและ 98 ประเทศทั่วโลก การปูพื้นฐานสำหรับการใช้การโฆษณาหาเสียงและการรักษาความปลอดภัยอย่างเป็นธรรมโดยผู้สมัคร ความเป็นกลางของรัฐบาล ความถูกต้องและความแม่นยำของกระบวนการเลือกตั้ง และความรวดเร็วในการประกาศผล ถือเป็นแกนหลักที่สำคัญในการรายงานของนายวะฮิดีที่เกี่ยวกับการดำเนินการเลือกตั้งอย่างเหมาะสม

 

700 /