สำนักผู้นำสูงสุดซัยยิด อาลี คาเมเนอี

ประธานรัฐสภาและบรรดาสมาชิกรัฐสภา เข้าพบท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม

“ประเด็นฉนวนกาซ่า ยังคงเป็นประเด็นแรกของโลกอิสลาม”

ประธานรัฐสภาและบรรดาสมาชิกรัฐสภา เข้าพบท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม อยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ซึ่งท่านผู้นำได้อธิบายถึง 8 ประเด็นสำคัญ ได้แก่ ความจำเป็นในการตอบสนองของรัฐสภา การมีปฏิสัมพันธ์ที่สร้างสรรค์ระหว่างรัฐสภากับรัฐบาลใหม่ การได้ยินเสียงที่เป็นเอกภาพจากเสาหลักของประเทศในปัญหาที่สำคัญ ความเป็นอธิปไตยทาง จริยธรรม และศีลธรรมในการอภิปรายของรัฐสภาและกิจกรรมอื่น ๆ ของบรรดาสมาชิก สิ่งที่ควรปฏิบัติและไม่ควรปฏิบัติทางกฎหมาย การตรวจสอบโดยปราศจากความมากเกินไปและเกินควร การขับเคลื่อนอย่างมีประสิทธิภาพของคณะกรรมาธิการในการตรวจสอบการปฏิบัติงานของสมาชิกทั้งหลาย และ การมีส่วนร่วมของรัฐสภาอย่างจริงจังในประเด็นระดับโลกและนโยบายด้านต่างประเทศ โดยท่านผู้นำยังกล่าวแสดงความหวังด้วยความรู้สึกรับผิดชอบร่วมกันของประธานาธิบดีที่ได้รับเลือกและรัฐสภา คณะรัฐมนตรีจะต้องประกอบไปด้วย บุคคลที่มีความศรัทธามั่น มีประสิทธิภาพ เป็นนักปฏิวัติ มีความหวังในอนาคต เป็นที่รู้จักในด้านความบริสุทธิ์และความซื่อสัตย์ มีทัศนคติที่ดีต่อชาติ มีศรัทธาอย่างลึกซึ้งต่อสาธารณรัฐอิสลาม และมีความสามารถในการแก้ไขปัญหาของประเทศและประชาชนได้อีกด้วย

ในการพบปะกันครั้งนี้ ซึ่งเป็นการพบกันครั้งแรกของรัฐสภาสมัยที่ 12 กับท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอีโดยท่านผู้นำถือว่า สถานภาพของรัฐสภา มีความสำคัญและมีความละเอียดอ่อนอย่างมาก และท่านกล่าวเสริมว่า “ตรงกันข้ามกับความคิดของสาธารณชน รัฐสภาไม่ได้เป็นเพียงผู้ถามเท่านั้น แต่ทว่ายังเหมือนกับทุกหน่วยงานที่มีการตัดสินใจและการดำเนินการ ก็ต้องรับผิดชอบต่อหน้าที่และการปฏิบัติงานต่อเบื้องพระพักต์ของพระเจ้าและต้องมีการตอบสนองต่อประชาชน”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม กล่าวเสริมว่า “แน่นอนว่า เราไม่มีกลไกที่จะทำให้รัฐสภาต้องมีคำการตอบสนองต่อประชาชน แต่สามารถเห็นได้ถึงความพึงพอใจหรือการขาดความพึงพอใจของประชาชนจากปฏิกิริยาตอบสนองต่อการปฏิบัติงานของรัฐสภา”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม กล่าวเสริมในประเด็นนี้ว่า “ในอดีตที่ผ่านมา ภารกิจของบางรัฐสภาไม่เป็นที่ชื่นชอบของประชาชนและด้วยเหตุผลนี้จึงถูกละทิ้งจากสายตาของประชาชน ดังนั้นสมาชิกรัฐสภาแต่ละคน ควรปรับเปลี่ยนพฤติกรรม คำพูด จุดยืน  และการปฏิบัติงานของตนตามความจำเป็นของการตอบสนอง”

ความร่วมมือกันและการมีปฏิสัมพันธ์เชิงสร้างสรรค์ระหว่างสภาต่างๆ เป็นประเด็นที่สองที่ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติกล่าวอธิบาย

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม กล่าวว่า เสาหลักต่างๆ ของรัฐอิสลาม จะต้องรวมตัวกันเป็นกลุ่มเดียว ซึ่งจะต้องมีปฏิสัมพันธ์และความร่วมมือกัน และบางครั้งก็มีการไม่ให้ความสนใจในบางประการ เพื่อให้บรรลุสู่เป้าหมายด้วยเช่นกัน”

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ถือว่า ความสามัคคีของเสาหลักของรัฐอิสลาม เป็นความต้องการของประเทศ รัฐ และประชาชน และท่านผู้นำยังชี้ให้เห็นถึงการปรากฏตัวของประธานาธิบดีที่ได้รับเลือกในฐานะสมาชิกของรัฐสภาสมัยที่ 12 ในการพบปะกันครั้งนี้ โดยท่านกล่าวเสริมว่า “ตามที่ข้าพเจ้าเรียกร้องให้รัฐสภามีปฏิสัมพันธ์อย่างสร้างสรรค์กับรัฐบาลมาโดยตลอด ข้าพเจ้าขอเน้นย้ำว่า รัฐบาลควรร่วมมือกับรัฐสภาอีกด้วยเช่นกัน”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า ความสำเร็จของ พณฯ เพเซชกียอน ในด้านเศรษฐกิจ วัฒนธรรม ระหว่างประเทศ และด้านอื่นๆ เป็นความสำเร็จของทั้งหมดทุกคน โดยท่านกล่าวว่า “เราทุกคนควรช่วยประธานาธิบดีที่ได้รับเลือกในการปฏิบัติหน้าที่ของเขาให้สำเร็จ และเราเชื่อจากรากแท้ว่า ความสำเร็จของเขา คือ ชัยชนะของพวกเราทั้งหมดทุกคน”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังชี้ให้เห็นถึงความจำเป็นที่จะต้องได้ยินเป็นเสียงเดียวในปัญหาที่สำคัญจากเสาหลักของประเทศทั้งหมด โดยท่านกล่าวเสริมว่า “บางคนในโลกนี้เงี่ยหูฟังเพื่อค้นหาสัญญาณของความขัดแย้งในคำพูดของเจ้าหน้าที่ทั้งหลาย ขณะที่เสาหลักของรัฐอิสลาม ทำให้พวกเหล่านี้ต้องพบกับความผิดหวังด้วยเสียงที่เป็นเอกภาพของพวกเขา”

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ยังถือว่า หลักอธิปไตยทางจริยธรรมและศีลธรรมในการอภิปรายของรัฐสภา มีความจำเป็นอย่างยิ่ง โดยท่านผู้นำกล่าวว่า รัฐสภาควรเป็นศูนย์กลางของการแพร่กระจายคลื่นเชิงบวก และทำให้เกิดความสงบนิ่งและความมั่นใจในความคิดเห็นของสาธารณชน และด้วยการละเว้นจากการเคลื่อนไหวที่ซ้ำซากของสมาชิกบางคนในบางช่วงสมัยที่ผ่านมา ทั้งการใส่ร้ายและการคิดเชิงลบ อย่าทำให้ความคิดเห็นของประชาชนเกิดความสับสนเป็นอันขาด”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม กล่าวเสริมว่า “พฤติกรรมและคำพูดของสมาชิกรัฐสภาที่อยู่นอกรัฐสภาและในโลกไซเบอร์ ควรปกป้องความมั่นคงทางจิตใจของประชาชน การสร้างสามัคคี เกิดความสงบนิ่ง และเป็นกำลังใจให้ประชาชาติ”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังกล่าวถึงประเด็นที่สำคัญเกี่ยวกับการเฝ้าระวังของบรรดาเจ้าหน้าที่และนักการเมืองของประเทศ โดยท่านกล่าวเสริมว่า “เราทราบว่า กองทัพไซเบอร์ที่เป็นศัตรูร่วมกันของชาวอิหร่านทั้งหมด กำลังดูหมิ่นด้วยการโกหกต่อคู่แข่งและกลุ่มการเมืองของประเทศของตนหรือบุคคลที่ไว้วางใจทางศาสนาและการเมืองของกลุ่มต่าง ๆ โดยทำให้อีกฝ่ายรู้สึกโกรธและจำเป็นที่จะต้องมีคำตอบ ด้วยเหตุนี้เอง พวกท่านทั้งหลายไม่ควรคิดว่า ทุกสิ่งที่พวกท่านเห็นในสื่อสังคมออนไลน์ เป็นผลงานของคู่แข่งทางการเมืองของพวกท่าน”

สิ่งที่ควรปฏิบัติและไม่ควรปฏิบัติในการออกกฎหมาย คือ ประเด็นประการที่สี่ของท่านผู้นำที่กล่าวกับบรรดาสมาชิกรัฐสภา

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า การออกกฎหมา ยเป็นภารกิจหลักของรัฐสภา การวางราง และการเตรียมแผนยุทธศาสตร์สำหรับการขับเคลื่อนของสภาทั้งหมดและหน่วยงานต่างๆ โดยท่านกล่าวเสริมว่า “เป้าหมายของการออกกฎหมาย ควรขึ้นอยู่กับความก้าวหน้าของประเทศและการรับใช้ประชาชน”

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ยังเน้นย้ำให้เห็นถึงการใช้ประโยชน์จากผู้เชี่ยวชาญให้มากที่สุด โดยคำนึงถึงความชัดเจนและการตีความไม่ได้ของกฎหมาย เพื่อป้องกันการฉวยโอกาสโดยนักกฎหมายที่ละเมิดกฎหมาย เป็นสิ่งที่มีความจำเป็นอย่างยิ่ง และท่านผู้นำกล่าวว่า “กฎหมาย จะต้องได้รับการอนุมัติและการบังคับใช้ตามขีดความสามารถและสิ่งอำนวยความสะดวกของประเทศ”

ความสอดคล้องของกฎหมายกับเอกสารต้นทางและการละเว้นจากการกำหนดข้อกฎหมายที่แออัด เป็นอีกสองประเด็นที่ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลามกล่าวอธิบายเกี่ยวกับกฎหมาย

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังถือว่า ความมากเกินไปในการเสนอแผนสำหรับการกำหนดข้อกฏหมาย เป็นการสร้างปัญหา โดยท่านกล่าวว่า “รัฐธรรมนูญจะต้องปล่อยให้มือของรัฐสภาเป็นอิสระที่จะนำเสนอแผนการ แต่ในภารกิจนี้ แผนการควรที่จะอยู่ในระดับของการเพียงพอ จนเป็นที่พอใจ เพื่อไม่ให้เกิดความแออัดของข้อกฎหมายและทำให้เกิดหลายแผนการที่จะต้องเข้าต่อคิวในการพิจารณา”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม กล่าวถึงหมายเหตุที่เกี่ยวกับกรณีฉุกเฉินที่จำเป็นจะต้องมีกฎหมายโดยท่านกล่าวว่า “บางครั้ง รัฐบาลจำเป็นที่จะต้องมีกฎหมายสำหรับภารกิจเร่งด่วนในด้านการสื่อสารระหว่างประเทศหรือปัญหาทางเศรษฐกิจและการสร้างสรรค์ และในกรณีเช่นนี้ พวกเขามักจะใช้วิธีการง่ายๆ และจะขออนุญาตจากผู้นำสูงสุด แน่นอนว่า ไม่มีการอนุญาตใด ยกเว้นในกรณีฉุกเฉินเท่านั้น แต่รัฐสภาจะต้องเร่งรัดการออกกฎหมายในกรณีฉุกเฉิน จะถือเป็นการดีกว่า”

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ยังชี้ให้เห็นถึงประกาศนโยบายทั่วไปของกฎหมายในหลายปีที่ผ่านมา ถือการดำเนินการดังกล่าวเป็นความต้องการในการกำหนดข้อกฎหมาย โดยท่านผู้นำกล่าวเสริมว่า “รัฐสภาที่ยังไม่ได้กำหนดข้อกฎหมายในประเด็นนี้และควรดำเนินการให้เร็วกว่านี้”

ประเด็นประการต่อไปของสุนทรพจน์ของท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม คือ การตรวจสอบฝ่ายบริหารของรัฐสภาโดยการใช้เครื่องมือต่างๆ เช่น คำถาม คำเตือน และการสืบสวน เป็นต้น

ในบริบทนี้ ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ได้กล่าวคำเตือน 2 ประการแก่บรรดาสมาชิกรัฐสภา ประการแรก กล่าวคือ วัตถุประสงค์ของการตรวจสอบ คือ การยกระดับเพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพของรัฐบาล ด้วยเหตุนี้เอง ประเด็นทางการเมือง ประเด็นปัจเจกบุคคล และประเด็นกลุ่มต่าง ๆ อย่าได้ทำให้เกิดการใช้เครื่องมือในการตรวจสอบ ส่วนประการที่สอง คือ การหลีกเลี่ยงสิ่งเกินควรและความมากเกินไป ทั้งการยึดถือความเป็นธรรมในการตรวจสอบ

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ได้ให้ข้อเสนอแนะประการที่ 6  แก่สมาชิกรัฐสภาสมัยที่ 12 โดยท่านกล่าวว่า บางครั้ง เนื่องจากพฤติกรรมที่ไม่ถูกต้องของสมาชิกคนหนึ่ง สมาชิกทั้ง 290 คนจึงถูกตั้งคำถามและทั้งรัฐสภาก็ถูกละสายตาของประชาชน ซึ่งปรัชญาของการตั้งคณะการตรวจสอบเพื่อติดตามการทำงานของสมาชิกรัฐสภา ในกรณีเหล่านี้ ในขณะที่พบเห็น สามารถที่จะเยียวยาได้ แต่ทว่า ความคาดหวังจากคณะนี้ ยังไม่ได้รับการตอบสนอง”

ในข้อเสนอแนะประการที่ 7 ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังได้ชี้ให้เห็นถึงขีดความสามารถที่สำคัญของรัฐสภาในด้านประเด็นระหว่างประเทศและนโยบายด้านต่างประเทศ โดยท่านกล่าวว่า “รัฐสภา เป็นการชั่งน้ำหนักที่หนักอึ้งซึ่งรัฐบาลของโลกได้ใช้ในการสร้างปฏิสัมพันธ์ของพวกเขา ตัวอย่างเช่น ในโต๊ะการเจรจา ทั้งการคัดค้านของรัฐสภาหรือกฎหมายที่ได้รับอนุมัติ เป็นเครื่องมือในการปกป้องหรือการพิสูจน์ถึงจุดยืนของตนเอง”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังชี้ให้เห็นว่า รัฐสภาสามารถที่จะเติมเต็มมือของรัฐบาลในประเด็นด้านต่างประเทศ โดยท่านกล่าวเสริมว่า “บรรดาการดำเนินการที่ดีและมีประสิทธิผลของรัฐสภาในด้านนโยบายต่างประเทศ คือ กฎหมายปฏิบัติการเชิงกลยุทธ์ของรัฐสภาสมัยที่ 11 แน่นอนว่า มีบางคนออกมาประท้วงว่ามีความผิดพลาดต่อกฎหมายนี้ ซึ่งถือว่าไม่ถูกต้อง และการอนุมัติกฎหมายดังกล่าว ก็เป็นสิ่งที่ถูกต้องอย่างมาก”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า การแสดงบทบาทต่างๆ ของบรรดาสมาชิกรัฐสภาในสถานการณ์โลกและทางการทูต เช่น การเดินทางและการพบปะของประธานและสมาชิกรัฐสภา รวมถึง การเข้าร่วมที่เป็นประโยชน์ของประธานรัฐสภาในการประชุมสุดยอดกลุ่มประเทศบริกส์ ครั้งล่าสุดที่มีประสิทธิผล โดยท่านกล่าวว่า “บางครั้ง แม้แต่การออกแถลงการณ์ หรือการกล่าวสุนทรพจน์ของสมาชิกรัฐสภาก็มีความสำคัญและมีประสิทธิภาพในประเด็นนโยบายด้านต่างประเทศ”

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ถือว่า การแสวงหาประโยชน์ของรัฐบาลจากการสนับสนุนรัฐสภา เป็นเรื่องปกติในโลก โดยท่านผู้นำกล่าวเสริมว่า ตัวอย่าง คือ กฎหมายที่ครอบคลุมเกี่ยวกับการคว่ำบาตรของสหรัฐอเมริกาที่มีต่อสาธารณรัฐอิสลาม ที่เรียกว่า CISADA ซึ่งได้รับการอนุมัติจากรัฐสภาของสหรัฐฯ และประธานาธิบดีในขณะนั้น เป็นผู้ที่กลับกลอก ใจร้าย แน่นอนว่า เขานั้นฉลาดกว่าเจ้าหน้าที่ของเรา เขาลงนามในข้อตกลง แม้ว่าเขาจะอ้างว่า มีความร่วมมือกับอิหร่านแล้ว ก็สามารถจะไม่ลงนามก็ได้”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังชี้ให้เห็นถึงประเด็นการคว่ำบาตรที่ซ้ำซากในช่วงวันเลือกตั้งจากคำพูดของผู้สมัคร ตัวแทนของพวกเขา และในหมู่ประชาชน ถือว่า รัฐสภามีความเป็นไปได้ที่จะปฏิบัติหน้าที่และแสดงบทบาทในด้านนี้ โดยท่านกล่าวว่า “เราสามารถยกเลิกการคว่ำบาตรได้ด้วย วิธีการอันทรงเกียรติและเหนือสิ่งอื่นใด เราสามารถต่อต้านสิ่งเหล่านั้นได้ ดังที่เราได้กล่าวไปแล้วหลายครั้งว่า การยกเลิกการคว่ำบาตรนั้นไม่ได้อยู่ในมือของเรา และเราจะต้องคิดหาวิธีการที่จะกำจัดสิ่งเหล่านั้นออกไป แต่การทำให้การคว่ำบาตรเป็นกลางนั้นอยู่ในมือของเรา และย่อมเป็นไปในแนวทางที่ดี ซึ่งเจ้าหน้าที่ของรัฐก็ใช้วิธีการนั้นไปบ้าง ทั้งมีผลที่ดี ในการนี้ รัฐสภาก็สามารถที่จะแสดงบทบาทได้ด้วยเช่นกัน”

ประเด็นประการที่แปด ซึ่งเป็นประเด็นสุดท้ายของท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลามเกี่ยวกับภารกิจเร่งด่วนของรัฐสภา คือ การลงมติไว้วางใจต่อคณะรัฐมนตรีของ พณฯ เพเซชกียอน

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า เป็นประโยชน์และมีความจำเป็นที่จะแต่งตั้งคณะรัฐมนตรีโดยเร็วที่สุด หลังจากเสร็จสิ้นภารกิจที่จำเป็นแล้ว โดยท่านกล่าวว่า “ในด้านนี้ ทั้งสมาชิกรัฐสภาและประธานาธิบดีที่ได้รับเลือกต่างก็มีหน้าที่รับผิดชอบอย่างหนักหน่วง”

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี กล่าวถึงคุณสมบัติและหลักเกณฑ์ที่จำเป็นสำหรับบุคคลที่จะเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเศรษฐกิจ วัฒนธรรม มีการสร้างสรรค์ และการผลิต โดยท่านผู้นำกล่าวว่า “ควรที่จะแต่งตั้งบุคคลที่น่าเชื่อถือ มีความซื่อสัตย์ เคร่งครัดต่อศาสนา และผู้ศรัทธาที่มั่นคงในสาธารณรัฐอิสลาม”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม กล่าวเสริมว่า “ความศรัทธา เป็นตัวบ่งชี้ที่สำคัญ ความหวังในอนาคต และการมองขอบฟ้าในแง่บวก เป็นตัวบ่งชี้ที่สำคัญอีกประการหนึ่ง และบรรดาผู้ที่มองขอบฟ้าอย่างมืดมนและเชื่อว่าไม่อาจกระทำอะไรได้ พวกเขาก็ไม่สามารถมีความรับผิดชอบในภารกิจที่สำคัญต่างๆอีกด้วย”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า ความชอบธรรม ความเป็นที่รู้จักทางด้านความซื่อสัตย์ สุจริต ไม่มีประวัติที่ด่างพร้อย มีทัศนคติที่ดีต่อชาติ ไม่จมปลักอยู่ในประเด็นทางการเมืองและกลุ่มก้อน และการมีประสิทธิภาพ เป็นเกณฑ์วัดที่สำคัญอื่น ๆ ของคณะรัฐมนตรีในรัฐบาลชุดที่ 14โดยท่านกล่าวว่า “ทั้งประธานาธิบดีที่ได้รับเลือกและรัฐสภา ควรปฏิบัติตามหลักเกณฑ์เหล่านี้ เนื่องจากมีความรับผิดชอบร่วมกันในการเลือกเจ้าหน้าที่ของประเทศ”

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี กล่าวแสดงความหวังว่า จะมีการเลือกคณะรัฐมนตรีที่ดี มีประสิทธิภาพ มีความเคร่งครัดต่อศาสนา และการปฏิวัติอิสลาม โดยปฏิบัติตามหลักเกณฑ์เหล่านี้และการตอบสนองความรับผิดชอบร่วมกันของประธานาธิบดีและรัฐสภา ซึ่งจะทำให้ปัญหาต่างๆของประเทศได้รับการแก้ไข

ในช่วงสุดท้ายของสุนทรพจน์ ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า ประเด็นฉนวนกาซ่า ยังคงเป็นประเด็นแรกของโลกอิสลาม โดยท่านกล่าวเสริมว่า “เมื่อเวลาผ่านไปหลายเดือน นับตั้งแต่เริ่มต้นการก่ออาชญากรรมของระบอบรัฐเถื่อนผู้ยึดครอง ที่ชั่วร้าย ความกระตือรือร้นของบางคนได้ลดลง เริ่มแรกในการประณามและเผชิญหน้ากับอาชญากรรมเหล่านี้ แต่ทว่าความสำคัญของประเด็นฉนวนกาซ่ายังมีมากกว่าในช่วงวันแรกๆเสียด้วยซ้ำ”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังชี้ให้เห็นถึงความแข็งแกร่งที่เพิ่มขึ้นของขบวนการต่อสู้ โดยท่านกล่าวเสริมว่า “กลไกทางการเมือง เศรษฐกิจ และการทหารขนาดใหญ่ที่เรียกว่า สหรัฐอเมริกา พร้อมด้วยระบอบรัฐเถื่อนไซออนิสต์ที่ยึดครอง กำลังต่อสู้กับกลุ่มเล็กๆ ที่เรียกว่า กลุ่มต่อสู้ และเนื่องจากสองผู้ชั่วร้ายไม่ประสบความสำเร็จในการทำลายกลุ่มฮามาสและขบวนการต่อสู้ ได้ทิ้งระเบิดในโรงพยาบาล โรงเรียน และเหนือศีรษะของเด็ก ผู้หญิง และประชาชนที่ถูกกดขี่”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังชี้ให้เห็นว่า ทุกวันนี้ ผู้คนในโลกกำลังเผชิญกับอาชญากรรมขั้นรุนแรงและความชั่วร้ายของระบอบรัฐเถื่อนที่ยึดครอง และกำลังตัดสินกับพวกเหล่านี้ โดยท่านกล่าวเสริมกับสมาชิกรัฐสภาว่า “พวกท่านอย่านิ่งเฉยและอย่านิ่งเงียบเกี่ยวกับฉนวนกาซ่า ในปัจจุบันนี้ ตัวอย่างที่สำคัญของกิจกรรมของรัฐสภาในประเด็นการต่างประเทศและการทูต คือประเด็นฉนวนกาซ่า”

ก่อนที่การกล่าวสุนทรพจน์ของท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ประธานรัฐสภาอิสลาม ถือว่าความสมบูรณ์ของการดำเนินการของรัฐสภาชุดก่อนในการวางรางและติดตามการดำเนินการที่ดีของกฎหมายเศรษฐกิจและยุทธศาสตร์ เป็นหนึ่งในวาระที่สำคัญที่สุดของรัฐสภาชุดที่ 12 และประธานรัฐสภา กล่าวว่า รัฐสภาชุดใหม่เป็นมิตรภาพของรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งในการแก้ปัญหาต่างๆของประชาชน โดยเขากล่าวว่า “ศูนย์กลางและแกนร่วมของรัฐสภาสมัยที่ 12 และรัฐบาลชุดที่ 14 คือ การเน้นย้ำถึงการดำเนินการตามนโยบายทั่วไปของรัฐอิสลามโดยเฉพาะกฎหมายแบบแผนพัฒนาฉบับที่ 7”

พณฯ กอลีบอฟ ถือว่า การให้ความสนใจไปยังปัญหาของผู้เปราะบางและผู้ด้อยโอกาส ตลอดจนความต้องการของชนชั้นกลางของสังคม ท่ามกลางลำดับความสำคัญอื่นๆ ของรัฐสภาชุดใหม่ โดยเขากล่าวเสริมว่า “สมาชิกรัฐสภาจะต้องหลีกเลี่ยงจากการตกหลุมพรางและการแบ่งขั้วที่ผิดๆ จะมุ่ง

เน้นถึงความพยายามที่จะปฏิบัติตามข้อเรียกร้องของประชาชน ชนชั้นสูง และกลุ่มผู้คนที่เห็นอกเห็นใจในการปฏิวัติอิสลาม”

การหลีกเลี่ยงจากการแบ่งแยกฝ่ายและการช่วยเหลือด้วยความเห็นอกเห็นใจต่อรัฐบาลชุดใหม่ การใส่ใจต่อความต้องการของผู้ลงคะแนนเสียงทั้งหมด การเสริมสร้างความสัมพันธ์เชิงโครงสร้างของผู้แทนกับเขตเลือกตั้ง และการใช้วิธีการติดตามแบบใหม่เพื่อกำจัดจุดอ่อน เป็นประเด็นอื่นๆ ในการรายงานของประธานรัฐสภาอิสลาม ในการพบปะของบรรดาสมาชิกรัฐสภากับท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี

             

700 /