นายนาเบียะห์ เบอร์รี ประธานรัฐสภาเลบานอน เข้าพบท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม อยาตุลลอฮ์ คาเมเนอีโดยท่านผู้นำได้กล่าวความขอบคุณต่อความเห็นอกเห็นใจของรัฐบาลเลบานอนและประชาชาติเลบานอนในเหตุการณ์อันขมขื่นและหนักหน่วงนี้ โดยท่านกล่าวว่า “แถลงการณ์ของการไว้อาลัยของสาธารณชนในเลบานอน แสดงให้เห็นถึงความสมบูรณ์ของมิตรภาพทั้งสองประเทศ และเราถือว่าความสัมพันธ์ของเรากับพี่น้องชาวเลบานอนและซัยยิดฮะซัน นัศรุลลอฮ์ นั้นเป็นเครือญาติและมีภราดรภาพ”
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า เหตุการณ์ครั้งล่าสุดนี้ เป็นสาเหตุของการสูญเสียบุคลิกภาพที่โดดเด่นผู้หนึ่ง และท่านได้ตั้งข้อสังเกตว่า “ประเด็นนี้ เป็นเรื่องยากลำบากสำหรับเรา แต่ด้วยพระมหากรุณาธิคุณของพระเจ้า ประชาชาติอิหร่านจะใช้ประโยชน์จากเหตุการณ์อันน่าสลดใจนี้ในการสร้างโอกาส เช่นเดียวกับที่เคยเกิดเหตุการณ์ที่ยากลำบากใน หลายปีที่ผ่านมา”
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังชี้ให้เห็นถึงความเคลื่อนไหวของประชาชาติอิหร่านในพิธีแห่ศพของประธานาธิบดี ผู้ล่วงลับและคณะผู้ร่วมทางของเขา โดยท่านกล่าวเสริมว่า “อัลฮัมดุลิลลาห์ ประชาชาติของเราเป็นประชาชาติที่ยืนหยัดและมีการตื่นตัว และเราไว้วางใจและเชื่อมั่นในพระเจ้า ผู้ทรงสูงส่ง ด้วยเช่นกัน และหากพระองค์ทรงประสงค์ ประชาชาติอิหร่านก็จะได้รับประโยชน์จากเหตุการณ์ในครั้งนี้”
ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ยังได้แสดงความพึงพอใจต่อความสามัคคีที่มีอยู่ระหว่างกลุ่มมุกอวะมะห์ในเลบานอน และยืนยันคำพูดของนาย นะเบียะห์ เบอร์รี เกี่ยวกับสงครามแห่งการดำรงอยู่ ในภูมิภาค โดยท่านกล่าวเสริมว่า “สถานการณ์ปัจจุบันในภูมิภาค ถือเป็นสถานการณ์ความเป็นความตายของศัตรูไซออนิสต์ สำหรับแนวรบแห่งสัจธรรมอีกด้วยเช่นกัน”
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม เน้นย้ำว่า “การมีส่วนร่วมของเลบานอนในประเด็นปาเลสไตน์และฉนวนกาซ่าที่ผ่านมานี้ ส่งผลกระทบอย่างลึกซึ้ง และหากไม่มีการดำเนินการดังกล่าว เลบานอนก็จะได้รับความเสียหายอย่างมากที่สุด”
ในการพบปะกันครั้งนี้ นายนะเบียะห์ เบอร์รี ประธานรัฐสภาเลบานอน กล่าวแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งของประชาชาติเลบานอนและรัฐบาลเลบานอนที่มีต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นล่าสุดนี้ และเขากล่าวว่า “เราถือว่าการบาดเจ็บของพี่น้องชาวอิหร่าน เป็นการบาดเจ็บของเรา และเป็นหน้าที่ของเรา ในการเป็นตัวแทนของรัฐบาลและประชาชาติเลบานอนที่จะปรากฏตัวในกรุงเตหะราน”
นายนะเบียะห์ เบอร์รี ยังชี้ให้เห็นถึงสถานการณ์ของภูมิภาคและสงครามในฉนวนกาซ่า ถือว่า เป็นสงครามแห่งการดำรงอยู่ โดยเขากล่าวเสริมว่า “เลบานอนนั้นไม่สามารถนิ่งเฉยได้ เมื่อเผชิญหน้ากับการสังหารประชาชนในฉนวนกาซ่า และด้วยเหตุผลนี้เอง กลุ่มมะกอวะมะห์ของเลบานอนจึงได้เข้ามาช่วยเหลือประชาชนในฉนวนกาซ่า และเราถือว่า เงื่อนไขประการแรกสำหรับการเปลี่ยนแปลงสถานการณ์ที่มีอยู่ คือ การยุติสงครามในฉนวนกาซ่า