ในเนื่องวโรกาสวันครูแห่งชาติ บรรดาครูและนักวิชาการด้านวัฒนธรรมหลายพันคนทั่วประเทศ เข้าพบท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม อยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี โดยท่านผู้นำถือว่า การยกย่องและการขอบคุณครู เป็นหน้าที่ทางปัจเจกบุคคลของประชาชาติ และท่านยังชี้ให้เห็นว่า หน่วยงานทางการศึกษาไม่สามารถที่จะเทียบเคียงกับหน่วยงานอื่นๆได้ ทั้งในแง่ด้านความสำคัญและการมีอิทธิพล โดยท่านกล่าวเสริมว่า “การสร้างเอกลักษณ์ของยุวชนและเยาวชนคนรุ่นใหม่และการสร้างความกระตือรือร้นและความหวังในตัวของพวกเขา เป็นการเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่อง การเสริมสร้างพลัง ทั้งทางด้านวัตถุและไม่ใช่วัตถุให้กับครูทั้งหลาย ทั้งการสนับสนุนต่อศูนย์การฝึกอบรมครู การเสริมสร้างการช่วยเหลือทางด้านการปกครองและการแสดงออกถึงแบบอย่างในสังคมครู ถือเป็นหัวข้อต่างๆที่สำคัญที่สุดทางด้านการศึกษา”
ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ยังถือว่า การแพร่กระจายของการประท้วงเพื่อสนับสนุนประชาชาติปาเลสไตน์ในอเมริกาและประเทศอื่นๆ เป็นสัญญาณที่บ่งบอกถึงลำดับความสำคัญอย่างต่อเนื่องของประเด็นฉนวนกาซ่าในความคิดเห็นของสาธารณชนทั่วโลก และท่านผู้นำเน้นย้ำว่า “อาชญากรรมของระบอบรัฐเถื่อนไซออนิสต์และแผนการสมรู้ร่วมคิดของสหรัฐอเมริกา ได้พิสูจน์ให้เห็นถึงความชอบธรรมของจุดยืนของระบอบการปกครองและประชาชาติอิหร่าน จากการปฏิเสธระบอบรัฐเถื่อนที่ยึดครอง และการมองในแง่ร้ายต่ออเมริกา และให้ทุกคนทราบด้วยว่า ไม่มีวิธีการแก้ไขปัญหาปาเลสไตน์ได้ เว้นแต่การกลับคืนดินแดนนี้แก่เจ้าของชาวมุสลิม ชาวยิว และชาวคริสเตียน และความสัมพันธ์กับระบอบรัฐเถื่อนไซออนิสต์อย่างเป็นปกติ ก็จะไม่สามารถแก้ไขปัญหานี้ได้”
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังกล่าวแสดงความยินดีต่อสังคมครูที่มีเกียรติ เนื่องในวันครู ในฐานะเป็นผู้ปลูกฝังคุณธรรมและผู้สร้างอนาคตของประเทศ โดยท่านกล่าวว่า “ความสนใจและความเคารพต่อครูของทุกคนจะสร้างแรงดึงดูดให้กับอาชีพอันทรงเกียรตินี้อย่างมากยิ่งขึ้น การยกระดับสังคมครู และในผลลัพท์ คือ การยกระดับของประเทศ ขณะที่สื่อต่างๆ และเจ้าของเวทีทางสาธารณะ จำเป็นที่จะต้องมีความกระตือรือร้นในการอธิบายถึงจุดยืนของครูและความจำเป็นในการเทอดเกียรติพวกเขา”
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า เหตุผลของความแตกต่างในความสำคัญของหน่วยงานทางด้านการศึกษาต่อหน่วยงานอื่นๆ คือ การฝึกอบรมทรัพยากรมนุษย์ โดยท่านกล่าวว่า “ทุกหน่วยงาน จะต้องมีใช้ทรัพยากรมนุษย์ แต่หน่วยงานทางด้านการศึกษา เป็นผู้ให้การฝึกอบรมและปลูกฝังทรัพยากรมนุษย์”
ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ถือว่า ครูที่มีความกระตือรือร้น คือ ผู้สร้างเอกลักษณ์ของยุวชนและเยาวชนคนรุ่นใหม่ โดยท่านกล่าวว่า “ทุกคำพูด พฤติกรรม จุดยืน และแม้กระทั่ง ท่าทางของครู ล้วนจะส่งผลต่อการสร้างบุคลิกภาพของคนรุ่นใหม่”
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า การดำรงอยู่ของทรัพยากรมนุษย์ที่ดี ไม่สามารถเปรียบเทียบได้กับทรัพยากรทางธรรมชาติและทุนต่างๆ โดยท่านกล่าวว่า “ความก้าวหน้า ความมั่นคง สุขภาพ วิชาการ และการบรรลุถึงคุณค่าทั้งหมดของความเป็นมนุษย์และอิสลามในประเทศนั้น ขึ้นอยู่กับการมีอยู่ของทรัพยากรมนุษย์ที่มีความเหมาะสม ซึ่งภารกิจอันยิ่งใหญ่นี้ ถือเป็นหน้าที่ความรับผิดชอบของหน่วยงานทางด้านการศึกษา”
ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ยังได้ประเมินคำพูดของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการในการพบปะกันครั้งนี้ว่าเป็นสิ่งที่ดี โดยท่านผู้นำกล่าวเสริมว่า “ต้องขอบคุณต่อพระผู้เป็นเจ้า ที่ประเด็นบางส่วนที่เรานำเสนอในปีที่ผ่านมานั้นได้มีการดำเนินการไปแล้ว”
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังกล่าวอธิบายถึงหัวข้อต่างๆที่สำคัญของหน่วยงานทางด้านการศึกษา ถือว่า การดำเนินการตามแผนยุทธศาสตร์การเปลี่ยนแปลง เป็นสิ่งที่สำคัญอย่างมากที่สุด โดยท่านกล่าวว่า “การไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองและการขาดความสนใจในแผนยุทธศาสตร์นี้ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ได้สร้างความเสียหายให้กับพวกเรา แต่ทว่าการแก้ไขแผนยุทธศาสตร์นี้ ที่กำลังจะมีการสรุปผลและการเตรียมแผนการในดำเนินงาน ถือเป็นข่าวดีที่จะมีการฟื้นฟูแผนยุทธศาสตร์การเปลี่ยนแปลง โดยการใช้ประโยชน์จากบรรดาชนชั้นทางปัญญาทั้งในประเทศและต่างประเทศ ทางด้านการศึกษา ก็จะต้องมีการดำเนินต่อไปอย่างต่อเนื่อง”
การเสริมสร้างพลัง เป็นหัวข้อประการที่สองที่ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ได้หยิบยกขึ้นมากล่าวถึงหน้าที่ความรับผิดชอบทางด้านการศึกษา
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม กล่าวว่า “การเสริมสร้างพลังในการดำรงชีพและทางวัตถุให้กับครูทั้งหลาย ก็ได้รับการเน้นย้ำมาโดยตลอด และบัดนี้ ก็จะต้องมีความพยายามในด้านนี้อีกด้วยเช่นกัน ไม่ว่า จะมีความเป็นไปไม่ได้หรือไม่ก็ตาม”
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังกล่าวเสริมว่า “การเสริมสร้างพลัง แต่ทว่า อีกแกนหลักประการหนึ่ง นั่นคือ ความสม่ำเสมอของการงานของครู หมายความว่า ครูควรที่จะใช้พลังทางจิตวิญญาณและความรักในการศึกษาที่มีอยู่ในมนุษย์ทุกคน และโดยการได้รับประโยชน์จากสิ่งที่จำเป็น ความต้องการต่างๆ และจากประสบการณ์ ที่จะทำให้อาชีพอันสูงส่งของครูนั้น มีความสม่ำเสมอและมีความมั่นคง”
ท่านผู้นำสูงสุดการปิฏิวัติอิสลาม ในประเด็นเดียวกันนี้ ถือว่า การมีความตั้งใจ กำลังใจ แรงจูงใจ และความเข้าใจอย่างแท้จริงของครู เป็นสิ่งที่จำเป็นสำหรับการศึกษาของคนรุ่นใหม่ โดยท่านกล่าวเสริมว่า “ครูนั้นไม่สามารถที่จะบรรลุได้เพียงแค่ผ่านห้องเรียนและการสอนเพียงเท่านั้น”
ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ยังถือว่า นอกจากนี้ การเสริมสร้างความแข็งแกร่งของศูนย์การฝึกอบรมครู เป็นสิ่งที่จำเป็นสำหรับสังคมครูในระดับหนึ่ง โดยท่านกล่าวเสริมว่า “มหาวิทยาลัยฟัรฮังกียอนและศูนย์การฝึกอบรมครูอื่นๆ จะต้องมีความแข็งแกร่งอย่างสมบูรณ์”
หัวข้อประการที่สามที่ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลามอธิบาย คือ ประเด็นความสำคัญและความจำเป็นในการเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับหน่วยงานด้านการปกครองทางการศึกษา โดยท่านกล่าวว่า “ในช่วงหนึ่ง บางคนบอกว่า หน่วยงานการปกครองทางการศึกษา เป็นสิ่งที่ไม่จำเป็น และตัวของครูเองก็ยังทำหน้าที่ทางด้านการปกครอง นอกเหนือจากการสอน ซึ่งแน่นอนว่า นี่เป็นคำพูดที่ถูกต้อง แต่ทว่า การให้ความสนใจของครูต่อประเด็นทางด้านการปกครองเพียงเท่านั้น ถือไม่เพียงพอ และจะต้องมีกลุ่มที่ต้องรับผิดชอบในประเด็นที่สำคัญอย่างมากนี้ด้วย”
ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ถือว่า การหลีกเลี่ยงออกจากการสร้างและการแพร่กระจายความเสียหายทางสังคม เป็นความคาดหวังของบรรดาเยาวชน โดยท่านผู้นำกล่าวว่า “หลักการและเงื่อนไขในการบรรลุถึงสิ่งสำคัญนี้ คือ จะต้องไม่มีความเสียหายทางสังคมเกิดขึ้นในโรงเรียน ซึ่งถือเป็นหนึ่งในหน้าที่ความรับผิดชอบของหน่วยงานด้านการปกครองทางการศึกษา”
การอธิบายที่ถูกต้องเกี่ยวกับปัญหาหลักของประเทศและรัฐอิสลาม สำหรับยุวชนและเยาวชนทั้งหลาย ถือเป็นอีกหน้าที่ประการหนึ่งของหน่วยงานด้านการปกครองทางการศึกษา ซึ่งท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลามได้ชี้ให้เห็นถึงพร้อมทั้งกล่าวว่า “หากยุวชนและเยาวชน หลายล้านคน รู้จักถึงความเหมาะสมและปัญหาหลักของประเทศโดยตระหนักถึงแนวหน้าของมิตรและศัตรู และในการเผชิญหน้ากับเป้าหมายของเหล่าศัตรูของประชาชาติและการฉีดวัคซีนป้องกัน การลงทุนขนาดใหญ่ทางการสื่อสาร และการเมืองของพวกเหล่านี้ ก็จะไม่เกิดผลลัพท์ แต่อย่างใด”
ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี กล่าวเสริมว่า “นักศึกษา เยาวชน และยุวชน ควรตระหนักถึงตรรกะและสติปัญญาของนโยบายต่างๆและพฤติกรรมของรัฐอิสลาม และต้องทราบว่า ตรรกะใดอยู่เบื้องหลังสโลแกนของประชาชาติที่ว่า อเมริกา จงพินาศ และอิสราเอล จงพินาศ และด้วยเหตุใด อิหร่านจึงไม่พร้อมที่จะสร้างความสัมพันธ์กับบาง ประเทศและบางรัฐบาลได้”
อีกหัวข้อประการหนึ่ง ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ได้เน้นย้ำให้เห็นถึงความสำคัญของเสถียรภาพในการบริหารจัดการทางด้านการศึกษา และถือว่า การเปลี่ยนแปลงการบริหารในระยะสั้น เป็นสาเหตุของความล้มเหลวในการทำงานขั้นพื้นฐาน โดยท่านกล่าวว่า “ข้าพเจ้าขอเน้นย้ำถึงเสถียรภาพในการบริหารในระดับสูงถึงระดับกลาง เพื่อสามารถที่จะติดตามแบบแผนและการงานต่างๆที่สำคัญได้”
ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ยังชี้ให้เห็นถึงการมีอยู่ของต้นแบบของกลุ่มต่างๆ ในสังคม ถือว่า การสร้างแบบฉบับและการแนะนำตัวอย่างที่ดีที่สุดของครู เป็นสิ่งที่มีความจำเป็นและเป็นการสร้างแรงบันดาลใจ โดยท่านผู้นำกล่าวเสริมว่า “การศึกษา ควรที่จะมีต้นแบบที่ประสบความสำเร็จ เช่น ครูที่สอนดีหรือใช้เวลาหลายปีในชีวิตของการสอนของเขา หรือมีความอดทนจากการเดินทางไปยังพื้นที่ๆยากลำบาก เพื่อทำการสอนนักเรียน และการรู้จักและจะต้องแนะนำบรรดาครูเหล่านี้ ในฐานะเป็นวีรบุรุษแห่งการศึกษา”
ในอีกส่วนหนึ่งของการปราศรัยของท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ได้กล่าวอธิบายถึงความคาดหวังจากสังคมครู ถือว่า ครูไม่เพียงแต่เป็นครูสอนวิชาการเท่านั้น แต่ยังเป็นผู้ฝึกอบรมอัตลักษณ์ของนักเรียนอีกด้วย โดยท่านกล่าวว่า “ครูสามารถค้นพบขีดความสามารถและพรสวรรค์ที่มีศักยภาพของนักเรียนได้ เหมือนดั่งการสกัดทองและเงินจากเหมืองแร่ ด้วยเหตุนี้เอง นอกเหนือจากการสอนแล้ว ครูก็จะต้องมีแรงจูงใจ ความอุตสาหะ ความเชื่อมั่นในตนเอง และความกระตือรือร้นต่อการศึกษาและการให้งานแก่นักเรียน ด้วยเช่นกัน เพื่อที่จะทำให้ศักยภาพภายในของเขามีความเจริญรุ่งเรือง”
การมีมุมมองในระดับชาติแก่นักเรียน เป็นอีกประการหนึ่งของความคาดหวังที่ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลามได้ชี้ให้เห็นและกล่าวว่า “มุมมองในระดับชาติ หมายความว่า นักเรียนจะต้องรู้ว่า การศึกษาและห้องเรียน เป็นส่วนหนึ่งของการขับเคลื่อนทั่วไปของความก้าวหน้าและเป็นส่วนหนึ่งของเครื่องจักรที่ยิ่งใหญ่ในการขับเคลื่อนประเทศและรัฐอิสลาม ด้วยเหตุนี้เอง จึงจำเป็นที่ต้องให้ความรู้แก่นักศึกษา ด้วยความภาคภูมิใจของชาติความสำเร็จของประเทศ และชัยชนะที่เกิดจากแนวทางที่ถูกต้อง ตลอดจนอันตรายและความเป็นปฏิปักษ์ต่างๆ”
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า การสร้างความหวัง เป็นหน้าที่อีกประการหนึ่งของครูทั้งหลาย โดยท่านกล่าวเสริมว่า “ความหวัง คือ หลักประกันอนาคตของประเทศ และหากผู้ใดก็ตามที่มีแรงบันดาลใจให้ความหวังในหัวใจและจิตวิญญาณของเยาวชน ในความเป็นจริง เขาได้ช่วยสร้างอนาคตของประเทศอีกด้วย และด้วยเหตุผลนี้ เราจึงยืนกรานหลายครั้งที่จะสร้างความหวังให้เกิดขึ้น”
ท่าน อยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี กล่าวเสริมว่า “เหล่าผู้คนที่หมดหวังกับเยาวชน เพราะว่า จากความดื้อรั้นต่อรัฐอิสลาม หรือรัฐบาล หรือบุคคลอื่นๆ ในความเป็นจริง เขานั้นกำลังจะทำร้ายอนาคตของประเทศ”
การส่งเสริมให้นักเรียนมีส่วนร่วมในกิจกรรมทางสังคม และการสอนทักษะให้นักเรียน เป็นคำแนะนำอีกประการหนึ่งของท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลามที่มีต่อครูทั้งหลาย
ในช่วงสุดท้ายของการปราศรัย ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ได้กล่าวถึงประเด็นฉนวนกาซ่าและกล่าวเสริมว่า “แม้ว่า รัฐเถื่อนไซออนิสต์และพวกอเมริกา ผู้สนับสนุนและพวกยุโรป จะพยายามอย่างมากก็ตาม แต่ประเด็นฉนวนกาซ่าก็ยังคงเป็นประเด็นแรกของโลก และการประท้วงต่อต้านอาชญากรรมของรัฐเถื่อนไซออนิสต์ในมหาวิทยาลัยต่างๆของอเมริกาและการแพร่กระจายไปยังมหาวิทยาลัยในยุโรป ถือเป็นสัญญาณของความอ่อนไหวอย่างต่อเนื่องของความคิดเห็นสาธารณชนทั่วโลกที่มีต่อประเด็นฉนวนกาซ่า”
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า แรงกดดันที่เพิ่มขึ้นของความคิดเห็นสาธารณชนที่เกี่ยวกับรัฐเถื่อนที่ยึดครอง เป็นสิ่งที่มีความจำเป็น โดยท่านกล่าวเสริมว่า “พฤติกรรมที่ป่าเถื่อนและโหดร้ายของสุนัขบ้าระห่ำไซออนิสต์ ได้พิสูจน์ถึงความถูกต้องของจุดยืนของสาธารณรัฐอิสลามและประชาชาติอิหร่าน และการสังหารผู้คนสามหมื่นคน ซึ่งครึ่งหนึ่งนั้นเป็นผู้หญิงและเด็ก ถือเป็นแก่นแท้ของความชั่วร้าย และความเลวทรามของรัฐเถื่อนไซออนิสต์และยังแสดงให้ทั้งโลกได้เห็นถึงความจริงที่เกี่ยวกับจุดยืนอันถาวรของอิหร่านอีกด้วย”
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า พฤติกรรมของพวกอเมริกาและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับพวกเหล่านี้ ในการเผชิญกับการประท้วงโดยปราศความรุนแรงและการทำลายล้างของนักศึกษาที่ประท้วงอาชญากรรมของอิสราเอล เป็นอีกเหตุผลประการหนึ่งของจุดยืนของสาธารณรัฐอิสลามแห่งอิหร่านจากการมองในแง่ร้ายต่อรัฐบาลสหรัฐฯ โดยท่านกล่าวว่า “ประเด็นนี้ แสดงให้ทุกคนเห็นว่า อเมริกาเป็นผู้มีส่วนร่วมในอาชญากรรมและร่วมมือกับพวกไซออนิสต์ จากการกระทำความผิดที่ไม่อาจให้อภัยได้ในการสังหารผู้คนในฉนวนกาซ่า และบางคำพูดที่ภายนอกแสดงให้เห็นถึงความเห็นอกเห็นใจของพวกเขา ก็เป็นคำพูดที่โกหกด้วยเช่นกัน ด้วยเหตุนี้เอง จุดยืนของสาธารณรัฐอิสลามที่ไม่สามารถมองรัฐบาลสหรัฐในแง่ดีและมีความไว้วางใจ ได้ถูกพิสูจน์แล้ว”
ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ถือว่า วิธีการเดียวในการแก้ไขปัญหาปาเลสไตน์ที่เสนอโดยอิหร่าน กล่าวคือ การกลับคืนของปาเลสไตน์ไปยังเจ้าของเดิม รวมทั้ง ชาวมุสลิม คริสเตียน และชาวยิว โดยท่านผู้นำเน้นย้ำว่า “ปัญหาของเอเชียตะวันตก จะไม่ได้รับการแก้ไข จนกว่า ปาเลสไตน์จะถูกส่งกลับคืนสู่เจ้าของที่แท้จริง และแม้ว่า พวกเขาจะพยายามรักษาระบอบรัฐเถื่อนไซออนิสต์ให้คงอยู่ต่อไป อีกสามสิบปีก็ตาม ซึ่งหากพระเจ้าทรงประสงค์ ก็จะไม่สามารถกระทำได้ และปัญหานี้ก็จะไม่ได้รับการแก้ไข”
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม กล่าวเสริมว่า “ปาเลสไตน์จะต้องกลับคืนสู่ประชาชนของตน และหลังจากการก่อตั้งรัฐปาเลสไตน์ พวกเขาเองก็ตัดสินใจว่าจะทำอย่างไรกับพวกไซออนิสต์ต่อไป”
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังชี้ให้เห็นถึงการเคลื่อนไหวเพื่อทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างรัฐเถื่อนไซออนิสต์และประเทศในภูมิภาค เป็นปกติ โดยท่านกล่าวว่า “บางคนคิดว่า ปัญหาจะได้รับการแก้ไขด้วยการกระทำเหล่านี้ ขณะเดียวกันก็ถือว่า ความสัมพันธ์ระหว่างระบอบรัฐเถื่อนไซออนิสต์และประเทศอาหรับโดยรอบๆนั้นอย่างเป็นปกติ ไม่เพียงแต่ปัญหาจะไม่ได้รับการแก้ไขเท่านั้น แต่ปัญหาจะมุ่งตรงไปยังรัฐบาลต่างๆ ซึ่งด้วยการปิดตาจากอาชญากรรมของรัฐเถื่อนที่ยึดครอง พวกเขาได้กลายเป็นมิตรกับพวกเหล่านี้ และประชาชาติทั้งหลายก็จะตกหลุมพรางของรัฐบาลเหล่านั้น”
ในช่วงเริ่มต้นของการพบปะกันครั้งนี้ พณฯ ซะฮ์รออี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการได้กล่าวรายงานถึงขั้นตอนสุดท้ายของการแก้ไขแผนยุทธศาสตร์การเปลี่ยนแปลง และประกาศว่ามีการอนุมัติแผนงานการดำเนินงานของแผนยุทธศาตร์การเปลี่ยนแปลงที่มุ่งเน้นไปยังครู แบบแผนทางการศึกษาและการปกครองโรงเรียน และการประเมินผลการศึกษา รวมถึงกิจกรรมอื่นๆ
การเปิดรับสมัครครูอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน จำนวน 70,000 คน โดยให้ความสำคัญกับการดึงดูดนักเรียน-ครู การก่อสร้างโรงเรียน 2,900 แห่งทั่วประเทศ การเพิ่มขึ้นของส่วนแบ่งนักเรียนสายเทคนิคและวิชาชีพในระดับมัธยมศึกษา การติดตามนโยบายนักเรียนทุกคนต้องมีทักษะในการประกอบอาชีพ การยกระดับกิจการด้านการปกครองและการให้คำปรึกษา ทั้งหมดเหล่านี้ ล้วนเป็นประเด็นหลักของรายงานของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการในการพบปะกันครั้งนี้