บรรดาผู้นำนมาซวันศุกร์ทั่วประเทศ เข้าพบท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม โดยท่านผู้นำถือว่า
การมีส่วนร่วม ความต้องการ และการดำเนินการของประชาชน เป็นหลักการขั้นพื้นฐานในอิสลาม และท่านยังกล่าวชื่นชมต่อความจงรักภักดี ความอดทน ความสนใจ ความชาญฉลาด และการอุทิศตนของประชาชาติอิหร่าน โดยท่านกล่าวว่า “ประชาชนเหล่านี้ แม้ว่าจะมีรูปร่างหน้าตาที่แตกต่างกัน พวกเขาก็เป็นผู้ศรัทธา และหัวใจของพวกเขาอยู่กับพระผู้เป็นเจ้า และพวกท่านทั้งหลาย จะต้องรู้จักถึงความหมายที่แท้จริงของคุณค่าของพวกเขา และมีความรักต่อพวกเขาอย่างสุดซึ้งอีกด้วย”
นอกจากนี้ ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังถือว่า การยืนหยัดและการพึ่งพาของประชาชนที่ถูกกดขี่ในฉนวนกาซ่าเ ป็นสิ่งที่น่าชื่นชมจากทั่วโลก การส่งเสริมอิสลามและความสนใจของประชาชาติต่างๆ ต่ออัลกุรอาน โดยท่านผู้นำ ถือว่า การเคลื่อนไหวของประชาชาติเยเมนและรัฐบาลอันซอรุลลอฮ์ในการปกป้องประชาชนชาวฉนวนกาซ่า เป็นตัวอย่างที่ชัดเจนของการทำญิฮาดในแนวทางของอัลลอฮ์
ในช่วงเริ่มต้นของการพบปะกันครั้งนี้ ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ถือว่า เดือนรอญับ เป็นช่วงเวลาที่มีความประเสริฐที่สุดในรอบปี และแนะนำให้ประชาชนและบรรดาผู้ศรัทธาใช้ประโยชน์ให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ จากความโปรดปรานอันยิ่งใหญ่นี้ของพระเจ้า ตลอดจนคำวิงวอนที่มีความหมายที่ดี การตะวัซซุลและการขออภัยโทษต่อพระองค์
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า การเป็นผู้นำนมาซวันศุกร์ เป็นหนึ่งในภารกิจที่ยากที่สุด เพราะว่า อิหม่าม(ผู้นำ) ในการปฏิบัตินมาซวันศุกร์ อันเป็นข้อบังคับของพระเจ้า เขาจะต้องมีความสนใจต่อพระองค์และกำหนดเป้าหมายในการแสวงหาความพึงพอใจจากพระองค์ ด้วยเช่นกัน และพิจารณาถึงผลประโยชน์ของประชาชนและความพึงพอใจของพวกเขา
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า การให้ความสนใจของประชาชนต่อนมาซวันศุกร์ เป็นสัญลักษณ์หนึ่งที่บ่งบอกถึงสถานภาพหลักของประชาชนในอิสลามและบทบาทที่โดดเด่นในการดำเนินชีวิตและการขับเคลื่อนแบบอิสลาม โดยท่านกล่าวเสริมว่า “การแสดงบทบาทและสิทธิของประชาชนในรัฐอิสลามนั้นเป็นดังเช่น ที่ท่านอะมีรุลมุอ์มินีน อะลี (อ.) กล่าวไว้ว่า หากประชาชนไม่ต้องการและไม่เข้ามามีส่วนร่วม หน้าที่ของบุคคลที่เหมาะสมเช่นท่านก็ตกหล่นไปด้วยเช่นกัน แต่ถ้าหากประชาชนมีความต้องการิ ก็จำเป็นที่ท่านจะต้องยอมรับต่อความรับผิดชอบนี้”
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังได้ยกหลักฐานจากโองการอัลกุรอานเกี่ยวกับความช่วยเหลือของศาสดามุฮัมมัด (ศ็อลฯ) โดยท่านกล่าวเสริมว่า “พระผู้เป็นเจ้าทรงอธิบายว่า ความช่วยเหลือของบรรดาผู้ศรัทธาอยู่ในลำดับชัยชนะของพระองค์ที่มีศาสดา และนี่แสดงให้เห็นว่าทุกคนในทุกระดับและตำแหน่ง คือ การปฏิบัติหน้าที่นั้นต้องการความช่วยเหลือจากประชาชน”
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังได้ชี้ให้เห็นถึงหน้าที่ๆแตกต่างกันของเจ้าหน้าที่ทั้งหลายและบุคคลที่มีอิทธิพลในสังคม เพื่อดึงดูดและนำประชาชนมาเข้าสู่ภาคสนาม โดยท่านผู้นำกล่าวว่า “วิทยปัญญาของพระผู้เป็นเจ้าในนมาซวันศุกร์ ถือเป็นหลักการของการเข้าร่วมของประชาชนและการยกระดับและการขยายตัวของการเข้าร่วมนี้ ด้วยเหตุผลนี้ อิหม่ามวันศุกร์ จึงจำเป็นต้องพูดคุยกับผู้ร่วมนมาซในเทศนาธรรมและให้แนวคิด เส้นทางและแบบแผน”
ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ถือว่า คำตักเตือน ในความหมายที่กว้างของคำนี้ เป็นแกนหลักของเทศนาธรรมของนมาซ โดยท่านกล่าวเสริมว่า “คำตักเตือนไม่ได้ถูกจำกัดเพียงประเด็นทางจิตวิญญาณและศีลธรรมและจริยธรรม แต่ยังรวมถึงบริบททางการเมืองและสังคมด้วย”
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า การแจ้งประชาชนให้ทราบเกี่ยวกับประเด็นต่างๆในประเทศและระดับโลก การสมรู้ร่วมคิดและแผนการต่างๆของศัตรู ตลอดจนความต้องการและความเป็นจริงของสังคม เป็นส่วนหนึ่งของข้อกำหนดในเนื้อหาของเทศนาธรรม และในการยกตัวอย่างของคำตักเตือนทางสังคม โดยท่านกล่าวว่า “ความจำเป็นในการเพิ่มจำนวนประชากรและเสริมสร้างความเข้มแข็งกำลังคนของประเทศ ถือว่า ปัญหาการแต่งงานในอายุที่เหมาะสมและการอธิบายถึงความจำเป็นในการหลีกเลี่ยงความฟุ่มเฟือยที่เป็นอันตรายจริงๆ ในหลายกรณี ถือบริบทต่างๆที่ต้องมีคำตักเตือนทางสังคม”
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า คำตักเตือนทางศีลธรรม มีความจำเป็นอย่างมากเช่นกันและก่อให้เกิดความอ่อนโยนทางจิตวิญญาณ และในการสรุปสุนทรพจน์ในภาคส่วนนี้ โดยท่านผู้นำกล่าวว่า “จุดประสงค์ของเทศนาธรรม คำตักเตือนทางการเมือง สังคม และศีลธรรมและจริยธรรม คือ ความพอเพียงทางความคิดให้กับผู้ฟังทั้งหลาย เพื่อเสริมสร้างความเข้มแข็งทางปัญญาเกี่ยวกับปัญหาและแนวทางการแก้ไขของการดำเนินชีวิตปัจเจกบุคคลและสังคม”
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังได้เน้นย้ำให้เห็นว่าข้อกำหนดของเทศนาธรรมวันศุกร์ คือ ประเด็นการประเมินถึงความต้องการและการรู้จักผู้ฟัง โดยท่านกล่าวว่า “บรรดาผู้ฟังของนมาซวันศุกร์ เป็นทั้งกลุ่มผู้ชายและผู้หญิง ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ที่มีระดับการรู้หนังสือและการรับรู้ต่างๆและศิลปะของอิหม่ามวันศุกร์ คือ การอธิบายเนื้อหา ซึ่งแต่ละคนจากผู้ฟังสามารถได้รับประโยชน์จากเนื้อหาเหล่านั้นได้”
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังได้ชี้ให้เห็นว่า จิตใจของเยาวชนในปัจจุบัน เปิดรับปัจจัยทั้งหลายและคำพูดที่หลากหลาย ถือว่า การรู้จักถึงประเด็นทางจิตใจของตน มีความจำเป็นต่อการตอบสนองความต้องการของตนอย่างเหมาะสม โดยท่านกล่าวเสริมว่า “สำหรับการประเมินถึงความต้องการและเข้าใจที่ถูกต้องของจิตใจของผู้ฟัง จำเป็นที่จะต้องเข้าร่วมกับประชาชนและการเข้าได้กับประชาชนของอิหม่ามวันศุกร์”
ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ถือว่า การศึกษาและความผูกพันธ์กับอัลกุรอาน ฮะดีษ และหนังสือทางวิชาการอิสลาม เป็นความจำเป็นที่สำคัญในการเสริมคุณค่าของนมาซในวันศุกร์ และตอบสนองความต้องการของผู้ฟังได้อย่างถูกต้อง โดยท่านผู้นำกล่าวว่า “ความจำเป็นอีกประการหนึ่งในการบรรลุสู่ภารกิจที่สำคัญของอิหม่ามวันศุกร์ ก็คือ ความเห็นอกเห็นใจและการมีความรักต่อประชาชน”
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม อธิบายถึงลักษณะที่เป็นเอกลักษณ์ของประชาชนชาวอิหร่านในฐานะผู้คนที่มีความรักอย่างสุดซึ้ง โดยท่านกล่าวว่า “ประชาชนของเราเป็นประชาชนที่ดีและมีความศรัทธาอย่างมาก และแม้แต่ผู้ที่ไม่มุ่งมั่นที่ในการปฏิบัติ หัวใจของพวกเขานั้นอยู่กับพระเจ้า ตลอดจนความหมายและแนวความคิดทางจิตวิญญาณ นอกจากนี้ การไม่ผูกมัดในทางปฏิบัติยังพบอยู่ในพฤติกรรมบางอย่างของพวกเราทุกคนอีกด้วย”
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า ความจงรักภักดีและความพร้อมในการเข้าร่วมในการปกป้องอิหร่านและรัฐอิสลามในสนามต่างๆ เพื่อต่อต้านกับการโจมตีด้วยการโฆษณาชวนเชื่อทุกประเภท การโจมตีเชิงปฏิบัติ ทางการเมือง และเศรษฐกิจของเหล่าผู้ประสงค์ร้าย ถือเป็นลักษณะเด่นอีกประการหนึ่งของประชาชน โดยท่านตั้งข้อสังเกตว่า “ประชาชนของเราในสถานการณ์ใดๆ ซึ่งประเทศและการปฏิวัติอิสลามมีความต้องการยังการปกป้อง พวกเขาก็จะปกป้องตัวเองด้วยการออกมาบนท้องถนน ด้วยความอดทน คำขวัญ และการสนับสนุน แม้กระทั่ง การเข้าสู่สมรภูมิรบ ได้แสดงให้ถึงความจงรักภักดีของตน และด้วยเหตุผลนี้ ท่านอิมามโคมัยนี ผู้ทรงเกียรติจึงกล่าวไว้อย่างแน่วแน่ว่า ความศรัทธาของประชาชนของเรานั้นดีกว่าความศรัทธาของประชาชนในยุคแรกของอิสลามเสียอีก”
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม กล่าวเสริมว่า “ด้วยความหมายที่แท้จริง เราจะต้องรู้จักคุณค่าของประชาชนผู้ศรัทธา มีความสนใจ ความจงรักภักดี และความชาญฉลาดของอิหร่าน และรักพวกเขาอย่างสุดซึ้ง นอกจากนี้ ความรักที่มีต่อประชาชน ก็เปรียบเสมือนเป็นยาอายุวัฒนะที่จะทำให้คำพูดของพวกท่านนั้นมีผลในหัวใจของประชาชน”
ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ไม่ได้ถือว่า การเชิญชวนให้มีตักวาในนมาซวันศุกร์นั้นจำกัดอยู่เพียงประเด็นทางปัจเจกบุคคลเท่านั้น โดยท่านผู้นำกล่าวว่า “ในอัลกุรอาน มีคำสั่งให้ช่วยเหลือและร่วมมือกันในการทำความดีและมีตักวา ด้วยเหตุนี้เอง ตักวา จึงถือเป็นประเด็นทางสังคมด้วยเช่นกัน”
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า อิสลามเป็นศาสนาทางการเมือง และมุสลิมทุกคนควรอยู่ในแวดวงทางการเมือง โดยท่านผู้นำกล่าวเสริมว่า “แน่นอนว่า สนามทางการเมืองเป็นสนามที่สั่นสะเทือน และเพื่อป้องกันการสั่นสะเทือน จำเป็นต้องเตรียมพร้อมด้วย การมีตักวาทางการเมือง ความนับถือตนเอง การยับยั้งชั่งใจและการเปิดสายตา เป็นสิ่งที่จำเป็นซึ่งในสภาพนี้ สงครามทางจิตวิทยาของศัตรูจะไม่ได้ผลด้วยเช่นกัน”
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า การกล่าวตำหนิในทุกคำพูดหรือการกระทำที่ดี เป็นอีกตัวอย่างหนึ่งของสงครามทางจิตวิทยาของศัตรู โดยท่านกล่าวว่า “ตามคำสั่งของอัลกุรอาน พวกท่านทั้งหลายอย่ากลัวการตำหนิเป็นอันขาด”
ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ถือว่า การเชิญชวนให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการเมืองและสังคมในบทเทศนาธรรมของนมาซวันศุกร์ เป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างยิ่ง โดยท่านผู้นำกล่าวเสริมว่า “การเชิญชวนให้ประชาชนกระทำความดีเพื่อสังคม เช่น การมีส่วนร่วมในการก่อสร้างโรงเรียนและโรงพยาบาล และช่วยปล่อยตัวนักโทษที่ขัดสนหรือให้กำลังใจพวกเขา หรือการมีส่วนร่วมในวงการทางการเมืองก็เหมือนกับการเลือกตั้ง ถือเป็นสิ่งที่จำเป็น”
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า การมีส่วนร่วมในการเลือกตั้งทั้งเป็นหน้าที่และเป็นสิทธิของประชาชน โดยท่านกล่าวว่า “การมีส่วนร่วมของประชาชนในการเลือกตั้ง เป็นสิ่งที่จำเป็นด้วยความหมายที่แท้จริง แน่นอนว่า การเลือกตั้งไม่ใช่เป็นเพียงหน้าที่ แต่เป็นสิทธิของประชาชนที่จะสามารถเลือกสมาชิกสภานิติบัญญัติ ผู้บังคับใช้กฎหมาย หรือสมาชิกสภาผู้ชำนาญการได้”
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม เน้นย้ำให้เห็นว่า ญิฮาดตับยีนนั้นมีประสิทธิภาพในการเชิญชวนประชาชนให้เข้าร่วมในภาคสนาม ไม่ถือว่า เป็นเพียงการเชิญชวนด้วยวาจาเท่านั้น โดยท่านกล่าวเสริมว่า “การกระทำ การแสดงหน้าตาที่ดี ภาษาที่ตอบสนอง และการเข้าร่วมในสถานที่ชุมนุมต่างๆของประชาชน โดยเฉพาะในการชุมนุมของเยาวชนทั้งหลาย เป็นสิ่งที่จำเป็น”
ในส่วนสุดท้ายของสุนทรพจน์ของท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี โดยท่านได้เน้นย้ำให้เห็นว่า ปัจจุบันนี้ พระหัตถ์ของพระเจ้าปรากฏให้เห็นในประเด็นระหว่างประเทศ โดยเฉพาะในประเด็นฉนวนกาซ่า โดยท่านกล่าวว่า “ประชาชนที่ถูกกดขี่และมีอำนาจในฉนวนกาซ่า สามารถมีอิทธิพลต่อโลกด้วยการต่อสู้ดิ้นรนของพวกเขา และในปัจจุบันนี้ โลกมองประชาชนและนักสู้เหล่านี้ และกลุ่มต่อต้านของพวกเขา ด้วยสายตาของวีรบุรุษ”
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า ความโดดเด่นของการกดขี่ และในขณะเดียวกัน ชัยชนะของประชาชนกาซ่าในสายตาของชาวโลก เป็นผลงานและเกียรติจากความอดทนและการมอบความไว้วางใจของพวกเขา โดยท่านกล่าวเสริมว่า “ในทางกลับกัน ปัจจุบันนี้ ไม่มีใครในโลกเชื่อในชัยชนะของระบอบรัฐเถื่อนไซออนิสต์ที่แย่งชิงและชั่วร้ายในสงคราม และในสายตาของประชาชนทั้งโลกและนักการเมือง ระบอบการปกครองเถื่อนนี้ เป็นการปกครองที่กดขี่ เป็นหมาป่าที่โหดร้ายไร้ความปรานี กระหายเลือด พ่ายแพ้และถูกทำลาย”
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังเน้นย้ำให้เห็นว่า ประชาชนชาวกาซ่าด้วยจุดยืนในการยืนหยัดของพวกเขา ได้เผยแพร่อิสลามและอัลกุรอานให้แพร่หลายในสายตาของประชาชนที่แสวงหาโลก และขอต่อพระเจ้าสำหรับความภาคภูมิใจที่เพิ่มขึ้นของบรรดานักต่อสู้ในแนวรบของการต่อต้าน โดยเฉพาะประชาชนและนักต่อสู้ในกาซ่า
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังกล่าวยกย่องและชื่นชมผลงานอันยิ่งใหญ่ของประชาชาติเยเมนและรัฐบาลอันซอรุลลอฮ์ในการสนับสนุนประชาชนในฉนวนกาซ่า โดยท่านตั้งข้อสังเกตว่า “ชาวเยเมนโจมตีช่องทางสำคัญของระบอบรัฐเถื่อนไซออนิสต์ และไม่หวาดกลัวต่อภัยคุกคามจากอเมริกา เพราะว่า มนุษย์ผู้ที่มีความหวาดกลัวต่อพระเจ้า บุคคลนั้นจะไม่เกรงกลัวต่อสิ่งอื่นใดนอกจากพระองค์ และนี่คือภารกิจของพวกเขา จริงๆ แล้ว และยังเป็นแบบอย่างของการญิฮาดในแนวทางของอัลลอฮ์อีกด้วย”
ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ได้ให้ความหวังว่า “ด้วยการอนุมัติจากพระผู้เป็นเจ้า การต่อสู้ การต่อต้าน และการเคลื่อนไหวเหล่านี้ จะดำเนินต่อไปจนกว่าจะได้รับชัยชนะ และขอพระองค์ทรงให้การช่วยเหลือทุกคนที่ก้าวไปบนเส้นทางอันพึงพอใจของพระองค์”
ก่อนการกล่าวสุนทรพจน์ของท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ฮุจญตุลอิสลาม ฮัจญ์ อาลี อักบารี ประธานสภาการกำหนดนโยบายการแต่งตั้งผู้นำนมาซวันศุกร์ ได้กล่าวรายงานเกี่ยวกับการจัดประชุมผู้นำนมาซวันศุกร์ครั้งที่ 26 ทั่วประเทศ โดยมีอิหม่ามวันศุกร์เข้าร่วมเกือบ 900 คนด้วยกัน