สำนักผู้นำสูงสุดซัยยิด อาลี คาเมเนอี

ผู้บัญชาการสูงสุดทุกเหล่าทัพเยี่ยมชมนิทรรศการบินและอวกาศของกองทัพพิทักษ์การปฏิวัติอิสลาม

วิถีแห่งความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์เชิงนวัตกรรมอาศัยความมุ่งมั่นและความศรัทธา

อยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ในฐานะผู้บัญชาการสูงสุดทุกเหล่าทัพ เข้าเยี่ยมชมนิทรรศการของกองกำลังการบินและอวกาศของกองทัพพิทักษ์การปฏิวัติอิสลาม ณ มหาวิทยาลัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีการบินและอวกาศอาชูรอ เป็นเวลาหนึ่งชั่วโมงครึ่ง โดยมีการแสดงความสำเร็จล่าสุดของกองกำลังการบินและอวกาศของกองทัพพิทักษ์การปฏิวัติอิสลามในสถานที่จัดนิทรรศการของกองกำลังนี้

ในนิทรรศการนี้ ซึ่งรวมถึงภาคส่วนทางด้านขีปนาวุธ โดรน การป้องกันภัยทางอากาศและภาคอวกาศ ถือเป็นความสําเร็จครั้งใหม่และทันสมัยของบรรดานักวิทยาศาสตร์และผู้เชี่ยวชาญรุ่นใหม่ของกองกำลั งการบินและอวกาศของกองทัพพิทักษ์การปฏิวัติอิสลาม ภายใต้หัวข้อ “จากแนวคิดสู่ผลผลิตสําหรับอิหร่านที่แข็งแกร่ง”

พร้อมกับการเยี่ยมชมของท่านผู้นําสูงสุดการปฏิวัติอิสลามในนิทรรศการแห่งนี้ ยังมีการเปิดตัวขีปนาวุธไฮเปอร์โซนิกฟัตตาฮ์2  ระบบป้องกันภัยทางอากาศในการจับการเคลื่อนไหวเมห์รอน  ระบบกอัฟเกรดของระบบป้องกันภัยทางอากาศ 9 เดย์  และโดรน  ชาเฮด 147 อีกด้วย

ขีปนาวุธความเร็วเหนือเสียง ไฮเปอร์โซนิก ฟัตตาฮ์ 2 ซึ่งเปิดตัวในวันนี้ สามารถจัดการกับระบบป้องกันภัยทางอากาศระดับความสูงต่ำ กลางและยาวได้ ขณะที่โดรน ชาเฮด 147  เป็นเครื่องบินปีกกว้าง 26 เมตรที่สามารถบินได้สูงถึง 60,000 ฟุตและไกลมากกว่า 1,000 กิโลเมตรในระยะลาดตระเวน และในภาคส่วนระบบการป้องกันภัยทางอากาศ ได้มีการจัดแสดงระบบนกบินขนาดเล็กและระบบป้องกันภัยจากขีปนาวุธในระยะ 20 กิโลเมตร ถึง 320 กิโลเมตร

การพัฒนาล่าสุดในด้านการปล่อยดาวเทียมและการส่งดาวเทียมขึ้นสู่อวกาศ ก็เป็นอีกส่วนหนึ่งของงานนิทรรศการนี้

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี หลังจากที่เยี่ยมชมนิทรรศการ เห็นถึงความสำเร็จและศักยภาพของกองกำลังการบินและอวกาศของกองทัพพิทักษ์การปฏิวัติอิสลาม โดยการเข้าร่วมของบรรดาผู้บัญชาการและเจ้าหน้าที่ของมหาวิทยาลัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีการบินและอวกาศอาชูรอ โดยท่านถือว่า การเยี่ยมชมนิทรรศการนี้ เป็นนิทรรศการที่มีความหอมหวานและเป็นที่น่าพอใจอย่างยิ่ง และลักษณะที่สำคัญที่สุด ถือเป็นการประเมินความต้องการอย่างถูกต้องและมุ่งเน้นทางวิทยาศาสตร์และการวิจัย

 ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า ความสำเร็จทางวิทยาศาสตร์ครั้งนี้ อันเป็นผลมาจากแรงจูงใจที่มีพื้นฐานมาจากความมุ่งมั่นและความศรัทธา โดยท่านเน้นย้ำว่า “ไม่ว่าในสถานที่ใดก็ตามที่เยาวชนของเราเข้าร่วมด้วยความมุ่งมั่นและความศรัทธา พวกเขาก็สามารถกระทำภารกิจที่ยิ่งใหญ่สำเร็จได้ และในนิทรรศการนี้ ก็มีสัญญาณแห่งความมุ่งมั่นและความศรัทธาอย่างที่ปรากฏชัดแจ้ง”

ท่านผู้นําสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า คุณลักษณะอีกประการหนึ่งของนิทรรศการการบินและอวกาศของกองทัพพิทักษ์การปฏิวัติอิสลาม คือ นวัตกรรมและความคิดสร้างสรรค์ โดยท่านได้ตั้งข้อสังเกตว่า “แน่นอนว่า เราจะต้องไม่พอใจกับระดับความสําเร็จในปัจจุบัน เพราะว่าในภาคส่วนทางทหารและพลเรือนต่างๆในโลกที่กําลังก้าวไปข้างหน้าและมีความก้าวหน้าอย่างต่อเนื่องและเราจะต้องพยายามที่จะไม่ล้าหลังพวกเขา”

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ถือว่า การเคลื่อนไหวและความก้าวหน้าของกองทัพ มีความรวดเร็วและเป็นสิ่งที่น่าพอใจ โดยท่านผู้นำเน้นย้ำให้เห็นถึงความจําเป็นในการไม่ลดความเร็วของการเคลื่อนไหว โดยท่านกล่าวเสริมว่า “ในบางส่วนของประเทศ เรานั้นอยู่ในสถานะที่ดีอย่างมาก แต่ในบางส่วนของสถานการณ์ของเราก็ไม่ดีเท่าไหร่และมีข้อบกพร่อง ซึ่งเราจะต้องเคลื่อนไหวด้วยการกำหนดความต้องการได้อย่างถูกต้องและก้าวไปสู่จุดที่ต้องการ”

ในอีกส่วนหนึ่งของการปราศรัย ท่านผู้นําสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ได้ชี้ให้เห็นถึงสถานการณ์ความเคลื่อนไหวในปาเลสไตน์และความต่อเนื่องของอาชญากรรมของระบอบรัฐเถื่อนไซออนิสต์ในฉนวนกาซา โดยท่านกล่าวว่า “เหตุการณ์ฉนวนกาซาได้เปิดเผยข้อเท็จจริงที่ซ่อนเร้นอยู่อย่างมากมายแก่ผู้คนทั่วโลก ซึ่งหนึ่งในนั้น คือ การสนับสนุนของเหล่าผู้นำประเทศชาติตะวันตกต่อการเลือกปฏิบัติทางเชื้อชาติ”

 ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ถือว่า ระบอบรัฐเถื่อนไซออนิสต์ เป็นสัญญาณการแสดงออกถึงการเลือกปฏิบัติทางเชื้อชาติ โดยท่านผู้นำกล่าวว่า “รัฐเถื่อนไซออนิสต์คิดว่า ตัวเองเป็นเผ่าพันธุ์ที่เหนือกว่าและถือว่า มนุษยชาติที่เหลือนั้นเป็นเผ่าพันธุ์ที่ด้อยกว่า และนั่นคือเหตุผลที่พวกเขาเข่นฆ่าเด็กหลายพันคนโดยที่ไม่รู้สึกผิดชอบชั่วดีเลย”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม เน้นย้ำว่า “เมื่อประธานาธิบดีสหรัฐฯ นายกรัฐมนตรีเยอรมนีประธานาธิบดีฝรั่งเศส และนายกรัฐมนตรีอังกฤษ สนับสนุนและช่วยเหลือระบอบการเหยียดสีผิวและเชื้อชาติ ด้วยการเรียกร้องเหล่านั้นทั้งหมด นั่นหมายความว่า สุภาพบุรุษเหล่านี้สนับสนุนการเลือกปฏิบัติทางเชื้อชาติ ซึ่งถือเป็นประเด็นที่สร้างความเกลียดชังมากที่สุดในโลก”

ท่านผู้นําสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ตั้งข้อสังเกตว่า “ประชาชนในยุโรปและสหรัฐอเมริกา ควรชี้แจงถึงปัญหาของพวกเขากับสถานการณ์นี้ และแสดงให้เห็นว่า พวกเขาไม่เห็นด้วยกับการเลือกปฏิบัติทางเชื้อชาติแต่อย่างใด”

อีกประเด็นหนึ่งที่ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี กล่าวถึง คือ เหตุการณ์ในฉนวนกาซา เป็นปัญหาของความล้มเหลวทางทหารและการปฏิบัติการของระบอบรัฐเถื่อนไซออนิสต์

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม กล่าวว่า “ระบอบรัฐเถื่อนไซออนิสต์ ถึงแม้ว่าจะมีการทิ้งระเบิดครั้งใหญ่ในฉนวนกาซา แต่ก็ประสบกับความล้มเหลวในการเคลื่อนไหวของตนเอง เพราะว่าพวกเขาพูดตั้งแต่ต้นว่า เป้าหมายของเรา คือ การทําลายฮามาสและขบวนการมุกอวิมัติและการทําให้พวกเหล่านี้ยอมจำนน แต่หลังจากผ่านไปกว่า 40 วันและการใช้กําลังทหารทั้งหมดของพวกเขาก็ยังไม่สามารถที่จะกระทําอะไรได้เลย”

ท่านผู้นําสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า การทิ้งระเบิดที่ป่าเถื่อนและโหดร้ายเข้าใส่โรงพยาบาลผู้หญิงและเด็กในฉนวนกาซา เป็นสัญญาณของความโกรธกริ้วอย่างรุนแรงของเหล่าผู้นําของระบอบรัฐเถื่อนไซออนิสต์เกี่ยวกับความพ่ายแพ้ของพวกเขา โดยท่านกล่าวเสริมว่า “ความพ่ายแพ้ของระบอบรัฐเถื่อนไซออนิสต์ในฉนวนกาซา เป็นความจริงและความคืบหน้าและการเข้าสู่โรงพยาบาลหรือบ้านของประชาชน ไม่ใช่เป็นชัยชนะ เพราะว่า ชัยชนะ หมายถึง การเอาชนะอีกฝ่ายหนึ่ง ซึ่งระบอบรัฐเถื่อนไซออนิสต์ไม่สามารถบรรลุได้ จนถึงตอนนี้และจะไม่เกิดขึ้นในอนาคตอีกเช่นกัน”

ท่านอยาตุลเลาะห์ คาเมเนอี ยังเน้นย้ำให้เห็นว่า มิติต่างๆของประเด็นความไร้ความสามารถ สูงกว่าประเด็นระบอบรัฐเถื่อนไซออนิสต์โดยท่านผู้นำกล่าวว่า "ความไร้ความสามารถนี้ หมายความว่าอเมริกาและประเทศชาติตะวันตกไม่มีความสามารถที่จะกระทําได้เช่นกัน และปัจจุบันนี้ ทั้งโลกกําลังเผชิญกับความจริงที่ว่า ระบอบการปกครองเถื่อนที่มีสิ่งอํานวยความสะดวกทางทหารและอุปกรณ์ขั้นสูงและมีความก้าวหน้าทางทหาร ยังไม่สามารถที่จะเอาชนะเหนือฝ่ายตรงข้ามซึ่งไม่มีสิ่งอํานวยความสะดวกเหล่านี้ได้เลย”

นอกจากนี้ ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังกล่าวถึงหน้าที่และผลงานของรัฐบาลมุสลิม โดยท่านกล่าวเสริมว่า “บางรัฐบาลของอิสลามได้ประณามการก่ออาชญากรรมของระบอบรัฐเถื่อนไซออนนิสต์ในหมู่ประชาคมโลกอย่างชัดเจน และบางส่วนก็ยังไม่ได้มีการประณาม แต่นี่ถือว่าไม่เป็นที่ยอมรับ ภารกิจหลัก คือ การตัดเส้นทางสำคัญและการไหลเวียนของระบอบรัฐเถื่อนไซออนิสต์ และการป้องกันไม่ให้รัฐบาลอิสลามเข้าถึงพลังงานและสินค้าของรัฐเถื่อนนี้

ท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลาม ตั้งข้อสังเกตว่า “รัฐบาลอิสลาม ควรตัดความสัมพันธ์ทางการเมืองกับระบอบรัฐเถื่อนไซออนิสต์อย่างน้อยที่สุดในระยะเวลาที่จำกัด

 ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี กล่าวเสริมว่า ประชาชาติต่างๆ ไม่ควรที่จะปล่อยให้การกดขี่ของชาวปาเลสไตน์ถูกลืม ด้วยการออกมารวมตัวกันและเดินขบวนต่อไปอย่างต่อเนื่อง

 ในช่วงท้ายสุด ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม เน้นย้ำว่า “เรานั้นมั่นใจในพันธสัญญาของพระผู้เป็นเจ้า และเราหวังต่ออนาคต และเราจะปฏิบัติตามหน้าที่ความรับผิดชอบของตนเอง”

 

 

700 /