สำนักผู้นำสูงสุดซัยยิด อาลี คาเมเนอี

นักศึกษาศาสนาและนักเผยแผ่ศาสนาของสถาบันการศึกษาศาสนาทั่วประเทศเข้าพบท่านผู้นำสูงสุด

การเผยแผ่ศาสนาเป็นหน้าที่อันสำคัญของสถาบันการศึกษาศาสนา

บรรดานักศึกษาศาสนาและนักเผยแผ่ศาสนาของสถาบันการศึกษาศาสนาทั่วประเทศ เข้าพบท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม โดยท่านผู้นำถือว่า การเผยแผ่ศาสนาและเป้าหมายทางศาสนา เป็นหน้าที่อันสำคัญของสถาบันศาสนา และท่านยังได้ชี้ให้เห็นถึงความจำเป็นในการเผยแผ่อย่างมีประสิทธิภาพและทันสมัย กล่าวคือ การรู้จักผู้ฟัง การรู้จักองค์ประกอบการที่แท้จริงของฉากจากการโฆษณาชวนเชื่อของโลก เพื่อการแสดงจุดยืนในการยืนหยัดและการมีจิตวิญญาณในการต่อสู้แบบญิฮาดี โดยท่านผู้นำได้เน้นย้ำว่า “รุ่นยุวชน เยาวชน ในฐานะที่เป็นเจ้าของและผู้ที่สร้างอนาคตของประเทศ จะต้องเป็นศูนย์กลางของความสนใจในการเผยแผ่ที่มีความสร้างสรรค์และอาศัยวิธีการและเครื่องมือต่างๆที่ทันสมัย

ในการพบปะกันครั้งนี้ ซึ่งอยู่ในช่วงใกล้ที่จะถึงเดือนมุฮัรรอม โดยท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ถือว่า ความต้องการของประเทศในการขับเคลื่อนด้วยการเผยแผ่นั้น ต้องอาศัยการวิจัยมากกว่าการขับเคลื่อนอื่นๆในปัจจุบันและท่านผู้นำยังได้ยกหลักฐานจากโองการอัลกุรอานอันทรงเกียรติ ที่เกี่ยวกับการเผยแผ่และมิติต่างๆ อีกทั้งความละเอียดอ่อนของมัน โดยท่านกล่าวว่า “ศาสนาของพระเจ้า ในระดับภาคประชาชนทั่วไป จะเกิดขึ้นไม่ได้ นอกจากการเผยแผ่ที่ถูกต้องเพียงเท่านั้น”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังได้ชี้ให้เห็นถึงความสำคัญของจารีตประเพณีอันยาวนานในการเผยแผ่ของสถาบันการศึกษาศาสนาและในวิถีชีวิตของบรรดานักการศาสนาผู้ยิ่งใหญ่ โดยท่านกล่าวเสริมว่า “อันดับความสำคัญของการเผยแผ่ ในระหว่างหน้าที่ต่างๆของสถาบันศาสนา หลังจากการจัดตั้งสาธารณรัฐอิสลามได้เพิ่มมากขึ้นเป็นสองเท่า เพราะว่า จากการก่อตั้งระบบการเมืองตามหลักการศาสนาได้เพิ่มความเป็นปฏิปักษ์ของเหล่าชาติมหาอำนาจ จอมอหังการที่มีต่ออิสลาม”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า ความศรัทธาของประชาชน เป็นพื้นฐานที่ทำให้รัฐอิสลามมีความมั่นคง โดยท่านกล่าวว่า “การรักษารัฐอิสลามและในความจริงแล้ว คือ การรักษาความศรัทธาของประชาชนเป็นข้อบังคับเหนืออื่นใด ในขณะที่การเผยแผ่ในปัจจุบันนี้ด้วยการใช้วิธีการต่างๆในทุกประเภทที่อาศัยความรู้และความกว้างขวางของเครื่องมือต่างๆ รวมถึงอินเทอร์เน็ตและปัญญาประดิษฐ์ (เป็นสัญลักษณ์หนึ่งในช่วงสมัยหลังยุคอินเทอร์เน็ต) ได้รับการพัฒนามากขึ้น ด้วยเหตุนี้เอง สติปัญญาได้ตัดสินใจที่ตรงกันข้ามกับการใช้ดาบที่อาบเลือดจากการโฆษณาชวนเชื่อของเหล่าศัตรู โดยเราถือว่า การเผยแผ่นั้น เป็นความสำคัญในอันดับแรก”

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ถือว่า นอกจากการขยายตัวของเครื่องมือต่างๆในการโฆษณาชวนเชื่อของชาติตะวันตกแล้ว ยังพิจารณาถึงความก้าวหน้าในวิธีการที่ทำให้ข้อความต่างๆเชื่อได้ว่าเป็นความจริงอย่างหนึ่งในปัจจุบัน โดยท่านผู้นำกล่าวเสริมว่า “พวกชาติตะวันตกต่างใช้ศาสตร์ทั้งหลาย รวมถึงจิตวิทยา ด้วยการทำให้ข้อความต่างๆที่เป็นเท็จหนึ่งร้อยเปอร์เซ็นว่า เป็นคำพูดจริงในความคิดของบรรดาผู้ได้รับข่าวสาร”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ได้กล่าวเตือนว่า “หากเราเพิกเฉยและมีความเฉื่อยชาในการเผชิญหน้ากับการเปลี่ยนแปลงใหม่ๆ ในประเด็นของการเผยแผ่ เราก็จะประสบกับการเปลี่ยนแปลงทางวัฒนธรรม และเช่นเดียวกับชาติตะวันตก เราจะจมปลักอยู่กับการดูหมิ่นบาปใหญ่ทีละขั้นตอน ซึ่งเป็นไปไม่ได้ที่จะชดเชยมันอย่างง่ายดาย  ดังเช่นที่ ท่านอิมามโคมัยนี ได้กล่าวย้ำหลายครั้งว่า หากว่าอิสลามถูกตบหน้าในอิหร่าน ผลของมัน ก็จะยังคงอยู่ไปอีกหลายปีด้วยกัน”

หลังจากที่ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม กล่าวอธิบายถึงความสำคัญและการจัดอันดับความสำคัญที่เพิ่มขึ้นสองเท่าของประเด็นการเผยแผ่แล้ว ในส่วนที่สองของการปราศรัย ในการพบปะกับบรรดาคณาจารย์ นักวิชาการ นักศึกษาศาสนา และผู้เผยแผ่ศาสนา โดยท่านได้อธิบายถึงประเด็นต่างๆและความจำเป็นในการใช้ประโยชน์ของการเผยแผ่

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ถือว่า การรู้จักผู้ฟัง เป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างยิ่งในการเผยแผ่ใดๆทั้งสิ้น และท่านผู้นำยังได้ชี้ให้ถึงการเพิ่มขึ้นของระดับการรับรู้ของประชาชนทั่วไป รวมถึงบรรดาวัยรุ่นและเยาวชนคนหนุ่มสาว โดยท่านกล่าวว่า “หากว่าในการเผยแผ่ ไม่มีการคำนึงถึงระดับความคิดและความต้องการของผู้ฟัง ก็จะไม่มีประสิทธิผล”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า การลดลงของผลกระทบจากคำสอนทั้งทางตรงและทางอ้อมของพ่อและแม่ที่มีต่อลูกๆ ของพวกเขา เป็นผลเสียอย่างแท้จริง โดยท่านกล่าวว่า “ช่างน่าเสียใจอย่างยิ่งที่ในตลาดที่วุ่นวายของเสียงต่าง ๆ มากมายในพื้นที่เสมือนจริงและพหุนิยมของสื่อ เสียงของการถ่ายทอดความรู้แบบดั้งเดิมและความเป็นครอบครัวถูกแยกออกจากกัน”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า ความหมายของภาษาของกลุ่มชนในอัลกุรอาน เป็นสิ่งที่จำเป็นในการให้ความสนใจกับองค์ประกอบทางปัญญาและจิตใจของผู้ฟัง โดยท่านกล่าวว่า “หากว่า องค์ประกอบและวิธีการเผยแผ่ ไม่เหมาะสมกับระดับและความต้องการของผู้ฟัง ก็จะเป็นผู้เผยแผ่ที่ไม่ประสบผลสำเร็จ”

ประเด็นที่สองที่ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ได้กล่าวถึงในประเด็นของการเผยแผ่ คือ ความจำเป็นในการหลีกเลี่ยงออกจากจุดยืนในการป้องกันอย่างแท้จริง และความจำเป็นในการโจมตีพื้นฐานหลักทางปัญญาของแนวร่วมที่ตรงข้าม

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า สำหรับการกระทำนี้ การรู้จักถึงเบื้องหลังของการขับเคลื่อนในปัจจุบันทางสื่อสังคมออนไลน์และไม่ใช่ออนไลน์ เป็นสิ่งที่มีความจำเป็นอย่างยิ่ง โดยท่านกล่าวว่า “ควรที่จะมีการตรวจสอบอย่างรอบคอบว่า การขับเคลื่อนเหล่านี้ (การเผยแผ่ การสื่อสาร และทางสังคมออนไลน์)  เป็นการกระทำโดยอิสระหรือว่ามีเบื้องหลัง ซึ่งมีอยู่ในหลายกรณีด้วยกัน”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า ฝ่ายแนวร่วมที่ต่อต้านรัฐอิสลาม ซึ่งเรียกตัวเองว่า เป็นฝ่ายเสรีนิยมประชาธิปไตย เป็นแนวร่วมจอมโกหกและหลอกลวง และท่านได้ชี้ให้เห็นถึงข้อเท็จจริงที่มากมายของประวัติศาสตร์ร่วมสมัย โดยท่านกล่าวว่า “แนวร่วมที่ต่อต้านประชาชาติอิหร่านคือ แนวร่วมที่ต่อต้านเสรีภาพและความคิดเสรี และต่อต้านระบอบประชาธิปไตยแบบใดก็ตามที่ไม่ขึ้นอยู่กับเหล่าชาติมหาอำนาจ จอมอหังการ และการยืนหยัดและการต่อสู้ของประชาชาติอิหร่านและรัฐอิสลามที่ต่อสู้กับแนวร่วมนี้ ถือเป็นการต่อสู้ที่มีอารยธรรมและมีความเป็นสากล”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า สถานการณ์ของประชาชาติยูเครนที่ไร้ที่อยู่อาศัยและไม่มีทางเลือก เป็นข้อพิสูจน์ของความต่อเนื่องของแรงจูงใจในการล่าอาณานิคมและการเป็นนักล่าของพวกตะวันตก โดยท่านกล่าวว่า “ประชาชนชาวยูเครน จะต้องถูกสังหาร เพราะว่า เนื่องจากผลประโยชน์ของบริษัทการผลิตและจำหน่ายอาวุธของพวกตะวันตกที่ซ่อนอยู่ที่ท่ามกลางความต่อเนื่องของสงครามในยูเครน”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า พวกตะวันตกต่างยอมรับในการผลกระทบของปัจจุบันที่เพิ่มมากขึ้นกว่าในอดีตที่ผ่านมา โดยท่านกล่าวว่า “อเมริกา รู้สึกภาคภูมิใจ ซึ่งท่านอิมามโคมัยนี ได้ให้สมญานามว่า ซาตานตัวใหญ่ ในเวทีด้านต่างๆ ทางการเมือง การเผชิญหน้ากับประชาชาติต่างๆ การเผชิญหน้ากับชาติอเมริกาเอง การเหยียดเชื้อชาติ จริยธรรมทางเพศ อาชญากรรม และความโหดร้าย เป็นสถานที่รวมของลักษณะปีศาจและความชั่วร้ายต่างๆ”

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี กล่าวสรุปในคำปราศรัยส่วนนี้ของท่าน โดยถือว่า การป้องกันการเผยแผ่ เป็นสิ่งจำเป็นและเป็นข้อบังคับ แต่ทว่า ท่านผู้นำกล่าวว่า “เราไม่ควรจำกัดตัวเองอยู่แค่การป้องกัน แต่ด้วยการมองเห็นถึงข้อเท็จจริงของโลกอย่างถูกต้องและการรายงานอย่างถูกต้อง เป็นพื้นฐานของแนวร่วมของศัตรู ที่เป็นเป้าหมายในการโฆษณาชวนเชื่อ”

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ถือว่า การมีจิตวิญญาณในรูปแบบญิฮาดี เป็นความจำเป็นประการที่สาม สำหรับการเผยแผ่ที่มีประสิทธิผล โดยท่านผู้นำกล่าวว่า “หากว่าไม่มีจิตวิญญาณในรูปแบบญิฮาดี จะเกิดข้อผิดพลาดในการทำความเข้าใจฉากหรือพฤติกรรมของการโฆษณาชวนเชื่อ แต่องค์ประกอบของการต่อสู้ เป็นหลักประกันที่มีประสิทธิผลของการเผยแผ่ เคียงข้างกับมุมมองและการกระทำภาคปฏิบัติ”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ได้กล่าวในประเด็นที่สำคัญ โดยถือว่า การเข้าร่วมของนักการศาสนาในภาคสนาม เป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างยิ่ง โดยท่านกล่าวว่า “นักการศาสนาอิสลาม มักมีความหวัง มีพลัง และเป็นนักต่อสู้แบบญิฮาดีในภาคสนามมาโดยตลอด”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า การให้ความสนใจกับความต้องการและอาหารทางความคิดของกลุ่มชนทุกหมู่เหล่า รวมถึง เจ้าของทางความคิด ปากกา ความคิด และศิลปะ ในประเด็นการเผยแผ่และในขณะเดียวกัน ท่านกล่าวว่า “จะต้องให้ความสนใจเป็นพิเศษกับรุ่นยุวชนเยาวชน เพราะว่า อนาคตของประเทศเป็นของกลุ่มชนรุ่นนี้ และจะต้องทำให้มันสมองปราศจากข้อสงสัยในการสร้างอนาคต”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า ความมุ่งมั่นในทางปฏิบัติของบรรดาเยาวชนหนุ่มสาวในการกระทำอะมั้ลอิบาดัตและการหลีกเลี่ยงจากบาป เป็นสิ่งที่มีความสำคัญอย่างยิ่ง และท่านยังถือว่า บทบาทของมัสญิดและฮัยอัตต่างๆ มีประสิทธิภาพในด้านนี้

ในประเด็นนี้ ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ถือว่า การฟื้นฟูและการทำให้มัสญิดมีชีวิตชีวา เป็นสิ่งที่จำเป็น โดยท่านผู้นำกล่าวว่า “อย่าปล่อยให้มัสญิดเปิดเฉพาะในช่วงเวลานมาซ(ละหมาด) แต่ทว่า มัสญิดควรเป็นสถานที่ไปมาหาสู่ของผู้คน”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังได้ชี้ให้เห็นถึงการพบปะกับเหล่าศิลปินทางด้านภาพยนตร์ โดยท่านกล่าวว่า “บางครั้ง เรานั้นมีความคาดหวังมากเกินไปกับบางกลุ่มชน ในขณะเดียวกัน เราก็ยังมีความล้มเหลวในการจัดเตรียมความรู้และอาหารทางปัญญาที่จำเป็นสำหรับพวกเขา”

ประเด็นสุดท้ายที่ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ได้เน้นย้ำในการพบปะกันครั้งนี้ คือ ความจำเป็นในการสร้างศูนย์กลางขนาดใหญ่ของสถาบันศาสนา (แห่งแรกในสถาบันศาสนาเมืองกุม และจากนั้นในสถาบันศาสนาอื่นๆ) เพื่อการขยายตัวเชิงปริมาณและการส่งเสริมการเผยแผ่ทางศาสนาในเชิงคุณภาพและเชิงความรู้

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า มีภารกิจ 3 ประการสำหรับศูนย์กลางนี้ กล่าวคือ  การเตรียมการและการผลิตสื่อการโฆษณาและการเผยแผ่ที่ทันสมัยและมีความสร้างสรรค์ การควบคุมวิธีการโฆษณาขั้นสูงและมีประสิทธิภาพ และการฝึกอบรมที่มีประสิทธิภาพในความหมายที่แท้จริงของคำนี้

ในช่วงเริ่มต้นของการพบปะกันครั้งนี้  ฮุจญตุลอิสลามวัลมุสลิมีน อะอ์รอฟีย์ ผู้อำนวยการของสถาบันสอนศาสนาทั่วประเทศ กล่าวว่า นักศึกษาศาสนาและผู้เผยแผ่ศาสนาด้วยการมีจริยธรรมและศีลธรรม ยึดประชาชนเป็นแกนหลัก และมีการใช้ประโยชน์จากความรู้และเครื่องมือสมัยใหม่โดยถือว่า ตนเองนั้นมีความรับผิดชอบต่อสังคม ในประเด็นต่างๆ เช่น การดำรงชีพ ภัยสังคม การป้องกันการเลือกปฏิบัติ ความปลอดภัยทางการตัดสินคดีความและการปรับปรุงสถานการณ์ของสื่อสังคมออนไลน์นั้นมีความตื่นตัวและข้อเรียกร้องมาโดยตลอด

                            

 

700 /