สำนักผู้นำสูงสุดซัยยิด อาลี คาเมเนอี

ประชาชน บรรดาเจ้าหน้าที่รัฐและทุตานุทูตของประเทศอิสลาม เข้าพบท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสล

ยุทธศาสตร์ของโลกอิสลามในวันนี้ คือ การให้ความช่วยเหลือและการเสริมสร้างปาเลสไตน์

ประชาชนจำนวนหนึ่ง พร้อมทั้งบรรดาเจ้าหน้าที่รัฐฯ และเหล่าทุตานุทูตของประเทศอิสลาม เข้าพบท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม อยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี โดยท่านผู้นำถือว่า ความเป็นเอกภาพ คือ สิ่งที่จำเป็นเร่งด่วนของประชาชาติอิสลาม และท่านยังได้ชี้ให้เห็นถึงการล่มสลายของระบอบรัฐเถื่อนไซออนิสต์และการลดลงที่ประจักษ์ได้ของการสูญเสียอำนาจในการยับยั้งของพวกเหล่านี้ โดยท่านกล่าวว่า “ความก้าวหน้าที่สำคัญนี้เกิดขึ้น เนื่องมาจากการยืนหยัดต่อสู้ของประชาชาติและเยาวชนทั้งหลายชาวปาเลสไตน์ และยุทธศาสตร์ของโลกอิสลามในวันนี้ คือ การให้ความช่วยเหลือและการเสริมสร้างองค์ประกอบของการต่อสู้ในปาเลสไตน์

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ถือว่า เดือนรอมฎอน เป็นพื้นฐานสำหรับความใกล้ชิดของหัวใจทั้งหลายของชาวมุสลิมต่อกันและกัน โดยท่านกล่าวเสริมว่า “บรรดาเจ้าหน้าที่ของประเทศอิสลาม จะต้องใช้โอกาสนี้ เพื่อที่จะสร้างเอกภาพให้เกิดขึ้นกับประชาชาติอิสลาม การลดลงและการขจัดปัญหาความแตกแยกให้ออกไปจากกัน”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังได้ชี้ให้เห็นถึงปัญหาต่างๆของประเทศอิสลาม รวมทั้งการเกิดสงคราม ความขัดแย้งและการปะทะกัน การพึ่งพายังผู้อื่น ความยากจน การขาดความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์ โดยท่านกล่าวว่า “หากว่ามีการปฏิบัติตามบัญญัติของอัลกุรอาน บนพื้นฐานความเป็นหนึ่งเดียวกัน ในการยึดถือสายเชือกของพระเจ้า ขณะที่โลกอิสลาม ซึ่งมีประชากรประมาณสองพันล้านคนและยังมีจุดทางภูมิศาสตร์ที่สำคัญที่สุดและมีความอ่อนไหวที่สุดในโลก ก็สามารถที่จะก้าวข้ามในการแก้ไขปัญหาต่างๆได้”

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ถือว่า ปัญหาปาเลสไตน์ เป็นหนึ่งในปัญหาพื้นฐานที่สำคัญที่สุดของโลกอิสลาม และท่านผู้นำยังได้ชี้ให้เห็นถึงการล่มสลายอย่างค่อยเป็นค่อยไปของระบอบรัฐเถื่อนไซออนิสต์ โดยท่านกล่าวว่า “การล่มสลายนี้ ได้เริ่มต้น เมื่อหลายปีที่ผ่านมา แต่ปัจจุบันได้เร่งตัวขึ้น และโลกอิสลาม ควรที่จะใช้ประโยชน์จากโอกาสที่ยิ่งใหญ่นี้”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า ปัญหาปาเลสไตน์ ไม่เพียงแต่เป็นปัญหาของอิสลามเท่านั้น แต่ยังถือเป็นปัญหาของมนุษยชาติอีกด้วย และท่านยังได้ชี้ให้เห็นถึงการรวมตัวและการเดินขบวนประท้วงในวันอัลกุดส์สากล ในประเทศทั้งหลายที่ไม่ใช่อิสลาม โดยท่านกล่าวว่า “การรวมตัวต่อต้านรัฐเถื่อนไซออนิสต์ในอเมริกาและประเทศต่างๆในยุโรป อันเกิดมาจากผลลัพท์ของการเปิดเผยที่เพิ่มขึ้นของอาชญากรรมของรัฐเถื่อนไซออนิสต์  ผู้ยึดครอง”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม กล่าวเสริมว่า “การเข้าร่วมกันอย่างมากมายของประชาชนชาวยุโรปที่ให้การสนับสนุนต่อประชาชนชาวปาเลสไตน์ ถือเป็นสิ่งที่มีความสำคัญอย่างมาก เช่นเดียวกันกับในประเทศที่ขึ้นอยู่กับพวกรัฐเถื่อนไซออนิสต์”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า ปัจจัยหลักของสภาพที่น่าสังเวชของรัฐเถื่อนไซออนิสต์ คือ การยืนหยัดต่อสู้อย่างเต็มกำลังของประชาชนชาวปาเลสไตน์และการเสี่ยงภัยอันตรายและการเสียสละชีวิตของบรรดาเยาวชนของพวกเขา โดยท่านผู้นำได้เน้นย้ำว่า “สถานการณ์ในวันนี้ของดินแดนที่ถูกยึดครองได้พิสูจน์ให้เห็นว่า ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม ที่ประชาชาติปาเลสไตน์มีการยืนหยัดต่อสู้ในพื้นที่ต่างๆมากยิ่งขึ้น รัฐเถื่อนก็จะพบกับความอ่อนแอที่มากกว่า”

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ถือว่า การมีอำนาจในการยับยั้งของรัฐเถื่อนไซออนิสต์ได้สิ้นสุดลงแล้วด้วยเช่นกัน โดยท่านผู้นำกล่าวว่า “เมื่อหลายสิบปีที่ผ่านมา (เดวิด) เบนกูเรียน ผู้ก่อตั้งรัฐเถื่อนไซออนิสต์ บอกว่า เมื่อใดก็ตามที่อำนาจในการยับยั้งของพวกเราสิ้นสุดลง เมื่อนั้นเราก็จะถูกทำลาย และบัดนี้ โลกได้ประจักษ์ในข้อเท็จจริงนี้ และหากไม่มีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้น การสิ้นสุดของรัฐเถื่อนก็กำลังใกล้เข้ามาแล้ว ซึ่งด้วยเกียรติจากการเสียสละของเหล่าเยาวชนชาวปาเลสไตน์ในเขตเวสต์แบงก์และพื้นที่ถูกยึดครองอื่นๆ”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า เมื่อพิจารณาถึงข้อเท็จจริงเหล่านี้ การช่วยเหลือกองกำลังต่างๆในปาเลสไตน์ จึงเป็นกลยุทธ์ที่สำคัญของโลกอิสลามในวันนี้ โดยท่านกล่าวว่า “แนวรบของการยืนหยัดต่อสู้ด้วยความพยายามอันทรงคุณค่าของตนเองและประเทศอิสลามทั้งหมด จะต้องมุ่งเน้นไปยังการเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับองค์ประกอบของการต่อสู้ในปาเลสไตน์”

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ยังได้อธิบายถึงจุดที่สำคัญ ถือว่า การมีแนวโน้มต่ออิสลาม เป็นปัจจัยหลักของการมีอำนาจของการต่อสู้ของกลุ่มต่างๆในปาเลสไตน์ โดยท่านผู้นำกล่าวเสริมว่า “ในยุคสมัยต่างๆที่ไม่มีแนวโน้มจากการยอมรับในอิสลาม ความก้าวหน้าเหล่านี้ก็จะไม่เกิดขึ้น”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า การต่อต้านอิสลามของเหล่าศัตรู คือ ผลลัพท์จากการมีอำนาจของอิสลามจากการเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับประชาชาติปาเลสไตน์และประชาชาติทั้งหลาย โดยท่านกล่าวเสริมว่า “แน่นอนว่า ด้วยพระมหากรุณาธิคุณของพระผู้เป็นเจ้าและความชาญฉลาดของประชาชาติอิสลาม กลยุทธ์นี้นั้นจะไม่เกิดขึ้น”

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ยังได้ชี้ให้เห็นถึงการบุกเบิกของท่านอิมามโคมัยนีและสาธารณรัฐอิสลามแห่งอิหร่านในการสนับสนุนประเด็นปาเลสไตน์ โดยท่านกล่าวว่า “การขับเคลื่อนนี้ จะดำเนินต่อไปอย่างต่อเนื่อง และเราหวังเป็นอย่างยิ่งว่า ประชาชาติอิหร่านที่มีเกียรติและศักดิ์ศรี จะได้เห็นในวันที่บรรดามุสลิมทั้งหมดของประเทศอิสลามร่วมทำนมาซกันในอัลกุดส์อันศักดิ์สิทธิ์ (มัสญิดอัลอักศอ)อย่างเป็นอิสรภาพ”

ในช่วงเริ่มต้นของการพบปะกันครั้งนี้ พณฯท่าน ฮุจญตุลอิสลาม วัลมุสลิมีน ราอีซี ประธานาธิบดี ได้ชี้เห็นถึงการเน้นย้ำของท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลามเกี่ยวกับความร่วมมือของสภาทั้งสามต่อกันและกัน โดยเขาได้ตั้งข้อสังเกตว่า “ข้าพเจ้า จะให้ความเชื่อมั่นกับท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลามและประชาชาติอิหร่านที่มีเกียรติและศักดิ์ศรีว่า ทั้งสามสภา จะมีความเห็นอกเห็นใจต่อกันและกันและการรวมพลังเป็นหนึ่งเดียวกัน โดยที่หลีกเลี่ยงออกจากประเด็นเรื่องชายขอบ และการบรรลุผลของคำขวัญประจำปีและการมุ่งเน้นไปยังการแก้ไขปมต่างๆจากการดำเนินชีวิตของประชาชนและการให้บริการต่อพวกเขาอย่างบริสุทธิ์ใจ”

และเช่นเดียวกัน ในการพบปะกันครั้งนี้ ครอบครัวของบรรดาชะฮีด อัรมาน อะลีวัรดี รูฮุลลอฮ์ อะญะมียอน และฮะซัน อีรลู ได้เข้าพบปะและสนทนากับท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม เป็นการส่วนตัวด้วยเช่นกัน

 

 

 

 

 

700 /