สำนักผู้นำสูงสุดซัยยิด อาลี คาเมเนอี

นักศึกษามหาวิทยาลัยและชมรมนักศึกษาหลายพันคน เข้าพบท่านผู้นำสูงสุด

ต้องดำเนินการตามแนวทางอันสว่างไสวของการปฏิวัติอิสลามอย่างจริงจัง

นักศึกษามหาวิทยาลัย และชมรมนักศึกษากว่าพันคน เข้าพบท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม อยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ถือเป็นการพบปะกันที่ใช้เวลานานถึงสองชั่วโมงครึ่งด้วยกัน โดยท่านผู้นำ ถือว่า นักศึกษา การขับเคลื่อนและข้อเรียกร้องของพวกเขา เป็นโอกาสและมีคุณค่าสำหรับประเทศชาติและท่านยังได้ชี้ให้เห็นถึงกลยุทธ์ของศัตรูที่จะทำให้ประชาชาติอิหร่านมองต่อตัวเองและขีดความสามารถของตนในแง่ร้าย โดยท่านกล่าวว่า “ในทางตรงกันข้ามกับความต้องการของศัตรู สังคมนักศึกษา จะต้องมีการสร้างการเปลี่ยนแปลงในจิตใจและความเป็นจริงของสังคมอิหร่าน แล้วจึงจะสร้างการเปลี่ยนแปลงในจิตใจและความเป็นจริงของโลกในระยะยาวของวิสัยทัศน์และความพยายามของตนเอง”

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี  ถือว่า เดือนรอมฎอน เป็นฤดูใบไม้ผลิทางจิตวิญญาณและการกระทำอะมั้ลอิบาดัต โดยท่านผู้นำกล่าวว่า “เยาวชน ก็เป็นฤดูใบไม้ผลิของชีวิต ด้วยเช่นกัน ดังนั้น เดือนรอมฎอนจึงเป็นทั้งฤดูใบไม้ผลิในฤดูใบไม้ผลิสำหรับเยาวชนคนหนุ่มสาว และสิ่งที่สวยงามทั้งสองนี้ก็ปรากฏอยู่ในช่วงสมัยของการป้องกันอันศักดิ์สิทธิ์ด้วยเช่นเดียวกัน หมายถึง เป็นพื้นฐานและโอกาสในการบรรลุสู่จุดสูงสุดทางจิตวิญญาณและความสูงส่งสำหรับบรรดานักต่อสู้ทุกคน แต่ทว่าเหล่าเยาวชนนักต่อสู้ จะต้องใช้ประโยชน์ให้มากที่สุด ด้วยเหตุผลการได้รับโอกาสของความเป็นเยาวชน จากการได้รับโอกาสในความสูงส่งและการบรรลุจุดสูงสุดทางจิตวิญญาณ และพวกเขาได้บรรลุจุดสูงสุด ซึ่งท่านอิมามโคมัยนี ผู้ล่วงลับ ด้วยการใช้ชีวิตในการจาริกทางจิตวิญญาณและอิรฟาน ยังจะต้องอิจฉาต่อพวกเขา”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังได้เน้นย้ำอีกครั้งถึงความจำเป็นของพื้นฐานทางความรู้ที่มั่นคงของนักศึกษาและกลุ่มนักศึกษา โดยท่านกล่าวเสริมว่า “ในสภาพนี้ หัวใจของเยาวชน จะมีความแข็งแกร่ง การย่างก้าวของเขาจะมีความมั่นคง และการขับเคลื่อนของเขา จะมีความต่อเนื่องและไม่มีความเหน็ดเหนื่อย ดังนั้น เยาวชน นักศึกษา จะต้องใช้ประโยชน์จากอัลกุรอาน นะฮ์ญุลบะลาเฆาะฮ์ และหนังสือต่างๆของนักวิชาการ ดังเช่น ชะฮีดมุเฎาะฮะรี ชะฮีดเบเฮชตี และอยาตุลลอฮ์มิศบาฮ์ ในการดำเนินงาน การศึกษาและการคิดใคร่ครวญ”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า ความยุติธรรม เป็นหนึ่งในพื้นฐานทางความรู้  โดยท่านกล่าวว่า “ตัวอย่างที่สำคัญของความยุติธรรม คือ การขจัดความไม่เท่าเทียมกัน แต่ความยุติธรรมในวงกว้างนั้น จะต้องเริ่มต้นจากความคิดและหัวใจ ความศรัทธา และการตัดสินในแบบส่วนตัว และการต่อสู้กับชาติมหาอำนาจ จอมอหังการ เพื่อสร้างความยุติธรรมระหว่างประเทศ ซึ่งเป็นสิ่งน่าเสียใจอย่างยิ่งที่บางคนกลับใช้เป็นสโลแกนในการแสวงหาความยุติธรรม โดยพวกเขาไม่ได้ถือว่า การต่อสู้กับเหล่าผู้กดขี่โลกนั้น เป็นตัวอย่างในการแสวงหาความยุติธรรม”

 ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ได้กล่าวถึงเสรีภาพว่าเป็นพื้นฐานทางความรู้อีกประการหนึ่ง โดยท่านกล่าวว่า “ในทัศนะของอิสลาม การออกห่างจากกรอบและความต้องการทางด้านวัตถุ เป็นส่วนที่สำคัญของประเด็นของเสรีภาพ ซึ่งเป็นแนวทางเพื่อที่จะนำไปสู่ความก้าวหน้า ความสูงส่งและเสรีภาพจากพันธนาการของความแข็งแกร่ง ทำให้แข็งทื่อเหมือนดั่งก้อนหิน การมีอคติและปฏิกิริยาโต้ตอบ และจากพันธนาการของการเป็นมหาอำนาจ และเผด็จการ รวมทั้งข้อจำกัดอื่นๆ”

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ยังได้กล่าวถึงพื้นฐานทางปัญญาและทางศาสนาที่สำคัญอีกประการหนึ่ง นั่นหมายถึง การรอคอยผู้ปลดปล่อยโลก โดยท่านผู้นำกล่าวว่า “การรอคอยผู้ปลดปล่อยโลก หมายถึง ความเชื่อที่ว่า  ข้อบกพร่องและความยากลำบากทั้งหมดนั้น สามารถที่จะถูกขจัดออกไปด้วยการทำงาน ความพยายาม และการมอบหมายกิจการต่อพระเจ้า (ตะวักกุล)”

ในบริบทเดียวกันนี้ ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม กล่าวเสริมว่า “พระผู้เป็นเจ้าทรงตรัสไว้ในอัลกุรอานว่า การได้รับชัยชนะของสัจธรรมและชัยชนะของผู้ที่ถูกกดขี่ เป็นกฎหมายขั้นเด็ดขาดของพระองค์ และนี่คือคำมั่นสัญญาที่ซื่อสัตย์ ซึ่งเราได้ประจักษ์แล้วในชัยชนะของการปฏิวัติอิสลามและการเผชิญหน้าอย่างมีชัยเหนือเหล่ามหาอำนาจ จอมอหังการทั้งหมด และเหล่าศัตรูของอิหร่านในสงครามภาคบังคับที่ผ่านมา”

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ยังได้กล่าวคำปราศรัยต่อกลุ่มนักศึกษาที่ขับเคลื่อนในภาคสังคม โดยท่านถือว่า การต่อต้านกับการขับเคลื่อนของนักศึกษานั้น เป็นภัยคุกคาม โดยท่านได้เน้นย้ำว่า “ความคิดเห็นที่ชัดเจนและแน่วแน่ของข้าพเจ้า คือ นักศึกษา การขับเคลื่อนและข้อเรียกร้องของพวกเขา ความรับผิดชอบของพวกเขาต่อปัญหาต่างๆของประเทศ การมีแรงจูงใจและการใส่ใจต่อการแก้ปัญหาต่างๆและการเข้าร่วมอย่างกระตือรือร้นในการขับเคลื่อนทางสังคมและทางการเมือง เป็นโอกาสและมีคุณค่าอีกประการหนึ่ง”

การกล่าวถึงผลกระทบของการขับเคลื่อนของบรรดานักศึกษา เป็นอีกประเด็นหนึ่งของคำปราศรัยของท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลามในการพบปะกันครั้งนี้

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า การแบ่งเป็นสองขั้วในสังคมนักศึกษาและประเทศ การมีมุมมองที่ไม่ตรงกับความเป็นจริงและข้อเรียกร้องที่ปราศจากวิธีการแก้ไขปัญหาทางวิชาการและการปฏิบัติ คือ หนึ่งในผลกระทบของการขับเคลื่อนของนักศึกษา  และท่านผู้นำยังได้ชี้ถึงคำพูดของนักศึกษาคนหนึ่ง โดยท่านกล่าวว่า “ตรงกันข้ามกับสิ่งที่ได้กล่าวไปว่า  เราจะต้องลงประชามติกัน ตั้งแต่วันแรกของการเกิดขึ้นปัญหาต่างๆ เพื่อที่ไม่เกิดความรู้สึก แต่ปัญหาต่างๆของประเทศนั้น ไม่สามารถที่จะลงประชามติได้ เพราะว่า ทุกๆการลงประชามติ จะเกี่ยวข้องกับผู้คนทั้งประเทศ เป็นเวลาถึง 6 เดือน ขณะที่ มีที่ไหนในโลกหรือที่จะลงประชามติกันในปัญหาต่างๆทั้งหมด”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า ความเร่งรีบ การมีมุมมองและการมุ่งเน้นยังจุดลบและการละเลยยังจุดที่สว่างไสว การมีพฤติกรรมที่รุนแรง การเปลี่ยนแปลงจากปัญหาท้องถิ่นให้กลายเป็นปัญหาของชาติ การขับเคลื่อนโดยมุ่งเน้นไปผู้คนที่มองเห็นและการจมปลักอยู่ในโลกเสมือนจริง ทั้งหมดเหล่านี้ ล้วนคือ ผลกระทบของการขับเคลื่อนของนักศึกษา โดยท่านกล่าวเสริมว่า “โลกเสมือนจริง คือ ความเป็นจริงหนึ่ง แต่บางคนกลับยอมรับข่าวสารและการวิเคราะห์จากโลกเสมือนจริง ในขณะที่พวกเขา จะต้องพยายามเผยแพร่ข่าวสารและข้อมูลที่ถูกต้องในโลกเสมือนจริงและเครือข่ายทางสังคมออนไลน์”

คำแนะนำอีกประการหนึ่งของท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลามที่มีต่อนักศึกษา คือ การจัดระเบียบของการขับเคลื่อนโดยการมีวิสัยทัศน์ที่กว้างไกล

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังได้ชี้ให้เห็นถึงคำถามของนักศึกษาบางคนที่เกี่ยวกับหน้าที่อันพึงปรารถนาของนักศึกษาและการมองไปยังอนาคตว่าคืออะไร โดยท่านกล่าวว่า “ประการแรก คือ การสร้างการเปลี่ยนแปลงในความคิดและความเป็นจริงของสังคมของตนเอง หลังจากนั้น จึงจะสร้างการเปลี่ยนแปลงในความคิดและความเป็นจริงของโลก”

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ไม่ถือว่า ความสำเร็จของขีดสามารถนี้ เป็นเรื่องแปลกและไกลเกินเอื้อม โดยท่านผู้นำกล่าวเสริมว่า “นักศึกษาในวันนี้ คือ ผู้บริหารจัดการทางการเมือง เศรษฐกิจ และการทูตในวันหน้า เป็นนักปราชญ์และนักวิชาการในวันหน้า นักเคลื่อนไหวทางการเมืองและการสื่อสารในวันหน้า เป็นผู้นำ มันสมองทางความคิดและองค์ประกอบที่มีอิทธิพลในวันหน้า ในขณะที่ทุกคนบอกว่าโลกกำลังอยู่ในการเปลี่ยนแปลง โดยการเปลี่ยนแปลงนี้จะเกิดขึ้นจากบรรดามันสมองทางความคิดและผู้คนที่มีความกระตือรือร้น ซึ่งพวกท่านนั้นเป็นเยาวชนคนหนุ่มสาวและนักศึกษาที่มีศรัทธา ล้วนเป็นส่วนหนึ่งในหมู่ของพวกเขา”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังได้ชี้ให้เห็นว่า มีความเป็นไปได้ในการสร้างการเปลี่ยนแปลงเชิงลบด้วยน้ำมือของผู้ที่เบี่ยงเบน โดยท่านได้ให้คำแนะนำกับเยาวชนให้มีการขับเคลื่อนไปในแนวทางที่ถูกต้องและการเสริมสร้างรากฐานทางศาสนา วิทยาศาสตร์ สติปัญญา และเจตนารมณ์ของพวกเขาให้มีความแข็งแกร่ง โดยท่านกล่าวว่า “บุคคลใดก็ตามที่เขานั้นมีการสร้างตนเองมากยิ่งขึ้นในกิจการเหล่านี้ ก็เป็นไปได้ว่า เขาจะมีอิทธิพลอย่างมากยิ่งขึ้นในวันหน้า”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า ฐานะของนักศึกษา เป็นชื่อที่เกี่ยวข้องกับชื่อต่างๆ ดั่งเช่น การแสวงหาความรู้ ความเป็นเยาวชนที่เต็มไปด้วยการขับเคลื่อน และการมีนวัตกรรมใหม่ และความรู้สึกด้านมนุษยธรรมทางการกุศล เช่น การเป็นปรปักษ์กับการทุจริตคอร์รัปชั่นและความอยุติธรรม โดยท่านกล่าวว่า “สิ่งที่สำคัญมากที่สุดสำหรับนักศึกษา คือ การมีรากฐานทางปัญญาที่พวกท่านทั้งหลาย จะต้องมีการสร้างความแข็งแกร่ง ซึ่งการสร้างความแข็งแกร่งนั้น ไม่ได้หมายถึงการหยุดนิ่งจากการขับเคลื่อนอื่นๆ และการหมกมุ่นอยู่กับการคิดและการศึกษาเพียงอย่างเดียว แต่พวกท่านทั้งหลาย จะต้องมีเชื่อมความสัมพันธ์อย่างลึกซึ้งกับแหล่งที่มาทางศาสนา การมีความห่วงใยและด้วยการมีบรรดานักคิดที่น่าเชื่อถือ ในเวลาเดียวกันกับมีการขับเคลื่อนของนักศึกษา”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังได้เน้นย้ำให้เห็นว่า เราทั้งหมดทุกคน จะต้องรู้เท่าทันแผนการร้ายและกลยุทธ์ของศัตรู โดยท่านผู้นำได้ตั้งข้อสังเกตว่า “บางคนเมื่อเราเอ่ยชื่อศัตรู กลับมีอคติเป็นนัยว่า เราพยายามที่จะปฏิเสธจุดอ่อนต่างๆ ในขณะที่มีจุดอ่อนต่างๆ แต่ไม่ว่าเราจะเข้าใจศัตรูหรือไม่เข้าใจก็ตาม ศัตรูต่างใช้จ่ายเงินและสิ่งอำนวยความสะดวกในการต่อต้านกับแนวรบฝ่ายสัจธรรม ตามคำกล่าวของท่านอะมีรุลมุอ์มินีน อะลี (อ.) กล่าวว่า หากว่าเราเพิกเฉยด้วยการหลับไหลในสมรภูมิรบ แต่ทว่าศัตรูนั้นไม่เคยนอนหลับเลย”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า กลยุทธ์ในปัจจุบันของศัตรูที่มีต่อประชาชาติอิหร่าน คือ การมีมุมองต่อตัวเองในแง่ร้ายและด้วยการปฏิเสธข้ออ้างที่ว่ามีความสิ้นหวังที่ได้รับมาจากแหล่งที่มาภายในประเทศ และท่านยังได้ยกตัวอย่างของกลยุทธ์ของการมองโลกในแง่ร้าย โดยท่านกล่าวว่า “อาจารย์หรือบุคคลที่ไม่มีความรับผิดชอบที่หมดหวังและมองโลกในแง่ร้ายได้บอกกับนักศึกษาที่เต็มด้วยการมีแรงจูงใจว่า แม้ว่าจะมีปัญหาเหล่านี้ ทำไมพวกคุณถึงยังอยู่ที่นี่และเรียนหนังสือด้วยเล่า? จงออกไปจากประเทศนี้ซะเถอะ”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม กล่าวเสริมว่า “แน่นอนว่า คำตอบที่ชัดเจนและคมคายของเยาวชนที่มีศรัทธา นักต่อสู้ที่มีความรู้ และมีความเฉลียวฉลาด คือ ใช่ ยังมีปัญหาต่างๆ แต่ข้าพเจ้ากับบรรดาลูกหลานและเพื่อนร่วมชาตินั้น เราต้องการที่จะใช้ชีวิตอยู่ในประเทศนี้อีกหลายปี ด้วยเหตุนี้เอง ข้าพเจ้าจะต้องเรียนหนังสือพร้อมทั้งมีการต่อสู้เพื่อแก้ไขปัญหาต่างๆให้หมดสิ้นไป”

การยืนกรานของสื่อต่างประเทศที่ประสงค์ร้ายและผู้ติดตามสื่อในประเทศบางแห่ง เพื่อชักนำประชาชาติอิหร่านให้หันเหออกจากความเชื่อทางศาสนาและความรู้สึกในการปฏิวัติอิสลาม เป็นอีกตัวอย่างหนึ่งของการมองโลกในแง่ร้ายที่ท่านผู้นำการปฏิวัติได้ชี้ให้เห็น โดยท่านกล่าวว่า “การชักนำเหล่านี้กำลังเกิดขึ้น ในขณะที่การจัดงานคืนลัยละตุลก็อดร์ของปีนี้เต็มไปด้วยความเข้มข้นที่มากกว่าปีที่แล้ว ทั้งในการเข้าร่วมและการหลั่งน้ำตาของเยาวชนคนหนุ่มสาวก็มีเพิ่มมากขึ้น วันอัลกุดส์สากลก็มีมวลชนที่แน่นมากกว่าปีที่แล้ว และมวลชนในวันที่ 22 บะห์มัน ก็เพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า แต่พวกเหล่านั้นมีการกระซิบกระซาบในทางตรงกันข้าม”

การถอนตัวออกของนายทุนหรือผู้ประกอบการเพียงไม่กี่รายในประเทศ เป็นอีกตัวอย่างหนึ่งของการมองโลกในแง่ร้ายและการทำให้ประชาชนสิ้นหวัง แม้จะมีผู้ประกอบการจำนวนมากและการขับเคลื่อนที่เพิ่มขึ้นของบริษัทฐานความรู้หลายพันแห่ง ซึ่งท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ได้กล่าวถึง โดยท่านกล่าวเสริมว่า “ศัตรูได้วางแผนการเพื่อที่จะทำให้เรามองโลกในแง่ร้ายต่อตัวเอง ต่อรัฐบาลของเรา และต่อสภาพแวดล้อมของนักศึกษาของเรา”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม กล่าวว่า “เรานั้นมีข้อบกพร่องในประเทศ ขณะที่ความคาดหวังและข้อเรียกร้องของข้าพเจ้าที่มีต่อบรรดาเจ้าหน้าที่สำหรับการกำจัดข้อบกพร่องนั้นมีมากกว่าพวกท่านทั้งหลาย แต่ในขณะเดียวกัน เราต้องขอขอบคุณต่อพระผู้เป็นเจ้า ที่เห็นว่าประเทศกำลังความก้าวหน้าและยังมีเยาวชนคนหนุ่มสาวหลายแสนคนที่มีศรัทธา มีแรงบันดาลใจ และมีความคิดที่ดีอยู่ในที่นั้น ขณะที่ก่อนหน้านี้นั้น ไม่เคยมีมาก่อน”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังชี้ให้เห็นถึงข้อเท็จจริงที่สำคัญอีกประการหนึ่ง โดยท่านกล่าวว่า “เยาวชนชาวอิหร่าน เป็นกรณีที่เหล่าศัตรูมีความเกลียดชังอย่างรุนแรง ซึ่งเยาวชนของเราทุกคน จะต้องรู้ถึงข้อเท็จจริงนี้”

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ยังได้กล่าวอธิบายถึงเหตุผลของความอิจฉาริษายาของเหล่ามหาอำนาจ จอมอหังการ และความเกลียดชังของรัฐเถื่อนไซออนิสต์ต่อการครอบงำอเมริกาและยุโรปของเยาวชนชาวอิหร่าน โดยท่านได้ตั้งข้อสังเกตว่า “พวกเหล่านั้นต่างปฏิบัติที่ไม่ดีกับบรรดาเจ้าหน้าที่ชาวอิหร่าน แต่พวกเหล่านั้นก็ปฏิบัติที่แย่กว่ากับเยาวชนชาวอิหร่าน เพราะหากปราศจากการเข้าร่วม การทำงานของเยาวชนที่เต็มไปด้วยแรงจูงใจ บรรดาเจ้าหน้าที่ก็ไม่สามารถที่จะกระทำการงานอะไรได้ ขณะที่ นับตั้งแต่เริ่มต้นการปฏิวัติอิสลามจนถึงปัจจุบันนี้ ก็เยาวชนคนหนุ่มสาวเหล่านี้ได้ปฏิบัติภารกิจที่ยิ่งใหญ่ในแนวหน้าและในสมรภูมิต่างๆ”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังได้ให้คำแนะนำกับบรรดาเจ้าหน้าที่ของประเทศ โดยการให้ความสนใจและใช้ประโยชน์จากบรรดาเยาวชน โดยท่านกล่าวเสริมว่า “แน่นอนว่า พวกเขาสามารถที่จะใช้ประโยชน์จากเหล่าเยาวชนได้อย่างมากมาย แต่พวกเขาจะต้องใช้ประโยชน์ให้มากกว่านี้”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ได้กล่าวถึงชื่อของเหล่าเยาวชนที่มีศรัทธา ซึ่งฉายแสงในสนามต่างๆทางการบริหารจัดการ การทหารและทางวิทยาศาสตร์แล้ว พวกเขาก็ได้รับตำแหน่งชะฮีด โดยท่านได้ตั้งข้อสังเกตว่า “แนวทางที่สว่างไสวนั้นยังคงดำเนินต่อไปอย่างต่อเนื่องและในยุคร่วมสมัยของพวกท่าน บรรดาชะฮีด ฮุญะญี, ซัดร์ซาเดะห์, อะลีวัรดี และอะญะมียาน และในปัจจุบันนี้ ก็มีมวลชนเยาวชนจำนวนมากอีกเช่นกันที่มีความรับผิดชอบในความเป็นเครื่องยนต์ในการขับเคลื่อนของประเทศ”

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ยังกล่าวกับเยาวชนว่า “พวกท่านทั้งหลาย จะต้องปฏิบัติตามแนวทางที่ชัดเจนของการปฏิวัติและอิสลามด้วยความจริงจังและการมีอุดมการณ์ ความหวัง และการใช้เหตุผล”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ได้เปรียบเทียบอุดมการณ์และความสนใจต่อวิสัยทัศน์อันกว้างไกลว่า เป็นดั่งเครื่องยนต์ที่ขับเคลื่อน ความหวังเป็นเชื้อเพลิงของเครื่องยนต์นี้ และการใช้เหตุผลเป็นพวงมาลัยของเครื่องยนต์แห่งการขับเคลื่อนและในส่วนท้ายของคำปราศรัย ท่านผู้นำกล่าวว่า “ขณะนี้ยังไม่มีแผนที่ทางวิทยาศาสตร์ที่ครอบคลุมในประเด็นมหาวิทยาลัยเลย”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ได้เน้นย้ำกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์เกี่ยวกับการเลือกสาขาวิทยาศาสตร์ที่แม่นยำและการรับนักศึกษาในสาขาเหล่านี้ตามความต้องการของประเทศ โดยท่านกล่าวเสริมว่า “สาขาวิทยาศาสตร์บางสาขา ถือว่าไม่มีความจำเป็นในอิหร่าน และไม่มีการสร้างงานสำหรับพวกเขา ด้วยเหตุนี้เอง เราจะต้องมีการดำเนินการตามความต้องการของพวกเรา”

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ยังแสดงความพึงพอใจต่อคำพูดที่ลึกซึ้ง มีเหตุผล และมีวาทศิลป์ที่ดีของบรรดานักศึกษาที่แสดงทัศนะและข้อเรียกร้องของพวกเขา โดยท่านผู้นำกล่าวว่า “แน่นอนว่า ข้าพเจ้าไม่ได้เห็นด้วยกับบางกรณีที่นำเสนอ แต่ทว่าคุณภาพของการอธิบายและการมีระเบียบของเนื้อหา เป็นสิ่งที่มีความสุขใจเป็นอย่างยิ่งและจำเป็นที่จะนำเสนอต่อสำนักงานงบประมาณและการวางแบบแผน ทั้งมีการตรวจสอบและการติดตามอย่างต่อเนื่อง”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังได้ชี้ถึงบางประเด็นที่นักศึกษาหยิบยกขึ้นมา โดยท่านกล่าวว่า “หลักการของเอกชนและนโยบายการบริหารของมาตราที่ 44 นั้น ผ่านการคิดมาอย่างดี ความสมเหตุสมผล และมีความถูกต้อง เพราะรัฐบาลนั้นไม่สามารถที่จะบริหารจัดการได้ทั้งหมด ซึ่งแน่นอนว่า ความคาดหวังของเราก็ยังไม่บรรลุผล แต่ทว่ามีการดำเนินงานที่ดีในภาคเอกชน”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ได้กล่าวถึงการวิพากษ์วิจารณ์ของหนึ่งในนักศึกษาที่เกี่ยวกับการประชุมทางเศรษฐกิจของผู้นำสภาทั้งหลาย โดยท่านกล่าวว่า “การประชุมครั้งนี้ไม่ได้มีตลอดไป แต่สำหรับบรรลุสู่เป้าหมายหลายประการด้วยกัน รวมถึงการปฏิรูปโครงสร้างงบประมาณ เป็นต้น ความคืบหน้าที่คาดหวังในการบรรลุสู่เป้าหมายนั้นยังไม่เกิดขึ้น นอกจากนี้ การประชุมของผู้นำทั้งหลาย เป็นวิธีการทางตรรกะที่จะทำให้มุมมองต่างๆมีความใกล้ชิดกันและการแก้ไขปัญหา”

ในช่วงเริ่มต้นของการพบปะกัน บรรดาตัวแทน 8 คนจากสมาคมนักศึกษา ทั้งสุภาพบุรุษและสตรี ซึ่งมีดังต่อไปนี้

อะมีร มุฮัมหมัด โกลานี ตัวแทนชมรมนักศึกษาอิสลาม

มูฮัมหมัด ซอลิห์ ตุรกะมาน ตัวแทนขบวนการยุติธรรมเพื่อนักศึกษา

ซะฮ์รอ วะฟาดาราน ตัวแทนอาสาสมัครนักศึกษา

มุรตะฎอ คอญะวี ตัวแทนกลุ่มญิฮาดีของนักศึกษา

มุอีน ราฎีอี ตัวแทนสมาคมนักศึกษาอิสระ

มัรยัม มุฮัมมะดี ตัวแทนสำนักพิมพ์นักศึกษา

อะมีรริฎอ บัคชี ตัวแทนสำนักงานตะฮ์กีม วะฮ์ดัต

และมุฮัมหมัด มะฮ์ดี นะวีนีฟัรด์ ตัวแทนสมัชชานักศึกษาอิสลามของมหาวิทยาลัยอาซาดอิสลาม

โดยทั้งหมดนั้น ได้กล่าวแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับปัญหาต่างๆของประเทศและของมหาวิทยาลัย ดังนี้

การกระชับความสัมพันธ์กันระหว่างสมาคมนักศึกษากับอุปสรรคทางปัญญาอย่างมีประสิทธิภาพ, ข้อบกพร่องของภาคเอกชน, การฟื้นฟูทุนทางสังคมของรัฐฯ,การมีวัตกรรมในการปกครองด้วยการปรับปรุงความคิดและวิธีการให้ทันสมัย, การชดเชยจุดอ่อนของระบบการปกครอง เพื่อปรับปรุงความสัมพันธ์ระหว่างประชาชนกับรัฐบาล รวมถึงในการเลือกตั้ง , การปกป้องศักดิ์ศรีของรัฐสภาที่มีต่อสภาที่ปรึกษา รวมถึงการประชุมของผู้นำทั้งสามสภา,การเกิดปัญหาต่างๆที่เกี่ยวกับแผนการผลิต, การทบทวนนโยบายและโครงสร้างที่วิพากษ์วิจารณ์จากความคิดเห็นของประชาชน, การปฏิบัติตามหลักการทั้งหมดของรัฐธรรมนูญ เพื่อใช้ในการเสริมสร้างบทบาทของประชาชนและการเพิ่มการมีส่วนร่วมทางการเมือง, ความจำเป็นในกำหนดนโยบายทั่วไปเกี่ยวกับประชาธิปไตยทางศาสนา, ความไม่ชัดเจนของข้อกฎหมายและกลไกของการประท้วงของประชาชน, ความก้าวหน้าของโครงการทางสังคมขนาดใหญ่ เช่น การขับเคลื่อนของชาติในการก่อสร้างที่อยู่อาศัยด้วยความนิยมและการเสริมอำนาจของประชาชน, "การสร้างเวทีที่เหมาะสมสำหรับการเพิ่มการมีส่วนร่วมทางสังคมของผู้หญิง, การมีส่วนร่วมของกลุ่มญิฮาดีในการควบคุมทรัพยากรของพื้นที่ด้อยโอกาส,การสนับสนุนกลุ่มญิฮาดเฉพาะทาง รวมถึงในด้านการสร้างงานและเติมเต็มห่วงโซ่แห่งคุณค่า, การป้องกันการด้อยพัฒนาของสิ่งพิมพ์ของนักศึกษา, การสนับสนุนนักศึกษาที่มีความคิดและปลายปากกา, ความจำเป็นในการขจัดการผูกขาดในกระบวนการของการสรรหาคณาจารย์ของมหาวิทยาลัย, การวิพากษ์วิจารณ์การขึ้นราคาต่างๆ, การวิจารณ์แพลตฟอร์มของการกรองข้อมูลและแพลตฟอร์มทางอินเทอร์เน็ต, ความจำเป็นของการเปลี่ยนแปลงตามหลักการและการปฏิรูปโครงสร้างและคำตอบที่มีนวัตกรรมใหม่ ทั้งหมดเหล่านี้ คือ ประเด็นต่างๆของบรรดานักศึกษาทั่วประเทศที่นำเสนอต่อท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลามในการพบปะกันครั้งนี้

 

 

700 /