สำนักผู้นำสูงสุดซัยยิด อาลี คาเมเนอี

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม เข้าร่วมในพิธีสำเร็จการศึกษาของนักเรียนนายร้อยตำรวจ-ทหาร

“เหตุการณ์ก่อจลาจลเหล่านี้ ถูกวางแผนโดยสหรัฐฯและรัฐเถื่อนไซออนิสต์”

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ในฐานะผู้บัญชาการสูงสุดทุกเหล่าทัพ เข้าร่วมในพิธีสำเร็จการศึกษาของบรรดานักเรียนนายร้อยตำรวจ ณ มหาวิทยาลัยอิมามฮะซัน อัลมุจญ์ตะบา (อ.)  โดยท่านผู้นำได้ชี้ให้เห็นถึงเหตุการณ์ล่าสุดและเน้นย้ำว่า “ข้าพเจ้าขอพูดอย่างชัดเจนว่า เหตุการณ์เหล่านี้ ได้ถูกวางแผนโดยสหรัฐอเมริกาและรัฐเถื่อนไซออนิสต์  พร้อมเหล่าพันธมิตร ผู้ติดตามของพวกเหล่านั้น ในขณะที่ปัญหาหลักของพวกเหล่านี้ คือ อิหร่านที่มีความเข้มแข็ง มีอิสระและมีความก้าวหน้าของประเทศชาติ โดยที่ประชาชาติได้เผยให้เห็นถึงความเข้มแข็งในเหตุการณ์เหล่านี้และในอนาคตก็เช่นกัน โดยที่พวกเขาจะเข้าสู่ภาคสนามอย่างกล้าหาญชาญชัย”

ในช่วงเริ่มต้นของพิธีการ ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ได้ปรากฏตัว ณ สถานที่ฝังศพของบรรดาชะฮีดนิรนาม พร้อมทั้งท่านยังได้อ่านซูเราะฮ์อัลฟาติฮะฮ์และกล่าวสดุดีให้กับบรรดาผู้กล้าหาญและวีรบุรุษในการปกป้องอิสลามและอิหร่าน

หลังจากนั้น ท่านผู้บัญชาการสูงสุดทุกเหล่าทัพได้เยี่ยมชมพิธีการสวนสนามของบรรดานักเรียนนายร้อยทหารและตำรวจจากหน่วยต่างๆ

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ได้กล่าวถ้อยคำที่สำคัญเกี่ยวกับเหตุการณ์ล่าสุดที่เกิดขึ้นในประเทศ โดยท่านกล่าวว่า “ในเหตุการณ์เหล่านี้  หน่วยงานความปลอดภัยของประเทศ องค์กรบาซิจญ์(อาสาสมัคร) และประชาชาติอิหร่านได้ถูกกระทำการฉ้อฉล และแน่นอนว่าประชาชาติอิหร่านนั้นในเหตุการณ์นี้ก็เช่นเดียวกัน โดยที่พวกเขานั้นได้เผยให้เห็นถึงความเข้มแข็งเหมือนกับในเหตุการณ์อื่นๆ และก็จะเป็นเช่นนั้นในอนาคตอีกด้วย”

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ได้เน้นย้ำว่า “ในอนาคต ก็เช่นกัน ไม่ว่า เหล่าศัตรูต้องการที่จะก่อความวุ่นวายในสถานที่ใดก็ตาม  ประชาชาติอิหร่านที่กล้าหาญและมีศรัทธา ก็จะออกมาปกป้องมากที่สุดอย่างสุดชีวิตของพวกเขา” 

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า ประชาชาติอิหร่าน เป็นประชาชาติที่ถูกฉ้อฉล เหมือนดั่งเช่น นายของเขา กล่าวคือ ท่านอะมีรุลมุอ์มินีน อะลี (อ.)ในขณะเดียวกัน เป็นประชาชาติที่มีความเข้มแข็ง โดยท่านกล่าวเสริมว่า  “ในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ หญิงสาวผู้หนึ่งได้เสียชีวิต ซึ่งทำให้หัวใจของพวกเรานั้นมีความเจ็บปวด แต่ปฏิกิริยาต่อเหตุการณ์นี้ ขณะที่ยังไม่มีการสอบสวนและปราศจากการสืบสวน โดยที่มีกลุ่มหนึ่งได้ออกมาตามท้องถนน ก่อความวุ่นวาย มีการเผาพระมหาคัมภีร์อัลกุรอาน และถอดผ้าฮิญาบออกจากสตรีที่สวมผ้าคลุมฮิญาบ มีการเผามัสยิด ทั้งฮุซัยนียะฮ์ และรถยนต์ของประชาชน นี่ถือว่าไม่ใช่เป็นปฏิกิริยาทางธรรมชาติและไม่ใช่เรื่องปกติทั่วไป”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังได้เน้นย้ำให้เห็นว่าการจลาจลเหล่านี้ถูกวางแผนไว้แล้ว โดยท่านกล่าวว่า “ หากไม่ใช่เพราะหญิงสาวคนนี้ พวกเหล่านั้นก็จะหาข้ออ้างอื่นอีกแน่นอน เพื่อที่จะทำให้ช่วงเริ่มเดือนเมฮร์ (ตุลาคม) ของปีนี้ เกิดความไม่สงบและการก่อจลาจลในประเทศ”

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ได้เน้นย้ำว่า “ข้าพเจ้าขอพูดอย่างชัดเจนว่าการจลาจลและความไม่สงบเหล่านี้ได้ถูกวางแผนโดยพวกอเมริกาและรัฐเถื่อนไซออนิสต์ ผู้ยึดครอง และจอมปลอม และเหล่าผู้ที่ได้รับค่าจ้างจากพวกเหล่านี้ รวมทั้งชาวอิหร่านบางคน ผู้ทรยศที่พำนักในต่างประเทศได้ให้ความช่วยเหลือต่อพวกเขา”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม กล่าวเสริมว่า “บางคนรู้สึกมีความอ่อนไหวต่อข้อเท็จจริงที่ว่าเหตุการณ์ดังกล่าว เป็นการออกแบบและการกระทำของศัตรู และพวกเหล่านี้ได้ออกมาปกป้องอย่างสุดชีวิตต่อองค์กรสายลับอเมริกาและพวกรัฐเถื่อนไซออนิสต์ อีกทั้งพวกเหล่านี้ยังใช้วิธีการวิเคราะห์ที่ผิดพลาดในทุกประเภทและการใช้ตรรกวิบัติ เพื่อที่จะบอกว่า นี่ไม่ใช่การกระทำของพวกต่างชาติ”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังได้ตั้งข้อสังเกตว่า “การก่อจลาจลมากมายได้เกิดขึ้นในโลก และในยุโรป โดยเฉพาะในฝรั่งเศสและในกรุงปารีส ก็มีการก่อจลาจลเกิดขึ้นเป็นระยะๆ และในบางครั้งก็มีความรุนแรง กระทั่งในปัจจุบันนี้ เคยมีบ้างไหมว่า ประธานาธิบดีแห่งสหรัฐอเมริกา สภาผู้แทนราษฎรของสหรัฐให้การสนับสนุนต่อผู้ก่อจลาจลและออกแถลงการณ์สนับสนุนอีกด้วย?และเคยมีบ้างไหมว่า มีการส่งสารและบอกว่าเราจะอยู่เคียงข้างพวกคุณ? หรือเคยมีบ้างไหมที่สื่อสารมวลชนที่เกี่ยวข้องกับทุนนิยมอเมริกาและเหล่าผู้สมุนรับจ้างของพวกเหล่านี้ เหมือนเช่นรัฐบาลบางประเทศในภูมิภาคตะวันออกกลาง เช่น พวกซาอุดี้ที่ให้การสนับสนุนกับกลุ่มชนที่สร้างความวุ่นวายและการก่อจลาจลในประเทศต่างๆ? หรือเคยมีบ้างไหมที่พวกสหรัฐฯประกาศว่า เราได้ให้ซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์ของอินเทอร์เน็ตให้กับเหล่าผู้ก่อจลาจล เพื่อที่จะให้พวกเหล่านี้ได้ติดต่อสื่อสารกัน?”

ท่านอยาตุลลอฮ์  คาเมเนอี กล่าวเสริมว่า “แต่ทว่า การสนับสนุนดังกล่าวนี้ได้เคยเกิดขึ้นมาหลายครั้งแล้วในอิหร่าน แล้วทำไมบางคนจึงมองไม่เห็นมือของพวกต่างชาติ ขณะที่ผู้ที่ฉลาดจะไม่รู้สึกว่ามีมืออื่นๆที่อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์เหล่านี้ได้อย่างไรหรือ?”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ได้เน้นย้ำให้เห็นว่าการแสดงความเสียใจของพวกสหรัฐฯที่มีต่อการเสียชีวิตของหญิงสาวผู้หนึ่งนั้นเป็นเรื่องโกหกและตรงกันข้ามกับรูปลักษณ์ภายนอกของพวกเหล่านี้ เพื่อใช้เป็นข้ออ้างในการก่อเหตุการณ์เหล่านี้ พวกเขาจึงมีความสุข โดยท่านผู้นำกล่าวว่า “ในประเทศนั้น บรรดาผู้นำทั้งสามสภาได้แสดงความเสียใจและสภาตุลาการสูงสุดได้ให้สัญญาว่าจะมีการติดตามเพื่อที่จะหาผู้ที่กระทำความผิดมาดำเนินคดีต่อไปและใครคือผู้ที่กระทำความผิดกันแน่?และนี่คือการสืบสวน ต้องเป็นเช่นนี้ ขณะเดียวกัน ไม่ว่าอย่างไรก็ตามที่องค์กรหนึ่งใดหรือหน่วยงานที่ใหญ่หลวง ซึ่งให้การบริการประชาชน ได้ถูกเหยียดหยามโดยที่เป็นไปได้ว่าจะเกิดข้อผิดพลาดก็ตามนั้น ไม่ได้มีตรรกะใดๆอยู่เบื้องหลังของการกระทำนี้ ในขณะที่ปัจจัยหลักของการกระทำนี้ คือ หน่วยสายลับต่างๆและนโยบายอันเป็นปฏิปักษ์ของพวกต่างชาตินั่นเอง” 

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม โดยตั้งคำถามที่ว่า อะไรคือแรงจูงใจของรัฐบาลพวกต่างชาติในการสร้างความไม่สงบและการก่อจลาจลในประเทศ? โดยท่านกล่าวเสริมว่า “พวกเหล่านี้ต่างรู้สึกว่าประเทศชาติกำลังก้าวหน้าไปสู่ความเป็นมหาอำนาจที่มีอำนาจครอบคลุมทุกอย่างและพวกเหล่านี้ไม่สามารถที่จะอดทนต่อประเด็นนี้ได้เลย”

ท่านอยาตุลลอฮ์  คาเมเนอี ยังได้ชี้ให้เห็นถึงความเร็วของความก้าวหน้าของประเทศชาติในทุกภาคส่วนและความพยายามที่จะแก้ไขปมปัญหาเก่าและการปฏิบัติงานในภาคส่วนการผลิตและฐานความรู้ อีกทั้งการมีศักยภาพเพื่อที่ต่อต้านมาตรการคว่ำบาตรทั้งหลาย โดยท่านผู้นำได้เน้นย้ำว่า “พวกเหล่านี้นั้นไม่ต้องการให้ความก้าวหน้าเกิดขึ้นในประเทศและเพื่อที่ยุติการขับเคลื่อนนี้ พวกเหล่านี้จึงวางแผนที่จะปิดมหาวิทยาลัย การก่อความไม่สงบตามท้องถนนและการทำให้บรรดาเจ้าหน้าที่ต้องหมุกมุ่นอยู่กับปัญหาใหม่ๆที่เกิดขึ้นในภาคตะวันตกเฉียงเหนือและตะวันออกเฉียงใต้ของประเทศ”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ได้เน้นย้ำให้เห็นว่า ศัตรูได้เกิดความผิดพลาดจากการคิดคำนวณเกี่ยวกับภาคตะวันตกเฉียงเหนือและตะวันออกเฉียงใต้ของประเทศ โดยท่านกล่าวว่า “ข้าพเจ้าเคยอาศัยอยู่ท่ามกลางกลุ่มชนชาวบุลุช และพวกเขาก็มีความจงรักภักดีต่อสาธารณรัฐอิสลามอย่างลึกซึ้ง ในขณะที่ชาวเคิร์ดนั้น ก็เป็นหนึ่งในชนชาติอิหร่านที่มีความก้าวหน้ามากที่สุดและมีความสนใจต่อบ้านเกิดเมืองนอนของพวกเขา ต่อศาสนาอิสลาม และต่อรัฐอิสลามอีกด้วย ด้วยเหตุนี้เอง แผนการณ์ร้ายของเหล่าศัตรูจึงไม่เป็นผลแต่อย่างใด”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังได้ตั้งข้อสังเกตว่า “การวางแผนและการกระทำของเหล่าศัตรู แสดงให้เห็นถึงลักษณะภายในของพวกเหล่านี้ นั่นคือ ศัตรูที่เผยในแถลงการณ์ทางการทูตว่า เราจะไม่ต้องการโจมตีอิหร่าน เปลี่ยนระบอบการปกครองและการไม่ตั้งใจที่จะเป็นศัตรูกัน นี่คือ ลักษณะภายในของพวกเหล่านี้ ที่พยายามสร้างแผนการสมรู้ร่วมคิดในการก่อจลาจล การทำลายความมั่นคงของประเทศ และการปลุกเร้าความตื่นเต้นให้กับผู้ที่อาจจะตื่นเต้นด้วยความตื่นเต้นบางอย่าง”

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ได้เน้นย้ำให้เห็นว่าสหรัฐฯ ไม่เพียงแต่ต่อต้านสาธารณรัฐอิสลามเท่านั้น แต่ยังต่อต้านอิหร่านที่มีความเข้มแข็งและเป็นอิสระด้วยเช่นกันโดยท่านผู้นำกล่าวเสริมว่า “พวกเหล่านี้ กำลังเสาะหาอิหร่านในยุคชาห์ปาห์ลาวี ซึ่งมีการเชื่อฟังคำสั่งต่อพวกเขา ดุจดั่งกับวัวที่ใช้ในการรีดนม”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม กล่าวว่า เบื้องหลังของเหตุการณ์ล่าสุด คือ เหล่าอันธพาลเหล่านี้ ปัญหาไม่ใช่เป็นเพียงการเสียชีวิตของหญิงสาวผู้หนึ่ง หรือประเด็นฮิญาบและการคลุมฮิญาบที่ไม่ดี ในขณะที่มีกลุ่มชนส่วนหนึ่งที่สวมฮิญาบที่ไม่สมบูรณ์ พวกเขาก็เป็นหนึ่งในผู้ที่ให้การสนับสนุนอย่างจริงจังต่อสาธารณรัฐอิสลาม และได้เข้าร่วมในที่พิธีการต่างๆทางศาสนา แต่ทว่าข้อพิพาทและปัญหาโต้แย้ง คือ ประเด็นความเป็นอิสระ การยืนหยัด การเสริมสร้างความแข็งแกร่งและการมีอำนาจของสาธารณรัฐอิสลามแห่งอิหร่านนั่นเอง”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ได้อธิบายเพิ่มเติมในอีกหลายประเด็น โดยท่านกล่าวเสริมว่า “ผู้ที่สร้างความเสียหายและทำลายสิ่งของตามท้องถนน ไม่ได้มีหลักการเดียวกัน บางคนนั้นเป็นเพียงเยาวชน บางคนก็เป็นยุวชน เนื่องจากความตื่นเต้นจากการที่พวกเขาได้รับชมรายการผ่านทางอินเทอร์เน็ต จึงออกมาเคลื่อนไหวตามท้องถนน  ซึ่งบุคคลเหล่านี้สามารถที่จะได้รับการตักเตือนโดยการลงโทษและการชี้นำจากการกระทำที่ผิดพลาดของพวกเขา”

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ยังได้เน้นย้ำให้เห็นว่าทั้งหมดทุกคนที่ออกมาเคลื่อนไหวตามท้องถนนนั้น มีจำนวนน้อยมาก เมื่อได้เปรียบเทียบกับประชาชาติอิหร่านและบรรดาเยาวชน ผู้ศรัทธาและมีความกระดากอาย โดยท่านผู้นำกล่าวว่า “แน่นอนว่า บางคนเหล่านี้ที่ออกมาตามท้องถนน เป็นผู้ที่ได้รับผลกระทบจากสาธารณรัฐอิสลาม เช่น พวกมุนาฟิก(ผู้กลับกลอก) เหล่าผู้ที่ต้องการแบ่งแยกแผ่นดิน ครอบครัวชาห์ปาเลห์วี และครอบครัวของพวกซาวัก ที่น่ารังเกียจ ซึ่งสภาตุลาการสูงสุด จะต้องมีการกำหนดบทลงโทษ เป็นไปตามสัดส่วนที่พวกเหล่านี้เข้าร่วมในการทำลายล้างและการสร้างความเสียหายต่อความมั่นคงตามท้องถนน”

อีกประเด็นหนึ่งที่ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ได้ชี้ถึง กล่าวคือ ประเด็นจุดยืนของบางกลุ่มชนที่มีความรักในการปฏิวัติอิสลามในช่วงแรกของเหตุการณ์นี้

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี  กล่าวว่า “ในช่วงแรกของเหตุการณ์ดังกล่าว ได้มีบางคนที่มีความรักในการปฏิวัติอิสลาม โดยที่ยังไม่มีการสืบสวนสอบสวน คาดว่าเนื่องจากความเห็นอกเห็นใจ จึงออกแถลงการณ์และแสดงความคิดเห็น และบางคนก็ได้ตั้งข้อกล่าวหากับหน่วยงานตำรวจของประเทศอีกทั้งบางคนก็กล่าวหาต่อสาธารณรัฐอิสลาม บัดนี้พวกเขาได้เห็นแล้วว่าเกิดอะไรขึ้น และผลของคำพูดของพวกเขาตรงกับการวางแผนของศัตรู แล้วเกิดอะไรขึ้นตามท้องถนน และพวกเขาจะต้องมีการชดเชยและประกาศอย่างชัดเจนว่า สิ่งที่ได้เกิดขึ้นกับการวางแผนของศัตรูชาวต่างชาตินั้นมีความขัดแย้งกันทั้งสิ้น”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม กล่าวเสริมว่า “เมื่อองค์ประกอบทางการเมืองของพวกสหรัฐฯ ได้เปรียบเทียบเหตุการณ์เหล่านี้ว่าเหมือนกับกำแพงกรุงเบอร์ลิน พวกท่านทั้งหลายจะต้องเข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น?หากว่าพวกท่านไม่เข้าใจ ก็จงเข้าใจในบัดนี้และแสดงจุดยืนที่ชัดเจนออกมา”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังชี้ถึงจุดยืนของนักกีฬาและศิลปินบางคน โดยท่านได้ตั้งข้อสังเกตว่า “ในทัศนะของข้าพเจ้า จุดยืนเหล่านี้ไม่ได้มีความสำคัญอะไรเลย และก็อย่าได้รู้สึกอ่อนไหวต่อกรณีเหล่านี้เป็นอันขาด”

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ได้เน้นย้ำว่า “สังคมของศิลปินและแวดวงการกีฬา เป็นสังคมที่มีความปลอดภัย และมีองค์ประกอบที่มีความศรัทธาและมีเกียรติอย่างมากมาย ขณะที่การแสดงจุดยืนของหลายคนนั้น ไม่มีคุณค่าแต่อย่างใด”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังกล่าวเสริมว่า แน่นอนว่า การตัดสินว่าจุดยืนของพวกเขานั้นเป็นความผิดอาญาหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับสภาตุลาการสูงสุด แต่โดยทั่วไปแล้ว การแสดงจุดยืนของบุคคลเหล่านี้ ไม่ได้มีค่าแต่อย่างใด และสังคมของศิลปินและแวดวงการกีฬาจะไม่ปนเปื้อนด้วยจุดยืนเหล่านี้ของศัตรูเป็นอันขาด”

ในช่วงท้ายของประเด็นนี้ ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ได้กล่าวเทอดเกียรติต่อความทรงจำของบรรดาชะฮีดในเส้นทางแห่งสัจธรรม บรรดาชะฮีดตำรวจและทหาร รวมทั้งบรรดาชะฮีดที่ปกป้องความมั่นคง โดยเฉพาะอย่างยิ่งบรรดาชะฮีดครั้งล่าสุด

ในอีกภาคส่วนหนึ่ง ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ได้กล่าวสุนทรพจน์โดยถือว่า การเข้ามายังมหาวิทยาลัยนายร้อยตำรวจและทหารของบรรดาเยาวชนหลายพันคน ด้วยความกระตือรือร้นและเต็มไปด้วยกับแรงบันดาลใจ ในทุกปี เพื่อเป็นกำลังสำคัญและเป็นข่าวดีที่ยิ่งใหญ่ และเป็นการรับสารที่ทันสมัยและการทำให้ประชาชาติมีความมั่นคง โดยท่านกล่าวว่า “การปรากฏตัวของเยาวชนทั้งหลายในภาคส่วนต่างๆ ทางสาขาวิทยาศาสตร์ เศรษฐกิจ การเมือง และการทหาร เป็นการสร้างความจริงอย่างแท้จริง”

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ยังได้ชี้ถึงการโฆษณาชวนเชื่อที่ทำให้หลงทางของเหล่าผู้ไม่หวังดีในการแสดงภาพลักษณ์ที่สิ้นหวัง ขาดความรับผิดชอบ และการตัดขาดค่านิยมของเยาวชนชาวอิหร่าน โดยท่านผู้นำได้ตั้งข้อสังเกตว่า “ความเป็นจริงเป็นสิ่งที่ตรงกันข้ามกับการโฆษณาชวนเชื่อเหล่านี้ และการขับเคลื่อนของเยาวชนคนรุ่นใหม่ของเรา ก็เป็นการขับเคลื่อนที่ยอดเยี่ยมในทั้งหมดทุกๆด้าน”

ในบริบทนี้ ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ได้ชี้ให้เห็นว่า การแสดงบทบาทของเยาวชนทั้งหลายในการปกป้องบ้านเกิดเมืองนอนและความมั่นคงของประเทศ การช่วยเหลือฝ่ายการยืนหยัดการต่อสู้ การเคลื่อนไหวอันศักดิ์สิทธิ์ในการป้องกันฮะรอมอันศักดิ์สิทธิ์ การบริการสังคม ความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์ การผลิตและนวัตกรรม การเข้าร่วมของประชาชนหลายล้านคนในพิธีกรรมทางศาสนา เช่น การเดินขบวนอันยิ่งใหญ่ในวันอัรบะอีน และการเดินขบวนของกลุ่มชนที่ไม่ได้เดินทางไปร่วมงานวันอัรบะอีน การต่อสู้กับโรคไวรัสร้ายแรง ขบวนการช่วยเหลือของบรรดาผู้ศรัทธา การต่อสู้ทางวัฒนธรรม และการช่วยเหลือจากภัยธรรมชาติ โดยท่านกล่าวเสริมว่า “บรรดาเยาวชน คนหนุ่มสาว ที่ไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยและมีความกระตือรือร้นในภาคสนาม พวกเขาจะไม่มีวันสิ้นหวังและตัดขาดจากค่านิยมของพวกเขา และแน่นอนว่า แกนหลักของเวทีการด้านต่างๆและการเคลื่อนไหวทั้งหลาย คือ บรรดาเยาวชน คนหนุ่มสาว ที่มีความศรัทธา”

ท่านผู้บัญชาการสูงสุดทุกเหล่าทัพ ถือว่า กองทัพบก เป็นเสาหลักอันแข็งแกร่งของประเทศชาติ และท่านยังได้เน้นให้เห็นถึงความจำเป็นในการเสริมสร้างความแข็งแกร่งของปัจจัยนี้ โดยท่านผู้นำได้ตั้งข้อสังเกตว่า “การเสริมความแข็งแกร่งให้กับกองทัพบกสำหรับอิหร่านของพวกเรานั้นมีความสำคัญเป็นสองเท่า ในการเผชิญกับเหล่าศัตรู พวกอันธพาล ดังเช่น สหรัฐอเมริกา และบรรดาเจ้าหน้าที่ทั้งหลาย จะต้องใช้วิธีการใหม่ที่ทันสมัย มีรูปแบบแผน อุปกรณ์และเครื่องมือที่ทันสมัย ทั้งการเสริมสร้างความแข็งแกร่งทางการวิจัยทางวิทยาศาสตร์ และการออกแบบแพลตฟอร์มการสู้รบแบบผสมผสานในการเผชิญกับสงครามแบบผสมผสาน อีกทั้งการเสริมสร้างอำนาจในการป้องกันประเทศชาติให้เพิ่มมากยิ่งขึ้นอีกด้วย”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า การรับผิดชอบหลักของกองทัพบก คือ การรักษาความมั่นคงของประเทศชาติ เป็นโครงสร้างพื้นฐานในทุกมิติของการดำเนินชีวิต ไม่ว่าจะเป็น ความมั่นคงในประเด็นปัจเจกบุคคล และความมั่นคงในประเด็นสาธารณชน โดยท่านกล่าวเสริมว่า “หากปราศจากความมั่นคง ความก้าวหน้าในด้านใดๆก็ตาม ก็จะเป็นไปไม่ได้ทั้งสิ้น”

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ยังกล่าวเสริมอีกด้วยว่า ในประเทศใหญ่ๆนั้น ไม่มีความมั่นคงและที่แย่ที่สุด คือ ในอเมริกาเอง และพวกเรามักเห็นการโจมตีโรงเรียน ร้านค้า และร้านอาหารในประเทศนี้

 ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า กองทัพบก เป็นผู้ให้บริการด้านความมั่นคงของประเทศ โดยท่านกล่าวว่า “ด้วยเหตุนี้เอง การที่จะทำให้กองทัพต้องพบกับความอ่อนแอ ย่อมทำให้ความมั่นคงของประเทศมีความอ่อนแอลงด้วยเช่นกัน และผู้ใดก็ตามที่ได้โจมตียังสถานีตำรวจหรือฐานบาซิจญ์ หรือพูดจาเยาะเย้ยกองทัพทหารหรือกองทัพพิทักษ์การปฏิวัติอิสลาม ถือเป็นการโจมตีความมั่นคงของประเทศทั้งสิ้น”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ได้กล่าวเสริมในประเด็นนี้ว่า “เจ้าหน้าที่ตำรวจนั้นมีหน้าที่ในการยืนหยัดต่ออาชญกรและการรักษาความปลอดภัยของสังคม ฉะนั้น การทำให้ตำรวจเกิดความอ่อนแอ หมายความว่า การทำให้เหล่าอาชญากรนั้นมีความเข้มแข็ง และผู้ใดก็ตามที่โจมตียังตำรวจ คือ การปล่อยให้ประชาชนอยู่ในการเผชิญหน้ากับเหล่าอาชญากร อันธพาล โจร และเหล่าผู้ฉ้อฉล ซึ่งพวกเขาไม่สามารถป้องกันตนเองได้”

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ถือว่า การมีความมั่นคงเกิดขึ้นในประเทศ เป็นสิทธิพิเศษที่ยิ่งใหญ่สำหรับประเทศชาติ โดยท่านผู้นำกล่าวว่า “การที่ความมั่นคงของเรานั้นเกิดขึ้นในประเทศอย่างสมบูรณ์และไม่ต้องพึ่งพาผู้อื่น และความมั่นคงนี้เมื่อเปรียบเทียบกับความมั่นคงที่ผู้อื่นสร้างขึ้นและมีการมองประเทศนั้นว่าเป็นการใช้ประโยชน์จากวัวนมนั้นมีความแตกต่างอย่างสิ้นเชิง”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า ความมั่นคงของสาธารณรัฐอิสลามแห่งอิหร่าน อันเป็นผลมาจากการพึ่งพาพลังอำนาจของพระผู้เป็นเจ้าและการสนับสนุนของท่านอิมามมะฮ์ดี (อ.ญ.) ความคิดและการยืนหยัดของประชาชาติและกองทัพ โดยท่านกล่าวเสริมว่า “ผู้ที่ต้องพึ่งพาพวกต่างชาติ ในวันหนึ่ง ด้วยกับกองกำลังของพวกต่างชาตินี้ พวกเขาจึงถูกทอดทิ้งให้อยู่เพียงลำพัง เพราะว่า พวกเขานั้นไม่มีความสามารถที่จะปกป้องตนเองได้อีกเลย”

ในพิธีการนี้ นายพล บาเกรี เสนาธิการกองทัพทหารบก ได้เน้นย้ำให้เห็นว่าการเคลื่อนไหวของกลุ่มผู้คนกลุ่มหนึ่งที่เป็นผู้เพิกเฉยหรือต้องพึ่งพาในการก่อความไม่สงบ จะไม่เป็นที่สงสัยเลยว่า ไม่ใช่เป็นการเคลื่อนไหวที่สร้างภาคภูมิใจของประชาชาติอิหร่านในฝ่ายสัจธรรมอย่างแน่นอน โดยเสนาธิการกองทัพทหารบกกล่าวว่า “กองทัพบกนั้นอยู่เคียงข้างประชาชน ด้วยในการแสดงบทบาทของความเป็นเอกภาพและความสามัคคีกัน ในการดำเนินการตามคำสั่งและยุทธศาสตร์จากการยืนหยัดในการต่อสู้”

นอกเหนือจากนี้ ในพิธีการนี้ พลเรือเอก ชะฟะกัต ผู้ที่ได้รับเลือกเป็นตัวแทน ในฐานะผู้บัญชาการของมหาวิทยาลัยกองทัพบก นายพลจัตวา ฆุลามี ผู้บัญชาการของมหาวิทยาลัยอิมามฮุเซน และนายพลจัตวา ออฮี ผู้บัญชาการของมหาวิทยาลัยอิมามฮะซัน ได้กล่าวรายงานเกี่ยวกับรูปแบบของแผนการดำเนินการและโครงการจากการศึกษาของมหาวิทยาลัยเหล่านี้ 

การร้องเพลงร่วมกันของนักศึกษาและการแสดงพิธีการสวนสนามที่ได้รับการคัดเลือกจากหน่วยต่างๆ คือ อีกส่วนหนึ่งของพิธีการในวันนี้

ทั้งนี้ พิธีการสำเร็จการศึกษาร่วมของนักศึกษามหาวิทยาลัยของกองทัพ ซึ่งได้จัดขึ้นในปีนี้ โดยที่มหาวิทยาลัยการฝึกอบรมตำรวจ อิมามฮะซัน (อ.) รับเป็นเจ้าภาพในการจัดงานดังกล่าว และยังมีการติดต่อผ่านระบบวีดีโอคอนเฟอร์เรนซ์ไปยัง 9 มหาวิทยาลัยอื่นๆของกองทัพบกอีกด้วย พร้อมทั้งบรรดานักศึกษาของมหาวิทยาลัยต่างๆได้ฟังการกล่าวสุนทรพจน์ของท่านผู้บัญชาการสูงสุดทุกเหล่าทัพอย่างตั้งใจ” 

 

 

 

700 /