สำนักผู้นำสูงสุดซัยยิด อาลี คาเมเนอี

บรรดาสมาชิกสมัชชาอะฮ์ลุลบัยต์โลก เข้าพบท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม

สาธารณรัฐอิสลามเป็นผู้ชูธงชัยแห่งอะฮ์ลุลบัยต์ ในการเผชิญหน้ากับชาติมหาอำนาจ

บรรดาสามาชิกสมัชชาอะฮ์ลุลบัยต์โลกและแขกผู้เข้าร่วมการประชุมประจำปีครั้งที่ 7 ของสมัชชาแห่งนี้ ได้เข้าพบท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม อยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี โดยท่านผู้นำถือว่า บรรดาอะฮ์ลุลบัยต์นั้นมีความยิ่งใหญ่และเป็นที่รักในโลกอิสลามอย่างที่ไม่เสมอเหมือนผู้ใด โดยท่านได้เน้นย้ำว่า “สาธารณรัฐอิสลาม ในฐานะที่เป็นผู้ชูธงชัยแห่งอะฮ์ลุลบัยต์ในการเผชิญหน้ากับระบอบชาติมหาอำนาจ จอมอหังการ ต่างเชื่อมั่นว่า ในโลกอิสลามนี้ไม่มีช่องว่างระหว่างนิกาย เผ่าพันธุ์ ชาติพันธุ์ อย่างแท้จริง แต่มีเพียงช่องว่างเดียวที่โดดเด่นและแท้จริง นั่นคือ การปิดกั้นพรมแดนระหว่างโลกอิสลามกับฝ่ายผู้ปฏิเสธและชาติมหาอำนาจโลก”

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ยังได้เน้นย้ำให้เห็นว่า สมัชชาอะฮ์ลุลบัยต์โลก จะต้องใช้ประโยชน์จากความยิ่งใหญ่และความรักของอะฮ์ลุลบัยต์ในโลกอิสลาม โดยท่านกล่าวเสริมว่า “สมัชชานี้ ควรที่จะเป็นฐานที่มั่นและสถานที่ดลใจของบรรดามุสลิมทั้งหมดและบุคคลที่มีความรักต่อวิชาการแห่งอะฮ์ลุลบัยต์ โดยที่จะต้องมีการปฏิบัติในรูปแบบที่เป็นเครื่องประดับให้กับบรรดาอะฮ์ลุลบัยต์”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า วิชาการแห่งอะฮ์ลุลบัยต์ เป็นศูนย์รวมความต้องการทั้งหมดของมนุษย์ทุกคนและสังคมแห่งมนุษยชาติ โดยท่านกล่าวว่า “สังคมอิสลามในปัจจุบันนี้ต่างต้องการรู้จักในมิติต่างๆของวิชาการแห่งอะฮ์ลุลบัยต์และสามัชชาอะฮ์ลุลบัยต์โลก ควรที่จะต้องวางแบบแผนอย่างละเอียดถี่ถ้วนและถูกต้อง พร้อมทั้งใช้วิธีการที่ว่าด้วยเหตุและผลและสื่อต่างๆที่มีประสิทธิภาพ ซึ่งถือว่า ภารกิจนี้มีหนักอึ้งเป็นอย่างมาก”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังได้ชี้ให้เห็นว่า การชูธงชัยของสาธารณรัฐอิสลามในการเผชิญหน้ากับระบอบชาติมหาอำนาจ จอมอหังการ โดยท่านกล่าวเสริมว่า “บรรดาผู้ปฏิบัติอะฮ์ลุลบัยต์และชีอะฮ์โลกต่างๆมีความภาคภูมิใจว่า รัฐอิสลามได้ยืนหยัดในการเผชิญหน้ากับอสรพิษเจ็ดเศียรของระบอบชาติมหาอำนาจ โดยเหล่านักล่าอาณานิคมต่างยอมรับว่าส่วนมากของแผนการของพวกเขานั้นต้องพบกับความล้มเหลว”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า รหัสแห่งการยืนหยัดของสาธารณรัฐอิสลาม คือ การได้รับการดลใจจากอะฮ์ลุลบัยต์ โดยท่านกล่าวเสริมว่า “พวกเขาเป็นเสมือนดั่งดวงดาวที่ส่องแสงเจิดจรัสได้สั่งสอนให้พวกเราด้วยศาสตร์และวิชาการในเชิงทฤษฎีและวิถีในการปฏิบัติว่าเราจะต้องมีการไตร่ตรองและการปฏิบัติตามอัลกุรอานในการดำเนินแนวทางของอิสลามได้อย่างไร?

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ถือว่า ธงชัยแห่งสาธารณรัฐอิสลาม เป็นธงชัยแห่งความยุติธรรมและทางด้านจิตวิญญาณ โดยท่านผู้นำกล่าวว่า “เป็นที่กระจ่างชัดและตามธรรมชาติว่า โลกของชาติมหาอำนาจ คือ ความเชื่อและการกระทำทั้งหมดจะต้องพึ่งพายังวัตถุ เงินตราและความฉ้อฉล และแสดงความเป็นปรปักษ์และศัตรูในการเผชิญหน้ากับธงชัยนี้”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า อเมริกาเป็นแกนหลักของฝ่ายชาติมหาอำนาจ โดยท่านกล่าวเสริมว่า “ท่านอิมามโคมัยนี ผู้ยิ่งใหญ่ ด้วยการดลใจของอัลกุรอาน ได้สั่งสอนให้ทุกคนเห็นว่า ให้ออกห่างจากช่องว่างที่ไม่เป็นจริงในระหว่างสังคมอิสลาม และได้ยอมรับในช่องว่างเดียว กล่าวคือ การปิดกั้นพรมแดนระหว่างอิสลามกับผู้ปฏิเสธและชาติมหาอำนาจ”

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ยังได้ตั้งข้อสังเกตว่า “ตามความเชื่อที่ลึกซึ้งนี้จะเห็นได้ว่า การสนับสนุนต่อชาวปาเลสไตน์ เป็นวาระที่สำคัญของการปฏิวัติอิสสลาม และท่านอิมามโคมัยนีได้พิสูจน์ให้ทุกคนเห็นด้วยว่า ท่านนั้นได้ยืนหยัดในประเด็นปาเลสไตน์อย่างมั่นคงและสาธารณรัฐอิสลามในวันนี้ ก็ได้ปฏิบัติตามการกระทำของท่านอิมามโคมัยนี ด้วยการวาดแบบแผนทางการเมืองเช่นนี้และในอนาคตก็เช่นเดียวกัน จะรักษาคำมั่นสัญญานี้ต่อไป”

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมนอี ถือว่า การมีน้ำหนึ่งใจเดียวกันระหว่างประชาชาติอิสลามทั่วโลกอิสลาม กับประชาชาติอิสลาม เนื่องจากเหตุผลการยืนหยัดของประชาชนอิหร่านในยุทธศาสตร์ของท่านอิมามโคมัยนี หมายถึง การปฏิเสธช่องว่างทางนิกาย เผ่าพันธุ์และชาติพันธุ์ในโลกอิสลาม โดยท่านกล่าวเสริมว่า “ตามหลักการนี้ เราได้เชิญชวนให้ประเทศอิสลามทั้งหลายทั้งหมดต่างไม่ต้องให้ความใส่ใจต่อประเด็นชีอะฮ์ ซุนนี อาหรับและมิใช่อาหรับ และช่องว่างอื่นๆ ทั้งยังต้องปฏิบัติตามพื้นฐานและหลักการอีกด้วย”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลา ถือว่า การยกย่องให้ประชาชาติทั้งหลายมีการยืนหยัดในการเผชิญหน้ากับเหล่าผู้ฉ้อฉล เป็นเหตุผลที่ทำให้ชาติมหาอำนาจต่างรู้สึกโกรธและแสดงความเป็นปฏิปักษ์กับพวกเขา โดยท่านกล่าวว่า “ความล้มเหลวของแผนการร้ายของอเมริกา ผู้ก่ออาชญากรรมในโลกต่างๆ ซึ่งตัวอย่างหนึ่งที่เด่ดชัด คือ การดำรงอยู่ของกลุ่มไอซิส เป็นเหตุให้มีการเผยแพร่โฆษณาชวนเชื่อเกี่ยวกับการต่อต้านอิหร่านและชีอะฮ์ ทั้งยังกล่าวหาอิหร่านว่าเป็นผู้แทรกแซงในกิจการของประเทศทั้งหลายอีกด้วย”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังได้เน้นย้ำว่า สาธารณรัฐอิสลามไม่เคยแทรกแซงในกิจการของประเทศใดทั้งสิ้น การกล่าวหาของเหล่าชาติมหาอำนาจ เนื่องจากความไร้ความสามารถและขีดความสามารถของพวกเหล่านี้ในการจัดการกับความก้าวหน้าอย่างยิ่งใหญ่ของรัฐอิสลาม โดยท่านกล่าวว่า “แน่นอนว่า ทั้งหมดทุกคน จะต้องมีความเฉลียวฉลาดในการเผชิญหน้ากับนโยบายต่างๆของชาติมหาอำนาจและก็อย่าได้ยืนเคียงข้างพวกเหล่านี้เป็นอันขาด”

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ถือว่า นโยบายปัจจุบันของมหาอำนาจ คือ การทำให้เกิดความแตกต่างและช่องว่างที่แท้จริงในโลกอิสลามอย่างเต็มที่ โดยท่านผู้นำกล่าวว่า “การกระตุ้นและการวางแผนการร้ายเพื่อทำให้เกิดสงครามระหว่างชีอะฮ์กับซุนนี พวกอาหรับกับพวกที่มิใช่อาหรับ  ชีอะฮ์กับชีอะฮ์ด้วยกัน ซุนนีกับซุนนีด้วยกัน ซึ่งเห็นได้อย่างประจักษ์ว่า ได้เกิดขึ้นในบางประเทศในปัจจุบันนี้ และจะต้องมีความเฉลียวฉลาดในการเผชิญหน้ากับซาตานตัวใหญ่ นั่นหมายถึง สหรัฐอเมริกา”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังได้ชี้ให้เห็นว่า บรรดาผู้ปฏิบัติตามอะฮ์ลุลบัยต์ จะต้องเป็นผู้ชูธงชัยในความสามัคคีและความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน โดยท่านกล่าวเสริมว่า “ดังที่ในวันนี้เราได้กล่าวแล้วว่า การก่อตั้งสมัชชาอะฮ์ลุลบัยต์โลก มิได้หมายถึง การเผชิญหน้ากันและความเป็นศัตรูกันกับผู้ที่มิได้เป็นชีอะฮ์ และนับตั้งแต่ช่วงเริ่มต้น พวกเราได้ขับเคลื่อนบนเส้นทางที่ถูกต้องกับบรรดาพี่น้องที่มิใช่ชีอะฮ์และร่วมยืนเคียงข้างพวกเขา”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ได้ตอบคำถามที่ว่า เรานั้นมีความสามารถในการเผชิญหน้ากับความเป็นปฏิปักษ์ของเหล่าศัตรูของโลกอิสลามกระนั้นหรือ? โดยท่านกล่าวว่า “แน่นอนว่า พวกเรานั้นมีความสามารถในการยับยั้งและการล่าถอยของชาติมหาอำนาจ ด้วยศักยภาพทางซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์ของโลกอิสลาม”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า ศาสตร์วิชาการที่แท้จริงของอิสลาม การตะวักกุล (การมอบหมายกิจการยังพระผู้เป็นเจ้า) การมีวิสัยทัศน์ในประวัติศาสตร์อย่างมีความหวังและประเด็นอิมามมะฮ์ดี เป็นศักยภาพทางด้านซอฟต์แวร์ของโลกอิสลาม และท่านผู้นำยังได้ชี้ให้เห็นถึงการพบทางตันของแนวความคิดของตะวันตกและระบบประชาธิปไตยเสรีนิยม โดยท่านกล่าวเสริมว่า “แน่นอนว่า ในด้านฮาร์ดแวร์ เหล่าชาติมหาอำนาจ นักล่าอาณานิคมได้ใช้ทรัพยากรของโลกอิสลามและกลอุบายต่างๆในการทำให้ตนเองมีความเข้มแข็ง แต่ทว่าด้วยศักยภาพตามธรรมชาติของโลกอิสลามสำหรับความก้าวหน้านั้นมีอย่างมากมาย และตัวอย่างหนึ่งที่เด่นชัด นั่นหมายถึง น้ำมันและก๊าซ ซึ่งเป็นที่ประจักษ์กับทุกคนในวันนี้”

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ถือว่า ความรุ่งเรืองของขีดความสามารถนั้น ขึ้นอยู่กับการมีเจตจำนงมุ่งมั่น การรู้จักศัตรู การชี้นำดั่งเช่นการชี้นำของท่านอิมามโคมัยนี และการออกห่างจากความเกียจคร้าน โดยท่านกล่าวว่า “สาธารณรัฐอิสลามในวันนี้ ในฐานะที่เป็นแบบอย่างและเป็นความจริงที่มีชีวิต ซึ่งมีความสามารถในการเผชิญหน้ากับความเป็นศัตรูและการโจมตีในทุกรูปแบบและได้ทำให้ต้นกล้าที่กำลังเติบโตได้กลายเป็นต้นไม้ที่สูงตะหง่าน แน่นอนว่า วัตถุประสงค์ของการเป็นแบบอย่าง มิได้หมายถึงการเป็นแบบอย่างตามโครงสร้างทางการเมือง แต่หมายถึงการยึดมั่นในหลักการและพื้นฐานที่ท่านอิมามโคมัยนี (ร.ฮ.) ผู้สูงส่ง ได้วางเอาไว้”

ในช่วงท้าย ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ได้ตั้งข้อสังเกตว่า “อนาคตของโลกอิสลามนั้นเป็นอนาคตที่มีสดใสอย่างชัดเจน และชุมชนชีอะฮ์ จะสามารถแสดงบทบาทที่ยิ่งใหญ่ในเรื่องนี้”

ในช่วงเริ่มต้นของการพบปะกันครั้งนี้ ฮุจญตุลอิสลามวัลมุสลิมีน รอมะฎอนี เลขาธิการสมัชชาอะฮ์ลุลบัยต์โลกได้กล่าวรายงานในที่ประชุมประจำปีครั้งที่ 7 ของสมัชชานี้ ด้วยกับการเข้าร่วมของบุคคลต่างๆทั้ง 117 ประเทศ ด้วยกัน โดยมีสโลแกนหลักที่ว่า บนพื้นฐานของความมีเหตุและผล ความยุติธรรมและเกียรติยศ

 

  

 

700 /