พณฯ วลาดิเมียร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซีย พร้อมคณะผู้ติดตาม เข้าพบท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม อยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี โดยท่านผู้นำได้เน้นย้ำถึงความจำเป็นในการปฏิบัติตามข้อตกลงระหว่างทั้งสองประเทศ และการมีความฉลาดหลักแหลมในการเผชิญหน้ากับนโยบายที่ปลิ้นปล้อนหลอกลวงของพวกตะวันตก โดยท่านได้ตั้งข้อสังเกตว่า “ความร่วมมือกันในระยะยาวระหว่างอิหร่านกับรัสเซีย ถือว่า เป็นประโยชน์อย่างลึกซึ้งต่อทั้งสองประเทศ”
ในการเข้าพบปะกันครั้งนี้ ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ได้เน้นย้ำให้เห็นว่า เหตุการณ์ของโลกที่เกิดขึ้นได้แสดงให้เห็นว่า ทั้งอิหร่านและรัสเซียต่างก็มีความต้องการในความร่วมมืออย่างเพิ่มมากขึ้น โดยท่านผู้นำกล่าวเสริมว่า “ข้อตกลง การบันทึกความเข้าใจและสัญญาต่างๆมากมายระหว่างทั้งสองประเทศ รวมทั้งในภาคส่วนน้ำมันและก๊าซ ก็จะต้องมีการติดตามอย่างต่อเนื่องและนำไปสู่การดำเนินการจนสิ้นสุด”
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า ความร่วมมือทางเศรษฐกิจระหว่างอิหร่านกับรัสเซีย โดยเฉพาะ การติดตามมาตรการคว่ำบาตรของตะวันตก เป็นสิ่งที่มีความจำเป็นและเป็นผลประโยชน์ต่อทั้งสองประเทศ และในกรณีประเด็นยูเครน โดยท่านกล่าวว่า “สงคราม เป็นคำพูดที่มีความรุนแรงและมีความยากลำบาก ขณะที่สาธารณรัฐอิสลามนั้น ไม่รู้สึกยินดีต่อการที่ประชาชนได้รับผลกระทบจากสงคราม แต่ทว่าในกรณียูเครน ท้ายที่สุดแล้ว หากพวกท่านทั้งหลายไม่ได้เป็นผู้เริ่มต้นในการก่อสงคราม ฝ่ายตรงข้ามก็จะเป็นผู้เริ่มต้นในการก่อสงครามเสียเอง”
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังได้เน้นย้ำให้เห็นว่า พวกตะวันตกได้ต่อต้านอย่างแข็งขันต่อรัสเซียที่แข็งแกร่งและเป็นเอกราช ขณะที่นาโต้ เป็นองค์กรที่มีความเป็นอันตราย โดยท่านกล่าวเสริมว่า “หากว่ามีการเปิดทางให้กับนาโต้ พวกเหล่านี้ก็จะไม่รู้จักขอบเขตและขีดข้อจำกัด และหากว่าไม่มีการยับยั้งพวกเหล่านี้ในยูเครน หลังจากนั้น อีกไม่นาน ด้วยกับข้ออ้างของแหลมไครเมียร์ พวกเหล่านี้ก็จะเริ่มต้นในการก่อสงครามนี้”
ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ยังได้ตั้งข้อสังเกตว่า “แน่นอนว่า อเมริกาในวันนี้นั้นมีความอ่อนแอกว่าเดิม แม้ว่าจะมีความพยายามและมีค่าใช้จ่ายอย่างมาก ความสำเร็จในนโยบายของพวกเหล่านั้นในภูมิภาคของพวกเรา เช่น ในซีเรีย อิรัก เลบานอนและปาเลสไตน์ ก็จะเกิดขึ้นอย่างน้อยมาก
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า ปัญหาซีเรีย เป็นประเด็นที่มีความสำคัญอย่างมาก และท่านยังได้เน้นย้ำถึงจุดยืนของสาธารณรัฐอิสลามบนพื้นฐานของการต่อต้านจากการโจมตีทางทหารยังประเทศซีเรีย และความจำเป็นในการป้องกันเพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์ดังกล่าว โดยท่านผู้นำกล่าวว่า “อีกปัญหาที่สำคัญในประเด็นซีเรีย คือ การยึดครองพื้นที่ๆอุดมสมบูรณ์และเต็มไปด้วยน้ำมันทางตะวันออกของแม่น้ำยูเฟรตีส โดยพวกสหรัฐฯ ซึ่งวิธีการแก้ไขปัญหานี้ คือ การถอนกองกำลังทหารของสหรัฐฯออกจากพื้นที่ดังกล่าว”
ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ถือว่า การแทรกแซงของรัฐเถื่อนไซออนิสต์ในเหตุการณ์ต่างๆของภูมิภาค เป็นสิ่งที่น่ารังเกียจอย่างยิ่ง และท่านผู้นำกล่าวยกย่องจุดยืนครั้งล่าสุดของประธานาธิบดีรัสเซียในการต่อต้านรัฐเถื่อนไซออนิสต์
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังได้เน้นย้ำอีกว่า “สาธารณรัฐอิสลาม จะไม่อดทนต่อนโยบายและแบบแผนต่างๆที่เป็นสาเหตุให้มีการปิดเขตพรมแดนระหว่างอิหร่านกับอาร์เมเนียร์”
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า ความร่วมมือในระยะยาวระหว่างอิหร่านกับรัสเซียนั้นมีความจริงจังและเป็นประโยชน์ต่อทั้งสองประเทศ โดยท่านผู้นำกล่าวถึง พณฯ ปูติน โดยท่านกล่าวว่า “พณฯท่านและประธานาธิบดีของเรา ทั้งสองคนนั้นเป็นนักการปฏิบัติและมีการติดตาม ฉะนั้น ด้วยเหตุนี้เอง ความร่วมมือกันระหว่างทั้งสองประเทศในยุคนี้ จะต้องเข้าถึงจุดสูงสุดของมัน”
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ได้เน้นย้ำถึงถ้อยคำของประธานาธิบดีรัสเซียที่เกี่ยวกับความจำเป็นในการก่อตั้งเส้นทางเดินรถไฟ ระหว่างเมืองรัชต์ - เมืองอัสตาร่า ถือว่า การกระทำนี้ เป็นสาเหตุที่จะทำให้เส้นทางคมนาคมทางตอนเหนือ-ตอนใต้ มีความสมบูรณ์และเป็นประโยชน์ต่อทั้งสองประเทศ
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า การมีความฉลาดหลักแหลม ในการเผชิญหน้ากับความปลิ้นปล้อนหลอกลวงของพวกตะวันตก เป็นสิ่งที่มีความจำเป็นอย่างยิ่ง ด้วยอีกเช่นกัน โดยท่านกล่าวว่า “พวกอเมริกานั้นเป็นผู้ฉ้อฉลและเป็นผู้ที่หลอกลวงด้วยเช่นกัน และหนึ่งในปัจจัยของการล่มสลายของสหภาพโซเวียต คือ การที่โซเวียตโดนพวกสหรัฐฯหลอกลวงในการเผชิญหน้ากับนโยบายของพวกเหล่านี้ ซึ่งแน่นอนว่ารัสเซียในยุคของ พณฯท่านนั้น ได้รักษาเอกราชเอาไว้ได้”
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังได้เน้นย้ำให้เห็นถึง นโยบายที่จะแทนที่สกุลเงินของชาติในระหว่างทั้งสองประเทศ และการใช้สกุลเงินอื่นแทนที่เงินดอลลาร์สหรัฐ โดยท่านกล่าวว่า “จะต้องค่อยๆถอนดอลลาร์ออกจากเส้นทางในการประกอบธุรกรรมของโลก และการกระทำนี้ เป็นไปได้ว่าจะต้องดำเนินการอย่างค่อยเป็นค่อยไป”
ในการเข้าพบปะกันครั้งนี้ พณฯ ราอีซี ประธานาธิบดีของอิหร่านก็เข้าร่วมอยู่ด้วย โดย พณฯ ปูติน ได้กล่าวเกี่ยวกับเหตุการณ์ในยูเครน ระบุว่า ไม่มีฝ่ายใดที่ยอมรับในการทำสงครามและการเสียชีวิตของประชาชนนั้นถือเป็นโศกนาฏกรรมที่ยิ่งใหญ่ แต่พฤติกรรมของตะวันตกนั้นเป็นเหตุให้เราไม่มีทางเลือก นอกเสียจากการมีปฏิกิริยาตอบโต้”
ประธานาธิบดีรัสเซีย ยังถือว่ามีปัจจัยและรากฐานของการสร้างความแตกแยกระหว่างรัสเซียและยูเครนโดยเฉพาะการดำเนินการของชาติตะวันตกและอเมริกาในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เช่น การก่อรัฐประหารในยูเครน และเช่นเดียวกัน นโยบายการขยายวงกว้างขององค์กรนาโต้ แม้ว่าจะมีพันธสัญญาเดิมก็ตาม บนพื้นฐานที่ว่า จะต้องไม่มีการรุกคืบมายังรัสเซียเป็นอันขาด โดยเขากล่าวว่า “บางประเทศแถบยุโรปบอกว่า พวกเรานั้นต่อต้านการเข้ามาเป็นสมาชิกของยูเครนในนาโต้ แต่ทว่าด้วยกับความกดดันของสหรัฐฯ เราก็ยอมตกลง ซึ่งสิ่งนี้แสดงให้เห็นว่า พวกเขาเหล่านั้นปราศจากซึ่งอำนาจอนาธิปไตยและความเป็นเอกราช”
พณฯ ปูติน ถือว่า การลอบสังหารนายพลสุไลมานี เป็นอีกตัวอย่างหนึ่งของความชั่วร้ายของพวกสหรัฐฯ และเขายังได้ชี้ถึงมาตรการคว่ำบาตรของชาติตะวันตกที่มีต่อรัสเซีย โดยเขากล่าวว่า “การคว่ำบาตรเหล่านี้ รังแต่จะสร้างความเสียหายให้กับตะวันตก และผลลัพธ์ก็คือ การเกิดปัญหาต่างๆ เช่น การเพิ่มราคาน้ำมันและวิกฤตทางด้านแหล่งอาหาร เป็นต้น”
ประธานาธิบดีรัสเซียยังชี้ให้เห็นว่า การฉวยโอกาสของพวกสหรัฐจากการใช้ดอลลาร์เพื่อออกมาตรการคว่ำบาตรและการยึดครองประเทศอื่นๆ ซึ่งการกระทำเหล่านี้ถือว่า เป็นการสร้างความเสียหายให้กับพวกเขาและยังเป็นเหตุที่จะทำให้เกิดความอ่อนแอจากความเชื่อมั่นของโลกต่อสกุลเงินนี้อีกด้วย และการขับเคลื่อนของประเทศต่างๆด้วยกับการใช้สกุลเงินอื่นแทนที่สกุลเงินของสหรัฐ โดยเขากล่าวว่า “รัสเซียและอิหร่านกำลังอยู่ในการวางแบบแผนในวิธีการใหม่เพื่อที่จะใช้สกุลเงินแห่งชาติในระหว่างทั้งสองประเทศ”
ประธานาธิบดีรัสเซีย ยังได้เน้นย้ำถึงจุดยืนของท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลามเกี่ยวกับประเด็น จุดยืนของทั้งสองประเทศในประเด็นซีเรีย เช่น การต่อต้านการโจมตีทางทหารยังพื้นที่ทางตอนเหนือของประเทศนี้ โดยเขากล่าวว่า “พื้นที่ทางตะวันออกของแม่น้ำยูเฟรตีส จะต้องได้รับการควบคุมจากกองกำลังทหารของซีเรีย”
พณฯ ปูติน ถือว่า ความร่วมมือของทั้งสองประเทศในด้านต่างๆและโครงการต่างๆก็กำลังอยู่ในความคืบหน้า โดยเขากล่าวเสริมว่า “อิหร่านและรัสเซียได้ต่อสู้กับกลุ่มผู้ก่อการร้ายในซีเรียและในเวทีทางการทหาร เราก็มีความพยายามในการสร้างความร่วมมือกันทั้งสองประเทศ และเช่นเดียวกัน ในความร่วมมือและการพัฒนาทางยุทธศาสตร์ทวิภาคีกับจีนอีกด้วยเช่นกัน