สำนักผู้นำสูงสุดซัยยิด อาลี คาเมเนอี

บรรดาเจ้าหน้าที่จัดงานสัมมนาแห่งชาติเกี่ยวกับเหล่าชะฮีดและผู้แร่ร่อน เข้าพบท่านผู้นำสูงสุด

“บรรดาผู้แร่ร่อนในอิหร่าน เป็นกลุ่มชนหนึ่งที่มีความจงรักภักดีต่อประเทศชาติ”

บรรดาเจ้าหน้าที่จัดงานสัมมนาแห่งชาติเกี่ยวกับเหล่าชะฮีด ผู้แร่ร่อน เข้าพบท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม โดยท่านผู้นำได้ชี้ให้เห็นว่า ท่านอิมามโคมัยนี ได้เรียกบรรดาผู้แร่ร่อน กลุ่มชนไร้ถิ่นฐานว่า เป็นเสบียงสะสมของประเทศชาติ และท่านผู้นำยังถือว่า การจัดสัมมนานี้ เป็นโอกาสที่เหมาะสมในการสร้างความเข้าใจและการทำความรู้จักของบรรดาประชาชน ที่เกี่ยวกับบรรดาผู้แร่ร่อนได้มากยิ่งขึ้น โดยท่านผู้นำกล่าวว่า “ในปัจจุบันนี้ เหล่าผู้ไม่หวังดีต่ออิหร่านและอิสลามต่างต้องพึ่งพายังสงครามทางจิตวิทยา ด้วยเหตุนี้เอง ประชาชนทั้งหมด รวมทั้งบรรดาผู้แร่ร่อนจึงต้องการภารกิจต่างๆและการผลิตทางด้านวัฒนธรรม ซึ่งแน่นอนว่า การกระทำทางด้านวัฒนธรรม เช่น การผลิตภาพยนตร์ และหนังสือ ก็จะต้องมีกระแสตอบรับและส่งผลต่อการผลิต เป็นอีกกรณีที่จะต้องได้รับการพิจารณาและการประเมินผล”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังได้ชี้ให้เห็นถึงการยืนหยัดของบรรดาผู้แร่ร่อนในการเผชิญหน้ากับความพยายามอย่างมากมายของพวกต่างชาติในตลอดช่วงสองหรือสามศตวรรษที่ผ่านมา โดยท่านกล่าวว่า “เป้าหมายของความพยายามเหล่านี้ คือ การบังคับให้บรรดาผู้แร่ร่อนต้องทำการทรยศต่อประเทศชาติ และการดำเนินการต่างๆ เช่น การแบ่งแยก และการก่อสงครามกลางเมือง ซึ่งพวกเหล่านั้นไม่มีวันที่จะประสบความสำเร็จได้เลย ฉะนั้น บรรดาผู้แร่ร่อนในอิหร่าน จึงเป็นกลุ่มชนหนึ่งที่มีความจงรักภักดีต่อประเทศชาติ”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า การเสียสละของบรรดาผู้แร่ร่อนในช่วงสมัยของการปฏิวัติอิสลามและการป้องกันอันศักดิ์สิทธิ์ เป็นการแสดงให้เห็นว่า พวกเขานั้นมีความจงรักภักดีต่อประเทศ โดยท่านได้ตั้งข้อสังเกตว่า “ปัจจัยหลักของเอกภาพ คือ ความก้าวหน้าและการเสียสละชีวิตของประชาชน รวมทั้งบรรดาผู้แร่ร่อนด้วย ซึ่งถือเป็นปัจจัยทางศาสนาที่ท่านอิมามโคมัยนี ผู้ยิ่งใหญ่ได้ใช้เป็นองค์ประกอบที่สำคัญของการปฏิวัติอิสลาม จนกระทั่งได้รับชัยชนะและหลังจากการปฏิวัติอิสลาม ในการเผชิญหน้ากับเหล่าชาติมหาอำนาจจากพวกต่างชาติและรัฐบาลทั้งหลายที่ล้าหลัง เช่น รัฐบาลของซัดดาม ฮุสเซน โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อบ่อนทำลายการปฏิวัติอิสลาม แต่ปัจจัยนี้ได้เป็นเหตุในการรักษาและการปกป้องประเทศชาติ”

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ถือว่า บรรดาชะฮีด คือ สัญลักษณ์ของความสวยงามและเป็นความรุ่งโรจน์ของการมีความศรัทธาต่อศาสนา โดยท่านผู้นำยังได้เน้นย้ำถึงบทบาทอันจำเพาะในการสร้างแรงจูงใจต่อศาสนาในการต่อสู้ของบรรดานักรบ ตลอดจนการมีความอดทน อีกทั้งความสงบนิ่งของครอบครัวทั้งหลายของบรรดาชะฮีด โดยท่านผู้นำกล่าวว่า “แน่นอนว่า บางคนที่ไม่มีความเกี่ยวข้องอะไรกับศาสนา พวกเขาต่างพยายามที่จะทำลายแรงจูงใจแห่งศาสนาของบรรดาชะฮีดและนักรบทั้งหลาย แต่ทว่าแรงจูงใจอันทรงเกียรติของบรรดาชะฮีด นั้นมีค่าที่ไม่น้อยไปกว่าแรงจูงใจทางศาสนาและการได้รับความพึงพอพระทัยจากพระเจ้า”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า มิติต่างๆที่สำคัญมากที่สุดของสงครามจิตวิทยา คือ การดับสูญและการทำให้การมีแรงจูงใจทางศาสนาในประเทศ ต้องพบกับความอ่อนแอ โดยท่านกล่าวเสริมว่า “ในปัจจุบันนี้ ไม่ว่าการกระทำใดก็ตามที่เป็นการต่อต้านศาสนา ประเพณี และคำขวัญต่างๆของศาสนา ก็จะต้องพึ่งพายังแรงจูงใจทางการเมืองและศัตรูได้นำเอามันไปใช้ แม้ว่าจะเป็นไปได้ว่า ปัจจัยที่ดำเนินการในการกระทำนั้น จะทำให้เกิดการเพิกเฉยต่อความเป็นจริงนี้”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า การทำให้ความศรัทธาต่อศาสนา ความหวัง และการมองโลกในแง่ดีต่ออนาคตของประเทศ ต้องพบความอ่อนแอ เป็นหนึ่งในองค์ประกอบของสงครามทางจิตวิทยาที่มีต่อประชาชาติ โดยท่านได้ตั้งข้อสังเกตว่า “ความสิ้นหวังในอนาคต การบรรลุถึงทางตัน หรือการที่บรรดาเจ้าหน้าที่นั้นไม่เชื่อมั่นต่อการบริหารประเทศชาติ เป็นส่วนหนึ่งของการกระทำของเหล่าผู้ที่ประสงค์ไม่ดีต่ออิหร่านและในวันนี้ ไม่ว่าผู้ใดก็ตามที่ทำให้ประชาชนหมดหวังต่ออนาคตหรือการทำให้ความศรัทธาของพวกเขาต้องพบกับความอ่อนแอหรือความพยายามต่างๆและการวางแบบแผนของบรรดาเจ้าหน้าที่โดยปราศจากความศรัทธาหรือการมองโลกในแง่ร้าย  จะทราบหรือไม่ทราบก็ตาม ทั้งหมดเหล่านี้นั้น ล้วนเป็นประโยชน์ให้กับศัตรูทั้งสิ้น”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า บทเรียนแห่งความหวัง คือ บทเรียนที่สำคัญของบรรดาชะฮีด โดยท่านได้ตั้งข้อสังเกตว่า “บรรดานักรบของพวกเราได้เข้าสู่สมรภูมิรบในสถานการณ์ที่หากคิดคำนวณแล้ว จะเห็นได้ไม่มีความหวังในชัยชนะเลย แต่ทว่า ด้วยกับการต่อสู้อย่างมีความหวัง การทำสงครามอย่างมีเกียรติและศักดิ์ศรีของสาธารณรัฐอิสลามและการปราบปรามเหล่าผู้รุกราน และนี่หมายถึง ในสถานการณ์ที่ยากลำบากมากที่สุด ก็จะต้องมีความหวังในการช่วยเหลือจากพระเจ้าและมีความเพียรพยายามอย่างมากอีกด้วย”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังได้กล่าวยกย่องในกิจกรรมต่างๆและการบริการของอาสาสมัครในภาคส่วนที่เกี่ยวกับบรรดาผู้แร่ร่อน ทั้งการทำความรู้จักและการขจัดปัญหาของพวกเขา โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการวางแบบแผนและการดำเนินการเพื่อแก้ไขปัญหาทางด้านวัฒนธรรม ซึ่งถือว่า เป็นความรับผิดชอบของบรรดาเจ้าหน้าที่ๆเกี่ยวข้องทั้งหมดทุกคน

 

700 /