สำนักผู้นำสูงสุดซัยยิด อาลี คาเมเนอี

ประธานาธิบดีเวเนซุเอลา เข้าพบท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม

การยืนหยัดคือวิธีการเดียวที่จะได้รับชัยชนะในการเผชิญหน้ากับแรงกดดันต่างๆของสหรัฐ

พณฯท่าน นิโคลัส มาดูโร ประธานาธิบดีเวเนซุเอลา พร้อมคณะผู้ติดตาม เข้าพบท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม โดยท่านผู้นำได้ชี้ให้เห็นว่า อิหร่านและเวเนซุเอลาทั้งสองประเทศได้ยืนหยัดในการเผชิญหน้ากับแรงกดดันที่หนักหน่วงและสงครามแบบลูกผสมของสหรัฐฯ โดยท่านผู้นำได้เน้นย้ำว่า “จากประสบการณ์ที่ประสบความสำเร็จของทั้งสองประเทศ แสดงให้เห็นว่า การยืนหยัด คือวิธีการเดียวในการเผชิญหน้ากับแรงกดดันต่างๆของสหรัฐฯ

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังได้ชี้ให้เห็นอีกว่า รัฐบาลและประชาชนชาวเวเนซุเอลาได้ต่อสู้ด้วยความยากลำบากกับสหรัฐฯและสงครามแบบลูกผสมและในทุกๆด้านที่มีการต่อต้านเวเนซุเอลา จนกระทั่งได้รับชัยชนะ โดยท่านผู้นำยังกล่าวกับประธานาธิบดีมาดูโรว่า “การยืนหยัดของพณฯท่านและประชาชาติชาวเวเนซุเอลานั้นมีคุณค่าเป็นอย่างมาก เพราะว่า จะเป็นการยกระดับคุณค่า ความสูงส่งและความสามารถของประชาชาติหนึ่งใด ประเทศและผู้นำของประเทศนั้นๆด้วยเช่นกัน และในวันนี้ สหรัฐฯได้มองมายังเวเนซุเอลา ซึ่งมีความแตกต่างกับในอดีตที่ผ่านมา”

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ยังได้ชี้ให้เห็นว่า สาธารณรัฐอิสลามแห่งอิหร่านได้มีความก้าวหน้าและมีนวัตกรรมใหม่ทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีในหลายปีที่ผ่านมา โดยท่านผู้นำกล่าวเสริมว่า “ก้าวอันยิ่งใหญ่เหล่านี้ได้เกิดขึ้นท่ามกลางสถานการณ์ที่ประเทศกำลังประสบกับการคว่ำบาตรที่หนักที่สุดและไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ทั้งยังได้รับแรงกดดันต่างๆที่มีต่อประชาชาติอิหร่านอีกด้วย และพวกสหรัฐฯได้เรียกมันว่า “เป็นแรงกดดันอย่างมากที่สุด”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ได้เน้นย้ำว่า “การยืนหยัดของประชาชาติอิหร่านต่างหากที่เป็นเหตุให้นโยบายแรงกดดันอย่างมากที่สุดต้องพบกับความล้มเหลว โดยที่เจ้าหน้าที่คนหนึ่งของสหรัฐฯได้เรียกหลายครั้งด้วยกันว่า เป็นความล้มเหลวที่น่าอัปยศยิ่งนัก”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังได้ตั้งข้อสังเกตว่า “ผลลัพธ์ที่เราสามารถจะได้รับจากการยืนหยัดและความสำเร็จของทั้งสองประเทศอิหร่านและเวเนซุเอลา กล่าวคือ วิธีการเดียวที่เป็นแนวทางการรักษาเยียวยาในการเผชิญหน้ากับแรงกดดันต่างๆ ก็คือ การยืนหยัดและควรที่จะให้ความร่วมมือกันและสร้างความสัมพันธ์ระหว่างสาธารณรัฐอิสลามแห่งอิหร่านกับรัฐบาลของเวเนซุเอลาให้มีเสถียรภาพมากยิ่งขึ้นและมีความใกล้ชิดมากยิ่งขึ้นด้วยเช่นกัน

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ยังตอบรับการลงนามเอกสารความร่วมมือกันใน 20 ปี ระหว่างอิหร่านกับเวเนซุเอลา โดยท่านผู้นำกล่าวว่า “จำเป็นที่จะต้องติดตามความร่วมมือในระยะยาวและข้อตกลงต่างๆก็จะบังเกิดผลในที่สุด”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังได้ชี้ให้เห็นว่า อิหร่านและเวเนซุเอลาได้ร่วมมือกันอย่างเป็นกันเอง โดยท่านได้ตั้งข้อสังเกตว่า “ทั้งสองประเทศไม่เคยมีความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดแบบนี้มาก่อนกับประเทศใดๆก็ตาม และสาธารณรัฐอิสลามแห่งอิหร่าน ได้แสดงให้เห็นว่า เมื่อใดก็ตามที่บรรดามิตรของเขาพบกับอันตราย เขาก็จะยื่นมือเข้าช่วยเหลือในทันที”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังได้กล่าวยกย่องต่อจุดยืนของ พณฯท่าน มาดูโร ในการต่อต้านกับรัฐเถื่อนไซออนิสต์ โดยท่านผู้นำกล่าวว่า “จุดยืนของพณฯท่าน เมื่อหลายครั้งที่ผ่านมาในการต่อต้านกับรัฐเถื่อนไซออนิสต์ ถือเป็นสิ่งที่ดีเป็นอย่างมากและยังเป็นความกล้าหาญอีกด้วย”

ในการพบปะกันครั้งนี้ พณฯท่าน ราอีซี ประธานาธิบดีอิหร่านก็ได้เข้าร่วมอยู่ด้วย โดยประธานาธิบดีเวเนซุเอลาได้กล่าวขอบคุณต่อการสนับสนุนของอิหร่านจากการต่อสู้ของประชาชนชาวเวเนซุเอลากับพวกสหรัฐฯ โดยเขากล่าวว่า “พวกท่านทั้งหลายได้ช่วยเหลือพวกเราในยามที่เวเนซุเอลาตกอยู่ในสถานการณ์ที่คับขันเป็นอย่างมาก และไม่มีประเทศใดที่ให้การช่วยเหลือและพวกท่านก็ยังช่วยเหลือให้พวกเราผ่านพ้นวิกฤตไปได้ด้วยดี”

ประธานาธิบดีเวเนซุเอลา ยังได้กล่าวอธิบายถึงสถานการณ์ที่คับขันทางเศรษฐกิจของประเทศของเขา เมื่อหลายปีที่ผ่านมา โดยเขากล่าวเสริมว่า “ดั่งที่ พณฯท่านผู้นำสูงสุดกล่าวว่า พวกสหรัฐฯนั้นได้ก่อสงครามอย่างช้าๆทีละเล็กที่ละน้อยและในหลายมิติด้วยกัน ที่มีต่อประเทศของเรา แต่ทว่าเรานั้นสามารถที่จะยืนหยัดและใช้โอกาสในการคว่ำบาตรให้เป็นประโยชน์ ด้วยการเริ่มต้นจากการเผชิญหน้ากับการโจมตีทุกรูปแบบของสหรัฐฯและบัดนี้ สถานการณ์ของเวเนซุเอลานั้นดีขึ้นกว่าเมื่อหลายปีก่อนอีกด้วย”

ประธานาธิบดีมาดูโรแห่งเวเนซุเอลา ยังได้ชี้ให้เห็นถึงการเจรจาของเขาในกรุงเตหะรานและการลงนามเอกสารความร่วมมือ โดยเขากล่าวเสริมว่า “เราได้วางยุทธศาสตร์ความร่วมมือระหว่างอิหร่านกับเวเนซุเอลาในด้านต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภาคส่วนทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี”

ประธานาธิบดีเวเนซุเอลา ยังได้เน้นย้ำให้เห็นว่า ประเทศของเขาถือว่า ประเด็นปาเลสไตน์ เป็นประเด็นที่ศักดิ์สิทธิ์ของมนุษยชาติ โดยเขากล่าวว่า “ด้วยเหตุผลของความเชื่อนี้ รัฐเถื่อนไซออนิสต์ได้วางแผนการสมรู้ร่วมคิด โดยผ่านมอสสาดมาอย่างต่อเนื่องในการต่อต้านกับเวเนซุเอลามาโดยตลอด”

 

700 /