พณฯท่าน เอมอมอาลี ราห์มอน ประธานาธิบดีทาจิกิสถาน พร้อมคณะผู้ติดตาม ได้เข้าพบท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม โดยท่านผู้นำได้เน้นย้ำว่า “ศักยภาพในการขยายความร่วมมือกันระหว่างสองประเทศในด้านต่างๆนั้นยิ่งใหญ่กว่าระดับความสัมพันธ์ในปัจจุบันเป็นอย่างมากและจะต้องมุ่งเน้นถึงนโยบายของรัฐบาลอิหร่านบนพื้นฐานในการเสริมสร้างความสัมพันธ์กับประเทศเพื่อนบ้าน ด้วยกับการมีความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองประเทศ จะเป็นเหตุให้มีการเปลี่ยนแปลงหลักอีกด้วย”
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังได้ชี้ให้เห็นถึงความคล้ายคลึงกันระหว่างอิหร่านกับทาจิกิสถาน ทั้งในด้านความลึกซึ้งทางประวัติศาสตร์ วัฒนธรรมและภาษา โดยถือว่า ทั้งสองประเทศนั้นเป็นดั่งครอบครัวเดียวกันและพี่น้องกัน”
ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ยังกล่าวยกย่องจากการดำเนินการของประธานาธิบดีทาจิกิสถานในการส่งเสริมภาษาฟาร์ซี และท่านผู้นำยังได้ชี้ถึงการเดินทางเยือนประเทศทาจิกิสถานของ พณฯท่าน ราอีซี ประธานาธิบดีอิหร่าน ซึ่งถือเป็นการเดินทางเยือนต่างประเทศ เป็นครั้งแรก โดยท่านผู้นำได้เน้นย้ำว่า “การเดินทางเยือนครั้งนี้ ได้แสดงให้เห็นว่า รัฐบาลอิหร่านได้ให้ความสำคัญและมีความมุ่งมั่นที่จะขยายความสัมพันธ์กับประเทศทาจิกิสถานและช่วง 1 ปีที่ผ่านมา ระดับความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศได้เพิ่มมากขึ้น แต่ทว่ายังอยู่ไกลอีกมากจากการบรรลุสู่จุดที่มีความต้องการ”
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ได้ประเมินว่า การมีศักยภาพที่สำคัญทางด้านเทคโนโลยี วิศวกรรม อุตสาหกรรมและวิทยาศาสตร์ของอิหร่าน จะช่วยให้ทาจิกิสถานนั้นมีความพร้อมอย่างมาก โดยท่านกล่าวเสริมว่า “สำหรับการใช้ประโยชน์จากศักยภาพเหล่านี้และการขยายความร่วมมืออย่างแน่วแน่ จะต้องจัดตั้งคณะกรรมาธิการร่วมกันอย่างจริงจัง โดยมีการวางแบบแผนและการกำหนดเวลา เพื่อให้เอกสารที่ลงนามทั้งหมดแล้ว เข้าสู่ขั้นตอนของการดำเนินการ”
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า สภาพอากาศที่หลากหลาย พื้นดินและที่ราบสูงกว้างใหญ่ และความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีและอุตสาหกรรมและบริษัทฐานความรู้ในอิหร่าน และเช่นเดียวกัน การมีน้ำอย่างมากมายและเหมืองแร่ขนาดใหญ่ในทาจิกิสถาน ก็เป็นการปูทางเพื่อยกระดับความร่วมมือร่วมกัน โดยท่านผู้นำได้ตั้งข้อสังเกตว่า “แม้ว่าจะมีมาตรการคว่ำบาตร แต่สาธารณรัฐอิสลามแห่งอิหร่าน ก็มีความก้าวหน้าในด้านต่างๆ เป็นอย่างดี หากไม่มีมาตรการคว่ำบาตรเหล่านี้ ความก้าวหน้าเหล่านี้ก็จะไม่บังเกิดขึ้น เพราะว่าจากการคว่ำบาตร เป็นเหตุทำให้เรานั้นต้องพึ่งพายังพลังงานและศักยภาพภายในประเทศของเราเอง”
ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ถือว่า การคว่ำบาตร คือ อาวุธของชาติมหาอำนาจในการเผชิญหน้ากับประเทศทั้งหลาย โดยท่านผู้นำได้เน้นย้ำว่า “สิ่งที่ทำให้อาวุธนี้ไม่สามารถทำงานได้ ก็คือ การมุ่งความสนใจยังพลังงานและศักยภาพภายในประเทศ”
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังได้เน้นย้ำให้เห็นถึงหนึ่งในพื้นที่ของความร่วมมือและการมีความคิดร่วมกันระหว่างอิหร่านกับทาจิกิสถาน คือ ประเด็นในภูมิภาค โดยเฉพาะสถานการณ์ในประเทศอัฟกานิสถาน โดยท่านกล่าวว่า “อิหร่านและทาจิกิสถานต่างมีความกังวลเกี่ยวกับอัฟกานิสถาน ทั้งสองประเทศยังกังวลต่อการแพร่กระจายของกลุ่มผู้ก่อการร้ายและการเติบโตของกลุ่มตักฟีรีย์ในประเทศนี้ และเรานั้นเชื่อว่า เหล่าผู้คนที่ปกครองอัฟกานิสถานอยู่ในขณะนี้ จะต้องมีความสามารถในการจัดตั้งการปกครองแบบครอบคลุมและด้วยการใช้ประโยชน์จากทุกกลุ่มชนทั้งหมด”
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังได้ชี้ถึงการเดินทางเยือนทาจิกิสถานครั้งล่าสุดของประธานเสนาธิการทหารของกองทัพบกอิหร่าน และการเปิดโรงงานการผลิตโดรน (เครื่องบินไร้คนขับ) โดยท่านผู้นำได้ประเมินว่าเป็นความร่วมมือที่ดีเป็นอย่างมาก โดยท่านยังได้ตั้งข้อสังเกตว่า “ในปัจจุบันนี้ โดรนนั้นเป็นปัจจัยที่มีความสำคัญทางความมั่นคงของประเทศ”
ในการเข้าพบกันครั้งนี้ พณฯท่าน ราอีซี ประธานาธิบดีอิหร่านก็ได้เข้าร่วมด้วย โดยนาย เอมอมอาลี ราห์มอน ยังกล่าวแสดงความพึงพอใจอย่างมากในการเดินทางเยือนกรุงเตหะรานครั้งนี้ รวมทั้งการเข้าพบท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลามด้วย และเขายังได้ชี้ถึงการพูดคุยเจรจากับประธานาธิบดีอิหร่าน โดยประธานาธิบดีทาจิกิสถานกล่าวว่า “ได้มีการเจรจาร่วมกันที่ดี ทั้งในด้านต่างๆ รวมถึงความสัมพันธ์ทางการค้า เศรษฐกิจ และอุตสาหกรรม และตามเอกสารที่ลงนามแล้ว หวังว่าด้วยกับการชี้นำของท่านผู้นำสูงสุด จะทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองประเทศขยายความร่วมมือมากเพิ่มขึ้น”
ประธานาธิบดีทาจิกิสถาน ยังรู้สึกกังวลด้านความมั่นใจในอัฟกานิสถานเป็นการเฉพาะและการแพร่กระจายกลุ่มผู้ก่อการร้าย ถือว่า เป็นประเด็นที่มีความสำคัญระหว่างทั้งสองประเทศ โดยเขากล่าวเสริมว่า “เราต้องขอเรียกร้องสันติภาพ และความสงบสุข รวมทั้งการปกครองด้วยกับการเข้าร่วมของกลุ่มชนทุกหมู่เหล่าทั้งหมดในประเทศอัฟกานิสถาน และเรายังหวังว่า ด้วยกับการเพิ่มความร่วมมือทางความมั่นคงระหว่างอิหร่านกับทาจิกิสถาน จะคลายข้อกังวลเหล่านี้”