บรรดาเจ้าหน้าที่รัฐและข้าราชการของประเทศ เข้าพบท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม อยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี โดยท่านผู้นำถือว่า ปัญหาทั้งหมดในประเทศนั้น สามารถที่จะได้รับการแก้ไขได้อย่างแน่นอน และท่านยังได้กล่าวอธิบายถึงคำขวัญประจำปี โดยกล่าวเน้นย้ำว่า “ระบบอำนาจของสาธารณรัฐอิสลามและความสำเร็จอันหลากหลายทางด้านต่างๆ ได้ทำให้อิหร่านกลายเป็นแบบอย่างที่น่าดึงดูดใจสำหรับประชาชาติทั้งหลาย และการทำให้ประชาชนต้องพบกับความผิดหวังและการปลูกฝังความรู้สึกถึงทางตัน ถือเป็นการรังแกต่อประชาชนและการปฏิวัติอิสลาม”
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลามได้กล่าวยกย่องต่อการตื่นตัวและการขับเคลื่อนของบรรดาเยาวชน ชาวปาเลสไตน์ในแผ่นดินที่ถูกยึดครองโดยท่านกล่าวว่า “การขับเคลื่อนเหล่านี้ ได้แสดงให้เห็นว่า ปาเลสไตน์ยังมีชีวิตอยู่ ซึ่งตรงกันข้ามกับความพยายามของอเมริกาและเหล่าพันธมิตรของพวกเขา และด้วยกับพระมหากรุณาธิคุณของพระเจ้า และประชาชนชาวปาเลสไตน์จะได้รับชัยชนะครั้งสุดท้ายอย่างแน่นอน”
ในช่วงเริ่มต้นของการปราศรัยของท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี โดยท่านผู้นำได้กล่าวอธิบายถึงคำแนะนำทางด้านจิตวิญญาณ ด้วยกับการยกหลักฐานจากโองการอัลกุรอานและบทขอพร(ดุอา) โดยถือว่า การขออภัยโทษจากพระผู้เป็นเจ้า (อิสติฆฟาร) ที่ควบคู่กับการมีเจตนามุ่งมั่นที่ซื่อตรง เป็นสาเหตุทำให้จิตวิญญาณใสสะอาดบริสุทธิ์ ทั้งยังได้รับความเมตตาจากพระเจ้าในการดำเนินชีวิตทางปัจเจกบุคคลและอีกเช่นเดียวกัน ในสนามแห่งชาติและในเวทีการต่างๆที่ยิ่งใหญ่ทางสังคม
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า อิสติฆฟาร ก็เช่นกัน ทั้งเป็นการปฏิบัติในสิ่งที่ถูกห้ามและการไม่ปฏิบัติต่อหน้าที่ความรับผิดชอบและการละทิ้งการปฏิบัติ ล้วนเป็นสิ่งที่มีความจำเป็นอย่างยิ่ง โดยท่านผู้นำกล่าวว่า “ส่วนมากของพวกเรานั้นได้ละทิ้งจากการกระทำและการไม่ปฏิบัติต่อภาระหน้าที่ความรับผิดชอบ เนื่องด้วยเหตุผลต่างๆมากมาย ในขณะที่พระผู้เป็นเจ้าจะทรงลงโทษต่อมนุษย์ในกรณีนี้”
ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ถือว่า ความรับผิดชอบต่อหน้าที่ของระบอบรัฐอิสลาม เป็นกรณีที่ถูกตั้งคำถาม โดยท่านผู้นำกล่าวเสริมว่า “ในระบบการเมืองของโลก ประชาชนกำลังตั้งคำถามกับเจ้าหน้าที่ แต่ในระบบรัฐอิสลาม นอกเหนือจากประชาชนแล้ว เจ้าหน้าที่ก็ยังถูกตั้งคำถามที่สำคัญมากยิ่งขึ้น ทั้งมีการลงโทษทัณท์อย่างหนักหน่วงจากพระผู้เป็นเจ้าอีกด้วยเช่นกัน
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังแสดงความพึงพอใจในการเข้าร่วมของเหล่าเยาวชนจำนวนมากในระบบการบริหารและการจัดการรัฐอิสลาม โดยท่านยังเรียกร้องให้บรรดาเจ้าหน้าที่ทั้งหมดทุกคนต้องมีความระมัดระวังเกี่ยวกับผลกระทบที่สำคัญของสองประเด็น กล่าวคือ การหลงตนเองและการมีปฏิกิริยาตอบสนอง โดยท่านกล่าวเสริมว่า “การหลงตนเอง เนื่องจากตำแหน่งและความสำเร็จต่างๆ และการหลงตนเองด้วยเหตุผลจากความโปรดปรานของพระผู้เป็นเจ้า หรือด้วยเหตุผลใดก็ตาม จะนำไปสู่ความล้มเหลวและเป็นบ่อเกิดของการล้มสลายภายใน ทางสังคมและการงาน และด้วยกับการสร้างภาพลวงตาและทำให้กลายเป็นเรื่องใหญ่ โดยเจ้าหน้าที่ๆรับผิดชอบนั้นออกห่างจากประชาชน”
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า ผลกระทบประการที่สอง คือ การแสดงปฏิกิริยาตอบสนอง โดยท่านกล่าวว่า “การแสดงปฏิกิริยาตอบสนอง หมายถึง การรู้สึกถึงทางตันในการกระทำต่างๆ ซึ่งตรงกันข้ามกับการหลงตัวเองและเป็นอันตรายอย่างยิ่ง ขณะที่เหล่าศัตรูต่างๆพยายามด้วยวิธีการต่างๆนานาเพื่อที่จะทำให้ซึมซับในสังคมและในระหว่างบรรดาเจ้าหน้าที่ด้วยกัน แน่นอนว่า ด้วยพันธสัญญาอันไม่อาจเปลี่ยนแปลงของพระผู้เป็นเจ้า แนวทางในการต่อกรกับแผนการสมคบคิดของศัตรู คือ การมีความยำเกรง(ตักวา) และความอดทนอดกลั้น ด้วยเหตุนี้เอง ความอดทนจึงหมายถึง การรู้สึกว่าไม่มีความเหนื่อยหน่ายและไม่ถอนตัวออกจากภาคสนามอย่างเด็ดขาด ส่วนการมีความยำเกรง ก็หมายถึง การระมัดระวังการขับเคลื่อนต่างๆของตนเองและการสร้างศัตรู”
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังได้เน้นย้ำว่า วัฏจักรของการมีความยำเกรงนั้นกว้างขวางและมีความหมายพิเศษในตัวของมันเอง ในด้านต่างๆ เช่น เศรษฐศาสตร์ การทูต และความมั่นคง โดยท่านกล่าวว่า “วันนี้ การทำให้ประชาชนต้องพบกับความผิดหวังและการปลูกฝังความรู้สึกถึงทางตันในสังคมนั้น ถือเป็นการรังแกต่อ ประชาชน ประเทศชาติ และการปฏิวัติอิสลาม”
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังได้ชี้ให้เห็นถึงตัวชี้วัดในเชิงลบทางด้านเศรษฐกิจ โดยท่านกล่าวว่า “ปัญหาต่างๆก็ยังคงมีอยู่ แต่ทว่าสามารถที่จะได้รับการแก้ไขได้ และพื้นฐานสำหรับการประเมินผลและการตัดสินที่เกี่ยวกับสถานการณ์ของประเทศและความสำเร็จต่างๆนั้น ไม่ได้เฉพาะกับตัวชี้วัดทางด้านเศรษฐกิจเพียงเท่านั้น แต่รวมถึงตัวชี้วัดอื่นๆและกรณีทั้งหมดอีกด้วยเช่นกัน
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม กล่าวเสริมว่า “ถึงแม้ว่าจะมีกรณีทางเชิงลบในด้านเศรษฐกิจ แต่ก็ยังมีสัญญาณของความสำเร็จในกรณีนี้ด้วยเช่นกัน ซึ่งตัวอย่างหนึ่งของมันก็คือ การฟื้นตัวของเศรษฐกิจของประเทศที่มีต่อมาตรการคว่ำบาตรที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน”
ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ถือว่า การเข้าถึงความพอเพียงในบางกรณี เช่น การผลิตวัคซีนโรคโคโรน่าทั้ง 6 ชนิด การเป็นหนี้ต่างชาติของประเทศที่ใกล้จะเป็นศูนย์และความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์ อุตสาหกรรมและเทคโนโลยีในด้านต่างๆ ทั้งหมดเหล่านี้ ล้วนเป็นสัญญาณของความสำเร็จทั้งสิ้น โดยท่านผู้นำยังได้ตั้งข้อสังเกตว่า “อีกตัวอย่างหนึ่งของความสำเร็จต่างๆ ก็คือ ความก้าวหน้าและความราบรื่นของการบริหารจัดการประเทศ ซึ่งมีความแตกต่างกับบางประเทศอื่นๆและถึงแม้ว่าจะมีความเป็นปรปักษ์ในทุกด้านทั้งหมด การบริหารจัดการประเทศก็ถือเป็นความชอบธรรมและไม่จำเป็นที่จะต้องการดำเนินการที่นอกเหนือจากกระบวนการนี้”
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม กล่าวว่า “ความสำเร็จเหล่านี้และในกรณีอื่นๆ เช่น การขยายตัวทางกลยุทธ์เชิงลึกและการมีอิทธิพลทางจิตวิญญาณของอิหร่านในภูมิภาค ได้ทำให้สาธารณรัฐอิสลามนั้นกลายเป็นตัวอย่างหนึ่งที่น่าสนใจอย่างยิ่ง”
ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี กล่าวเสริมว่า “ศัตรูด้วยกับความโลภของพวกเขาได้พูดจาที่สร้างความผิดหวัง ซึ่งพวกเขาเคยพูดเกี่ยวกับประเด็นนี้มาก่อนหน้านี้แล้ว แต่ทว่าความไม่ถูกต้องทั้งหมดของคำพูดเหล่านี้ ซึ่งได้รับการพิสูจน์ในภายหลัง เช่น คำพูดของซัดดาม ฮุสเซนในช่วงเริ่มต้นของสงครามภาคบังคับและคำสัญญาที่จะพิชิตเตหะรานในหนึ่งสัปดาห์ หรือคำพูดเมื่อหลายปีของตัวตลกชาวสหรัฐฯที่บอกว่า เราจะเฉลิมฉลองเทศกาลคริสต์มาสในกรุงเตหะราน”
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังได้เน้นย้ำว่า “ในขณะที่พวกสหรัฐต่างหลงตัวเองและยอมรับอย่างเปิดเผยว่า พวกเขานั้นได้ประสบกับความล้มเหลวในการสร้างแรงกดดันสูงสุดต่ออิหร่าน ซึ่งประเด็นนี้ เป็นประเด็นที่สำคัญอย่างมาก และไม่ควรที่จะลืมเลือนเป็นอันขาด”
ในอีกส่วนหนึ่งของการปราศรัยของท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม โดยท่านนั้นได้กล่าวอธิบายถึงคำขวัญประจำปีและได้ชี้ถึงบางทัศนะที่ไม่เหมาะสมกับทั้งสองลักษณะพิเศษของฐานความรู้และการสร้างงาน โดยท่านผู้นำกล่าวว่า “คำพูดนี้จะถูกต้อง ก็ต่อเมื่อพบว่ามีความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีที่มีความต้องการกำลังคนลดน้อยลง แต่สิ่งนี้ไม่เป็นความจริง ในกรณีที่สถานการณ์ของประเทศของเรานั้นยุติการใช้ประโยชน์จากศักยภาพต่างๆจำนวนมากหรือกิ่งยุติในภาคส่วนระดับล่าง ในขณะที่ด้วยกับการผลิตฐานความรู้ในภาคส่วนนี้ ล้วนมีโอกาสในการสร้างงานที่จะเพิ่มขึ้นอย่างทวีคูณ”
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า ผลลัพธ์ของการผลิตฐานความรู้ เป็นการยกระดับกำลังคนให้มีงานทำ และการสร้างงานให้บรรดาเยาวชนที่มีการศึกษา โดยท่านกล่าวเสริมว่า “ช่างน่าเสียดายอย่างยิ่ง ที่ผู้สำเร็จการศึกษาของประเทศมีจำนวนสูงขึ้น โดยที่พวกเขานั้นประกอบอาชีพที่ไม่เกี่ยวข้องกับสาขาวิชาการที่ศึกษา และด้วยกับการขยายบริษัทฐานความรู้ จะยกระดับคุณภาพของกำลังคนของหน่วยงานต่างๆและไม่มีความต้องการที่จะใช้ประโยชน์จากบรรดานักอัจฉริยบุคคลในการประกอบอาชีพที่มีคุณค่าน้อย
ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ถือว่า พณฯท่านรองประธานาธิบดีฝ่ายวิทยาศาสตร์ มีหน้าที่ในการกำหนดเกณฑ์คุณภาพและตัวชี้วัดที่แม่นยำสำหรับการยอมรับของบริษัทฐานความรู้ โดยท่านผู้นำได้ตั้งข้อสังเกตว่า “การเพิ่มจำนวนของบริษัทไม่ถือว่าเป็นการเพียงพอและในประเด็นนี้ ก็จะต้องมีตัวชี้วัดที่สำคัญอื่นๆ เช่น การมีนวัตกรรมใหม่ การลดอัตราค่าสกุลเงิน การสร้างงานและความสามารถในการส่งออกและการแข่งขัน”
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังได้เน้นย้ำให้เห็นว่า การพัฒนาของบริษัทฐานความรู้ จะต้องพิจารณาในการจัดอันดับความสำคัญและการประเมินผลความต้องการบนพื้นฐานจากการแก้ไขปมปัญหาของประเทศ โดยท่านกล่าวว่า “บริษัทฐานความรู้ในภาคส่วนต่างๆ เช่น ภาคส่วนการเกษตรกรรม ก็จะต้องมีการพัฒนา ซึ่งการมีความมั่นคงทางเศรษฐกิจนั้นขึ้นอยู่กับสิ่งนี้ ทั้งการมีศักยภาพสูงในการดึงดูดแรงงานที่มีความเชี่ยวชาญและมีทักษะและการว่างงานก็อยู่ในระดับสูง หรือในภาคส่วนอื่นๆ เช่น น้ำมัน ก๊าซ แร่ที่ส่งออกเป็นวัตถุดิบ ก็ถือเป็นการส่งเสริมทรัพยากรที่มีคุณค่าโดยไม่มีมูลค่าเพิ่ม”
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ได้กล่าวเสริมในประเด็นนี้ว่า “ช่างน่าเสียดายเป็นอย่างยิ่ง ที่วัตถุดิบของประเทศมีการส่งออกด้วยราคาถูก และท้ายที่สุด ก็มีการนำเข้าผลิตภัณฑ์ด้วยราคาที่สูง ในขณะที่ด้วยกับการผลิตฐานความรู้ จะต้องมีการปรับปรุงกระบวนเหล่านี้และมีการผลิตและส่งออกผลิตภัณฑ์อีกด้วย”
ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ยังได้เน้นย้ำถึงการสนับสนุนของรัฐบาลต่อบริษัทฐานความรู้ โดยท่านผู้นำกล่าวว่า “รัฐบาล เป็นผู้บริโภครายใหญ่ที่สุดในประเทศ และตัวอย่างที่สมบูรณ์ของการสนับสนุนอย่างแท้จริงของรัฐบาลต่อบริษัทฐานความรู้ คือ การป้องกันการนำเข้าที่ผิดกฎหมาย”
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า การกำหนดแบบแผนพัฒนาฉบับที่ 7 คือ สิ่งที่จำเป็นอย่างยิ่ง โดยท่านกล่าวเสริมว่า “แบบแผนนี้ จะต้องกำหนดขึ้นเมื่อปีที่แล้วและมีการดำเนินการในปีนี้ แต่ทว่าไม่ได้เกิดขึ้น ซึ่งในปีนี้ รัฐบาลและรัฐสภา จะต้องมีความพยายามที่จะกำหนดและอนุมัติแบบ แผนพัฒนาฉบับที่7 ตามนโยบายทั่วไปของรัฐอิสลาม”
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า ความเป็นประชาธิปไตยและสิ่งที่สำคัญยิ่งกว่านั้น คือ การคงสภาพความเป็นประชาธิปไตย คือ ลักษณะพิเศษที่จำเป็นสำหรับเจ้าหน้าที่รัฐอิสลามทุกคน โดยท่านกล่าวว่า “การมองเห็นหรือการได้ยินข้อเท็จจริงในภาคสนามหรือจากแหล่งที่เชื่อถือได้ จะเป็นการปูทางสำหรับการวางแบบแผนและการดำเนินการอย่างถูกต้อง”
อยาตอลเลาะห์ คาเมเนอี กล่าวเสริมในเรื่องนี้ว่า “ในบางครั้ง ประชาชนทั่วไปจะบอกกับเจ้าหน้าที่ซึ่งคำพูดไม่เคยได้ยินจากบรรดาที่ปรึกษาที่มีประสบการณ์และผู้ที่อยู่ใกล้ชิดมาก่อนเลย”
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังแสดงความไม่พอใจต่อการไม่ปฏิบัติตามนโยบายทั่วไปของมาตรา 44 แห่งรัฐธรรมนูญ โดยท่านได้เน้นย้ำว่า “รัฐบาลสามารถที่จะปฏิบัติตามนโยบายเหล่านี้ในการวางเศรษฐกิจของประเทศไว้บนบ่าของประชาชน และการดำเนินตามนโยบายของตนเอง การติดตามและการชี้แนะเพื่อแก้ไขปัญหาได้อย่างรวดเร็วยิ่งขึ้น”
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังได้ชี้ถึงประเทศที่มีการเติบโตทางเศรษฐกิจโดยปราศจากน้ำมันโดยท่านกล่าวเสริมว่า “ประมาณร้อยกว่าปีแล้วที่น้ำมันนั้นเหมือนดั่งยาเสพติด ซึ่งได้เกิดขึ้นมาในประเทศชาติอย่างรุนแรงและจะต้องได้รับการเยียวยา”
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า เศรษฐกิจโดยปราศจากน้ำมัน เป็นเป้าหมายในระยะยาว โดยท่านกล่าวเสริมว่า “อย่างน้อยในสองรัฐบาลที่มีความรับผิดชอบแปดปี ต้องเพียรพยายามเพื่อแก้ไขปัญหานี้ แน่นอนว่า หากมีการดำเนินการตามเศรษฐกิจที่ปราศจากน้ำมันในวันนั้น ในวันนี้สถานการณ์ของประเทศจะมีความแตกต่างอย่างเห็นได้ชัด”
ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ยังได้ชี้ให้เห็นถึงความเป็นไปได้ที่เกิดขึ้นจากการเปิดการแลกเปลี่ยนสกุลเงินต่างประเทศในบางส่วน โดยท่านผู้นำกล่าวว่า “เราจะต้องมีความระมัดระวัง หากว่ามีความเป็นไปได้ในการเปิด รายได้ต่างๆก็จะไม่ถูกนำไปใช้ในกับการนำเข้าและโครงสร้างพื้นฐาน เช่น การคมนาคมทางรถยนต์และทางรถไฟ บริษัทฐานความรู้ การปรับปรุงอุตสาหกรรม เส้นทางในการ สื่อสารกับประเทศเพื่อนบ้านและการแก้ไขปัญหาที่สำคัญของน้ำ ซึ่งถือเป็นสิ่งที่โชคดีที่รัฐบาลได้เริ่มต้นในการดำเนินการที่เกี่ยวกับปัญหาน้ำ แต่ทว่าการแก้ไขปัญหานี้จะต้องมีการใช้เงินเป็นหลัก”
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า การจัดตั้งสภาเศรษฐกิจของบรรดาผู้นำทั้งหลาย เป็นโอกาสที่สำคัญสำหรับการตัดสินใจที่จำเป็น โดยท่านกล่าวว่า “สภานี้ได้ก่อตั้งขึ้นในรัฐบาลชุดก่อนซึ่งมีวาระที่สำคัญหลายประการ เช่น การปฏิรูปโครงสร้างงบประมาณ การแก้ไขปัญหาด้านการธนาคาร และการจัดการมาตรการคว่ำบาตร ซึ่งผู้นำของสภาทั้งสาม จะต้องมีความร่วมมือกันอย่างสมบูรณ์ในการใช้ประโยชน์จากศักยภาพเหล่านี้”
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า ประเด็นทางวัฒนธรรม เป็นประเด็นที่มีความสำคัญเป็นอย่างมากและต้องการบรรดานักต่อสู้ที่ชาญฉลาด โดยท่านกล่าวว่า “ศูนย์วัฒนธรรมอย่างเป็นทางการและนักขับเคลื่อนทางวัฒนธรรมที่ปฏิบัติงานในวงกว้างด้วยกับความช่วยเหลือจากพระเจ้า จะต้องยึดวัฒนธรรมและความรู้อย่างจริงจังและการเปิดสายตาให้กว้างขึ้นในการประกอบกิจกรรมประจำวันและการต่อสู้ในประเด็นนี้”
ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ได้ชี้ให้เห็นถึงทิศทางที่ดีทางการทูตของประเทศ โดยท่านได้เน้นย้ำว่า “บรรดาเจ้าหน้าที่จะต้องไม่ผัดวันประกันพรุ่งในประเด็นนิวเคลียร์เลย และควรมีการวางแบบแผนและการดำเนินการแก้ไขปัญหาตามข้อเท็จจริงของประเทศ”
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า บรรดาเจ้าหน้าที่ ผู้เจรจา เป็นนักการปฏิวัติ ผู้ที่เคร่งครัดต่อศาสนา และมีความกระตือรือร้น โดยท่านกล่าวเสริมว่า “พณฯท่านรัฐมนตรีการต่างประเทศและบรรดาเจ้าหน้าที่ ผู้ที่เข้าร่วมในการเจรจาให้ส่งรายงานอย่างละเอียดแก่ศูนย์กลางภายในประเทศ ทั้งการกล่าววิพากษ์วิจารณ์และการแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับผลงานของพวกเขาถือว่าไม่มีปัญหาใดๆ ตราบใดที่ยังไม่มีเจตนาร้ายและการมองโลกในแง่ที่ไม่ดี และอย่างที่ข้าพเจ้าได้กล่าวไปหลายครั้งแล้ว อย่าได้ทำให้องค์ประกอบของภาคสนามต้องพบกับความอ่อนแอและทำให้ประชาชนพบกับความผิดหวังเป็นอันขาด”
ผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังกล่าวแสดงความพึงพอใจต่อการยืนหยัดของคณะทีมเจรจาในการเผชิญหน้ากับเหล่าชาติมหาอำนาจและการเรียกร้องที่เกินเลย โดยท่านผู้นำกล่าวว่า “ฝ่ายตรงกันข้ามได้กระทำการผิดสัญญาและถอนตัวออกจากข้อตกลงนิวเคลียร์ และตอนนี้รู้สึกผิดหวังและพบกับทางตัน แต่ทว่า รัฐอิสลามด้วยการพึ่งพาประชาชนได้ก้าวหน้าปัญหาต่างมากมายมาแล้ว และในขั้นตอนนี้ ก็จะต้องก้าวหน้าด้วยเช่นกัน”
ในอีกส่วนหนึ่งของการปราศรัยของท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม โดยท่านได้กล่าวยกย่องต่อการตื่นตัว การขับเคลื่อน และความพยายามของเยาวชนชาวปาเลสไตน์ในดินแดนปี 1948 และในศูนย์กลางของดินแดนที่ถูกยึดครอง โดยท่านกล่าวเสริมว่า “การขับเคลื่อนเหล่านี้ ได้แสดงให้เห็นว่าปาเลสไตน์ยังมีชีวิตอยู่ ตรงกันข้ามกับความพยายามของพวกสหรัฐฯและเหล่าพันธมิตรของพวกเขา และจะไม่มีวันลืมเลือนเป็นอันขาด ทั้งยังมีการขับเคลื่อนในปัจจุบันอย่างต่อเนื่องและด้วยพระมหากรุณาธิคุณของพระเจ้า จะเป็นชัยชนะครั้งสุดท้ายจะเป็นของชาวปาเลสไตน์อย่างแน่นอน”
ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ยังกล่าวยกย่องถึงความกล้าหาญของประชาชนผู้ถูกกดขี่ในเยเมน ด้วยคำแนะนำที่มีความหวังดีและกรุณาต่อเหล่าเจ้าหน้าที่ชาวซาอุดีอาระเบีย โดยท่านผู้นำกล่าวว่า “จะดึงดันทำสงครามอยู่ทำไม ในเมื่อพวกคุณนั้นทราบดีว่าจะไม่มีวันชนะอย่างเป็นอันขาดและพวกคุณก็จะต้องหาทางออกให้พ้นจากสมรภูมินี้เสียเถอะ”
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า การหยุดยิงครั้งล่าสุดในเยเมน เป็นสิ่งที่ดีอย่างมาก โดยท่านกล่าวเสริมว่า “หากข้อตกลงนี้ถูกดำเนินการตามความหมายที่แท้จริง ข้อตกลงนี้ก็สามารถที่จะดำเนินการต่อไปได้ และอย่างที่ไม่ต้องมีความสงสัยใดๆว่า ชาวเยเมนจะได้รับชัยชนะด้วยความเพียรพยายาม ความกล้าหาญ และความคิดสร้างสรรของตนเอง และบรรดาผู้นำของพวกเขา อีกทั้งพระเจ้าจะทรงให้การช่วยเหลือแก่ประชาชนผู้ถูกกดขี่เหล่านี้”
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังได้ให้คำชี้นำต่อบรรดาเจ้าหน้าที่ของประเทศ โดยท่านกล่าวว่า “โอกาสในการรับผิดชอบภาระหน้าที่นั้นเกิดขึ้นเพียงชั่วพริบตาเดียว และพวกท่านทั้งหลาย จะต้องรู้จักคุณค่าต่อทุกชั่วโมงของมัน”
คำแนะนำประการที่สองของท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม คือ การละเว้นจากการกระทำที่เป็นการแสดง
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม กล่าวเสริมว่า “ความขัดแย้งทางผลประโยชน์ ซึ่งทุกคนได้พูดถึงกันไม่เพียงแต่ในด้านเศรษฐกิจเท่านั้น และหากว่ามีประเด็นที่เกิดความขัดแย้งกันระหว่างประชาชนกับการรักษาผลประโยชน์ด้านสาธารณะของประเทศ เราก็จะต้องไม่ให้ความสนใจต่อผลประโยชน์ของตน แต่จะต้องให้ความสนใจต่อผลประโยชน์ของส่วนรวมเป็นหลัก”
การที่ให้รัฐบาลและรัฐสภาต้องรักษาเส้นช่องว่างและการดำเนินการตามขอบเขตหน้าที่และการมีอำนาจ เป็นคำแนะนำประการสุดท้ายของท่านผู้นำสูงสุดที่มีต่อบรรดาเจ้าหน้าที่ของประเทศ
ในช่วงต้นของการเข้าพบปะกันครั้งนี้ พณฯท่าน ฮุจญตุลอิสลาม วัลมุสลิมีน ราอีซี ประธานาธิบดี ได้กล่าวว่า “วาทกรรมของรัฐบาล เป็นวาทกรรมของการปฏิวัติอิสลาม โดยเขาได้เน้นย้ำถึงองค์ประกอบของความเป็นประชาธิปไตย การแสวงหาความยุติธรรม และการเปลี่ยนแปลง โดยท่านประธานาธิบดีกล่าวว่า “เอกสารการเปลี่ยนแปลงของรัฐบาลได้รับการจัดเตรียมด้วยความร่วมมือทางความคิดของบรรดานักคิดและมีการเผยแพร่แล้ว”
ท่านประธานาธิบดี ถือว่า การดำเนินการและการปฏิบัตินั้น เป็นสิ่งที่สำคัญยิ่งกว่ารูปแบบแผนและโครงการ โดยท่านกล่าวเสริมว่า “ด้วยกับการจัดหาวัคซีนอย่างแพร่หลายและความร่วมมือของประชาชนทุกคน ด้วยสถานการณ์ที่เปลี่ยนไป การประกอบธุรกิจต่างๆ ก็รุ่งเรืองขึ้นอีกครั้งและในปีนี้ จากการเดินทางในช่วงปีใหม่ก็มีทิศทางที่ดีอย่างมาก”
พณฯท่าน ราอีซี ถือว่า การเผชิญหน้าอย่างชาญฉลาดกับการขาดดุลงบประมาณของปี 1400 เป็นการดำเนินการอีกประการหนึ่งของรัฐบาลในช่วง 8 เดือนที่ผ่านมา โดยกล่าวว่า “ในช่วงเวลานี้ เราต่างพยายามด้วยกับการเพิ่มการผลิตน้ำมันและก๊าซและการเพิ่มการส่งออกน้ำมันอีกเช่นกัน ดังเช่นการเพิ่มรายได้จากภาษี การขาดดุลงบประมาณ และการป้องกันการสร้างเงินที่ก่อให้เกิดภาวะเงินเฟ้อ”
ท่านประธานาธิบดี ถือว่า การเพิ่มอำนาจของจังหวัดและการทำให้เสร็จสมบูรณ์ของโครงการกึ่งสำเร็จ เป็นอีกรูปแบบแผนหนึ่งของรัฐบาล โดยท่านกล่าวว่า “การควบคุมอัตราเงินเฟ้อ เป็นหนึ่งในวาระหลักของรัฐบาล และรายงานของศูนย์สถิติได้แสดงให้เห็นว่า อัตราเงินเฟ้อที่สูงขึ้นได้ยุติลงแล้ว และแนวโน้มขาลงก็ได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว”
พณฯท่าน ราอีซี ถือว่า การสร้างความโปร่งใสและการจัดการกับการทุจริตคอร์รัปชั่น เป็นหนึ่งในมาตรการและแผนงานหลักของรัฐบาล โดยท่านประธานาธิบดี กล่าวว่า “การอนุมัติในการสัญจรของคณะรัฐบาล เป็นการเดินทางอย่างที่มีประสิทธิภาพและตามกรอบเวลาที่กำหนดอย่างชัดเจน”
พณฯท่าน ราอีซี ถือว่า การดำเนินการทางด้านวัฒนธรรมและการวางแบบแผนเพื่อลดผลกระทบทางสังคม เป็นอีกประการหนึ่งของการดำเนินการต่างๆของรัฐบาล โดยท่านได้ตั้งข้อสังเกตว่า “การดำเนินการและความสำเร็จของรัฐบาล เป็นผลมาจากการทำงานร่วมมือกันระหว่างสภาทั้งหลายและองค์กรต่างๆ ซึ่งเรานั้นยังคงต้องการความร่วมมือนี้และการประสานงานอีกต่อไป”
ท่านประธานาธิบดี ถือว่า โครงการที่สำคัญที่สุดของรัฐบาล จะทำให้ความหวังและความไว้วางใจให้กับประชาชนเพิ่มขึ้น โดยเขากล่าวเสริมว่า “ ด้วยความสามัคคีของชาติและการพึ่งพายังทรัพยากรภายในประเทศ จะทำให้ศัตรูต้องพบกับความผิดหวัง อย่างที่เรานั้นได้กล่าวไปหลายต่อหลายครั้งแล้วว่า การเจรจานั้นมีสถานภาพของมัน แต่ทว่าข้อตกลงนิวเคลียร์นั้นเป็นหนึ่งในปัญหาหลักของประเทศ และเราจะไม่ผูกขาดอาหารของประชาชนและเศรษฐกิจของประเทศกับปัญหาต่างประเทศเป็นอันขาด”