สำนักผู้นำสูงสุดซัยยิด อาลี คาเมเนอี

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม กล่าวปราศรัยเนื่องในวันขึ้นปีใหม่ศักราชที่ 1401

ประชาชาติอิหร่านมีความชอบธรรมในการเผชิญหน้ากับชาติมหาอำนาจ จอมอหังการ

ผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม อยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ได้กล่าวปราศรัยต่อประชาชาติอิหร่าน ผู้ทรงเกียรติทั้งหลาย เนื่องในวันเริ่มต้นของศักราชใหม่ปี 1401 ซึ่งได้มีการถ่ายทอดสดผ่านสถานีโทรทัศน์แห่งชาติ โดยท่านผู้นำกล่าวแสดงความยินดีเนื่องในวันอีดโนรูซและการเริ่มต้นศตวรรษใหม่ ด้วยกับการอธิบายคำขวัญประจำปีใหม่นี้ ซึ่งท่านถือว่า วิธีการเดียวที่จะบรรลุถึงความก้าวหน้าอย่างชอบธรรมและการแก้ไขปัญหาความยากจน คือ การขับเคลื่อนเพื่อก้าวไปสู่เศรษฐกิจฐานความรู้ และในคำปราศรัยอีกส่วนหนึ่งของท่านผู้นำสูงสุด โดยท่านได้ชี้ให้เห็นถึงปัญหาต่างๆของโลกที่กำลังเกิดขึ้นในประเทศอัฟกานิสถาน ยูเครนและในเยเมน โดยท่านได้เน้นย้ำว่า “เหตุการณ์ทั้งหมดเหล่านี้ แสดงให้เห็นว่า ประชาชาติอิหร่านนั้นมีความชอบธรรมและการเลือกที่ถูกต้องในการต่อสู้กับชาติมหาอำนาจ จอมอหังการ”

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ถือว่า การผสมผสานของวันอีดโนรูซแห่งชาติร่วมกับการรำลึกและการขอพรต่อพระเจ้า รวมทั้งในการมีจิตวิญญาณ เป็นคุณลักษณะอันพิเศษของชาวอิหร่านในช่วงวันโนรูซ โดยท่านผู้นำกล่าวว่า “ฤดูใบไม้ผลิ ถือเป็นสัญลักษณ์ของการมีความหวัง และเป็นการสื่อสารของความสดชื่น รวมถึงการเจริญเติบโต  ซึ่งในปีนี้ อันเนื่องจากประจวบเหมาะกับช่วงนิศฟูชะอ์บาน ซึ่งเป็นวันแห่งการประสูติของมหาบุรุษผู้ยิ่งใหญ่ของมวลมนุษยชาติ จึงทำให้ความหวังนี้ได้เพิ่มขึ้นมากเป็นสองเท่าด้วยกัน”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังได้เน้นย้ำให้เห็นว่า ความหวังจึงเป็นบ่อเกิดของทุกการขับเคลื่อนและความก้าวหน้า โดยท่านกล่าวว่า “บุคคลที่ได้พูดให้ประชาชนรับฟังหรือผู้ที่เขียนบทความหรือผู้ที่ส่งข้อความ ไม่ว่าอย่างไรก็ดี พวกเขาเหล่านั้นสามารถที่จะสร้างความหวังให้กับประชาชนได้ เพราะว่า ความหวังนั้นเป็นปัจจัยที่สำคัญในความก้าวหน้า”

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี  ยังได้ชี้ให้เห็นว่า พระผู้เป็นเจ้า ผู้ทรงยิ่งใหญ่นั้น ได้กำหนดพื้นฐานในการมีความหวังให้กับประชาชาติอิหร่านแล้ว โดยท่านผู้นำได้ตั้งข้อสังเกต “พวกท่านทั้งหลาย จงปล่อยให้ศัตรูนั้นมีความรู้สึกโกรธจากการมีความหวังของประชาชาติอิหร่าน”

หลังจากคำกล่าวเบื้องต้นนี้ ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลามก็ได้เข้าสู่ประเด็นหลักของการปราศรัยของท่าน โดยท่านได้ชี้ให้เห็นถึงการคัดเลือกประเด็นทางเศรษฐกิจในช่วงทศวรรษที่ผ่านมาและก็ยังเป็นคำขวัญประจำปี 1401 อีกด้วย โดยท่านกล่าว “เหตุผลที่เลือกคำขวัญสำหรับปีนี้ ก็คือ การให้ความสำคัญในปัญหาหลักทางเศรษฐกิจและความท้าทายทางเศรษฐกิจในทศวรรษที่ 1390 ซึ่งการขจัดความท้าทายเหล่านี้ จะต้องมีการวางแบบแผนในการบริหารจัดการ การดำเนินการ และการขับเคลื่อนอย่างถูกต้อง”

ท่านอยาตุลลอฮ์  คาเมเนอี ยังได้เน้นย้ำให้เห็นว่า ปัญหาหลักของบรรดาเจ้าหน้าที่ฝ่ายบริหารและบุคคลที่มีส่วนเกี่ยวข้องในการบริหารจัดการประเทศชาติ ก็คือ ปัญหาทางเศรษฐกิจ โดยท่านผู้นำกล่าวเสริมว่า “แน่นอนว่า ก็ยังมีวิสัยทัศใหม่ๆของประชาชนอยู่อีก ซึ่งหากว่ามีการดำเนินการต่อเนื่องอย่างถูกต้อง ก็จะเป็นการให้กำลังใจที่ดีทีเดียว”

ท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลาม ยังได้เน้นย้ำให้เห็นว่า วิธีการเดียวที่จะบรรลุสู่การเติบโตทางเศรษฐกิจ คือ การขับเคลื่อนไปสู่เศรษฐกิจฐานความรู้ โดยท่านกล่าวเสริมว่า “เศรษฐกิจบนฐานความรู้ หมายถึง การมีมุมมองทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของการผลิตในทุกๆด้าน ซึ่งจะส่งผลทำให้ต้นทุนการผลิตลดน้อยลง การเพิ่มผลผลิตและการปรับปรุงคุณภาพของผลิตภัณฑ์ จะทำให้ผลิตภัณฑ์นั้นสามารถที่จะเข้าแข่งขันกันในตลาดโลกได้มากยิ่งขึ้นและมีการลดต้นทุนของผลิตภัณฑ์ภายในประเทศ”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังได้เน้นย้ำถึงความเป็นจริงที่ว่าการบรรลุสู่ความก้าวหน้าอย่างชอบธรรมทางเศรษฐกิจและการแก้ไขปัญหาความยากจน สามารถที่จะกระทำได้โดยผ่านการเสริมสร้างความเข้มแข็งในการผลิตบนฐานความรู้เพียงเท่านั้น โดยท่านกล่าวว่า “จะต้องมีการเพิ่มขึ้นของจำนวนของบริษัทฐานความรู้และการดำเนินการดังกล่าวนี้นั้นมีความเป็นไปได้”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังได้ชี้ให้เห็นว่า การดำเนินการของบริษัทฐานความรู้ ซึ่งมีประมาณ 6,700 แห่งในประเทศ โดยท่านกล่าวว่า “จำนวนบริษัทฐานความรู้ จะต้องมีการเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าในปีใหม่นี้ เพื่อที่จะตอบสนองต่อความต้องการของประเทศ ซึ่งแน่นอนว่า ด้วยเหตุผลนี้ จะไม่เป็นเหตุที่ทำให้บุคคลกลุ่มหนึ่งที่ไม่มีความรู้เกี่ยวกับบริษัทฐานความรู้ มาจัดตั้งและเปิดตัวบริษัทด้วยกับชื่อนี้”

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ยังได้ชี้ให้เห็นถึงความล้าหลังของภาคการผลิตในบางประเภท เช่น เกษตรกรรม โดยท่านผู้นำกล่าวเสริมว่า “ปัญหาการเกษตรและการเลี้ยงสัตว์นั้นล้วนมีความสำคัญเป็นอย่างมาก และประเทศก็จะต้องมีความปลอดภัยอย่างสมบูรณ์และมีความพอเพียงในผลิตภัณฑ์อาหารพื้นฐาน เช่น ข้าวสาลี ข้าวบาร์เลย์ ข้าวโพด อาหารสัตว์และเมล็ดพืชน้ำมัน เป็นต้น”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า การบรรลุสู่เป้าหมายนี้ ด้วยกับการคำนึงถึงความกว้างขวางของที่ดินและความอุดมสมบูรณ์ของที่ราบสูงที่อุดมสมบูรณ์ในประเทศ โดยท่านกล่าวว่า “ช่างน่าเสียดายอย่างยิ่งที่ในภาคการเกษตรนั้น เป็นภาคส่วนที่จะต้องพึ่งพาจากการนำเข้าอย่างมากที่สุด ซึ่งในภาคส่วนนี้ ก็จะต้องมีการปรับปรุงอีกด้วยเช่นกัน”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังได้ชี้ให้เห็นว่า อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการเกษตร ผู้หนึ่งได้แสดงทัศนะที่เกี่ยวกับการเข้ามาขัดขวางของผู้ที่ได้รับผลประโยชน์จากการนำเข้าและการป้องกันในการลดการพึ่งพายังสินค้าหลัก โดยท่านกล่าวว่า “การต่อสู้กับการพึ่งพานี้ เป็นสิ่งที่ยากลำบาก เนื่องจากยังมีบางคนที่ได้รับผลประโยชน์อย่างมากและคาดว่ามีการแทรกซึม ทั้งยังมีการบ่อนทำลายในบางหน่วยงานและบางกระทรวงอีกด้วย” 

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังได้เน้นย้ำถึงความจำเป็นของบรรดาเจ้าหน้าที่ในการสนับสนุนบริษัทฐานความรู้ ด้วยการจัดซื้อผลิตภัณฑ์หรือการจัดสรรสิ่งอำนวยความสะดวก โดยท่านกล่าวเสริมว่า “จำนวนบริษัทฐานความรู้ จะต้องเป็นตัวบ่งชี้ถึงความก้าวหน้าในทุกภาคส่วนและเป็นตัวบ่งชี้สำหรับการประเมินผลของบรรดาเจ้าหน้าที่ในกระทรวงนั้นและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง”

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ถือว่า การเพิ่มขึ้นของบริษัทฐานความรู้นั้น เป็นไปได้อย่างมาก เนื่องจากการมีสิ่งอำนวยความสะดวกของประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สิ่งที่มีความเป็นไปได้มากที่สำคัญที่สุดและเป็นต้นทุนของประเทศ กล่าวคือ พลังงานของมนุษย์ที่ได้รับการศึกษา โดยท่านกล่าวเสริมว่า “ตามรายงานต่างๆ บ่งบอกว่า มีจำนวนที่สูงอย่างมากขององค์ประกอบที่มีการศึกษาที่กำลังปฏิบัติงานอยู่ในสาขาที่ไม่เกี่ยวข้องกับการศึกษาของพวกเขา ในขณะที่เรานั้นสามารถที่จะใช้ประโยชน์จากพลังงานของเยาวชน ผู้เชี่ยวชาญ ซึ่งถือว่าเป็นความมั่งคั่งที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของประเทศชาติในการสร้างความมั่งคั่งให้กับประเทศได้”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า  การสร้างงาน ก็ขึ้นอยู่กับการเพิ่มขึ้นของบริษัทฐานความรู้อีกด้วยเช่นกัน โดยท่านกล่าวว่า “แน่นอนว่า เราจะต้องไม่กระทำการที่ผิดพลาด เหมือนในอดีตที่ผ่านมาในประเด็นนี้”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ได้อธิบายเกี่ยวกับหนึ่งในข้อผิดพลาดเหล่านี้ โดยท่านกล่าวว่า “ในรัฐบาลชุดก่อนหน้านี้ ก็มีการเสนอแบบแผนต่างๆ เพื่อเพิ่มศักยภาพในการผลิตและการจัดหาสิ่งอำนวยความสะดวกด้านการธนาคารให้กับบุคคลทั่วไป แต่ทว่าแบบแผนเกือบทั้งหมดก็ต้องพบกับความล้มเหลว ดังนั้น การฟอกเงิน หากไร้ซึ่งการให้ความสนใจ ก็จะยังไม่ไปถึงไหนและจะต้องมีการดำเนินการอย่างถูกต้องและมีการศึกษาอย่างถ่องแท้”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังได้เน้นย้ำถึงการดำเนินการในรูปแบบเครือข่ายลูกโซ่ของบริษัทฐานความรู้ ก็ถือเป็นการให้ความคิดเห็นอีกประการหนึ่ง โดยท่านกล่าวว่า “เนื่องจากการตัดสินใจครั้งล่าสุดของบางคน จึงเป็นไปได้ว่า บริษัทขนาดเล็กและขนาดกลางในบางแห่ง อาจจะได้รับผลกระทบ ซึ่งรัฐบาลและธนาคารจะต้องไม่อนุญาตให้ปัญหาเหล่านี้เกิดขึ้น”

ในอีกส่วนหนึ่งของการปราศรัยของท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ท่านได้เน้นย้ำถึงคำพูดของท่านเมื่อปีที่ผ่านมา ในวันแรกของปี บนพื้นฐานที่ว่า การหลีกเลี่ยงออกจากการผูกมัดเศรษฐกิจของประเทศกับการคว่ำบาตรของสหรัฐฯ โดยท่านอธิบายว่า ตราบใดที่การคว่ำบาตรยังคงอยู่ สถานการณ์ก็จะเป็นเช่นนี้ และท่านผู้นำสูงสุดยังได้ตั้งข้อสังเกตว่า “ช่างโชคดีเสียนี่กระไร ที่นโยบายใหม่ของประเทศ ได้แสดงให้เห็นว่า เรานั้นสามารถที่จะมีความก้าวหน้าได้ แม้ว่าจะมีการคว่ำบาตรของสหรัฐฯอยู่ก็ตาม ทั้งยังมีการส่งเสริมการค้าต่างประเทศ การบันทึกข้อตกลงในระดับภูมิภาค และการดำเนินการที่เกี่ยวกับน้ำมันและในประเด็นอื่นๆที่ได้รับผลผลิตต่างๆ”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังกล่าวเสริมว่า “แน่นอนว่า ข้าพเจ้านั้นไม่ได้บอกเลยว่าเราจะต้องไม่เสาะหาแนวทางเพื่อยกเลิกมาตรการคว่ำบาตร ซึ่งในขณะนี้ ก็มีบุคคลจำนวนหนึ่งที่กำลังพยายามกระทำในประเด็นนี้และจะต้องดำเนินต่อไปอย่างต่อเนื่อง แต่ทว่า ตามหลักการพื้นฐาน เราจะต้องมีการบริหารประเทศ โดยที่การคว่ำบาตรนั้นไม่อาจที่จะเกิดผลกระทบและสร้างความเสียหายอันใหญ่หลวงต่อเศรษฐกิจของประเทศได้ ด้วยเหตุนี้เอง ปีนี้ก็เช่นกัน ข้าพเจ้าจึงขอกล่าวย้ำคำชี้แนะอีกครั้งว่า เศรษฐกิจของประเทศ จะต้องไม่ผูกมัดกับมาตรการคว่ำบาตร”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ได้ชี้ให้เห็นถึงคำชี้แนะเพิ่มเติมที่เกี่ยวกับการเพิ่มขึ้นของราคาน้ำมันและรายได้จากอัตราแลกเปลี่ยนสกุลเงินต่างประเทศ และท่านยังได้ตั้งคำถามที่ว่า ด้วยกับรายได้เหล่านี้ พวกท่านทั้งหลายจะปฏิบัติกันอย่างไร? โดยท่านผู้นำกล่าวว่า “ด้วยกับรายได้เหล่านี้ เราสามารถแบ่งออกเป็นสองวิธีการหรือเราสามารถที่จะใช้ในการเพิ่มจำนวนของการนำเข้า ด้วยความคิดที่ว่า การกระทำเช่นนี้ จะทำให้ประชาชนได้รับสวัสดิการและความสะดวกสบายที่เพิ่มขึ้น แม้ว่า อย่างไรก็ตาม การกระทำนี้ เมื่อมองแบบผิวเผิน จะเห็นได้ว่าเป็นการกระทำที่ดี แต่ทว่า เมื่อมองอย่างลึกซึ้ง จะเห็นว่า เป็นการกระทำที่ไม่ดีเป็นอย่างมาก ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว ถือเป็นการสิ้นเปลืองทรัพย์สินพื้นฐานของประเทศ” 

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี กล่าวเสริมว่า “อีกวิธีการหนึ่ง ซึ่งถือเป็นวิธีการที่ถูกต้องและเป็นพื้นฐาน คือ การใช้ประโยชน์จากรายได้น้ำมันเพื่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ การเสริมสร้างรากฐานและรากของเศรษฐกิจ ให้มั่นคง ซึ่งจะต้องมีการดำเนินการในการกระทำนี้”

ในอีกส่วนหนึ่งของการปราศรัยของท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม โดยท่านได้ชี้ให้เห็นถึงประเด็นต่างๆของโลกที่กำลังเกิดขึ้นอยู่และทั้งหมดเหล่านี้ จำเป็นที่จะต้องมีการวางแบบแผนในการบริหารจัดการ การขับเคลื่อน การตัดสินใจ และการดำเนินการที่ถูกต้อง โดยท่านกล่าวว่า “เมื่อเรามองเหตุการณ์ต่างๆที่กำลังเกิดขึ้นในปัจจุบันนี้ จะเห็นถึงความชอบธรรมและความสัตย์จริงของประชาชาติอิหร่าน ในการเผชิญหน้ากับฝ่ายชาติมหาอำนาจที่กระจ่างชัดมากกว่าเดิมเสียอีก”

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ยังได้เน้นย้ำให้เห็นว่า การเลือกของประชาชาติอิหร่านในการเผชิญหน้ากับฝ่ายชาติมหาอำนาจ คือ การยืนหยัดต่อสู้ การไม่ยอมแพ้และการพึ่งพา การรักษาอิสรภาพและการเสริมสร้างความเข้มแข็งภายในของรัฐและประเทศชาติ โดยท่านได้ตั้งข้อสังเกต “การตัดสินใจเหล่านี้ ถือเป็นการตัดสินใจในระดับชาติและมีความถูกต้อง”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังได้ชี้ให้เห็นถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในประเทศมุสลิมที่ถูกกดขี่ชาวอัฟกานิสถานและการถอนกองกำลังทหารของพวกสหรัฐฯออกจากอัฟกานิสถาน หลังจากที่ได้เข้ามาก่ออาชญากรรมและสร้างความฉ้อฉล ในตลอดช่วง 20 ปี โดยท่านกล่าวว่า “เหตุการณ์ในยูเครนก็เป็นอีกตัวอย่างหนึ่งที่เช่นกัน ที่ประธานาธิบดีของพวกเขานั้น เป็นหุ่นเชิดให้เหล่าชาติตะวันตกและยังมีการใช้คำพูดที่รุนแรงกับพวกเขาด้วยเช่นกัน”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังได้ชี้ให้เห็นถึงเหตุการณ์ของเยเมนและการทิ้งระเบิดในทุกๆวันต่อประชาชน ผู้ยืนหยัดของประเทศนี้ ในขณะเดียวกัน อีกมุมหนึ่ง ซาอุดีอาระเบียก็ได้ตัดสินลงโทษประหารชีวิตเยาวชนและยุวชน จำนวน 80 คน ด้วยกัน โดยท่านผู้นำได้ตั้งข้อสังเกตว่า “เหตุการณ์ทั้งหมดเหล่านี้แสดงให้เห็นถึงความมืดบอดของระบอบการปกครองที่มีต่อโลกและเป็นดั่งเหล่าสุนัขป่าที่กระหายเลือด ซึ่งอำนาจการปกครองของโลกอยู่ในกำมือของพวกเหล่านั้น”

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ถือว่า การเหยียดสีผิวอย่างเปิดเผยของชาติตะวันตก ก็เป็นอีกมุมหนึ่งของเหตุการณ์ในยูเครน โดยท่านผู้นำกล่าวว่า “การแบ่งแยกคนผิวดำออกจากคนผิวขาว และการไล่พวกเขาให้ลงไปจากรถไฟหรือการแสดงความเสียใจอย่างเปิดเผยของพวกชาติตะวันตกทางการสื่อสารของพวกเขาจากการเกิดสงครามในยุโรป แทนที่จะเป็นตะวันออกกลาง ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นตัวอย่างของการเหยียดสีผิวอย่างเปิดเผยของตะวันตกทั้งสิ้น”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ได้กล่าวอธิบายถึงอีกตัวอย่างของการมีสองมาตรฐานของโลกตะวันตกในการจัดการกับการกดขี่และความฉ้อฉลในประเทศต่างๆ โดยท่านกล่าวเสริมว่า “หากว่าการกดขี่ได้เกิดขึ้นในประเทศต่างๆที่เชื่อฟังต่อพวกเขา แน่นอนว่าพวกเขาก็จะไม่แสดงปฏิกิริยาตอบโต้แต่อย่างใด ในขณะที่พวกเขาอ้างสิทธิมนุษยชน ถึงแม้จะมีการกดขี่และความฉ้อฉลก็ตามและด้วยกับข้ออ้างที่หลอกลวงนี้ พวกเขากลับเรียกร้องค่าเสียหายจากประเทศที่เป็นเอกราชเหล่านี้”   

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ยังได้เน้นย้ำว่า “วันนี้ นับเป็นช่วงประวัติศาสตร์ร่วมสมัยที่น่าอับอายและชั่วร้ายที่สุดของการกดขี่และมหาอำนาจจอมอหังการ ขณะที่ประชาคมโลกกำลังจับตาดูการกดขี่ทั้งหลายและการเป็นสองมาตรฐานเหล่านี้”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังได้เน้นย้ำให้เห็นว่า ประชาชาติอิหร่านได้ปรับปรุงวิธีการทำงานของตนเอง ในหลายปีที่ผ่านมา และด้วยการดำเนินการตามกรอบอย่างจริงจัง และมีการใช้ตรรกะเป็นหลัก โดยท่านกล่าวเสริมว่า “ประเทศในวันนี้ ต้องการ การทำงาน ความพยายาม และความมีใจเป็นหนึ่งเดียวและความเห็นอกเห็นใจต่อกันมากกว่าในอดีตที่ผ่านมา หมายถึง ความมีใจเป็นหนึ่งเดียวและความเห็นอกเห็นใจกันระหว่างประชาชาติด้วย ความมีใจเป็นหนึ่งเดียวและความเห็นอกเห็นใจกันระหว่างบรรดาเจ้าหน้าที่ และความมีใจเป็นหนึ่งเดียวและความเห็นอกเห็นใจระหว่างประชาชาติและบรรดาเจ้าหน้าที่”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า บางคนเชื่อว่า ความขัดแย้งที่มีอยู่นั้นเกิดขึ้นมาจากความเห็นแก่ตัวและความไร้ซึ่งศีลธรรม โดยท่านได้เน้นย้ำว่า “จะต้องละทิ้งปัญหาเหล่านี้ และจะต้องไม่ทำให้เกิดช่องว่างบนวิถีของความเป็นอาสาสมัครทั่วไปของประชาชาติอิหร่านในเส้นทางที่ถูกต้อง ไม่ว่าจะเป็นทางด้านวิทยาศาสตร์ การปฏิบัติ การยืนหยัดต่อสู้ และการให้บริการสังคม”

 

700 /