สำนักผู้นำสูงสุดซัยยิด อาลี คาเมเนอี

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม กล่าวในพิธีการรำลึกวันอัรบะอีน ฮุซัยนี

หลีกเลี่ยงการด่าทอ ใส่ร้าย การโกหกและการหลอกลวงในการเผชิญหน้าต่อความคิดเห็น

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม อยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ได้เข้าร่วมในพิธีการรำลึกถึงวันอัรบะอีนของท่านอิมามฮุเซนและบรรดาอัศฮาบ (บรรดาสาวกผู้ใกล้ชิด) ของท่าน ณ ฮุซัยนียะฮ์ อิมามโคมัยนี  โดยในพิธีการนี้ ได้มีการถ่ายทอดภาพเสียงจากมหาวิทยาลัยเตหะราน (สถานที่รวมตัวของกลุ่มฮัยอัตของบรรดานักศึกษา)

ในพิธีการนี้ ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ได้กล่าวสุนทรพจน์เพียงสั้นๆ โดยท่านผู้นำสูงสุด ถือว่า จากเหตุการณ์วันอาชูรอ จนถึง วันอัรบะอีน เป็นช่วงเวลาที่มีความสำคัญในประวัติศาสตร์ของอิสลาม และท่านผู้นำกล่าวว่า “หากว่า ในวันอาชูรอ ถือเป็นจุดสุดยอดของการต่อสู้และการเสียสละชีวิตอันเป็นที่รักและมีความสูงส่ง เช่นนั้นแล้ว ในช่วง 40 วันหลังจากนั้น จึงถือว่าเป็นจุดสุดยอดสำหรับการอธิบายและการเปิดเผยข้อเท็จจริง และการอธิบายของท่านอิมามซัจญาด ท่านหญิงซัยนับ ท่านหญิงอุมมุลกุลษูม และความอดทนอันพิเศษของครอบครัวท่านศาสดา ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นสิ่งที่ทำให้มีการเสียสละดังกล่าว และเป็นสาเหตุที่ทำให้การกิยาม(การลุกขึ้นต่อสู้)ของกัรบะลานั้นมีความเป็นอมตะตลอดไป”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังได้ชี้ให้เห็นว่า เหล่าศัตรูได้โจมตีต่อประชาชาติอิหร่านด้วยกับการโฆษณาชวนเชื่อ เพื่อที่จะโน้มน้าวความคิดเห็นของสาธารณชน ด้วยการใช้วิธีการและเครื่องมือต่างๆนานา ขณะที่การขับเคลื่อนที่มีคำอธิบาย จะเป็นการขัดขวางจากการโจมตีด้วยการโฆษณาชวนเชื่อของเหล่าศัตรู โดยท่านผู้นำกล่าวเสริมว่า “พวกท่าน บรรดานิสิต นักศึกษา ซึ่งถือว่าเป็นหัวใจของประชาชาติและเป็นความหวังที่แท้จริงของชาติ ด้วยการให้ความสำคัญในการอธิบายถึงข้อเท็จจริง ซึ่งพวกท่านทุกๆคนนั้น เปรียบเสมือนกับเป็นดั่งดวงประทีปที่ส่องแสงให้กับรอบๆตัวของพวกท่าน”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังถือว่า การใช้ประโยชน์จากสื่อสังคมออนไลน์และสื่อๆเพื่อการอธิบายที่ชัดเจนและเป็นคำตอบให้กับความคลุมเคลือ คือ สิ่งที่มีคุณค่าเป็นอย่างยิ่ง โดยท่านกล่าวว่า “แต่ทว่า หลักการที่ชัดเจนในประเด็นการญิฮาด(การต่อสู้) สำหรับการเปิดเผยถึงข้อเท็จจริง หมายถึง การปฏิบัติด้วยหลักศีลธรรม จริยธรรม และการอธิบายประเด็นต่างๆด้วยตรรกะ ความมั่นคง การมีสติสัมปชัญญะอย่างสมบูรณ์ และการใช้ความรู้สึกทางด้านมนุษยธรรม และหลีกเลี่ยงการด่าทอ ใส่ร้าย การโกหกและการหลอกลวงในการเผชิญหน้าต่อความคิดเห็นของสาธารณชน”

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ยังกล่าวแสดงความพอใจที่ว่า บรรดาเยาวชนนั้นมีความพร้อมทั้งทางความคิด สติปัญญาและความเข้าใจอย่างมากมาย ซึ่งท่านผู้นำได้เน้นย้ำถึงความจำเป็นในการเสริมสร้างความแข็งแกร่งของคุณลักษณะเหล่านี้ โดยท่านได้ตั้งข้อสังเกตว่า “แนวทางของท่านอิมามฮุเซนนั้น คือ แนวทางอันจำเริญยิ่งและเป็นสิ่งที่หอมหวานที่จะบรรลุยังผลลัพท์และความสำเร็จอย่างแน่นอน ซึ่งพวกท่าน บรรดาเยาวชนทั้งหลาย หากพระผู้เป็นเจ้าทรงประสงค์ พวกท่านจะสามารถนำพาประเทศชาติไปสู่จุดสูงสุดของความผาสุกทางวัตถุและจิตวิญญาณ ด้วยกับแรงบันดาลใจที่ได้รับจากแนวทางนี้และความรู้ ศาสตร์ต่างๆอันเจิดจรัส 

ในพิธีการนี้ ท่านฮุจญตุลอิสลาม วัลมุสลิมีน ระฟีอี ได้กล่าวปราศรัยด้วยเช่นกัน โดยเขาถือว่า ขบวนการแห่งอาชูรอนั้น คือ ปัจจัยในการปกปักรักษาและการอยู่รอดของศาสนาอิสลาม โดยเขากล่าวว่า “ตามรายงานจากตัวบทของซิยารัตอัรบะอีน บ่งบอกว่า ท่านอิมามฮุเซน ได้ดำเนินการอันยิ่งใหญ่ด้วยกัน 2 ประการ กล่าวคือ ข้อตักเตือนใจและการมีความหวังดี แม้แต่ในวันอาชูรอ ทั้งการเสียสละชีวิตของตนเพื่อที่จะทำให้สังคมได้รอดพ้นจากการหลงทาง และบรรดาชีอะฮ์แห่งอะฮ์ลุลบัยต์(บรรดาผู้ปฏิบัติตาม)ต่างก็มีความพร้อมในการเสียสละตามแนวทางของพระผู้เป็นเจ้าอีกด้วยเช่นกัน”

ทั้งนี้ ในพิธีการนี้ มัยษัม มุฏีอี ได้กล่าวคำลำนำร่วมรำลึกถึงความโศกเศร้าที่เกิดขึ้นกับบรรดาอะฮ์ลุลบัยต์อีกด้วยเช่นเดียวกัน

 

700 /