ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม อยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ได้เข้าร่วมในพิธีการลงนามรับรองประธานาธิบดีครั้งที่ 13 โดยท่านผู้นำสูงสุดได้ลงนามรับรอง พณฯท่าน ฮุจญตุลอิสลาม ซัยยิดอิบรอฮีม ราอีซี เป็นประธานาธิบดีอิหร่าน อย่างเป็นทางการ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ได้กล่าวในหนังสือการลงนามแต่งตั้งประธานาธิบดีของสาธารณรัฐอิสลามแห่งอิหร่าน โดยท่านผู้นำถือว่า การเข้าร่วมของประชาชนอย่างเต็มความหมายและยังเป็นการสร้างเกียรติและศักดิ์ศรีให้กับการเลือกตั้ง อีกทั้งการคัดเลือกบุคคลที่ได้รับความนิยมจากประชาชน เป็นผู้ที่มีความยำเกรง และเป็นผู้บริหารที่มีความโดดเด่น นั่นคือ สัญลักษณ์ที่แสดงถึงการมีเจตนามุ่งมั่นของประชาชาติในการปฏิบัติตามวิถีอันเจิดจรัสแห่งการปฏิวัติอิสลาม กล่าวคือ วิถีแห่งความยุติธรรม ความก้าวหน้า และเสรีภาพ และท่านผู้นำยังได้ชี้ถึงการเตรียมความพร้อมของประเทศในการขับเคลื่อนเพื่อที่จะก้าวกระโดดไปในทุกๆด้านทั้งหมด การขจัดอุปสรรคต่างๆในการผลิต การเสริมสร้างความแข็งแกร่งของสกุลเงินแห่งชาติ การเสริมสร้างฐานอำนาจของสังคมชนชั้นกลางและชั้นล่าง และการขับเคลื่อนไปอย่างรวดเร็วเพื่อที่จะก้าวไปสู่ฐานภาพที่เหมาะสมของประเทศ
เนื้อหาของหนังสือการลงนามแต่งตั้งประธานาธิบดีของสาธารณรัฐอิสลามแห่งอิหร่าน ได้อ่านโดย ฮุจญตุลอิสลาม มูฮัมมะดี ฆุลพัยกานี ซึ่งมีรายละเอียดดังต่อไปนี้
ด้วยพระนามแห่งอัลลอฮ์ ผู้ทรงกรุณาปราณียิ่งเสมอ
การสรรเสริญทั้งมวล พึงมีแด่พระผู้อภิบาลแห่งสากลจักวาล และขอสดุดีของพระองค์พึงประสบแด่ท่านศาสดามุฮัมมัดและบรรดาวงศ์วานอันบริสุทธิ์ของท่าน โดยเฉพาะท่านอิมามมะฮ์ดี (อ.ญ.) ท่านอิมามแห่งยุคสมัย
ข้าพเจ้าต้องขอกล่าวขอบคุณต่อพระผู้เป็นเจ้า ผู้ทรงรอบรู้และทรงพลานุภาพยิ่ง ด้วยกับความโปรดปรานของพระองค์ ทำให้อิหร่านนั้นได้รับภาคภูมิใจอีกครั้ง จากบททดสอบทางการเมืองและสังคมในการเลือกตั้ง ขณะที่ประชาชาติที่ยิ่งใหญ่ที่อยู่ท่ามกลางสถานการณ์ที่ซับซ้อนและยากลำบาก ด้วยกับการเข้าร่วมอย่างเต็มความหมายและการสร้างเกียรติและศักดิ์ศรี ได้แสดงให้เห็นถึงอำนาจอธิปไตยด้วยการลงคะแนนเสียงของประชาชน และด้วยการคัดเลือกบุคคลที่ได้รับความนิยมจากประชาชน และมีเกียรติยิ่ง ซึ่งเขามาจากเชื้อสายของซัยยิดและองค์ความรู้ ประดับไปด้วยกับความยำเกรงและปัญญา อีกทั้งยังเป็นผู้ที่มีประวัติในการบริหารอย่างโดดเด่น โดยที่เขานั้นมีเจตนามุ่งมั่นในการปฏิบัติตามวิถีอันเจิดจรัสของการปฏิวัติอิสลาม วิถีแห่งความยุติธรรม ความก้าวหน้า และเสรีภาพ อีกทั้งการมีเกียรติและศักดิ์ศรี
วันนี้ ประเทศชาติอันเป็นที่เคารพรักของเรา รู้สึกถึงความกระหายในการรับใช้และการเตรียมพร้อมเพื่อการขับเคลื่อนที่จะก้าวกระโดดไปในทุกๆด้านทั้งหมด และความต้องการยังผู้บริหารจัดการที่มีความสามารถ ความพยายาม ความฉลาดและความกล้าหาญ แสดงให้เห็นถึงขีดความความสามารถที่เปิดเผยและซ่อนเร้นของประชาชาติได้ออกมา โดยเฉพาะบรรดาเยาวชน ซึ่งส่วนมากนั้น พวกเขาอยู่เหนือปัญหาต่างๆ โดยทำให้พวกเขาได้เข้ามาสู่ภาคสนามและนำความพยายามมาอย่างสร้างสรรค์ การขจัดอุปสรรคต่างๆในการผลิต การดำเนินตามนโยบายที่เสริมสร้างความแข็งแกร่งของสกุลเงินของชาติ และการให้อำนาจแก่ชนชั้นกลางและชั้นล่างของสังคมที่ประสบกับปัญหาทางเศรษฐกิจ การบริหารจัดการอย่างชาญฉลาดด้วยวิถีทางด้านวัฒนธรรมซึ่งได้ยกระดับทางวัตถุและจิตวิญญาณของประชาชาติอิหร่าน โดยที่จะต้องมีการขับเคลื่อนประเทศไปสู่ฐานภาพที่เหมาะสมอย่างเร่งด่วน
บัดนี้ ข้าพเจ้าต้องขอกล่าวขอบคุณต่อประชาชาติที่มีเกียรติและศักดิ์ศรี ด้วยชัยชนะในการเลือกสรรของพวกเขาทั้งหลาย ด้วยการเลือกผู้ทรงความรู้ที่ไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย ทั้งยังมีประสบการณ์ และเป็นที่นิยมของประชาชน ซึ่งข้าพเจ้าจึงขอลงนามรับรอง พณฯท่าน ฮุจญตุลอิสลาม ซัยยิด อิบรอฮีม ราอีซี เป็นประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐอิสลามแห่งอิหร่านคนต่อไป และขอวิงวอนต่อพระเจ้า ขอพระองค์ทรงโปรดประทานความสำเร็จและความภาคภูมิใจให้กับเขา พร้อมทั้งเพื่อนร่วมงานของเขาด้วยเถิด และขอกล่าวย้ำอีกครั้งว่า คะแนนเสียงของประชาชาติและการลงนามรับรองของข้าพเจ้า จะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อ วิถีตลอดกาลของเขานั้นอยู่ในครรลองของการดำเนินตามแนวทางที่เที่ยงตรงของอิสลามและการปฏิวัติอิสลามมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งก็จะเป็นเช่นนี้อย่างแน่นอน หากพระองค์นั้นทรงประสงค์
ขอศานติพึงประสบแด่ปวงบ่าวที่ชอบธรรมของพระองค์
ซัยยิดอะลี คาเมเนอี
12 มุรดอด 1400 (3 สิงหาคม 2021)
โดยท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม อยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ยังได้กล่าวสุนทรพจน์ในพิธีการลงนามรับรองตำแหน่งประธานาธิบดี โดยท่านผู้นำได้ขอวิงวอนต่อพระผู้เป็นเจ้า ขอพระองค์ทรงทำให้วันที่มีเกียรตินี้ เป็นวันแห่งความหวังสำหรับประชาชาติและประเทศชาติ โดยถือว่า การเข้าร่วมของประชาชาติในการเลือกตั้งประธานาธิบดีนั้น มีความหมายอย่างมาก ทั้งยังเป็นสัญลักษณ์ของประชาธิปไตยทางศาสนา และท่านผู้นำยังได้กล่าวขอบคุณต่อประธานธิบดีและคณะรัฐบาลสมัยที่สิบสอง อีกทั้งท่านผู้นำยังได้มอบความปรารถนาดีและความสำเร็จให้กับ พณฯท่านราอีซีและเพื่อนร่วมงานในรัฐบาลใหม่อีกด้วย
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า พิธีการลงนามนั้นตรงตามกำหนดของรัฐธรรมนูญและเป็นประเพณีอย่างเป็นทางการที่ท่านอิมามโคมัยนี (ร.ฎ) ได้กำหนดไว้ โดยท่านผู้นำกล่าวเสริมว่า “พิธีการนี้ เป็นการแสดงออกถึงประเด็นที่สำคัญเป็นอย่างมากในการขับเคลื่อนทางปัญญา ความสงบนิ่งและความมั่นคง ในสภาแห่งการบริหารจัดการ ซึ่งในความเป็นจริงก็คือ การบริหารประเทศนั่นเอง”
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า การดำรงอยู่ของความหลากหลายทางการเมือง เป็นหนึ่งในประเด็นที่สำคัญที่สุดของพิธีการลงนาม โดยท่านผู้นำกล่าวเสริมว่า “การมีแนวโน้มทางการเมืองที่แตกต่างกันของรัฐบาล แสดงให้เห็นถึงความหลากหลายทางการเมืองในประเทศ และข้อเท็จจริงนี้ เป็นสัญญาณของเสรีภาพและความปลอดภัยของการเลือกตั้ง”
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังได้ชี้ถึงการจัดการเลือกตั้งในด้านความปลอดภัยและความมั่นคงอย่างสมบูรณ์และท่านผู้นำยังกล่าวขอบคุณต่อทุกหน่วยงานที่จัดการเลือกตั้งอย่างจริงใจและมีความสงบเรียบร้อยและความปลอดภัย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ประชาชาติชาวอิหร่านอันเป็นที่เคารพรักยิ่ง โดยท่านผู้นำกล่าวเสริมว่า “ก่อนหน้านี้ เหล่าศัตรูได้มีแผนการร้ายเพื่อที่จะคว่ำบาตรต่อการเลือกตั้งในเวทีต่างๆ และมีการติดตามมาอย่างต่อเนื่อง ทั้งภายในประเทศก็มีบางคน เนื่องจากการเพิกเฉย และบางคนด้วยกับวัตถุประสงค์นี้ แต่ทว่าประชาชาตินั้นได้ให้คำตอบอย่างเด็ดขาด ด้วยการพิจารณาต่อสถานการณ์ จึงได้มีการเข้าร่วมของประชาชนในการเลือกตั้งอย่างดีอีกด้วย”
ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ถือว่า การเปลี่ยนโอนอำนาจในสภาแห่งการบริหารจัดการ เป็นการสร้างความหวังให้เกิดขึ้น โดยท่านผู้นำกล่าวว่า “การปรากฏตัวของบุคคลใหม่ๆ ด้วยการมีเจตจำนงใหม่และมีความคิดสร้างสรรนั้น เป็นการสร้างความหวังให้เกิดขึ้นกับทุกๆคน โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับบรรดาเยาวชน ซึ่งความหวังนี้นั้นมีคุณค่าเป็นอย่างมาก”
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม กล่าวเสริมว่า “การเปลี่ยนแปลงนี้ เป็นโอกาสที่ดีสำหรับบรรดานักคิดและผู้ที่แสดงความคิดเห็นที่จะค้นหาความผิดพลาดในอดีตทีผ่านมาอย่างละเอียดและด้วยการไตร่ตรอง อีกทั้งการนำเสนอวิธีการในแก้ไขปัญหาต่างๆ”
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังได้ชี้ถึงการพึ่งพายังค่านิยมต่างๆของการปฏิวัติอิสลามในการรณรงค์หาเสียงจากการเลือกตั้งของ พณฯ ท่านราอีซี โดยท่านผู้นำได้เน้นย้ำว่า “จะต้องดำเนินตามเส้นทางที่ถูกต้องนี้ต่อไปอย่างต่อเนื่อง เพราะว่าจะนำประชาชาติไปสู่สิทธิขั้นพื้นฐานของตนและทำให้อิหร่านนั้นอยู่ในฐานภาพที่เหมาะสมอีกด้วย”
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังกล่าวเสริมในประเด็นนี้ว่า “ ค่านิยมต่างๆของการปฏิวัติอิสลามนั้น ไม่ใช่เป็นแนวคิดในจินตนาการ แต่ทว่ามีการอธิบายจากคำกล่าวของท่านอิมามโคมัยนีไว้อย่างชัดเจนและมีการย้ำเตือนมาหลายครั้งแล้ว ซึ่งเราจะต้องถือเอาคำกล่าวนี้ มาเป็นบรรทัดฐานและมีการปฏิบัติตามอีกด้วย”
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า การเข้าร่วมของประชาชาติในประเด็นต่างๆนั้น เป็นกุญแจที่สำคัญในการแก้ปัญหาทั้งหลายของประเทศ โดยท่านผู้นำกล่าวเสริมว่า “การปฏิบัติตามค่านิยมต่างๆของการปฏิวัติอิสลามนั้น จะเพิ่มแรงบันดาลใจต่างๆให้กับประชาชนและในการเข้าสู่ภาคสนามของพวกเขา ก็ถือเป็นการเข้าร่วมที่ไม่สามารถจะแทนที่ได้ นั่นคือ สิ่งที่มีคุณค่าเป็นอย่างมากและเป็นวิธีการในการแก้ไขปัญหาอีกด้วย”
ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ถือว่า ศิลปะหลักของการปฏิวัติอิสลามและท่านอิมามโคมัยนี คือ การเปลี่ยนแปลงของประชาชนจากกลุ่มที่ไม่มีปฏิกิริยาใดๆและมีการกระจัดกระจาย ให้เป็นกลุ่มชนที่มีความเป็นหนึ่งเดียว มีแรงบันดาลใจ มีจุดมุ่งหมายและมีอุดมคติ โดยท่านผู้นำกล่าวเสริมว่า “ทุกๆปัจจัยและองค์ประกอบใดๆก็ตาม ที่สามารถทำให้ประชาชาตินั้นมีความเป็นเอกภาพ มีแรงบันดาลใจและสร้างความหวังให้เกิดขึ้น อีกทั้งยังได้นำพาประชาชนให้เข้าสู่ภาคสนาม ถือว่าเป็นสิ่งที่มีคุณค่าที่เป็นตัวกำหนดค่านิยมต่างๆของการปฏิวัติอิสลาม”
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังได้ชี้ถึงสโลแกนในการเลือกตั้งของ พณฯท่าน ราอีซี บนพื้นฐานที่ว่า ความเป็นประชาชน การได้รับฟังประชาชนและอยู่ท่ามกลางประชาชน โดยท่านผู้นำกล่าวว่า “ความเป็นประชาชน คือ ประเด็นที่มีความสำคัญอย่างมาก ซึ่งประธานาธิบดีและเพื่อนร่วมงานของเขา จะต้องพยายามที่จะทำให้สโลแกนนี้เกิดขึ้นจริงให้ได้ และมีความหมายที่แท้จริง โดยปราศจากการคำนึงถึงความพิเศษทางชนชั้น กลุ่มต่างๆในระหว่างบรรดาประชาชน”
ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ยังได้ตั้งข้อสังเกตว่า “ แน่นอนว่า ในการเข้าร่วมกันของประชาชน จะต้องไม่มีการเพิกเฉยต่อความสัมพันธ์กับบรรดานักอัจฉริยบุคคล เป็นอันขาด ซึ่งการสร้างความสัมพันธ์และการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับพวกเขา ถือว่าเป็นสิ่งที่จำเป็นและมีประโยชน์เป็นอย่างยิ่ง”
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังได้เน้นย้ำให้เห็นว่า รัฐบาลจะต้องเป็นแบบอย่างของความสามัคคีของชาติและการมองประชาชนอย่างนุ่มนวล โดยท่านผู้นำกล่าวเสริมว่า “หนึ่งในการกระทำที่สำคัญในความเป็นประชาชน ก็คือ การให้คำมั่นสัญญาในการเจรจาอย่างซื่อสัตย์ โดยปราศจากผลประโยชน์ทางการเมือง จะต้องพูดกับประชาชนอย่างซื่อสัตย์ พูดถึงปัญหาต่างๆและวิธีในการแก้ไข และมีการอธิบายในสิ่งที่สร้างความหวังให้กับพวกเขา อีกทั้งยังจะต้องมีการช่วยเหลือพวกเขาในสิ่งที่จำเป็นอีกด้วยเช่นกัน”
คำแนะนำประการต่อมาของท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ที่มีรัฐบาลสมัยที่ 13 กล่าวคือ การรู้จักศักยภาพต่างๆมากมายของประเทศและการให้ความสนใจกับสิ่งเหล่านี้อย่างจริงจัง
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม กล่าวว่า “ในทุกวันนี้ ได้มีการพูดถึงปัญหาต่างๆและข้อบกพร่องของประเทศ ซึ่งมีจำนวนมากอีกด้วยเช่นกัน แต่ทว่าศักยภาพต่างๆของประเทศในภาคส่วนต่างๆไม่ว่า จะเป็นทางน้ำ น้ำมัน แร่ธาตุ ตลาดภายในประเทศอย่างกว้างขวาง บรรดาประเทศเพื่อนบ้าน และขีดความสามารถของบรรดาเยาวชนอันน่าทึ่ง รวมทั้งการเตรียมพร้อมของพวกเขาที่อยู่เหนือปัญหาทั้งหลายและความพิเศษ”
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังได้ตั้งข้อสังเกตว่า “อย่างที่ไม่ต้องสงสัยเลยว่า เรานั้นมีศักยภาพต่างๆที่สามารถพิชิตเหนือปัญหาทั้งหลายได้ โดยมีเงื่อนไขที่ว่า เราจะต้องรู้จักมันอย่างดี และหลังจากนั้น ก็ด้วยความพยายามอย่างที่ไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยและมีการปฏิบัติงานทั้งกลางวันและกลางคืน”
ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ถือว่า หนึ่งในมิติของความเป็นประชาชน คือ การต่อสู้กับการทุจริตและคอร์รัปชั่นอย่างไม่ลดละ โดยท่านผู้นำกล่าวเสริมว่า “พณฯท่าน ราอีซี เคยปฏิบัติภารกิจในการต่อสู้กับการทุจริต คอร์รัปชั่นและได้ดำเนินการอย่างดี แต่ทว่า ประเด็นหลักที่เกี่ยวข้องกับการทุจริตในสภาแห่งการบริหารจัดการนั้น จะต้องมีการต่อสู้อย่างจริงจังอีกด้วย”
ท่านผู้นำสูงสุด ถือว่า การเลี่ยงภาษี การผูกขาดที่ไม่เหมาะสม การประกอบธุรกรรมที่ไม่ปลอดภัย และการฉวยโอกาสในการใช้ประโยชน์จากสกุลเงินในทางที่ผิด ทั้งหมดนี้ คือ หนึ่งในตัวอย่างของการทุจริต คอร์รัปชั่น ซึ่งจะต้องมีการจัดการด้วยการวางแบบแผนและการติดตามผลอย่างต่อเนื่อง
ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ถือว่า การแก้ปัญหาต่างๆทางเศรษฐกิจ จำเป็นที่จะต้องมีวางแบบแผนและการขับเคลื่อนไปตามแบบแผนทั่วไป โดยท่านผู้นำกล่าวว่า “ปัญหาต่างๆนั้นไม่สามารถที่จะได้รับการแก้ไขได้ด้วยการทำงานในแต่ละวันและการดำเนินการที่ไม่มีการวางแบบแผน ซึ่งทุกๆคนจะต้องรับรู้ด้วยว่า การแก้ไขปัญหาต่างๆทางเศรษฐกิจนั้น ต้องใช้เวลาที่ยาวนาน และบรรดาเจ้าหน้าที่ ก็จะต้องมีความพยายามทั้งหมดในการดำเนินการเพื่อที่จะทำให้เวลาเหล่านี้สั้นลง หากมีความเป็นไปได้”
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า ความรวดเร็วในการจัดตั้งรัฐบาล เป็นสิ่งที่จำเป็น โดยท่านผู้นำกล่าวเสริมว่า “สถานการณ์ของประเทศนั้นไม่ได้อำนวยให้มีการจัดตั้งรัฐบาลที่ล่าช้า ดังนั้น ประธานาธิบดี ผู้ทรงเกียรติ จะต้องรีบเร่งในการตรวจสอบคุณสมบัติของคณะรัฐมนตรีและนำเสนอต่อรัฐสภาอย่างเร่งด่วน”
ประเด็นสุดท้ายที่ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ได้ชี้ ก็คือ ประเด็นของสงครามการโฆษณาชวนเชื่อ
ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ยังได้ชี้ให้เห็นถึงความพยายามของเหล่าศัตรูในการโน้มน้าวและการครอบงำความคิดเห็นของสาธารณชนของประเทศต่างๆ รวมทั้ง ประชาชาติอิหร่านโดยผ่านสงครามจิตวิทยา สงครามการโฆษณาชวนเชื่อ และสงครามทางการสื่อ โดยท่านผู้นำกล่าวว่า “หากว่าความคิดเห็นสาธารณชนของประชาชาติหนึ่งใดก็ตามได้ขึ้นอยู่กับพวกต่างชาติ แน่นอนว่าประชาชาตินั้นก็จะดำเนินการตามเจตนารมณ์ของพวกเหล่านั้น”
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังได้ชี้ให้เห็นถึงจุดอ่อนและความไร้เสถียรภาพของสื่อและการโฆษณาชวนเชื่อภายในประเทศ โดยท่านผู้นำได้ตั้งข้อสังเกตว่า “เราจะต้องมีการดำเนินการอย่างเข้มแข็งและชาญฉลาดมากยิ่งขึ้นในประเด็นเหล่านี้”
ในพิธีการนี้ พณฯท่านฮุจญตุลอิสลาม ราอีซี ประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐอิสลามแห่งอิหร่าน ได้กล่าวขอบคุณต่อประชาชนและผู้ที่แสดงบทบาทในการเลือกตั้ง โดยกล่าวว่า “ในการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 28 เดือนโครดอด แม้ว่าประชาชาติจะประสบกับปัญหาต่างๆในค่าครองชีพและสุขอนามัย แต่พวกเขานั้นได้สร้างวีรกรรมอันยิ่งใหญ่ และได้ทำให้เหล่าศัตรูต้องหมดหวัง อีกทั้งยังทำให้บรรดามิตรกลับมีความหวัง”
พณฯท่าน ราอีซี ถือว่า สารของการเลือกตั้งในวันที่ 28 โครดอด คือ การเรียกร้องสู่การเปลี่ยนแปลง และความยุติธรรม การต่อสู้กับความยากจน การทุจริต คอร์รัปชั่น และการแบ่งชนชั้น การรักษาค่านิยมต่างๆของการปฏิวัติอิสลาม ความจำเป็นในการแก้ไขปัญหาต่างๆ และในคำๆเดียวก็คือ การเปลี่ยนแปลงสถานการณ์ความเป็นอยู่ในปัจจุบัน โดยท่านประธานาธิบดี ราอีซี กล่าวว่า “ปัญหาต่างๆ เช่น ปัญหาเงินเฟ้ออัตรา 44 เปอร์เซ็น การมีสภาพคล่องที่สูงขึ้น การเพิ่มขึ้นของหนี้รัฐบาล การขาดดุลงบประมาณ การว่างงาน และปัญหาที่อยู่อาศัย อันเนื่องมาจากเหตุผลของความเป็นปฏิปักษ์และความไร้เสถียรภาพบางประการในประเทศ ซึ่งจำเป็นที่จะต้องได้รับการแก้ไข ในขณะที่ประชาชนต่างคาดหวังว่า ความไว้วางใจที่สูญหายของพวกเขานั้น จะได้รับการฟื้นฟู”
พณฯท่าน ราอีซี ได้เน้นย้ำให้เห็นว่า เมื่อใดก็ตามที่ไม่ได้มีการใส่ใจต่อคำชี้แนะของท่านผู้นำสูงสุด เมื่อนั้นเราก็จะประสบกับปัญหาต่างๆ โดยท่านประธานาธิบดีได้ตั้งข้อสังเกตว่า “เราจะพยายามที่จะยกเลิกมาตรการคว่ำบาตรและเราจะไม่ผูกขาดสำรับอาหารของประชาชนกับเจตจำนงของพวกต่างชาติเป็นอันขาด”
พณฯท่าน ราอีซี กล่าวว่า “การขาดดุลงบประมาณ การมีเสถียรภาพของตลาดทุน การควบคุมอัตราเงินเฟ้อ การระบาดของโรคไวรัสโคโรน่า และปัญหาน้ำและไฟฟ้า คือ ปัญหาที่สำคัญที่จะต้องได้รับการแก้ไขอย่างเร่งด่วนและรัฐบาลเล็งเห็นถึง 10 ปัญหาที่เร่งด่วน และยังมีการเตรียมพร้อมหนึ่งในแบบแผนของการเปลี่ยนแปลงในระยะสั้นอีกด้วย”
ท่านประธานาธิบดี ได้กล่าวเสริมว่า “แบบแผนในการเปลี่ยนแปลงในช่วงสี่ปีของรัฐบาลนั้น จะมีการเปิดเผยให้กับบรรดานักคิดและผู้เชี่ยวชาญในเร็วๆนี้ โดยจะเป็นการปูทางสำหรับการดำเนินการตามแผนพัฒนาฉบับที่ 7 ต่อไป”
ในพิธีการนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ยังได้กล่าวรายงานถึงกระบวนการของการจัดการในการเลือกตั้งประธานาธิบดีครั้งที่ 13
นาย เราะฮ์มาน ฟัฎลี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ถือว่า หลักนิติธรรม ความเที่ยงตรง ความเป็นกลาง การรักษามั่นคงอย่างสมบูรณ์ การแข่งขันกันอย่างปลอดภัย การเข้าร่วมอย่างสูงสุด และการรักษาสุขอนามัยของผู้ดำเนินการ บรรดาอาสาสมัคร และบรรดาประชาชนผู้มีสิทธิในการเลือกตั้ง จากเหตุผลในการเพิ่มความกระตือรือร้นทางการเมืองและการมีส่วนร่วมของสาธารณชน เป็นหนึ่งในหลักการของการจัดการในการเลือกตั้ง โดยรัฐมนตรีกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า “สภาผู้พิทักษ์ได้ให้การรับรองในความถูกต้อง และความชอบธรรมของการเลือกตั้ง โดยที่ไม่มีคะแนนที่เป็นโมฆะ แม้แต่คะแนนเดียวก็ตาม