หลังจากท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม อยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ได้รับวัคซีนบารากัตของอิหร่าน ครั้งที่สองแล้ว โดยท่านได้กล่าวขอบคุณต่อความเพียรพยายามของบรรดาเจ้าหน้าที่ด้านสาธารณสุขและการรักษาโรค ในการเผชิญหน้ากับการแพร่ระบาดของโรคไวรัสโคโรน่า โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ความพยายามของบรรดานักวิทยาศาสตร์และนักวิจัยในการผลิตวัคซีนขึ้นในประเทศ โดยท่านได้เน้นย้ำถึงความจำเป็นในการระมัดระวังมาตรการควบคุมโรคของสาธารณสุขอย่างสมบูรณ์ เพื่อที่จะยับยั้งการแพร่ระบาดของไวรัสร้ายนี้ และท่านผู้นำยังได้ชี้ถึงปัญหาที่สร้างความเจ็บปวดให้กับประชาชนชาวจังหวัดคูซิสตาน ในการขาดแคลนน้ำ ซึ่งบรรดาเจ้าหน้าที่รัฐฯและหน่วยงานเอกชนจะต้องมีการดำเนินการเพื่อแก้ไขปัญหาต่างๆและปัญหาของประชาชนชาวคูซิสตานอย่างเร่งด่วน
ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ถือว่า การหยุดชะงักจากการเข้าถึงวัคซีนของประชาชน ซึ่งเกิดขึ้นมาจากการไม่รักษาคำพูดของเหล่าผู้ขายวัคซีนชาวต่างชาติ โดยท่านผู้นำกล่าวว่า “ปัญหานี้นั้นได้เตือนให้ประชาชนและเจ้าหน้าที่ทั้งหลายรับรู้อีกครั้งว่า การพึ่งพายังผู้อื่น จะทำให้เกิดปัญหาต่างๆ ด้วยเหตุนี้เอง เราก็จะต้องจัดการปัญหาทั้งหมดได้ด้วยการยืนหยัดด้วยตัวของตนเอง”
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม กล่าวเสริมว่า “แน่นอนว่า นอกจากการผลิตในประเทศแล้ว เรายังจะต้องใช้การผลิตจากต่างประเทศที่มีความปลอดภัยอีกด้วย แต่เราจะต้องเน้นย้ำถึงการผลิตในประเทศมาเป็นหลัก เพื่อที่จะป้องกันไม่ให้ประชาชนเฝ้ารอและมีการผัดวันประกันพรุ่ง ซึ่งเรายังหวังว่าการแพร่กระจายวัคซีนให้กับประชาชนจะง่ายขึ้นและมีความสมบูรณ์เป็นอย่างยิ่ง”
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังได้ชี้ถึงการกลายพันธุ์ที่ต่อเนื่องของเชื้อไวรัสร้ายและการคงอยู่ของผลอันตรายของมัน โดยท่านผู้นำได้เรียกร้องให้ประชาชนปฏิบัติตามมาตรการของสาธารณสุข โดยท่านกล่าวว่า “อย่าได้ทำให้ความอ่อนไหวนั้นลดน้อยลง อันเนื่องจากการยืดเยื้อของโรคไวรัสร้าย และไม่ว่าในที่ใดก็ตาม เช่น ในพิธีทางศาสนาและพิธีการต่างๆ จะต้องยึดถือและปฏิบัติตามมาตราการของสาธารณสุขที่เจ้าหน้าที่ได้แนะนำ เช่น การสวมใส่หน้ากากอนามัยและการเว้นระยะห่าง เป็นต้น”
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังได้ตั้งข้อสังเกตว่า “หากว่าประชาชนยอมรับที่จะมีความพยายามในการปฏิบัติตามมาตรการของสาธารณสุขอย่างครบถ้วนเพียงสักระยะเวลาหนึ่ง แน่นอนว่าโรคไวรัสก็จะหมดสิ้นไปหรืออย่างน้อยที่สุด ในการแพร่ระบาดก็จะน้อยลง และอันตรายจากการเสียชีวิต รวมทั้งการสูญเสียทางการเงินก็จะยุติลง”
ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี กล่าวกับเจ้าหน้าที่รัฐฯ โดยท่านผู้นำได้เน้นย้ำว่า “หน่วยงานต่างๆของรัฐฯ จะต้องให้การสนับสนุนต่อการผลิตวัคซีนในประเทศอย่างจริงจัง เพื่อที่จะดำเนินการในเรื่องนี้อย่างดีที่สุด”
ในอีกส่วนหนึ่งของคำพูดของท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ท่านได้ชี้ถึงปัญหาต่างๆของประชาชนชาวคูซิสตาน โดยท่านกล่าวว่า “ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา ความกังวลใจที่สร้างความเจ็บปวดอย่างหนึ่งก็คือ ปัญหาน้ำในจังหวัดคูซิสตานและปัญหาต่างๆของประชาชน”
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังได้กล่าวตำหนิต่อการไม่ปฏิบัติตามคำแนะนำต่างๆที่เกี่ยวกับประเด็นน้ำในจังหวัดคูซิสตาน และปัญหาท่อระบายน้ำเสียของเมืองอะฮ์วาซ โดยท่านกล่าวเสริมว่า “หากว่ามีการเอาใจใส่ต่อคำแนะนำต่างๆ ก็จะไม่มีเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้น ซึ่งประชาชนชาวคูซิสตานนั้น รู้สึกไม่พอใจและไม่สบายใจ ในขณะที่พวกเขานั้นมีทั้งสิ่งอำนวยความสะดวกและขีดความสามารถทางธรรมชาติ อีกทั้งโรงงานต่างๆในจังหวัดอีกด้วย”
ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ยังได้ตั้งข้อสังเกตว่า “ประชาชนได้แสดงความไม่พอใจออกมา แต่ก็ไม่สามารถรับเรื่องร้องเรียนจากพวกเขาได้เลย เพราะว่าปัญหาเรื่องน้ำนั้นไม่ใช่เป็นปัญหาเล็กๆ แม้แต่ในจังหวัดคูซิสตาน จะมีสภาพอากาศร้อนก็ตาม”
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังได้ชี้ถึงการรักษาคำมั่นสัญญาและการเสียสละของประชาชนชาวคูซิสตาน ในการอยู่แนวหน้าของปัญหาต่างๆในช่วงแปดปีแห่งการป้องกันอันศักดิ์สิทธิ์ โดยท่านกล่าวว่า “ประชาชนเหล่านี้ จะต้องไม่เกิดปัญหาต่างกับพวกเขา หากว่ามีการแก้ไขอย่างตรงเวลา แน่นอนว่า สถานการณ์เช่นนี้ก็จะไม่เกิดขึ้น”
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม กล่าวเสริมว่า “ในขณะนี้ หน่วยงานของภาครัฐและหน่วยงานภาคเอกชนได้ดำเนินการร่วมกันและรัฐบาลต่อไปที่จะเข้ามามีอำนาจ จะต้องมีการติดตามการดำเนินการต่างๆอย่างจริงจังอีกด้วยเช่นกัน”
ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ยังให้คำแนะนำกับประชาชน เช่นกันว่า จะต้องระมัดระวังในการเผชิญหน้ากับแผนการสมรู้ร่วมคิดของศัตรู โดยท่านผู้นำกล่าวว่า “ศัตรูต่างพยายามที่จะใช้ทุกสิ่งทุกอย่างในการต่อต้านการปฏิวัติอิสลามและประเทศชาติ รวมทั้งผลประโยชน์ของประชาชน ด้วยเหตุนี้เอง เราจะต้องระมัดระวังไม่ให้พวกเขาใช้เป็นข้ออ้างได้เลย”