ประธานตุลาการสูงสุดและบรรดาเจ้าหน้าที่ฝ่ายตุลาการ เข้าพบ ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม อยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี เนื่องในวันครบรอบการเป็นชะฮีดของอยาตุลลอฮ์ เบเฮชตี และวันตุลาการแห่งชาติ โดยท่านผู้นำ ถือว่า การดำเนินการอย่างต่อเนื่อง บนเส้นทางแห่งความไว้วางใจ การมีความหวังในสองปีครั้งล่าสุด และการปฏิบัติตามยุทธศาสตร์แห่งชาติในหน่วยงานตุลาการสมัยใหม่ คือ สิ่งที่จำเป็นอย่างยิ่ง และท่านผู้นำยังได้กล่าวขอบคุณต่อประชาชนทั้งหลายในการสร้างวีรกรรมอย่างแท้จริงจากการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 28 โครดอด ( 18 มิถุนายน) โดยท่านกล่าวว่า “ขณะที่ประชาชนกำลังตกอยู่ท่ามกลางสถานการณ์การแพร่ระบาดของโคโรน่า และประสบกับวิกฤติทางเศรษฐกิจและปัญหาอื่นๆ ได้ทำให้การวางแบบแผนของมหาอำนาจของโลกเมื่อหลายเดือนที่ผ่านมา พบกับความพินาศ และพวกเขาคือ ผู้ที่ได้รับชัยชนะในการเลือกตั้งอย่างแท้จริง ทั้งยังทำให้เหล่าศัตรูของอิหร่านและเหล่าพันธมิตรที่เกี่ยวข้องกับพวกเหล่านั้นได้รับความปราชัยและความล้มเหลว”
ในการพบปะกันครั้งนี้ ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ถือว่า ชะฮีดอยาตุลลอฮ์ เบเฮชตี คือ นักปราชญ์ นักคิดและนักทฤษฎี ผู้ที่มีชื่อเสียงและนักการปฏิวัติอย่างแท้จริง ผู้ศรัทธา ผู้ปฏิบัติตามกฎหมายและมีประสิทธิภาพอย่างมาก โดยท่านผู้นำกล่าวเสริมว่า “ชะฮีดเบเฮชตี คือ ผู้ที่วางรากฐานของภารกิจที่ยากลำบากและยิ่งใหญ่ในการก่อสร้างศาลยุติธรรมแห่งอิสลาม ทั้งยังมีบทบาทในการร่างรัฐธรรมนูญ ซึ่งถือว่า เขามีบุญคุณอันใหญ่หลวงต่อประเทศและประชาชาติอย่างมาก และสิทธิอันนี้จะต้องเป็นที่รู้จักและมีการปฏิบัติตามอีกด้วย”
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังได้ชี้ถึงอาชญากรรมที่ชั่วร้ายของพวกมุนาฟิก (เหล่าผู้กลับกลอก)ในการสังหารอยาตุลลอฮ์ เบเฮชตี และบุคคลอื่นๆ อีกประมาณ 70 คนด้วยกัน โดยท่านกล่าวว่า “ผู้ที่ลอบสังหารเหล่านี้ได้สารภาพอย่างชัดแจ้งถึงอาชญากรรมที่ยิ่งใหญ่นี้ แต่ในวันนี้ ด้วยกับการสนับสนุนของฝรั่งเศสและประเทศต่างๆที่อ้างในสิทธิมนุษยชน พวกเขาเหล่านั้นได้ก่ออาชญากรรมอย่างเป็นอิสระ ขณะที่มนุษย์ทั้งหลายนั้นต่างรู้สึกประหลาดใจอย่างมากต่อพวกเขาในการเรียกร้องสิทธิมนุษยชน และมีกระบอกเสียง ทั้งยังให้การสนับสนุนต่อกลุ่มผู้ก่อการร้ายทั้งหลายอีกด้วย”
ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ยังได้กล่าวขอบคุณต่อการดำเนินการต่างๆของบรรดาเจ้าหน้าที่และทุกองค์ประกอบของหน่วยงานตุลาการทั่วประเทศ โดยท่านผู้นำถือว่า การขับเคลื่อนของ พณฯท่าน ราอีซี เป็นการขับเคลื่อนในรูปแบบญิฮาดีที่แท้จริง และท่านยังกล่าวขอบคุณต่อ พณฯท่านราอีซี อีกด้วย โดยท่านผู้นำยังได้กล่าวเสริมว่า “ความพยายามต่างๆของเขาในตลอดเวลาที่ผ่านมานี้ ซึ่งเต็มไปด้วยกับแรงบันดาลใจนั้น ด้วยกับพระมหากรุณาธิคุณของพระเจ้า ได้ทำให้ได้รับผลลัพท์ที่ดีเป็นอย่างมาก”
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า การฟื้นฟูความหวังและการเพิ่มความไว้วางใจของประชาชนต่อหน่วยงานตุลาการ คือ ผลลัพท์ที่สำคัญที่สุดของการขับเคลื่อนแบบญิฮาดีในตุลาการสูงสุด ในช่วงสองปีที่ผ่านมา โดยท่านกล่าวเสริมว่า “นี่คือความหวังและความไว้วางใจต่อทุนทางสังคมอันทรงคุณค่า ซึ่งไม่มีสิ่งใดที่จะเท่าเทียมได้”
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังได้ชี้ถึงการเปลี่ยนแปลงตามธรรมชาติของตุลาการสูงสุด หลังจากการเลือกตั้งประธานาธิบดี ซึ่งพณฯท่านราอีซี ได้เป็นประธานาธิบดีที่ได้รับการคัดเลือกจากประชาชาติ โดยท่านผู้นำได้กล่าวอธิบายถึงหลายประเด็นที่เกี่ยวกับการกำหนดแนวทางในอนาคตของหน่วยงานตุลาการ
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า ความต่อเนื่องของแนวทางการเปลี่ยนแปลงในตุลาการสูงสุด คือ สิ่งที่มีความสำคัญและจำเป็นอย่างยิ่ง โดยท่านกล่าวเสริมว่า “เส้นทางนี้ จะต้องดำเนินการต่อไปอย่างเข้มข้นและรวดเร็วยิ่งขึ้นไปอีก ทั้งยังมียุทธศาสตร์ที่ดี มีความมั่นคง มีการปฏิบัติการได้จริง ไม่เป็นเพียงการแสดง ไม่ใช่เป็นเพียงสโลแกน(คำขวัญ) และยังเป็นไปตามกรอบเวลาในการเปลี่ยนแปลงของหน่วยงานตุลาการ ทั้งยังเป็นหลักเกณฑ์ในการขับเคลื่อนเพื่อการเปลี่ยนแปลงอีกด้วย”
ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ถือว่า การให้ข้อมูลและการทำความเข้าใจของหน่วยงานทั้งหมดของตุลาการสูงสุดตามยุทธศาสตร์แห่งชาติ คือ สิ่งที่มีความจำเป็นอย่างยิ่ง โดยท่านผู้นำกล่าวเสริมว่า “หน่วยงานตุลาการ จะต้องมีความกระตือรือร้นในการขจัดช่องว่างของกฎระเบียบสำหรับการดำเนินการตามยุทธศาสตร์แห่งชาติ และเจ้าหน้าที่ตุลาการ จะต้องดำเนินการตามหลักการนี้อย่างถูกต้อง สมบูรณ์ และมีการดำเนินการต่อไปของหลักการนี้ในรูปแบบต่างๆอีกด้วย”
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังรู้สึกพอใจในการเข้ามาของหน่วยงานตุลาการสู่ประเด็นการฟื้นฟูสิทธิของสาธารณชน โดยท่านกล่าวว่า “นี่เป็นภารกิจที่จำเป็นและมีคุณค่าอย่างมาก ซึ่งเป็นหนึ่งในหน้าที่ภาคบังคับของตุลาการสูงสุด และอยู่ในกรอบของการปฏิบัติ ซึ่งจะต้องมีการฟื้นฟูในการผลิต การขจัดการใช้แหล่งธรรมชาติ และจะต้องมีการขยายวงกว้างในเวทีต่างๆ ทางการสาธารณสุข การศึกษา สิ่งแวดล้อมและการกระชับในความดีและการห้ามปรามการกระทำความชั่วร้าย”
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังกล่าวแสดงความเสียใจต่อการขาดการกำชับในความดีและการห้ามปรามการกระทำความชั่วร้ายในสังคม โดยท่านกล่าวว่า “บรรดาผู้ที่ปฏิบัติตามบทบัญญัตินี้ของพระเจ้า จะต้องปฏิบัติด้วยกับความจริงจัง ไม่ใช่ด้วยการสร้างสถานการณ์หรือเพื่อเป้าหมายอื่นๆ และพวกเขาควรที่จะได้รับการสนับสนุนอีกด้วย”
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า หน่วยงานตุลาการ ได้กำจัดช่องว่างทางกฎหมายในประเด็นสิทธิของสาธารณชน โดยท่านกล่าวเสริมว่า “จะต้องชี้แจงให้กระจ่างชัดว่า คำตัดสินของผู้ที่ละเมิดสิทธิของสาธารณชนนั้นคืออะไร เพื่อที่จะปกป้องจากการประกาศคำตัดสินไปตามรสนิยม”
ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ยังกล่าวแสดงความพอใจต่อการต่อสู้กับการทุจริตภายในตุลาการสูงสุด โดยถือว่า การกระทำนี้ เป็นสิ่งที่มีความสำคัญสูงสุดและเป็นภารกิจหนึ่งที่สำคัญที่สุด พร้อมทั้งท่านผู้นำยังได้กล่าวเสริมว่า “แน่นอนว่า ส่วนมากของบรรดาผู้พิพากษาและเจ้าหน้าที่ของหน่วยงานตุลาการ เป็นผู้ศรัทธา ผู้ที่มีเกียรติ มีความบริสุทธิ์และเป็นผู้ที่รับผิดชอบ แต่ในบางครั้งก็มีการโต้แย้งกันที่เกินเลยโดยเกี่ยวกับมาตราการของการทุจริตในหน่วยงานตุลาการ ซึ่งจะต้องมีการจัดการเรื่องนี้อย่างเด็ดขาดและรุนแรงเกี่ยวกับการองค์ประกอบที่ทุจริต แม้ว่า จะมีจำนวนน้อยก็ตาม”
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า การตอบสนองอย่างรวดเร็วและความกระตือรือร้นต่อรายงานต่างๆของประชาชนที่เกี่ยวกับการมีอยู่ขององค์ประกอบที่ทุจริตในหน่วยงานตุลาการ โดยท่านกล่าวว่า “แน่นอนว่า รายงานเหล่านี้ อาจจะไม่ตรงกับความเป็นจริง แต่ควรที่จะได้รับการพิจารณาอย่างจริงจัง และหลีกเลี่ยงออกจากการปฏิบัติอย่างดีทีเดียวในทันที ด้วยกับการเปิดเผยหรือการปกปิดผู้ตรวจสอบ และในสภาพที่ได้พิสูจน์แล้วว่า ตรงกับความเป็นจริง จะต้องมีการจัดการกับองค์ประกอบที่ทุจริตเหล่านี้อย่างจริงจัง”
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า การปรากฏตัวของ พณฯ ท่านราอีซี ท่ามกลางหมู่ประชาชน คือ จุดแข็งหนึ่งของเขา โดยท่านได้เน้นย้ำว่า “บรรดาเจ้าหน้าที่ตุลาการคนต่อไป จะต้องดำเนินการต่อไปอย่างต่อเนื่องในการกระทำนี้อย่างดี ทั้งที่มีความจำเป็นและเต็มไปด้วยเกียรติยศอีกด้วย”
ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ถือว่า การปฏิสัมพันธ์กับบรรดาเจ้าหน้าที่ทั้งหลาย โดยเฉพาะประธานตุลาการสูงสุดกับกลุ่มต่างๆในการขับเคลื่อนไหวทางสังคม เช่น มหาวิทยาลัย สถาบันการศึกษา เศรษฐกิจ กลุ่มแรงงาน การผลิต และภาคส่วนต่างๆที่เกี่ยวข้องกับบรรดาสตรี คือ บริบทของการเข้าร่วมกับประชาชน โดยท่านผู้นำกล่าวว่า “พวกท่านทั้งหลาย จะต้องรับฟังคำพูดของกลุ่มต่างๆในการขับเคลื่อนไหวทางสังคม และมีการกำหนดนโยบายที่ถูกต้องให้กับพวกเขา ซึ่งบางครั้งสาเหตุของการคัดค้านในบางกรณี ก็เนื่องมาจากความไม่รับรู้ต่อนโยบายและข้อเท็จจริงเหล่านี้”
ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ได้กล่าวสรุปในส่วนนี้ของการปราศรัยของท่าน โดยท่านยังได้กล่าวแสดงความหวังว่า “ตุลาการสูงสุดในสมัยใหม่นี้ จะต้องมีการดำเนินการต่อไปบนเส้นทางเดิมในช่วงสองปีที่ผ่านมา ด้วยกับการมีอำนาจและการขับเคลื่อนที่เพิ่มมากขึ้น ซึ่งจะบรรลุผลลัพธ์ที่ดียิ่งขึ้นสำหรับประเทศและประชาชาติ”
ในอีกส่วนหนึ่งของการปราศรัยของท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ท่านได้ชี้ถึงการสร้างวีรกรรมครั้งยิ่งใหญ่ของประชาชาติในการเลือกตั้งวันที่ 28 โครดอด (18 มิถุนายน) และท่านยังถือว่า ความพยายามอย่างเปล่าประโยชน์ในสื่อสังคมออนไลน์และการสื่อสาร เป็นการปฏิเสธภารกิจที่ยิ่งใหญ่ของประชาชน โดยท่านผู้นำกล่าวว่า “การเลือกตั้งครั้งนี้ ถือเป็นสิทธิและวีรกรรมอย่างแท้จริง ขณะที่บรรดานักวิเคราะห์ ซึ่งได้ให้ความสนใจในการเลือกตั้งของอิหร่านต่างตระหนักดีว่า ได้เกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นกันแน่
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า การปฏิบัติการของหน่วยงานในการโฆษณาชวนเชื่อหลายพันแห่ง รวมถึงสื่อสารต่างๆของสหรัฐฯ อังกฤษ และบางประเทศที่ล้าหลังและมืดบอด ด้วยกับการใช้องค์ประกอบที่ทรยศต่อชาวอิหร่าน เพื่อไม่ให้ประชาชนทั้งหลายเข้าร่วมในการเลือกตั้ง คือ ปรากฏการณ์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน โดยท่านกล่าวเสริมว่า “พวกเหล่านี้ด้วยกับข้ออ้างต่างๆ เช่น ปัญหาของค่าครองชีพ หรือบางเหตุการณ์ที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในภายหลัง เช่น การตรวจสอบคุณสมบัติของผู้สมัครว่าจะผ่านการคัดกรองหรือไม่ก็ตาม”
ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ยังได้ตั้งข้อสังเกตว่า “แน่นอนว่า ข้าพเจ้าอาจจะไม่เห็นด้วยกับความคิดเห็นบางประการของสภาผู้พิทักษ์ เช่น เกี่ยวกับหนึ่งกรณีหรือสองกรณีและมากกว่านั้น แต่ข้าพเจ้านั้นถือว่า บรรดาสมาชิกของสภาแห่งนี้คือ ผู้ที่ปฏิบัติตามกฎหมาย ผู้ที่ยำเกรง และผู้ที่ปฏิบัติตามศาสนา ซึ่งพวกเขาได้ปฏิบัติตามกฎหมายและปฏิบัติตามหน้าที่ทางศาสนา”
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังกล่าวเสริมว่า “ความหวังของพวกชาวต่างชาติ ซึ่งเป็นผลที่มาจากข้ออ้างเหล่านี้ก็คือ การเข้าร่วมของบรรดาผู้มีสิทธิในการเลือกตั้งเพียง 20 หรือ 25 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น แต่ทว่า ความหวังนี้ก็ไม่ได้เกิดขึ้นจริง”
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า ตามการคำนวณของบรรดาผู้เชี่ยวชาญ ระบุว่า ปัญหาของการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรน่านั้นมีผลกระทบในการเข้าร่วมของประชาชน โดยประมาณ 10 % เช่นกัน โดยท่านกล่าวเสริมว่า “แม้ว่าจะมีปัญหาต่างๆเหล่านี้ ประชาชนทั้งหลายนั้นด้วยกับการเข้าแถวอย่างมากมาย และการเปิดเผยที่เต็มไปด้วยแรงบันดาลใจของพวกเขา ในช่วงเวลาแรกของช่วงเช้า ถือว่าเป็นการสร้างวีรกรรมครั้งยิ่งใหญ่อย่างแท้จริง ทั้งยังเป็นการชกต่อยเข้าที่หน้าอกของเหล่าผู้คว่ำบาตร และผู้ที่คัดค้านในการเลือกตั้ง”
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ได้กล่าวอธิบายถึงผู้ที่ได้รับชัยชนะและผู้ที่ปราชัยในการเลือกตั้ง เมื่อวันที่ 28 โครดอด (18 มิถุนายน) โดยท่านกล่าวว่า “ผู้ที่ได้รับชัยชนะการเลือกตั้ง คือ ประชาชาติอิหร่านและทุกๆคนที่มีส่วนช่วยเหลือในการเลือกตั้งอย่างเต็มที่ ด้วยเหตุนี้เอง บรรดาผู้สมัครที่ไม่ได้รับการเลือกตั้ง ก็เป็นหนึ่งในผู้ที่ได้รับชัยชนะ ในทางตรงกันข้าม ผู้ที่ปราชัยในการเลือกตั้ง คือ ผู้ที่ต่างพยายามกีดกันไม่ให้ประชาชนเข้าร่วมในการลงคะแนนเสียงเลือกตั้ง แต่ประชาชนทั้งหลายนั้นด้วยกับการเข้าร่วมของพวกเขา ได้ปฏิเสธในการเชิญชวนของพวกเหล่านั้น และยังได้ทำให้ความหวังและความละโมบของพวกเหล่านั้นพบกับความล้มเหลว”
ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ยังชี้ให้เห็นถึงการวิเคราะห์ที่ผิดพลาดบางประการเกี่ยวกับการลงคะแนนเสียงที่เป็นเหตุให้มีบัตรเสีย โดยท่านผู้นำกล่าวว่า “การลงคะแนนเสียงเหล่านี้ ไม่ได้หมายถึงการแยกตัวออกจากรัฐอิสลามเลย แต่ทว่ากลับตรงกันข้าม เพราะว่าผู้ที่เข้าลงคะแนนเสียงและเขาไม่เห็นบุคคลที่เป็นที่เขายอมรับในรายชื่อของผู้สมัคร เขาจึงเขียนชื่อของบุคคลนั้นหรือส่งบัตรเปล่า ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว เขาได้แสดงออกถึงการมีความรักและความห่วงใยต่อการลงคะแนนเสียงและรัฐอิสลามอีกด้วยเช่นกัน”
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า เหตุการณ์บางประการที่เกิดขึ้นในระหว่างการเลือกตั้ง เป็นประสบการณ์และเป็นบทเรียน โดยท่านกล่าวว่า “ในการอภิปรายต่างๆนั้น ได้เห็นถึงการมีรสนิยมที่หลากหลาย ในขณะเดียวกัน ผู้สมัครทั้งหมดที่มีเกียรตินั้น ต่างมีวิธีการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจของประเทศ และกล่าวว่าไม่มีทางตัน ซึ่งตรงกันข้ามกับการชักนำของศัตรูในประเด็นดังกล่าว แต่บางคนได้บอกว่า วิธีการของผมนั้นถูกต้อง ส่วนบุคคลอื่นก็บอกเช่นกันว่า วิธีการของตนนั้นก็ถูกต้อง”
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ได้กล่าวเสริมว่า “ในการอภิปรายต่างๆ ผู้สมัครบางคนได้ออกมาปกป้องในจุดยืนของการปฏิวัติอิสลามและมีการพูดจาด้วยความสุภาพและมีรักษามารยาททางศาสนา แต่ทว่าบางคนได้มีการกระทำที่ไม่ดี ซึ่งเป็นสิ่งที่น่าเสียใจอย่างยิ่ง”
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังได้กล่าวถึงการจัดการเลือกตั้งในสหรัฐฯและการพูดจาใส่ร้ายป้ายสีกันของบรรดาผู้สมัคร โดยท่านกล่าวเสริมว่า “พวกชาวสหรัฐฯ ไม่ใช่แบบอย่างที่ดี ด้วยเหตุนี้เอง ในประเด็นทางการเมือง จะต้องมีการรักษามารยาท ศีลธรรมและทางศาสนา โดยปราศจากการดูหมิ่นและการใส่ร้ายป้ายสีกัน มิใช่ การใช้วิธีการในการใส่ร้ายป้ายสีกันหรือการดูหมิ่นกัน ดั่งที่นายทรัมป์และนายไบเดนเคยใช้มัน”
ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ยังได้ชี้ถึงคำพูดของเจ้าหน้าที่ชาวสหรัฐฯคนหนึ่งที่เกี่ยวกับการเลือกตั้งของประเทศอิหร่าน โดยท่านผู้นำกล่าวว่า “การเลือกตั้งของอเมริกานั้นถูกทำให้อับอายในสายตาของประชาคมโลก บัดนี้ เวลาได้ผ่านไปหลายเดือน เหล่าผู้สร้างความอับอายเหล่านี้ก็ออกมากล่าววิพากษ์วิจารณ์การเลือกตั้งของอิหร่าน ในขณะที่พวกเหล่านี้ เนื่องจากความอับอายของพวกเขา จะไม่สมควรอย่างยิ่งที่จะมาพูดถึงการเลือกตั้งเลย แม้แต่คำพูดเดียวก็ตาม”
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังได้กล่าวชื่นชมในการปฏิบัติที่ดีของบรรดาเจ้าหน้าที่และผู้สมัครทั้งหลายในการเลือกตั้งกับประธานาธิบดีที่ได้รับเลือกตั้ง โดยท่านกล่าวว่า “หลังจากการเลือกตั้งและการได้รับชัยชนะของผู้สมัครที่ประชาชนยอมรับโดยที่มีคะแนนเสียงที่ดีและมีคะแนนเสียงที่สูงอย่างมาก ซึ่งบรรดาเจ้าหน้าที่ระดับสูงและผู้สมัครคนอื่นๆ ได้ปฏิบัติกับเขาเป็นอย่างดี มีการเข้าพบกับประธานาธิบดีที่ได้รับเลือกตั้ง และมีการแลกเปลี่ยนความคิดเห็น ทั้งการส่งสารแสดงความยินดี ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความสงบนิ่งทางจิตใจของประเทศชาติ”
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังได้กล่าวขอบคุณต่อพระเจ้าในความโปรดปรานนี้ในประเทศ เมื่อได้เปรียบเทียบกันระหว่างพฤติกรรมที่มั่นคงนี้กับความขัดแย้งที่เกิดขึ้นหลังจากการเลือกตั้งในสหรัฐอเมริกา และท่านผู้นำยังได้เรียกร้องให้มีการกำหนดทิศทางเหล่านี้ให้เพิ่มมากขึ้นอีกด้วย”
ในช่วงท้ายสุด ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ได้กล่าวแสดงความหวังว่า ผลของการเลือกตั้งนั้น จะเป็นเกียรติต่อประชาชนและประธานาธิบดีคนใหม่ ทั้งนี้ บรรดาเจ้าหน้าที่นั้นก็สามารถที่จะปฏิบัติตามหน้าที่ของตนเองได้เป็นอย่างดี
ก่อนการปราศรัยของท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม พณฯ ท่าน ฮุจญตุลอิสลาม วัลมุสลิมีน อิบรอฮีม ราอีซี ประธานตุลาการสูงสุด ได้กล่าวรายงานผลการปฏิบัติงานของตนเองและบรรดาผู้ร่วมงานใน 4 ด้านด้วยกัน ได้แก่ “การดำเนินการตามยุทธศาสตร์แห่งชาติในตุลาการสูงสุด” “การต่อสู้กับการทุจริตคอรัปชั่น” การฟื้นฟูสิทธิของสาธารชน และ “ความเป็นภาคประชาชนของตุลาการสูงสุด”
ประธานตุลาการสูงสุด ถือว่า การประกาศและการเริ่มต้นในการดำเนินการตามยุทธศาสตร์แห่งชาติของกระบวนการยุติธรรม เป็นหนึ่งในข้อเรียกร้องของท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ซึ่งได้ทำให้การทำงานของหน่วยงานตุลาการนั้นมีความสะดวก มีการเร่งดำเนินการตามการเรียกร้องความยุติธรรม และการลดเวลาในการดำเนินการคดีต่างๆโดยเฉลี่ยภายใน 20 วันด้วยกัน
ท่านฮุจญตุลอิสลาม วัลมุสลิมีน ราอีซี ถือว่า การต่อสู้กับการทุจริต นั้นเป็นวาทกรรมระดับชาติและเขายังได้ชี้ถึงการลดสถิติอัตราการละเมิดภายในตุลาการสูงสุด ด้วยกับการส่งมอบเงินคืนคลังมากกว่า 90,000 พันล้านโตมาน และการตัดสินอย่างเด็ดขาดต่อผู้ที่กระทำความผิดในคดีความด้านเศรษฐกิจมหภาค
พณฯท่าน ราอีซี ยังได้ชี้ถึงการจัดระบบสิทธิในทรัพย์สินและการยกเลิกในการยึดครองที่ดินของชาติหลายพันเฮกตาร์ เมื่อปีที่แล้ว ซึ่งเขาถือว่า การให้ความสนใจในปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมและการดำเนินการตามแบบแผนเกี่ยวกับที่ดิน คือ การดำเนินการต่อประการหนึ่งของหน่วยงานนี้ในการฟื้นฟูสิทธิของสาธารณชน
ประธานตุลาการสูงสุด ยังได้กล่าวอธิบายถึงการสนับสนุนภาคประชาชนต่อหน่วยงานนี้ โดยผ่านการมีปฏิสัมพันธ์กับประชาชนที่มากกว่าก่อนหน้านี้ จากการดำเนินคดีโจทก์ร่วมกันหลายคน สถาบันการเงินและสินเชื่อ ตลอดจน การออกคำสั่งเพื่อสนับสนุนต่อบรรดาผู้ผลิตและการป้องกันในการตัดสินใจรายชั่วโมงของธนาคารในประเด็นเหล่านี้