ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ได้กล่าวปราศรัยผ่านการถ่ายทอดสดทางสถานีโทรทัศน์ โดยท่านผู้นำกล่าวแสดงความยินดีต่อประชาชาติอิหร่านและประชาชาติที่ยิ่งใหญ่ของอิสลาม เนื่องในวโรกาสคล้ายวันประสูติของท่านศาสดามุฮัมมัด ท่านศาสดาองค์สุดท้าย (ศ็อลฯ) และวันประสูติของท่านอิมามญะอ์ฟัร ซอดิก (อ) โดยท่านผู้นำถือว่า เอกภาพของโลกอิสลาม คือ การเยียวยาที่แท้จริงในการแก้ไขปัญหาต่างๆของบรรดามุสลิม และท่านผู้นำยังได้ชี้ถึงนโยบายอันชาญฉลาดของการยืนหยัดในการเผชิญหน้ากับข้อเรียกร้องที่เกินเลยของสหรัฐ โดยท่านผู้นำกล่าวเสริมว่า “นโยบายที่คำนวณแล้วของสาธารณรัฐอิสลาม จะไม่มีวันเปลี่ยนแปลงใดๆทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นการเปลี่ยนบุคลากรในสหรัฐก็ตาม”
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังได้เน้นย้ำอีกเช่นกันถึงความพยายามอย่างมากของบรรดาเจ้าหน้าที่ใน 3 ประเด็นเศรษฐกิจ ความมั่นคงและวัฒนธรรม โดยท่านผู้นำ กล่าวว่า “สินค้าราคาแพงที่เกิดขึ้นครั้งล่าสุดนั้นไม่อาจมีข้ออ้างใดๆ และบรรดาเจ้าหน้าที่ก็จะต้องมีความร่วมมือ สามัคคีกันอย่างจริงจัง เพื่อที่จะขจัดความยากลำบากเหล่านี้ให้หมดสิ้นไปจากการดำเนินชีวิตของประชาชน”
ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ได้กล่าวในส่วนที่หนึ่งของการปราศรัย โดยท่านถือว่า มีหลายโองการจากอัลกุรอานที่กล่าวถึงท่านศาสดา ผู้ทรงเกียรติแห่งอิสลาม ซึ่งมีความเหมาะสมและชัดเจนกับสภาพของมนุษย์ในปัจจุบัน โดยท่านผู้นำกล่าวเสริมว่า “พระผู้เป็นเจ้าทรงตรัสไว้ในอัลกุรอานที่ว่า ความเจ็บปวดรวดร้าวของประชาชนที่มีต่อท่านศาสดานั้นเป็นความยากลำบากอย่างมากและมีราคาแพง ขณะที่ท่านศาสดานั้นเป็นผู้ที่มีความรักและความห่วงใยต่อชะตากรรมของมวลมนุษยชาติ ในขณะที่สังคมของมนุษย์ในวันนี้นั้นมีความเจ็บปวดที่มากกว่าในอดีตเสียอีก ซึ่งจะทำให้จิตวิญญาณของท่านศาสดา ผู้ยิ่งใหญ่ต้องทนทุกข์ทรมานจากความเจ็บปวดของมนุษย์อีกด้วย เพราะว่าท่านศาสดานั้นเป็นดั่งบิดาแห่งความเมตตา ที่เป็นผู้ชี้นำและท่านยังต้องการความผาสุกของสังคมของมวลมนุษยชาติเช่นกัน”
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังได้กล่าวถึงเหล่าชาติมหาอำนาจที่ฉวยโอกาสจากวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เพื่อที่จะบรรลุยังเป้าหมายที่เลวร้าย เช่น ความอยุติธรรม การก่อสงคราม ความชั่วร้ายและการปล้นสะดมแหล่งทรัพยากรของประชาชาติ โดยท่านผู้นำกล่าวเสริมว่า “ ฟาโรห์ที่มีขอบเขตจำกัดเฉพาะในอียิปต์ได้ก่อความฉ้อฉล แต่ฟาโรห์ของโลกในวันนี้ กลับฉวยโอกาสจากความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์เพื่อที่จะรุกรานประเทศต่างๆ และก่อให้เกิดสงคราม ทั้งยังสร้างความไม่มั่นคงและยังมีการปล้นสะดมอีกด้วย”
ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ยังได้ชี้ให้เห็นถึงความเป็นปฏิปักษ์และการต่อต้านอย่างครอบคลุมของชาติมหาอำนาจและรัฐเถื่อนไซออนิสต์ที่มีต่ออิสลาม โดยท่านผู้นำกล่าวเสริมว่า “ตัวอย่างล่าสุดของความเป็นปฏิปักษ์ที่ชั่วร้ายนี้ คือ การดูหมิ่นภาพลักษณ์อันเจิดจรัสของท่านศาสดา ผู้ยิ่งใหญ่ด้วยการวาดภาพการ์ตูนล้อเลียน และยังได้รับการสนับสนุนจากประธานาธิบดีฝรั่งเศสในการกระทำอันน่ารังเกียจนี้ ซึ่งแสดงให้เห็นอีกครั้งว่า เบื้องหลังของการกระทำดังกล่าวนี้นั้นมีหลายประเด็นที่ซ่อนเร้นอยู่”
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม กล่าวเสริมว่า “พวกเขาบอกว่า มีคนหนึ่งถูกสังหาร ฉะนั้น การกระทำที่ดี ก็คือ พวกท่านจะต้องกล่าวแสดงความเสียใจและการมีความรักต่อเขา แล้วทำไมพวกท่านจะต้องสนับสนุนต่อภาพการ์ตูนที่ชั่วร้ายนั้นด้วย ทั้งจากการสนับสนุนอันขมขื่นและน่าเกลียดของรัฐบาลฝรั่งเศสและบางประเทศ ซึ่งแสดงให้เห็นว่า การกระทำอันน่ารังเกียจนี้นั้น มีองค์กรต่างๆอยู่เบื้องหลังและมีการวางแผนการมาก่อนเหมือนกับในอดีตที่ผ่านมา”
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า การประท้วงต่อต้านและความโกรธแค้นของประชาชาติอิสลามที่มีต่อการดูหมิ่นภาพลักษณ์อันเจิดจรัสของศาสดาแห่งอิสลาม แสดงให้เห็นถึงการคงอยู่ของประชาชาติอิสลาม โดยท่านผู้นำกล่าวเสริมว่า “แน่นอนว่า บางรัฐบาลของโลกอิสลามได้แสดงความต่ำต้อยออกมาอีกด้วยเช่นกัน ทั้งพวกเขายังไม่ได้มีการต่อต้านการกระทำอันน่ารังเกียจเช่นนี้เลย ซึ่งตรงกันข้ามกับส่วนมากของรัฐบาลทั้งหลาย”
ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ยังได้ชี้ให้เห็นว่า การดำเนินการของรัฐบาลฝรั่งเศสที่เกี่ยวกับการสนับสนุนภาพการ์ตูน คือ การดูหมิ่นต่อเสรีภาพในการแสดงออกและสิทธิมนุษยชน โดยท่านผู้นำ กล่าวเสริมว่า “รัฐบาลหนึ่งที่อ้างว่าพวกเขาได้ให้ที่พักพิงกับเหล่าผู้ก่อการร้ายที่รุนแรงและป่าเถื่อนที่สุดในโลก ซึ่งมือของพวกเหล่านั้นเปื้อนเลือดของประชาชนหลายพันคนและเจ้าหน้าที่ชาวอิหร่านหลายสิบคน และพวกเขายังให้การสนับสนุนอย่างมากที่สุดต่อหมาป่าที่กระหายเลือดเยี่ยงซัดดัมในสงครามแปดปี ทั้งยังมีการประท้วงในทุกวันเสาร์ประจำสัปดาห์ และพวกเขาก็ได้บุกเข้าปราบปรามประชาชนของตน ขณะเดียวกัน พวกเขากลับอ้างถึงเสรีภาพและสิทธิมนุษยชน”
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า การออกมาปกป้องของประธานาธิบดีและรัฐบาลฝรั่งเศสจากความป่าเถื่อนทางวัฒนธรรมและการกระทำที่เป็นอาชญากรรมของภาพการ์ตูนล้อเลียน คือ การปกป้องของประเทศจากเหล่าผู้กลับกลอกที่ตีสองหน้าและซัดดัม เป็นดั่งสองด้านของเหรียญอันเดียวกัน โดยท่านผู้นำกล่าวเสริมว่า “เหตุการณ์ครั้งล่าสุด ได้เกิดขึ้นหลายครั้งแล้วในสหรัฐอเมริกาและประเทศในยุโรป ที่เกี่ยวกับการดูหมิ่นพระมหาคัมภีร์อัลกุรอานและท่านศาสดา ผู้ทรงเกียรติของอิสลาม เมื่อหลายปีที่ผ่านมา แสดงให้เห็นถึงอัตลักษณ์อันมืดมนและความป่าเถื่อนของอารยธรรมตะวันตก”
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังได้เน้นย้ำว่า “แน่นอนว่า เหล่าอันธพาลแห่งเมืองมักกะฮ์และเมืองทาอีฟในยุคแรกๆ ของอิสลามก็ไม่สามารถซ่อนเร้นนามอันศักดิ์สิทธิ์ของศาสดาได้ ซึ่งในวันนี้ความพยายามที่เลวร้ายเหล่านี้ จะไปไม่ถึงไหนและยังไม่สามารถทำลายความประเสริฐ ความยิ่งใหญ่และความสูงส่งของท่านศาสดาองค์สุดท้ายได้เลย”
ในอีกส่วนหนึ่งของการปราศรัยของท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ท่านผู้นำได้อธิบายถึงความสำคัญที่ยังไม่ถูกเข้าใจของสัปดาห์แห่งเอกภาพ โดยท่านได้กล่าวย้ำเตือนถึงเหตุการณ์นองเลือดของบางประเทศอิสลาม เช่น ซีเรีย อิรัก ลิเบีย เยเมน และอัฟกานิสถาน โดยท่านผู้นำกล่าวเสริมว่า “ในเวลาที่ท่านอิมาม ผู้ล่วงลับ ได้ประกาศวันประสูติของท่านศาสดาองค์สุดท้าย เป็นสัปดาห์แห่งเอกภาพ หลายคนนั้นยังไม่เข้าใจในความลึกซึ้งและความสำคัญของการดำเนินการนี้ แต่ในวันนี้เป็นที่กระจ่างชัดว่า สัปดาห์แห่งเอกภาพนั้นมีคุณค่าอย่างไรบ้าง หากว่าได้ประสบความสำเร็จ จะสามารถป้องกันในการเกิดความขัดแย้งและสงครามนองเลือดในภูมิภาคได้”
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังได้กล่าววิพากษ์วิจารณ์อย่างรุนแรงต่อการกระทำที่ชั่วร้ายของบางประเทศในการปรับความสัมพันธ์อย่างปกติกับรัฐเถื่อนไซออนิสต์ โดยท่านผู้นำกล่าวเสริมว่า “บุคคลเหล่านี้คือ ผู้ชั่วร้ายที่รู้สึกพอใจในการกระทำที่น่าอัปยศของตน ทั้งยังแสดงความภาคภูมิใจออกมาอีกด้วยเช่นกัน แต่พวกเหล่านั้นจงรู้ไว้เถิดว่า พวกเขานั้นไม่สามารถที่จะทำให้ประเด็นปาเลสไตน์นั้นสิ้นสุดลงได้ และไม่ต้องสงสัยเลยว่า รัฐเถื่อนไซออนิสต์ อาชญกรที่กำลังเข่นฆ่าผู้บริสุทธิ์นั้นจะต้องถูกทำลายและปาเลสไตน์จะกลับคืนสู่อ้อมแขนชาวปาเลสไตน์อีกครั้ง”
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม กล่าวว่า “ช่างน่าเสียดายอย่างยิ่งที่ในวันนั้น ความสำคัญของนวัตกรรมในการสร้างสรรของท่านอิมาม ผู้ล่วงลับ ผู้ยิ่งใหญ่ หมายถึง ความเป็นเอกภาพของสำนักคิดอิสลามและนิกายทั้งหลายในการกำหนดทิศทางทั่วไปนั้นยังไม่เป็นที่เข้าใจอย่างถูกต้อง แต่ทว่าศัตรูนั้นได้ตระหนักดีถึงอันตรายของนโยบายนี้ในการลดอิทธิพลจากการแทรกแซงของพวกเขาและยังมีการวางแผนการเพื่อปฏิบัติการตอบโต้กับนโยบายนี้”
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏวัติอิสลาม ถือว่า การจัดตั้งศูนย์สำหรับการผลิตแนวคิดในต่อต้านการสมานฉันท์ การสร้างกลุ่มตักฟีรี เช่น กลุ่มไอซิส และ การลอบสังหารผู้ที่เพิกเฉย คือ หนึ่งในแผนการในปฏิบัติการของศัตรูเพื่อต่อต้านกับเอกภาพของอิสลาม โดยท่านผู้นำกล่าวเสริมว่า “แน่นอนว่าความผิดของบางรัฐบาลในภูมิภาคและเหล่าผู้นำของพวกเขา ที่ให้การสนับสนุนทางการเงินและอาวุธแก่กลุ่มก่อการร้ายนั้นมีมากกว่ากลุ่มชนที่เข้าร่วมกับพวกเขาด้วยอคติและความโง่เขลา และในกรณีนี้ พวกสหรัฐและพวกซาอุฯ คือ ผู้ที่ก่ออาชญากรรมหลักเช่นนี้ขึ้นมา”
ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ถือว่า อีกอาชญากรรมหนึ่งของพวกสหรัฐ คือ การรุกรานต่อประเทศมุสลิม เช่น อัฟกานิสถาน และซีเรีย โดยท่านผู้นำ กล่าวว่า “ในอิรักนั้น เยาวชนทั้งหลายจะไม่ยอมให้ชาวอเมริกันเข้ามาแทรกซึมได้ เพราะว่าการเข้ามาของสหรัฐ ไม่ว่าในที่ใดในโลกนี้ ไม่มีอะไรเลยนอกเสียจาก การสร้างความไม่มั่นคง การบ่อนทำลาย การก่อสงครามกลางเมือง และความหมกมุ่นให้รัฐบาลนั้นๆ”
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า การเยียวยาเหตุการณ์อันขมขื่นของโลกอิสลามด้วยกับความเป็นเอกภาพของบรรดามุสลิม เช่น สงครามห้าปีในเยเมนและการทิ้งระเบิดอย่างโหดร้ายเข้าใส่ประชาชนโดยพวกซาอุฯ หรือความอัปยศอดสูของรัฐบาลหลายประเทศที่ทำให้ประชาชาติอิสลามต้องพบกับความอับอายโดยที่ไม่ใส่ใจต่อปัญหาของชาวปาเลสไตน์ โดยท่านผู้นำได้เน้นว่า “ความยากลำบากและปัญหาต่างๆของรัฐบาลทั้งหลายและประชาชาติอิสลาม นับตั้งแต่ประเด็นแคชเมียร์จนถึงประเด็นลิเบีย ด้วยเกียติของความเป็นเอกภาพของประชาชาติอิสลาม จะต้องถูกขจัดออกไป”
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ได้กล่าวปราศรัยในอีกส่วนหนึ่ง โดยท่านผู้นำได้ชี้ถึงวันที่ 13 เดือนอาบาน และวันครบรอบวันที่บรรดานักศึกษาได้ปฏิบัติการยึดคืนรังสอดแนมของสหรัฐในปี1358(ปฏิทินอิหร่าน ตรงกับ ค.ศ1979 ) โดยท่านผู้นำ กล่าวว่า “วันนี้ เป็นสัญลักษณ์ของการต่อสู้กับชาติมหาอำนาจของประชาชาติอิหร่านและการกระทำของบรรดานักศึกษา ยังเป็นการดำเนินการเชิงสัญลักษณ์และเหมาะสมในการต่อสู้กับชาติมหาอำนาจ”
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า ระบอบชาติมหาอำนาจสหรัฐ มีลักษณะที่ชั่วร้ายอย่างสมบูรณ์ เช่น การก่อให้เกิดสงคราม การก่อการร้าย การแทรกแซง การทุจริตคอร์รัปชั่น และการผูกขาด โดยท่านผู้นำกล่าวเสริมว่า “การกระทำของบรรดานักศึกษาในการเผชิญหน้ากับปรากฏการณ์เช่นนี้เป็นประเด็นที่มีเหตุผล และการยอมจำนนและอยู่ภายใต้การกดขี่ข่มเหงนั้น คือ การกระทำที่ไร้ซึ่งเหตุผล”
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า การเคลื่อนไหวแห่งการปฏิวัติของบรรดานักศึกษาในวันที่ 13 เดือนอาบาน เป็นการเคลื่อนไหวเชิงป้องกันและมีเหตุผลอย่างสมบูรณ์ โดยท่านผู้นำ กล่าวว่า “เราไม่ได้เป็นผู้เริ่มต้นในการปฏิบัติการต่อต้านพวกสหรัฐ แต่หลังจากชัยชนะของการปฏิวัติอิสลาม พวกเขาต่างหากที่เป็นผู้ที่ผ่านมติในสภาคองเกรส ได้ก่อตั้งกลุ่มก่อการร้ายต่างๆ มีการวางแผนและการสนับสนุนในการก่อรัฐประหาร และการจัดเตรียมในการก่อจารกรรมอย่างกว้างขวางในสถานทูตของพวกเขา โดยเริ่มแสดงความเป็นศัตรูกับประชาชาติอิหร่านออกมาให้เห็น”
ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี กล่าวเสริมว่า “บางคนคิดว่าหากรัฐบาลหนึ่งยอมปฏิบัติตามข้อเรียกร้องและนโยบายของสหรัฐฯ พวกเขาก็จะได้รับผลประโยชน์ ในขณะที่รัฐบาลทั้งหลายที่ยอมจำนนต่อการบีบบังคับของอเมริกาต่างได้รับความเสียหายอย่างมากที่สุดและปัญหาของพวกเขาก็เพิ่มมากขึ้น”
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังได้เน้นว่า “นโยบายที่คำนวณแล้วของสาธารณรัฐอิสลามแห่งอิหร่านที่มีต่อสหรัฐนั้นชัดเจนและจะไม่มีวันเปลี่ยนแปลงตามการเปลี่ยนของบุคลากรของสหรัฐ โดยท่านผู้นำยังได้ตั้งข้อสังเกตว่า “เป็นไปได้ว่า การมาและการไม่มาของบุคคลหนึ่ง จะเกิดเหตุการณ์ต่างๆ แต่มันไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรา และก็จะไม่มีผลต่อนโยบายของสาธารณรัฐอิสลามอีกด้วย”
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า สถานการณ์ในระบอบการปกครองของสหรัฐนั้นมีความน่าตื่นเต้น โดยท่านผู้นำกล่าวเสริมว่า “ประธานาธิบดีซึ่งปัจจุบันดำรงตำแหน่งอยู่นั้นและกำลังจะจัดการเลือกตั้ง ได้บอกว่า นี่เป็นการเลือกตั้งที่มีการฉ้อโกงมากที่สุดในสหรัฐอเมริกา ขณะที่คู่แข่งของเขาก็บอกด้วยว่า ทรัมป์มีความตั้งใจที่จะฉ้อโกงอย่างกว้างขวางที่สุด”
ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ถือว่า สถานการณ์นี้ เป็นอีกตัวอย่างของภาพลักษณ์ที่น่ารังเกียจของประชาธิปไตยแบบเสรีนิยม โดยท่านผู้นำ กล่าวว่า “นอกเหนือจากนี้ ไม่ว่าผู้ใดก็ตามที่จะเข้ามามีอำนาจในสหรัฐ ซึ่งสถานการณ์ในปัจจุบันได้แสดงให้เห็นถึงความเสื่อมโทรมอย่างรุนแรงทางการเมือง พลเมืองและศีลธรรม ในสหรัฐ และนี่เป็นประเด็นที่บรรดานักคิดในสหรัฐต่างออกมายอมรับ”
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า บั้นปลายของระบบการเมืองดังกล่าวนี้ คือ การทำลายล้างและการล่มสลาย โดยท่านผู้นำได้เน้นว่า “แน่นอนหากว่ามีบางคนที่เข้ามามีอำนาจก็จะทำให้การทำลายล้างนี้เกิดขึ้นเร็วยิ่งขึ้น และหากว่าอีกคนหนึ่งเข้ามามีอำนาจก็อาจจะทำให้การล่มสลายนั้นล่าช้าลง แต่ชะตากรรมที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ คือ การล่มสลาย”
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า เหตุผลหลักที่ทำให้อเมริกาเป็นศัตรูกับระบบรัฐอิสลามของอิหร่าน คือ การไม่ยอมตกอยู่ภายใต้นโยบายที่กดขี่และการไม่ยอมรับการครอบงำของพวกเขา โดยท่านผู้นำได้เน้นว่า “ความเป็นศัตรูนี้ จะดำเนินต่อไปและหนทางเดียวที่จะแก้ไขได้ คือ ฝ่ายตรงข้ามต้องคิดว่าพวกเขานั้นหมดหวังจากการสร้างความเสียหายครั้งใหญ่ให้กับประชาชาติและรัฐบาลของอิหร่าน”
ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ถือว่า ความหมดหวังของศัตรูนั้นขึ้นอยู่กับการเสริมสร้างความเข้มแข็งของเครื่องมือแห่งอำนาจที่แท้จริง โดยท่านผู้นำ กล่าวว่า “แน่นอนว่า ประชาชาติอิหร่านได้ยืนหยัดต่อกระแสความกดดันในการเผชิญหน้ากับปัญหาต่างๆอย่างแท้จริง แต่ทว่าในการสร้างความเข้มแข็งนั้น เจ้าหน้าที่ทั้งหลายก็จะต้องมีการขับเคลื่อนอย่างจริงจังใน 3 ด้าน ได้แก่ ด้านเศรษฐกิจความมั่นคงและวัฒนธรรม”
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังได้ตั้งข้อสังเกตในประเด็นที่เกี่ยวกับเศรษฐกิจ โดยกล่าวว่า “ในประเด็นเศรษฐกิจ จะต้องไม่มองจากภายนอก แต่นี่ไม่ได้หมายถึง การตัดความสัมพันธ์กับต่างประเทศ แต่เราจะต้องมีความสัมพันธ์กับพวกเขา ทว่า เราก็จะต้องมองหาการเยียวยาปัญหาต่างๆจากภายในด้วย ซึ่งหนึ่งในแนวทางในการแก้ไขหลัก ก็คือ การเพิ่มในการผลิต”
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม กล่าวเสริมว่า “ในประเด็นเศรษฐกิจ จะต้องมีการวางแผนและการจัดระเบียบ”
ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ได้เน้นว่า “ส่วนมากของปัญหาเศรษฐกิจในปัจจุบันนั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับมาตรการคว่ำบาตร แต่เกิดขึ้นมาจากความไม่สามัคคีกัน โดยท่านผู้นำ กล่าวว่า “ส่วนมากของสินค้าราคาแพงนั้นไม่มีข้ออ้างใดๆทั้งสิ้น และในระหว่างหน่วยงานต่างๆก็จะต้องมีความสามัคคีกันเพื่อแก้ไขปัญหาสินค้าราคาแพงอย่างเร็วที่สุด”
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า การที่เนื้อสัตว์ ไก่ มะเขือเทศ และผ้าอ้อมสำเร็จรูปของเด็กนั้นมีราคาแพง แม้ว่าจะมีสินค้าที่เพียงพอ เป็นราคาแพงที่ไม่มีพื้นฐานและไม่สมเหตุสมผล โดยท่านผู้นำกล่าวเสริมว่า “สินค้าราคาแพงและปัญหาทั้งหมดนี้นั้น สามารถที่จะแก้ไขได้ด้วยความร่วมมือของหน่วยงานต่างๆ ซึ่งปัญหาต่างๆก็จะต้องถูกขจัดออกไปจากประชาชน”
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม กล่าวถึงประเด็นทางด้านความมั่นคง โดยท่านกล่าวว่า “เพื่อสร้างความเชื่อมั่นทางด้านความมั่นคงและการไม่ตกเป็นเหยื่อของศัตรู เราจะต้องเสริมสร้างความเข้มแข็งทางด้านเครื่องมือในการป้องกัน เช่น ขีปนาวุธ โดรนไร้คนขับ และเครื่องบิน และเพื่อทำให้เกิดความมั่นคงภายใน หน่วยงานต่างๆที่เกี่ยวข้องก็จะต้องระมัดระวังกรณีในการแทรกแซงด้วย”
ในประเด็นด้านวัฒนธรรม ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ยังได้เรียกร้องให้บรรดาเจ้าหน้าที่ทางด้านวัฒนธรรมมีความพยายามอย่างชาญฉลาดอีกด้วย
ในช่วงสุดท้ายของการปราศรัย ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังได้ชี้ถึงกรณีสงครามล่าสุดที่เกิดขึ้นระหว่างอาร์เมเนียและสาธารณรัฐอาเซอร์ไบจาน โดยท่านได้เน้นว่า ประเด็นนี้ ถือเป็นเหตุการณ์ที่ขมขื่นและยังเป็นภัยคุกคามต่อความมั่นคงในภูมิภาค โดยท่านผู้นำ กล่าวว่า “ความขัดแย้งทางทหารนี้ จะต้องยุติโดยเร็วที่สุด แน่นอนว่า ดินแดนทั้งหมดของสาธารณรัฐอาเซอร์ไบจานที่อาร์เมเนียได้ยึดครอง จะต้องได้รับการปลดปล่อยและส่งคืนให้กับอาเซอร์ไบจาน”
ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ยังได้เน้นย้ำถึงความจำเป็นในการรักษาความปลอดภัยของชาวอาร์เมเนียในดินแดนเหล่านี้และการปฏิบัติตามเขตพรมแดนระหว่างประเทศของทั้งสองฝ่าย โดยท่านผู้นำกล่าวเสริมว่า “เหล่าผู้ก่อการร้ายที่เข้ามาในภูมิภาคนี้ ตามรายงานที่เชื่อถือได้นั้น จะต้องไม่เข้ามาใกล้ชิดชายแดนอิหร่าน และหากว่าพวกเขาเข้ามาใกล้ชายแดน แน่นอนจะมีการจัดการขั้นเด็ดขาด”