ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม อยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ได้ส่งสาส์นเนื่องในวาระดิถีเริ่มต้นปีศักราชที่ 1399 โดยท่านผู้นำได้ชี้ถึงวันขึ้นปีใหม่ประจวบเหมาะกับวันคล้ายวันชะฮาดัตของอิมามมูซา บิน ญะอ์ฟัร (อ) โดยท่านกล่าวให้สลามและสดุดีต่อท่านอิมาม ผู้ทรงเกียรติ และท่านยังได้กล่าวแสดงความยินดีเนื่องในวันอีดมับอัษและอีดโนรูซต่อบรรดาครอบครัวของเหล่าชะฮีดและบรรดาทหารผ่านศึก บรรดาแพทย์และพยาบาลทั้งหลาย และบรรดาผู้ที่ให้บริการต่อประชาชนทั้งหลาย โดยท่านได้ตั้งชื่อปีใหม่นี้ว่า “ปีแห่งการมุ่งหน้าสู่การผลิต”
ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ได้กล่าวแสดงความเสียใจและความยินดีต่อบรรดาครอบครัวของชะฮีดทั้งหลายในปี 1398 อาทิเช่น บรรดาชะฮีด ผู้ที่ปกป้องฮะรอมอันศักดิ์สิทธิ์และเขตพรมแดนของประเทศ โดยเฉพาะชะฮีด นายพลสุไลมานี ชะฮีด อะบูมะฮ์ดี อัลมุฮันดิส และผู้ที่ร่วมติดตามกับเขา อีกทั้งบรรดาชะฮีดในเหตุการณ์เมืองเคอร์มาน เหตุการณ์เครื่องบินตก และบรรดาชะฮีดแห่งการต่อสู้กับโรคโคโรน่า (ชะฮีดสลามัต) โดยท่านผู้นำถือว่า ปี 1398 เป็นปีที่มีเหตุการณ์ต่างๆมากมายสำหรับประชาชาติอิหร่าน และท่านผู้นำได้ตั้งข้อสังเกตว่า “ปีที่ผ่านมาเริ่มต้นด้วยกับเหตุการณ์น้ำท่วมและได้สิ้นสุดลงด้วยโรคโคโรน่า และในตลอดช่วงปีที่ผ่านมา ก็เกิดเหตุการณ์ต่างๆมากมาย เช่น เหตุการณ์แผ่นดินไหว และการคว่ำบาตรต่างๆ แต่จุดที่สูงสุดของเหตุการณ์เหล่านี้ คือ อาชญากรรมในการก่อการร้ายของสหรัฐ และการเป็นชะฮีดของนายพล ผู้เลื่องลือของอิสลามและอิหร่าน ชะฮีด นายพลสุไลมานี”
ท่านผู้นำสูงสุดการปฎิวัติอิสลาม ยังกล่าวเสริมว่า “ปีที่ผ่านมานั้น ถือว่าเป็นปีที่มีความยากลำบากอย่างยิ่ง รวมทั้งความยากลำบากของประชาชนนั้นก็มีไม่ใช่น้อย แต่ด้วยกับความยากลำบากเหล่านี้ได้ทำให้ประชาชาติอิหร่านได้รับความภาคภูมิใจอันไม่เสมอเหมือนผู้ใดและมีความเจิดจรัสอย่างแท้จริง”
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า คลื่นมหาชน ผู้ศรัทธาในการช่วยเหลือประชาชนที่ประสบอุทกภัยน้ำท่วมในช่วงแรกของปี ถือว่า เป็นเหตุการณ์ที่สง่างามในปี 1398 โดยท่านยังกล่าวเสริมว่า “เกิดความประหลาดใจของประชาชนในการเข้าร่วมของประชาชนหลายสิบล้านคนในเหตุการณ์แห่งการเป็นชะฮีดของนายพลสุไลมานี ผู้ยิ่งใหญ่ และการรวมตัวของมวลมหาชนในกรุงเตหะราน เมืองกุม อะฮ์วาซ อิสฟาฮาน มัชฮัด และเคอร์มาน ซึ่งถือว่าเป็นเหตุการณ์ที่ได้ถูกบันทึกไว้ในหน้าประวัติศาสตร์ของโลกที่ไม่เสมอเหมือนผู้ใด ซึ่งเป็นการสำแดงของความภาคภูมิใจของประชาชนและเป็นการรักษาเกียรติและศักดิ์ศรีของประเทศและประชาชาติ”
ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ถือว่า การเสียสละต่างๆของประชาชนที่ควรค่าต่อการยกย่องในเหตุการณ์โคโรน่า คือ อีกตัวอย่างที่เด่นชัดของประชาชาติในปี 1398 โดยท่านผู้นำกล่าวว่า “ความเพียรพยายามของหน่วยงานต่างๆทางด้านสาธารณสุข กล่าวคือ บรรดาแพทย์ พยาบาล ผู้ช่วยพยาบาล ผู้บริหาร และบรรดาเจ้าหน้าที่ในศูนย์การแพทย์ รวมทั้งหน่วยงานอาสาสมัครภาคประชาชน เช่น บรรดานักศึกษามหาวิทยาลัยและนักศึกษาศาสนาและบรรดาอาสาสมัครทั่วไป ซึ่งทั้งหมดนั้นถือว่าเป็นการรักษาเกียรติและศักดิ์ศรีของประเทศ”
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังได้ชี้ถึงตัวอย่างในความร่วมมือ การช่วยเหลือทางสังคมของประชาชนทั้งหลายในหลายวันที่ผ่านมา เช่น การผลิตและการแจกจ่ายหน้ากากอนามัยและเจลแอลกอฮอล์ล้างมือ รวมทั้งการฆ่าเชื้อโรคในสถานที่ต่างๆ การช่วยเหลือผู้สูงอายุ การไม่คิดค่าเช่าสถานที่และการชะลอการชำระหนี้สิน โดยท่านผู้นำกล่าวเสริมว่า “ประชาชาติได้แสดงให้เห็นถึงความสวยงามและความประเสริฐทั้งหลายของตนในยามที่ตกอยู่ที่วิกฤตที่ยากลำบาก และข้าพเจ้าจึงต้องขอกล่าวขอบคุณอย่างสุดซึ้งในการดำเนินการทั้งหมดของทุกๆท่าน และก็จะขอแจ้งข่าวดีว่า รางวัลแห่งพระเจ้านั้นกำลังรอคอยพวกเขาอยู่”
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า การทดสอบของปี 1398 เป็นการทดสอบที่ยากลำบากอย่างยิ่ง และท่านได้เน้นว่า ไม่มีประชาชาติใดที่จะประสบความสำเร็จด้วยกับความสุขสบายได้หรอก โดยท่านยังกล่าวว่า “การพิชิตเหนือความยากลำบากและการก้าวผ่านด้วยกับการมีจิตวิญญาณที่ทรงพลังของประชาชาติ ดั่งเช่นที่ประชาชาติอิหร่านได้พิชิตเหนือปัญหาต่างๆที่ผ่านมาในอดีต ปัจจุบันและอนาคตก็จะเป็นเช่นนั้น อีกด้วยเช่นกัน”
ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ถือว่า การรู้จักถึงจุดอ่อนภายในเป็นปัจจัยสู่การมุ่งมั่นต่อพระเจ้า และเป็นบทเรียนหนึ่งจากเหตุการณ์ต่างๆที่ผ่านมา และท่านผู้นำยังได้ขอต่อพระผู้เป็นเจ้า โดยขอให้ปี1399 นั้น เป็นปีแห่งความสำเร็จอันยิ่งใหญ่และด้วยการช่วยเหลือของท่านอิมามมะฮ์ดี ในการสนับสนุนต่อประชาชน ผู้ศรัทธาแห่งอิหร่าน โดยท่านผู้นำกล่าวว่า “ดั่งเช่นที่ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ประชาชาติได้เผชิญหน้ากับเหตุการณ์ต่างๆอย่างกล้าหาญและการมีจิตวิญญาณ และหลังจากนี้ พวกเขาก็จะเผชิญหน้าด้วยการมีจิตวิญญาณและความหวัง และพวกเขาจะต้องเชื่อมั่นว่า ความขมขื่นจะก้าวผ่านไปและความสุขสบายก็จะรอคอยประชาชาติอิหร่านอยู่ เพราะว่า แท้จริงแล้วด้วยความยากลำบากนั้นย่อมมีความสุขสบาย”
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังได้ชี้ถึงการขับเคลื่อนในการทำงาน และความพยายามในภาคส่วนต่างๆของประเทศ เช่น ภาคส่วนทางวิชาการ การวิจัย ทางสังคม หน่วยงานภาครัฐและฝ่ายตุลาการ โดยท่านผู้นำ กล่าวเสริมว่า “พระผู้เป็นเจ้า จะทรงประทานเกียรติ และความเป็นศิริมงคลให้กับความเพียรพยายามทั้งหมด และประชาชาติก็จะก้าวผ่านเส้นทางนี้ได้ด้วยกับความภาคภูมิใจ”
ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ยังได้ประเมินผลของอัตราความก้าวหน้าของคำขวัญปี 1398 กล่าวคือ ปีแห่งการส่งเสริมการผลิต โดยท่านผู้นำได้ชี้ให้เห็นว่า รายงานได้ระบุว่า โรงงานบางแห่งที่ยุติไปได้เริ่มผลิตอีกครั้ง การเพิ่มศักยภาพในการผลิตของบางหน่วยงาน การปฏิบัติงานของบริษัทความรู้พื้นฐาน ความจริงจังในการค้นคว้า และการวิจัย โดยท่านถือว่าเป็นแหล่งกำเนิดของการผลิต และท่านผู้นำกล่าวว่า “รายงานต่างๆได้แสดงให้เห็นว่า ปี 98 นอกเหนือจากที่มีการตอบรับจากบรรดาผู้เชี่ยวชาญในคำขวัญปีแห่งการส่งเสริมการผลิตแล้ว ในภาคปฏิบัติก็มีการตอบรับด้วยเช่นกัน และด้วยการทำงานและความพยายามของหน่วยงานต่างๆได้ทำให้มีการผลิตเพิ่มขึ้นประมาณหนึ่ง ซึ่งแน่นอนว่าประชาชนนั้นยังไม่ได้เห็นผลของมันในการดำเนินชีวิตของพวกเขา”
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังได้เน้นอีกว่า จะต้องมีการทำงานที่มากถึง 10 เท่า และการผลิตนั้นจะต้องทำให้ประชาชนได้เห็นผลของมัน โดยท่านกล่าวเสริมว่า “ปัญหาทางเศรษฐกิจของประเทศนั้นมีหลากหลาย เช่น การปฏิรูปธนาคาร ภาษีศุลกากร การปรับปรุงสภาพแวดล้อมของการทำธุรกรรม แต่บทบาทของการผลิตนั้นจะต้องมีเอกลักษณ์ที่เฉพาะตัว และด้วยการผลิตและการใช้ประโยชน์จากตลาดการค้าขายให้กับ 80 ล้านคนในประเทศ รวมทั้งการค้าขายกับตลาดในต่างประเทศ ก็จะทำให้ปัญหาทางเศรษฐกิจนั้นสิ้นสุดลงและการคว่ำบาตรต่างๆจะไร้ผลต่อประเทศอีกด้วย”
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังกล่าวเสริมว่า จากการคว่ำบาตร จนถึงขณะนี้นั้น มีทั้งความเสียหายและผลประโยชน์รวมอยู่ด้วยเช่นกัน ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้เรานั้นต้องคิดในการจัดเตรียมสิ่งของที่จำเป็นในการดำเนินชีวิตและความต้องการของประเทศ การใช้เครื่องอำนวยความสะดวกภายในประเทศ ถือว่า การขับเคลื่อนนี้มีคุณค่าอย่างมาก และหากพระเจ้าทรงประสงค์ก็จะมีการดำเนินการต่อไปอย่างต่อเนื่อง”
ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ได้กล่าวสรุปในคำพูดของท่าน โดยเฉพาะในประเทศนั้นมีความต้องการในการผลิต ซึ่งท่านผู้นำจึงตั้งชื่อปี 99 นี้ว่า เป็นปีแห่งการมุ่งหน้าสู่การผลิต และท่านยังได้กล่าวถึงเจ้าหน้าที่ในหน่วยงานต่างๆว่า “พวกท่านจะต้องกระทำการงานด้วยการมุ่งหน้าและก้าวกระโดด และเกิดความเปลี่ยนแปลงที่ประชาชนทั้งหลายนั้นสามารถสัมผัสได้”
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม กล่าวเสริมว่า “แน่นอนว่าการบรรลุยังเป้าหมายเหล่านี้ก็จะต้องมีการวางแบบแผนและหน่วยงานภาคส่วนต่างๆที่เกี่ยวข้อง เช่น องค์กรการวางแบบแผนและงบประมาณของประเทศ รัฐสภา ศูนย์วิจัย สภาตุลาการสูงสุด และองค์กรความรู้พื้นฐานและกลุ่มเยาวชนทั้งหลายที่เป็นนักคิดสร้างสรรที่จะต้องเข้าร่วมกันในการวางแบบแผนเหล่านี้”
ในช่วงท้าย ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ได้กล่าวแสดงความยินดีเนื่องในวันปีใหม่และวันอีดมับอัษ อีกครั้ง โดยหวังความปรารถนาจากพระเจ้าที่มีต่อประชาชาติอิหร่าน การเพิ่มพูนในความหวัง การตะวัซซุล และการมีจิตวิญญาณ