สำนักผู้นำสูงสุดซัยยิด อาลี คาเมเนอี

กลุ่มผู้ประกอบการ ผู้ผลิต และนักเคลื่อนไหวด้านเศรษฐกิจ เข้าพบท่านผู้นำสูงสุด

เราได้ทำให้ศัตรูล่าถอยในทุกสมรภูมิร่วมทั้งสงครามเศรษฐกิจเช่นกัน

บรรดาผู้ประกอบการ ผู้ผลิต และนักเคลื่อนไหวด้านเศรษฐกิจ สองพันห้าร้อยคน เข้าพบท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม อยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี โดยท่านผู้นำได้ชี้ถึงความสำคัญในความมั่งคั่งแห่งชาติและการขยายวงกว้างของสวัดิการทั่วไปในระบอบรัฐอิสลาม และความจำเป็นที่จะไม่ต้องคาดหวังจากต่างชาติ โดยท่านได้เน้นว่า “การทำงานและจุดยุทธศาสตร์หลัก คือ การสร้างความปลอดภัยทางเศรษฐกิจให้รอดพ้นจากผลกระทบของการคว่ำบาตรด้วยกับการเสริมสร้างความแข็งแกร่งและการรณรงค์การส่งเสริมการผลิตภายในประเทศ และข้าพเจ้าก็ได้ยืนหยัดอยู่ข้างหลังในประเด็นนี้และจะปกป้องในทุกวิถีทางเพื่อให้ก้าวสู่เส้นทางของความก้าวหน้าในประเทศอย่างแท้จริง”

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ถือว่า เป้าหมายหลักในการพบปะกันกับบรรดาประกอบการ ผู้ผลิต รวมทั้งบรรดานักเคลื่อนไหวทางด้านเศรษฐกิจ คือ การขอบคุณต่อองค์ประกอบหลักอันนี้ที่มีต่อสาธารณชน ทั้งในคำพูดและข้อเสนอแนะของบรรดาผู้ผลิตในการพบปะกันครั้งนี้ ซึ่งถือว่ามีความสำคัญเป็นอย่างมากและก็จะต้องให้ความสนใจเป็นพิเศษอีกด้วย

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังได้กล่าวอธิบายถึงจุดหนึ่งว่า ข้าพเจ้านั้นหวังเป็นอย่างยิ่งว่า บรรดาเจ้าหน้าที่ภาครัฐ และสมาชิกรัฐสภาฯ น่าจะได้มาเข้าร่วมรับฟังในการพบปะกันในครั้งนี้ โดยท่านกล่าวว่า “ผู้ที่คิดเป็นอย่างอื่นในกรณีของการส่งเสริมการผลิตก็จะหาวิธีการในการแก้ไขปัญหาในรูปแบบอื่นๆ ซึ่งพวกเขานั้นจะต้องรับฟังคำพูดของบรรดาผู้ผลิตทั้งหลายในค่ำคืนนี้ และจะได้เข้าใจว่า วิธีการเดียว ก็คือ การขับเคลื่อนด้วยชีวิต และการมีแสงสว่าง รวมทั้งการใช้พลังงานของประเทศ ซึ่งวิธีการเหล่านี้ นักเคลื่อนไหวทางด้านการผลิตก็จะเปิดมันออกมาให้กับประเทศ”

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ถือว่า บทบาทของเศรษฐกิจในระบอบรัฐอิสลามนั้นมีความสำคัญอย่างมาก โดยท่านกล่าวเสริมว่า “ความมั่งคั่งของสังคม การเพิ่มความมั่งคั่งของชาติ การขยายวงกว้างของสวัสดิการทั่วไป การแพร่กระจายทรัพยากรสาธารณะของอิสลามอย่างยุติธรรมนั้น เป็นหนึ่งในคุณค่าที่จะเกิดขึ้นด้วยกับมุมมองนี้ที่มีความแตกต่างกันในสังคม และจะไม่ทำให้เกิดช่องว่างในระดับชนชั้นอีกด้วย”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า ผู้บัญชาการ ผู้ที่บุกเบิกในระดับแถวหน้า คือ การผลิตภายในประเทศ การส่งเสริมทางด้านเศรษฐกิจ และการขยายวงกว้างของสวัสดิการสาธารณะชน โดยท่านได้ตั้งข้อสังเกตว่า “สนามรบที่ยิ่งใหญ่นี้ คือ สนามรบอันหนึ่งที่แท้จริง”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังได้ชี้ให้เห็นว่า สงครามที่เกิดขึ้นมาโดยตลอด คือ สงครามทางเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นระหว่างประเทศทั้งหลายและกลุ่มอำนาจต่างๆ โดยท่านกล่าวเสริมว่า  “แน่นอนว่าในช่วงยุคสมัยของประธานาธิบดีสหรัฐฯคนปัจจุบัน สงครามครั้งนี้ที่ได้เกิดขึ้นกับจีน เกาหลี ยุโรปและภูมิภาคอื่นๆ ก็ได้ขยายวงกว้างออกไป และในการต่อต้านอิหร่านด้วยกับมาตรการคว่ำบาตร การก่ออาชญากรรม ความเกลียดชังและความน่ารังเกียจ”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า การจินตนาการว่าการคว่ำบาตรนั้นจะสิ้นสุดลงในอีกหนึ่งปีหรือสองปีข้างหน้า คือ การจินตนาการที่เป็นโมฆะ โดยท่านกล่าวเสริมว่า “ด้วยกับความรู้ของเราในปัญหาต่างๆของฝ่ายมหาอำนาจ การคว่ำบาตรนั้นก็จะยังคงมีอยู่ต่อไป ฉะนั้น เพื่อที่จะทำให้เราปลอดภัยจากปัญหาเศรษฐกิจของประเทศ ก็อย่าได้รอคอยการสิ้นสุดของมาตรการคว่ำบาตร และการปรากฏตัวหรือการไม่ปรากฏตัวของผู้หนึ่ง ผู้ใด หรือจากการดำเนินการของประเทศใด ประเทศหนึ่งเสียก่อน”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม กล่าวเสริมว่า “แน่นอนว่า การหลีกหนีจากมาตรการคว่ำบาตร ถือว่า เป็นอีกหนึ่งในกลยุทธ์ที่ดีเป็นอย่างมาก แต่ทว่า จะต้องมีการกระทำและมีการรักษาจุดยุทธศาสตร์หลักให้ปลอดภัยจากผลกระทบที่เกิดขึ้นมาจากมาตรการคว่ำบาตร”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า การพึ่งพายังรายได้จากน้ำมัน แม้นว่าจะได้มาจากงบประมาณประจำปีนี้ก็ตามนั้น เป็นเหตุทำให้เกิดผลกระทบต่อประเทศ โดยท่านกล่าวเสริมว่า “การพึ่งพานี้ เนื่องจากมาตรการคว่ำบาตรก็ได้ลดน้อยลง แต่ในช่วงทศวรรษที่ 70 ในรัฐบาลยุคนั้นของพี่ชายและมิตรที่เคารพรักยิ่ง ท่านมัรฮูม ฮาชิมี รัฟซันญานี ข้าพเจ้าก็ได้เน้นย้ำไปแล้วว่า จะต้องค่อยๆลดในการพึ่งพารายได้จากน้ำมันด้วย”

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ถือว่า เป้าหมายของการจัดตั้งกองทุนเพื่อการพัฒนาแห่งชาติ เป็นการนำรายได้ส่วนหนึ่งของน้ำมันให้ออกจากหน่วยงานภาครัฐฯในแต่ละปี และท่านผู้นำกล่าวว่า “จากอดีตจนถึงปัจจุบัน เวลาที่รัฐบาลทั้งหลายประสบกับปัญหา พวกเขาก็มาขอร้องให้ข้าพเจ้าช่วยถอนเงินออกจากกองทุนและผลที่ได้รับตามมาก็คือ ช่างน่าเสียใจอย่างยิ่งที่กองทุนเพื่อการพัฒนานี้ไม่ได้มีผลลัพท์ตามที่ควรจะเป็น”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า การติดอาวุธให้กับการปฏิวัติอิสลาม และการมีเจตนามุ่งมั่นภายในประเทศ เป็นอีกวิธีการในแก้ไขปัญหาต่างๆ โดยท่านกล่าวเสริมว่า “วิธีการเดียวที่จะแก้ไขปัญหาต่างๆ ก็คือ เราจะต้องมีการดำเนินการอย่างต่อเนื่องบนวิถีแห่งความแข็งแกร่งและการส่งเสริมการผลิตภายในประเทศด้วยกับความจริงจัง และมีการตัดสินใจที่ถูกต้อง ทั้งยังมีการดำเนินการที่จำเป็น และเราก็จะต้องขจัดอุปสรรคต่างๆโดยมีการขับเคลื่อนไปในแนวทางนี้ด้วยกับการมีผลลัพท์ในเชิงบวกอีกด้วย”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า การมุ่งเน้นความสนใจยังการผลิตภายในประเทศ เป็นเหตุทำให้ประเทศรอดพ้นจากสถานการณ์ที่คับขัน โดยท่านผู้นำกล่าวว่า “การยึดถือกระบวนการในการแก้ไขปัญหาต่างๆ ด้วยกับการตัดสินใจของผู้อื่นนั้น จะทำให้เกิดปัญหาที่เลวร้ายที่สุดสำหรับประเทศ”

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี รู้สึกเสียใจในสถานการณ์เช่นนี้ที่เกิดขึ้นในช่วงเวลาไม่กี่ปีที่ผ่านมา  โดยท่านได้กล่าวเสริมว่า “ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา การอธิบายปัญหาต่างๆ เช่น คำพูดที่ว่า เราจะต้องมาดูกันว่าในอีก 6 เดือนข้างหน้านั้นจะเกิดอะไรขึ้น หรือ ข้อตกลงนิวเคลียร์นั้นจะเป็นเช่นไรต่อไป และในปัจจุบันที่บอกว่า ด้วยความหวังในการรอคอยประธานาธิบดีฝรั่งเศส ทั้งหมดนั้นไม่ได้ทำให้ปัญหาต่างๆได้รับการแก้ไข และจะไม่ได้รับการแก้ไขอีกด้วย ซึ่งจะต้องไม่มีมุมมองเช่นนี้อีกต่อไป”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังได้เน้นว่า “แน่นอนว่า ไม่ถือว่าเป็นปัญหาแต่อย่างใด เพราะว่าเรายังไม่ได้ผ่านเส้นสีแดง(อันตราย) แต่ก็อย่าได้ผูกขาดกับการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจด้วยกับการกระทำเหล่านี้ และการตั้งเงื่อนไขให้กับสาธารณชน”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า ขีดความสามารถในประเทศนั้นไม่มีที่สิ้นสุด โดยท่านกล่าวย้ำว่า “ในขณะที่บรรดานักเคลื่อนไหวทางด้านเศรษฐกิจ เหมือนดั่งเช่นในคืนนี้ ได้มาฟ้องร้องและมีความกังวลใจ แน่นอนว่า ข้อเท็จจริงนี้ คือ การประกาศว่าขีดความสามารถและศักยภาพที่ก้าวหน้าของประเทศนั้นยังคงมีอยู่ และจะต้องขจัดอุปสรรคที่ขวางกั้นให้ออกพ้นไป”

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ยังกล่าวเสริมในประเด็นนี้ว่า “หากพระผู้เป็นพระเจ้าทรงประสงค์ ด้วยกับการใช้ประโยชน์จากศักยภาพต่างๆที่มีอยู่ และด้วยเกียรติของการดำเนินการของบรรดานักเคลื่อนไหวทางเศรษฐกิจ เราจะทำให้มาตรการคว่ำบาตรที่ถือว่าเป็นภัยคุกคามนั้น จะกลายเป็นโอกาส”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังได้ชี้ให้เห็นว่า หากประชาชาติอิหร่านและนักเคลื่อนไหวทางเศรษฐกิจและบรรดาปัญญาชนของประเทศ สามารถพึ่งพายังขีดความสามารถภายในประเทศได้ ก็จะทำให้การคว่ำบาตรนั้นไม่มีประสิทธิภาพ และผู้ที่ต้องการคว่ำบาตรการก็จะยกเลิกมาตรการคว่ำบาตร เพราะว่าพวกเขาจะได้รับความเสียหาย”

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ได้เน้นย้ำว่า “หากว่าฝ่ายตรงข้ามยกเลิกนโยบายในการคว่ำบาตร เราก็จะต้องไม่เปลี่ยนแปลงนโยบายในการพึ่งพาศักยภาพภายในประเทศเป็นอันขาด โดยท่านผู้นำกล่าวเสริมว่า “บางคนที่เป็นผู้รอคอยได้อ้างว่า หากวิธีทางนั้นได้เปิดออกเมื่อใด เมื่อนั้นการกำหนดทิศทางของเศรษฐกิจของประเทศก็จะมุ่งไปยังต่างประเทศ ในขณะที่ความคิดเช่นนี้ ถือว่ามีความผิดพลาด”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังได้ตั้งข้อสังเกตว่า “จะต้องมีการสร้างความมั่นใจให้กับนโยบายการพึ่งพาศักยภาพภายในประเทศ หากว่ามาตรการคว่ำบาตรต้องยกเลิกจริง ก็จะไม่ทำให้เกิดความเสียหายได้”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า พลังงานของเยาวชน หรือตามทัศนะของผู้เชี่ยวชาญ ที่ว่า เป็นดั่งหน้าต่างของประชาคม คือ หนึ่งในลักษณะพิเศษที่สำคัญของประเทศ โดยท่านผู้นำกล่าวว่า “เรามีโอกาสในวันนี้ แน่นอนว่า เราจะใช้ประโยชน์จากลักษณะพิเศษนี้ได้เพียง 20 ปีเท่านั้น หากว่าเรายังเพิกเฉยในช่วงเวลา 20 ปีนี้ ประเทศก็จะเข้าสู่วัยในความเป็นคนชราภาพ และก็ไม่มีความสามารถที่จะกระทำการอะไรอีกได้เลย”

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ยังได้เน้นถึงความจำเป็นในการเพิ่มมาตรการในการคลอดบุตรและการสร้างความมั่งคั่งที่ยั่งยืน โดยท่าน กล่าวเสริมว่า “ประเด็นการคลอดบุตรมักจะเน้นย้ำหลายต่อหลายครั้งแล้ว ด้วยเหตุผลนี้เอง เพราะว่าหากมีการเพิกเฉยต่อประเด็นนี้  แต่ช่างน่าเสียใจอย่างยิ่งที่ไม่เคยได้รับความสนใจเลยในช่วงเวลานานมาแล้ว ขณะที่เมื่อประเทศหลังจาก 20 ปีแล้ว ก็จะไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้อีกต่อไป”

ในการปราศรัยของท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ท่านยังได้ให้คำแนะนำที่สำคัญแก่บรรดานักเคลื่อนไหวทางเศรษฐกิจ ประชาชนทั่วไป นักวิชาการ สื่อสารมวลชน และหน่วยงานของรัฐฯ

โดยในช่วงแรกท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม กล่าวว่า “พวกท่านทั้งหลาย คือ ผู้ที่จะต้องดำเนินการตามมาตราที่ 44  ซึ่งนโยบายของมาตรานี้ จะเป็นทั้งสิทธิและหน้าที่รับผิดชอบให้กับพวกท่านอีกด้วย”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังได้ชี้ถึงการรับรองนโยบายของมาตราที่ 44 โดยบรรดาผู้เชี่ยวชาญทางเศรษฐกิจในช่วงเวลาที่มีการประกาศใช้ โดยท่านผู้นำกล่าวเสริมว่า  “แน่นอนว่านโยบายเหล่านี้ไม่ได้มีการดำเนินการอย่างถูกต้อง เพราะการถ่ายโอนโรงงานบางแห่งไปยังผู้ประกอบการที่เขาใช้ประโยชน์ไปในทางที่ไม่ดี ไม่เพียงแต่จะไม่สร้างความแข็งแกร่งให้กับภาคเอกชนแล้ว ยังเป็นการกระทำที่ไม่ถูกต้องอีกด้วย ทั้งยังเป็นการทำให้บรรยากาศของบรรดาผู้ประกอบการนั้นไม่มีความเหมาะสมกับภาคเอกชนด้วยเช่นกัน”

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ได้เน้นย้ำว่า “บรรดาผู้ประกอบการภาคเอกชนก็จะต้องใช้ประโยชน์จากศักยภาพของนโยบายของมาตราที่ 44 ด้วยกับการวางแบบแผนและมีแผนการทางการปฏิบัติ โดยมีการจัดตั้งห่วงโซ่ที่พิเศษในการผลิตทางความรู้ การออกแบบ และวิศวกรรม จนกระทั่งถึง การผลิตผลิตภัณฑ์และการตลาด”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังได้ชี้ถึงความหมายของนโยบายของมาตราที่ 44 มิได้หมายถึงการที่ภาคเอกชนต้องเข้ามาแทนที่ภาครัฐฯ โดยท่านกล่าวเสริมว่า “สองภาคส่วนนี้ จะต้องมีความช่วยเหลือต่อกันและกัน ยกตัวอย่างเช่น หากว่าภาคเอกชนสามารถที่กระทำการงานนี้ได้ ภาครัฐและหน่วยงานอื่นภาคเอกชนก็จะไม่ถือว่าเป็นคู่แข่ง และไม่เข้ามาร่วมในการกระทำด้วย อีกทั้งยังถอนตัวออกห่าง”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังกล่าวเสริมอีกว่า “แน่นอนว่า ภาครัฐก็ไม่ควรที่จะยกเลิกการประกอบการทางเศรษฐกิจทั้งหมด เพราะว่า ยังมีการกระทำอีกมาก ที่นอกเหนือจากภาครัฐหรือหน่วยงานทั่วไปที่ไม่ใช่ภาครัฐแล้ว ก็ไม่สามารถที่จะดำเนินการได้”

ในบริบทนี้ ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า ภาคสหกรณ์ เป็นปรากฏการณ์ที่พึงปรารถนาในในระบบเศรษฐกิจของประเทศ โดยท่านกล่าวเสริมว่า : ในสหกรณ์ต่างๆ ด้วยกับการใช้ทุนขนาดเล็ก ก็สามารถสร้างงานจำนวนมากได้ ซึ่งหากว่า การสร้างงานเหล่านี้มีการดำเนินการแบบเป็นเครือข่าย ก็จะทำให้เศรษฐกิจของประเทศได้รับเกียรติอย่างมากมาย เพราะรัฐมนตรีกระทรวงสหกรณ์ จะต้องติดตามประเด็นนี้ด้วยอย่างจริงจัง”

“การใช้ประโยชน์จากสินค้าในประเทศ” “การมีส่วนร่วมในการลงทุนที่มีประสิทธิผล เช่น สหกรณ์ต่างๆและตลาดหลักทรัพย์” และ “การส่งเสริมทางวัฒนธรรมในรูปแบบญิฮาดีและสหกรณ์ เป็นทั้งหมดนี้ คือ คำแนะนำของท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลามที่มีต่อประชาชนทั่วไป

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ยังได้ชี้ถึงการมีจิตวิญญาณในการช่วยเหลือและความร่วมมือกันในหมู่ประชาชน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในภัยพิบัติทางธรรมชาติ เช่น ภัยน้ำท่วมและแผ่นดินไหว ถือว่ามีความจำเป็นที่จะต้องมีจิตวิญญาณเช่นนี้ในการกระทำทั้งหมด โดยท่านผู้นำกล่าวเสริมว่า “ประชาชนทั้งหลาย ก็จะต้องใช้ความเคารพต่อการผลิตภายในประเทศ และหากว่ามีพฤติกรรมที่ไม่ดีเกิดขึ้น ก็ถือว่าเป็นการกระทำที่ไม่ดีในด้านนี้ แต่อย่าได้ถือว่า เป็นการดำเนินการของภาคการผลิตภายในประเทศทั้งหมด”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า หนึ่งในตัวอย่างของการมีพฤติกรรมที่ไม่ดีทางด้านการผลิตภายในประเทศ คือ การใช้ประโยชน์จากแบรนด์สินค้าของต่างชาติ โดยท่านกล่าวว่า “วิธีการนี้จะต้องได้รับการแก้ไข”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า หน้าที่และความรับผิดชอบของนักวิชาการและผู้เชี่ยวชาญทางความรู้และมหาวิทยาลัย คือ การเข้ามาช่วยเหลือเพื่อแก้ไขปัญหาทางด้านเศรษฐกิจและความร่วมมือในภาคการผลิตในการแลกเปลี่ยนความรู้และประสบการณ์ โดยท่านกล่าวเสริมว่า “หน้าที่ที่สำคัญของบรรดานักวิชาการ ผู้เชี่ยวชาญ คือ การฝึกอบรมกำลังคนที่มีความสร้างสรรค์ มีนวัตกรรม ใหม่ๆและสามารถปรับตัวกับความต้องการในวันนี้ได้ และเช่นกัน การดำเนินการทางความรู้ในการแก้ไขปัญหาต่างๆที่มีอยู่ในระบบธนาคารและการจัดทำงบประมาณของประเทศ”

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ยังได้เน้นอีกว่า หน่วยงานภาครัฐฯก็จะต้องใช้ประโยชน์จากศักยภาพทางความรู้ของมหาวิทยาลัย โดยท่านกล่าวว่า “ในช่วงต้นปี ได้ให้โอกาสในการปรับปรุงระบบงบประมาณของประเทศเป็นระยะเวลา 4 เดือน แต่ช่างน่าเสียใจอย่างยิ่งที่สิ่งนี้ไม่ได้เกิดขึ้นเลย เหตุผลก็คือ การผูกมัดทางวิชาการ และการแก้ไขข้อผูกมัดนี้ได้ ก็คือ การช่วยเหลือของผู้เชี่ยวชาญของมหาวิทยาลัยและนักอัจฉริยบุคคลทางวิชาการอีกด้วย”

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ยังกล่าวต่อถึงข้อแนะนำที่มีต่อหน่วยงานต่างๆภาครัฐฯ โดยท่านกล่าวว่า “หน่วยงานต่างๆของรัฐจะต้องมีความจริงจังในการทำให้สภาพแวดล้อมทางธุรกิจและการประกอบอาชีพนั้นมีสภาพที่ดี และการจัดการกฏระเบียบที่ไม่ถูกต้องและการแก้ไขข้อผิดพลาดเพื่อสร้างสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมในการผลิตภายในประเทศ”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังได้เน้นว่า “จะต้องทำให้กฏระเบียบที่เกี่ยวข้องกับปัญหาทรัพย์สิน การเงิน  ธนาคาร ศุลกากร การจัดทำงบประมาณและการประกันสังคมนั้น มีประโยชน์ในการผลิต และมีการรัดกุมในการนำเข้าและการโอนเช็ค”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า การเปลี่ยนแปลงกฏและระเบียบการ เป็นหน้าที่ของรัฐสภาโดยท่านกล่าวว่า “แน่นอนว่า กฏหมายเหล่านี้บางส่วนได้มีการเปลี่ยนแปลงและได้รับการอนุมัติจากรัฐสภา แต่ก็ยังไม่ได้มีการดำเนินการ”

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ยังได้เน้นว่า “ปัญหาส่วนใหญ่ในภาคเอกชนที่เกี่ยวข้องกับการธนาคารและภาษีศุลกากร ทั้งรัฐสภาและรัฐบาลจะต้องมีการดำเนินการอย่างจริงจังเพื่อแก้ไขปัญหาเหล่านี้”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังได้ชี้ถึงความเป็นไปได้ในการเกิดข้อผิดพลาดบางประการจากบรรดาผู้ผลิต โดยท่านกล่าวว่า “ข้อผิดพลาดทั้งหมดนั้นไม่ได้อยู่ในระดับเดียวกัน และหน่วยงานที่ตรวจสอบ จะต้องไม่มองข้ามทุกๆความผิดพลาดของผู้ผลิต แต่ทว่าในการคิดบัญชีจากการทรยศนั้นต้องแยกออกจากข้อผิดพลาดดังกล่าวด้วย”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังได้ชี้ถึงการรายงานของประธานตุลาการสูงสุดที่เกี่ยวกับการป้องกันไม่ให้หน่วยงานการผลิตต้องหยุดปฏิบัติการในช่วงวันหยุด โดยท่านถือว่าเป็นการดำเนินการที่ดีอย่างมาก

อีกคำแนะนำหนึ่งของท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลามที่มีต่อหน่วยงานภาครัฐฯ คือ ความจำเป็นในการทำให้นโยบายการเงินและการคลังมีเสถียรภาพ

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังได้ชี้ถึงประสบการณ์ในการแลกเปลี่ยนทางการค้าและเศรษฐกิจกับประเทศต่างๆ โดยกล่าวว่า “ประสบการณ์นี้ได้แสดงให้เราได้เห็นว่า ประเทศต่างๆนั้นไม่เคยถ่ายทอดเทคโนโลยีที่จำเป็น โดยเฉพาะในภาคส่วนน้ำมัน ปิโตรเคมี ยานยนต์ให้กับอิหร่านเลย ดังนั้น หน่วยงานต่างๆเหล่านี้ของรัฐฯก็จะต้องใช้ประโยชน์จากขีดความสามารถภายในประเทศเพื่อให้บรรลุยังเทคโนโลยีเหล่านี้”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม กล่าวเสริมว่า “ความคิดเช่นนี้นั้นเป็นความคิดที่ละเอียดอ่อนที่สามารถจะค้นพบเทคโนโลยีที่มีความซับซ้อน และเซลล์ต้นกำเนิด หรือเทคโนโลยีการเสริมสมรรถนะยูเรเนียม จาก 3.5 เปอร์เซ็น เป็น 20 เปอร์เซ็น โดยปราศการช่วยเหลือใดๆทั้งสิ้น หรือว่าเรานั้นไม่มีความสามารถที่จะเข้าถึงเทคโนโลยีที่มากกว่า และการค้นพบแหล่งน้ำมันที่มากกว่ากระนั้นหรือ? แน่นอนอย่างยิ่งว่า เรานั้นมีความสามารถโดยเราจะต้องใช้ประโยชน์จากศักยภาพภายในประเทศเหล่านี้”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังได้ชี้ถึงการถอนตัวอย่างรวดเร็วของบริษัทน้ำมันและยานยนต์ของต่างชาติออกจากอิหร่าน หลังจากการประกาศการคว่ำบาตร โดยท่านกล่าวว่า “ในเวลานั้น บางคนรู้สึกเสียใจต่อประเด็นนี้ แต่อย่าได้เสียใจเป็นอันขาด และเราก็จะต้องรู้สึกดีใจอีกด้วย”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังได้ชี้ถึงบริษัทในประเทศที่เกี่ยวข้องกับการประกอบรถยนต์ อุตสาหกรรมน้ำมัน เครื่องใช้ในครัวเรือน เครื่องจักรกล โดยท่านกล่าวเสริมว่า “จะต้องใช้ประโยชน์จากศักยภาพเหล่านี้ โดยจะต้องมีการจัดนิทรรศการอย่างถาวร จากความร่วมมือกับบริษัทเหล่านี้”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า การถ่ายโอนขีดความสามารถที่เพิ่มขึ้นในวิศวกรรมและเทคโนโลยีของหน่วยงานทหาร เป็นความจำเป็นที่มีต่อหน่วยงานภาคพลเรือน โดยท่านผู้นำได้ตั้งข้อสังเกตว่า “เมื่อหลายปีที่ผ่านมา นายพล อิสราเอล นายหนึ่งกล่าวว่า ฉันนั้นรังเกียจชาวอิหร่าน แต่ในทางตรงกันกับความก้าวหน้า ฉันจะต้องให้เกียรติต่อความก้าวหน้าทางการทหารของพวกเขา แต่นับจากเวลานั้น จนถึงปัจจุบันนี้ เราได้มีผลผลิตต่างๆมากมายและสิ่งที่น่าสนใจอย่างยิ่ง เช่น เรามีขีปนาวุธพิสัยไกลซึ่งระยะพิสัยถึง 2 พันกิโลเมตร และมีความผิดพลาดอย่างมากเพียงไม่กี่เมตรเท่านั้น นี่คือ หนึ่งจากศักยภาพทั้งหมดที่เรามีอยู่”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม กล่าวเสริมว่า “ความสามารถทางด้านวิศวกรรมและเทคโนโลยีของหน่วยงานทหารที่สร้างความภาคภูมิใจ ควรที่จะนำไปใช้ในด้านยานยนต์ น้ำมัน ประเด็นอวกาศหรือประเด็นอื่นๆได้อีกด้วย”

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ถือว่า การสนับสนุนในการส่งออกและการเข้าร่วมของบรรดานักเคลื่อนไหวทางเศรษฐกิจในประเทศอื่นๆเป็นสิ่งที่มีความสำคัญด้วยเช่นกัน โดยท่านผู้นำกล่าวเสริมว่า “เราสามารถใช้ประโยชน์จากศักยภาพทางการทูตด้วยกับการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีทางเศรษฐกิจให้กับประเทศเพื่อนบ้านและประเทศอื่นๆ”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังกล่าวแนะนำให้บรรดาเจ้าหน้าที่รัฐฯได้ใช้ประโยชน์จากการผลิตภายในประเทศในเวทีระหว่างประเทศ โดยกล่าวเสริมว่า “บรรดาเจ้าหน้าที่จะต้องส่งเสริมสัญลักษณ์ คำพูดต่างๆ และความหมายของความเป็นอิหร่าน แต่ทว่าบางคนกับกระทำในทางที่ตรงกันข้าม”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม กล่าวว่า หนึ่งในข้อร้องเรียนของเราจากเจ้าหน้าที่บางคนในช่วงหลายปีที่ผ่านมา คือ ทำไมเวลาที่มีการเจรจากับพวกยุโรป จะต้องนำคำพูดของนักคิดชาวยุโรปคนหนึ่งเมื่อหลายร้อยปีมากล่าวอ้างด้วย ซึ่งคำพูดเช่นนี้ไม่ได้เป็นสิ่งใหม่ให้กับพวกยุโรปเลย และยังไม่มีคุณค่าใดๆอีกด้วย แต่เรานั้นมีคำพูดใหม่ๆและไม่เคยได้ยินกันมาก่อนที่จะต้องมีการพูดถึงมัน”

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ยังกล่าวต่อในการปราศรัยของท่าน โดยถือว่า การเข้าร่วมของทุกภาคส่วนในภาคเอกชนและสหกรณ์ในด้านน้ำมันและก๊าซนั้นเป็นสิ่งมีความจำเป็นอย่างยิ่ง โดยท่านผู้นำกล่าวเสริมว่า “บางกฏหมายของรัฐสภา เช่น กฏหมายล่าสุดที่ได้รับการอนุมัติทางด้านอุตสาหกรรม ที่นอกเหนือจากน้ำมันและก๊าซ ก็ยังค้างคาในการกำหนดระเบียบการ ในขณะที่จะต้องมีการดำเนินการอย่างรวดเร็ว เพื่อที่จะทำให้การประกอบการผลิตเกิดขึ้นรวดเร็วยิ่งขึ้น”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม กล่าวต่อในการปราศรัยของท่าน โดยถือว่า สื่อต่างๆจะต้องสะท้อนให้เห็นถึงความสำเร็จทั้งหลายของบรรดาผู้ผลิต โดยท่านกล่าวเสริมว่า “แน่นอนว่าสื่อต่างๆนั้นด้วยกับความเห็นอกเห็นใจของบางปัญหาที่ได้สะท้อนให้เห็น ซึ่งถือว่าไม่มีปัญหาใดๆ เพื่อที่จะทำให้บรรดาเจ้าหน้าที่รัฐฯได้มองเห็นผ่านทางสถานีโทรทัศน์ และจะได้เข้าใจว่าปัญหาเหล่านั้นเกิดขึ้นมาจากที่ใด แต่จะต้องมีการสะท้อนให้เห็นถึงความสำเร็จในด้านต่างๆในการผลิต เพื่อที่จะทำให้ประชาชน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง บรรดาเยาวชนได้มีการพูดถึงกัน และด้วยกับการแนะนำศักยภาพต่างๆทางการผลิต การตอบรับข้อเรียกร้องของบรรดานักเคลื่อนไหวทางเศรษฐกิจ เพื่อที่จะให้เจ้าหน้าที่มีความสนใจ”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า ความแตกต่างทางด้านภาษีของการโฆษณาของสินค้าในประเทศกับต่างชาตินั้นเป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างยิ่ง โดยท่านกล่าวเสริมว่า “เราจะต้องมีการดำเนินการในประเด็นนี้ เพื่อที่จะทำให้บรรดาผู้ประกอบการสามารถส่งเสริมแบรนด์ในการโฆษณาของพวกเขาได้”

ในช่วงท้ายของการปราศรัยของท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังได้เน้นย้ำว่า “ประชาชาติอิหร่านได้ทำให้ศัตรูต้องถอยหลังกลับ ทั้งทางด้านสงครามทางทหาร การเมือง ความมั่นคง(เหมือนกับในช่วงหลายวันที่ผ่านมา ไม่ได้เป็นการกระทำของประชาชน) และด้วยความกรุณาของพระเจ้า ในสงครามเศรษฐกิจก็จะทำให้ศัตรูต้องถอยหลังอย่างแน่นอน และจะมีการขับเคลื่อนต่อไปในวิถีแห่งการส่งเสริมทางการผลิตและความก้าวหน้าทางด้านเศรษฐกิจ โดยจะบรรลุสู่ความรุ่งเรืองอันสว่างไสวในอนาคตของพวกเขาอีกด้วย”

ในช่วงเริ่มต้นของการพบปะกัน ซึ่งถูกจัดขึ้นในปีแห่งการส่งเสริมการผลิต มีผู้ประกอบการจำนวนหนึ่งและบรรดานักเคลื่อนไหวทางเศรษฐกิจและการผลิตแห่งชาติได้กล่าวแสดงความคิดเห็นและข้อกังวลใจของพวกเขา

สุภาพบุรุษ:

- บะห์มัน อับดุลเลาะฮี - ผู้อำนวยสหกรณ์แห่งอิหร่าน

- ซีรุส ทาลารี - ผู้ผลิตอุปกรณ์อุตสาหกรรมน้ำมัน

-ซะอีด ซากาอี - ผู้ผลิตสารประกอบโพลีเมอร์

-บาบัก ซากาฟี - ผู้ผลิตเครื่องจักรสำนักงานของอิหร่าน

- มูฮัมหมัด อาหรับ - ผู้ผลิตรองเท้าและเครื่องหนังเทียม

-ฮูเซน ยูซูฟี- ผู้เพาะปลาในกระชัง

-อะมีร ฟัรช์ชี - ผู้ผลิตยาชีวภาพ

- อะลีริซอ ฮูเซน อะฮะดี – นักผู้ประกอบการอุตสาหกรรมเครื่องประดับทองและอัญมณี

- ซัยยิดมูฮัมหมัด ฮุเซน ดานา – สมาชิกคณะผู้บริหารการสำรวจและผลิตโครงสร้างทางทะเล

- และ สุภาพสตรี  ชาฮีน ชาฮ์รากี – ผู้ผลิตและผู้ส่งออกอุตสาหกรรมเย็บปักถักร้อยบะลูช

ประเด็นต่างๆที่พวกเขานำเสนอมีดังนี้

- ความจำเป็นในการมีความเชื่อทางด้านวัฒนธรรมของสหกรณ์ ในฐานะเสาหลักของการดำเนินการตามนโยบายภาคเศรษฐกิจ

- การจัดระเบียบเครือข่ายของสหกรณ์ในการกระจายเพื่อตอบสนองความต้องการของประชาชน

- ความจำเป็นในความพยายามเพื่อให้บรรลุขีดความสามารถ 25 เปอร์เซ็นของสหกรณ์ในระบบเศรษฐกิจของประเทศ

- ความก้าวหน้าอันน่าทึ่งของผู้ผลิตอุปกรณ์อุตสาหกรรมน้ำมันจากการพึ่งพาทั่วไปในช่วงก่อนการปฏิวัติอิสลาม ยังความสามารถในการสร้างและการออกแบบมากกว่า 85 เปอร์เซ็นของอุปกรณ์ทั้งหมด

- ความจำเป็นในการมีส่วนร่วมของภาคเอกชนในการตัดสินใจทางเศรษฐศาสตร์มหภาค

- ความจำเป็นในการแก้ไขกฎหมายและระเบียบการต่างๆที่ทำให้การผลิตและการส่งออกชะลอตัวลง

- ความจำเป็นในการซักถามจากผู้ที่ชะลอการส่งออกโดยไม่มีความรับผิดชอบ

- การเน้นย้ำถึงการวางแผนและกำหนดยุทธศาสตร์อุตสาหกรรมของประเทศและการพัฒนาสัญลักษณ์ของชาติในประเทศเป้าหมายของการส่งออก

- ความจำเป็นในการลงทุนที่พิเศษทางด้านอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ ในฐานะเป็นอุตสาหกรรมพื้นฐานโดยมีจุดประสงค์เพื่อป้องกันไม่ให้ผู้เชี่ยวชาญต้องถอนตัวออกไป

-การหลีกเลี่ยงจากผลกระทบที่เกิดจากการคว่ำบาตรและการขยายวงกว้างของอุตสาหกรรมอื่นๆ

-การเสนอสกุลเงินที่แข่งขันได้ให้กับบรรดาผู้ผลิตเครื่องใช้ในครัวเรือน เป็นระยะเวลา 3  ปี

- ความจำเป็นในการสนับสนุนของตลาดหลักทรัพย์ในการเข้าสู่อุตสาหกรรมเครื่องใช้ในครัวเรือนและการอำนวยความสะดวกในการใช้เครื่องมือทางการเงิน

- การมีศักยภาพของอุตสาหกรรมรองเท้าด้วยการทำให้ประเทศเป็นผู้ส่งออกชั้นนำทางด้านอุตสาหกรรมรองเท้าในเอเชียตะวันตก

- การมีมุมมองเป็นโอกาสเพื่อการพัฒนาและการส่งเสริมอุตสาหกรรมในการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำในเขตแนวชายฝั่งในระยะห่างไกล 5 พัน กิโลเมตร

- ความจำเป็นในการใช้ประโยชน์จากฐานะภาพที่พิเศษของอิหร่านทางด้านเทคโนโลยีชีวภาพ ด้านเภสัชกรรม

- การกำหนดเป้าหมายอุตสาหกรรมเครื่องประดับทองและอัญมณีเพื่อเข้าสู่ระดับที่สองของการส่งออกเครื่องประดับในภูมิภาค

-การเรียกร้องให้หน่วยงานของรัฐฯสนับสนุนโครงการขนาดใหญ่ของบริษัทต่างๆในการสำรวจและผลิตน้ำมันของอิหร่าน

- การสร้างงานที่ยั่งยืนด้วยกับการขยายงานฝีมือทั่วประเทศโดยการใช้พลังงานท้องถิ่น

 

700 /