เยาวชนอัจฉริยะจำนวน 2 พันกว่าคน เข้าพบท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม อยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี โดยท่านผู้นำถือว่า ความก้าวหน้าอย่างต่อเนื่องของประเทศในการขับเคลื่อนทางวิชาการของโลกที่รวดเร็วนั้นเป็นสิ่งที่มีความจำเป็นและมีความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง โดยท่านยังได้ชี้ถึงความกระตือรือร้น การมีแรงจูงใจที่น่ายกย่องและความเชื่อมั่นต่อเยาวชนทั้งหลาย โดยท่านได้เน้นว่า “เยาวชนทุกคนนั้นคือ ก้อนเนื้อส่วนหนึ่งของอิหร่านที่มีเกียรติของเรา และในการแก้ไขปัญหาของบรรดานักอัจฉริยบุคคล ก็จำเป็นที่จะต้องมีการดำเนินการในเอกสารทางยุทธศาสตร์ที่เกี่ยวข้องกับพวกเขาอย่างจริงจัง”
ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ยังกล่าวถึงประเด็นที่นักอัจฉริยบุคคลทั้ง 12 คน ได้นำเสนอ โดยท่านผู้นำได้ประเมินผลที่ดีอย่างมากและมีประโยชน์ต่อทัศนคติของบรรดาเยาวชน นักอัจฉริยบุคคลที่เกี่ยวข้องกับประเด็นที่สำคัญของประเทศ และท่านยังเน้นให้บรรดาเจ้าหน้าที่ๆเกี่ยวข้องมีการติดตามข้อร้องเรียนและคำเสนอแนะของบรรดาเยาวชน นักอัจฉริยบุคคลทั้งหลาย โดยท่านผู้นำ กล่าวว่า “การขับเคลื่อนทางวิชาการในประเทศได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว ซึ่งจะต้องมีการขับเคลื่อนไปอย่างต่อเนื่อง และแน่นอนว่า อิหร่านนั้นได้อยู่ในอับดับต้นๆทางวิชาการ ในบางสาขาที่เพิ่งเกิดขึ้นใหม่ เช่น สาขานาโนเทคโนโลยี และเทคโนโลยีชีวภาพที่มีความภาคภูมิใจเป็นอย่างมาก แต่ก็ยังไม่เพียงพอสำหรับเรา และจะต้องมีการดำเนินต่อไปในความก้าวหน้าทางวิชาการอย่างต่อเนื่อง”
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังได้ชี้ถึงการเข้าเยี่ยมชมนิทรรศการของบริษัทความรู้พื้นฐาน เมื่อวานนี้ โดยท่านถือว่า การมีแรงจูงใจ ความเชื่อมั่นใจในตนเอง และความเชื่อตนเองในคำพูดและการกระทำของเยาวชน ผู้เชี่ยวชาญ เป็นสัญลักษณ์ที่เด่นชัดในการขับเคลื่อนทางวิชาการของประเทศอย่างต่อเนื่อง และท่านผู้นำยังได้ตั้งข้อสังเกตว่า “เยาวชนเหล่านี้ประกอบด้วย นักอัจฉริยบุคคลใน30 บริษัทจาก 4 พันของบริษัทความรู้พื้นฐาน ซึ่งตัวเลขนี้จะต้องมีการกำหนดอย่างชัดเจนในระยะเวลาที่จำกัดและมีการเพิ่มขึ้นเป็นหลายเท่าอีกด้วย”
ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ถือว่า ความจำเป็นในการบรรลุยังเป้าหมายนี้ คือ การจัดเตรียมโครงสร้างทางกฏหมายที่เกี่ยวกับบริษัทความรู้พื้นฐานและการขจัดอุปสรรคที่เกิดขึ้นกับพวกเขา โดยท่านผู้นำกล่าวว่า “เราได้เน้นย้ำมาหลายครั้งแล้วถึงสภาพแวดล้อมทางธุรกิจที่จะต้องมีการปฏิรูป เช่น ในการขอใบอนุญาตที่จะต้องออกให้ภายในหนึ่งสัปดาห์ และอย่าต้องใช้เวลานานถึง 6 เดือน และการยกเลิกแนวทางการปฏิบัติที่ผิดพลาดและการจำกัด”
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ได้กล่าวถึงหลายประเด็นที่สำคัญที่เกี่ยวกับกับบรรดานักอัจฉริยบุคคล
“การดำเนินการอย่างจริงจังของเอกสารทางยุทธศาสตร์ในกิจการของนักอัจฉริยบุคคล” คือ ประเด็นแรกที่ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ได้เน้นถึง
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า การดำเนินการอย่างสมบูรณ์ของเอกสารฉบับนี้ เป็นสาเหตุให้ปัญหาต่างๆมากมาย ทางด้านความก้าวหน้าทางวิชาการ การจำหน่ายผลิตภัณฑ์ทางวิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี และการแก้ไขปัญหาอื่นในภาคส่วนทางวิชาการนั้นได้รับการแก้ไข โดยท่านผู้นำ กล่าวว่า “มูลนิธินักอัจฉริยบุคคลนั้น จะต้องมีหน้าที่รับผิดชอบในเอกสารเหล่านี้ และสภาสูงสุดการปฏิวัติทางด้านวัฒนธรรมก็จะต้องปฏิบัติตามเอกสารเหล่านี้และมีดำเนินการตามข้อร้องเรียนของพวกเขาด้วยเช่นกัน”
“การไม่ให้ความหวังต่อกลุ่มเคลื่อนไหวที่ประสงค์ร้ายในการปฏิเสธกระบวนการขับเคลื่อนทางวิชาการของประเทศ” คือ คำแนะนำลำดับต่อไปของท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ที่มีต่อบรรดานักอัจฉริยบุคคล
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม กล่าวเสริมว่า “ช่างน่าเสียใจอย่างยิ่งที่ยังมีกลุ่มที่ประสงค์ร้ายปรากฏอยู่ในมหาวิทยาลัย และการปฏิเสธหลักการในการก้าวกระโดดทางวิชาการของประเทศ ซึ่งถือว่าเป็นความจริงที่ชัดเจน และมีความพยายามที่บอกว่า ไม่มีปรากฏการณ์ใดที่สำคัญทางวิชาการเกิดขึ้น ซึ่งเป็นเหตุที่ทำให้ประชาชนนั้นเกิดความสงสัย ทั้งยังทำให้บรรดานักอัจฉริยบุคคลจะต้องพบกับความผิดหวังอีกด้วย แต่พวกท่านทั้งหลายก็จะต้องไม่ให้ความหวังกับกลุ่มเหล่านี้เป็นอันขาด”
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า การกระทำอีกอย่างหนึ่งที่ชั่วร้ายของกลุ่มเคลื่อนไหวที่ประสงค์ร้าย คือ การเป็นนายหน้าและการเคลื่อนย้ายบรรดานักอัจฉริยบุคคลไปยังต่างประเทศ โดยท่านผู้นำ กล่าวว่า “เยาวชน นักอัจฉริยบุคคลนั้น เป็นกรรมสิทธิ์ของอิหร่านและเป็นก้อนเนื้อส่วนหนึ่งของประเทศ ขณะที่พวกเขาด้วยการสิ้นหวังและการหลอกลวงในสัญญาต่างๆทางการเงินและไม่ใช่การเงิน แต่เจ้าหน้าที่ทั้งหลายของกระทรวงสาธารณสุขและกระทรวงวิทยาศาสตร์ก็จะต้องมีความระมัดระวังในการเผชิญหน้ากับการเคลื่อนไหวของกลุ่มต่างๆเหล่านี้ในมหาวิทยาลัยต่างๆด้วย”
ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี กล่าวเสริมว่า “ในทางตรงกันข้ามกับการยุยงปลุกปั่นของกลุ่มเคลื่อนไหวเหล่านี้ เจ้าหน้าที่ระดับสูงของประเทศต่างก็ต้องตระหนักถึงปัญหาและข่าวในเชิงลบ แต่ทว่า การขับเคลื่อนทางวิชาการของประเทศในเชิงบวกนั้น จะพิชิตเหนือด้านลบอย่างแน่นอน”
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า ศิลปะของการปฏิวัติอิสลาม ได้ทำให้สุภาพบุรุษและสุภาพสตรีทั้งหลายมีความกล้าหาญ ทั้งคนชราและเยาวชนก็ได้เข้ามายังภาคสนามต่างๆที่มีความยากลำบาก เช่น ในภาคสนามทางวิชาการ แม้แต่ศัตรูเองต่างก็ให้ความชื่นชมอีกด้วย และท่านผู้นำยังได้กล่าวถึงกรณีต่างๆที่สร้างความภาคภูมิใจทางวิชาการของประเทศ โดยท่านกล่าวว่า “การใช้ประโยชน์จากศักยภาพของประเทศ ในส่วนต่างๆของประเทศ รวมถึง การเสริมสร้างพลังในการป้องกัน การรักษาและการแพทย์ที่ก้าวหน้าและการควบคุมโรคต่างๆ ปัญหาวิศวกรรม เทคโนโลยีชีวภาพ การผลิตผลิตภัณฑ์ด้วยนานาเทคโนโลยี และเทคโนโลยีทางนิวเคลียร์เพื่อสันติ”
ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ยังได้ตั้งข้อสังเกตว่า “ด้วยกับความสำเร็จต่างๆที่ชัดเจนเหล่านี้ แต่ก็ยังมีบางคนที่บ่อนทำลายในการขับเคลื่อนทางวิชาการของประเทศ ทั้งยังมีการปฏิเสธอีกด้วย และถ้าหากว่า พวกเขานั้นมีความสามารถก็จะทำการปิดกั้นเส้นทางของการขับเคลื่อนเหล่านั้นด้วย”
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม กล่าวเสริมว่า “ดังนั้น จะต้องมีการขจัดอุปสรรคเหล่านี้ และถือว่าเป็นหน้าที่ความรับผิดชอบของเจ้าหน้าที่ทั้งหลาย แต่พวกท่าน เยาวชนทั้งหลายที่มีเกียรติยิ่ง จะต้องมีการขับเคลื่อนไปด้วยความรักและความเพิ่มพูน โดยที่ไม่มีการหยุดนิ่งในการเผชิญหน้ากับกลุ่มที่หันเหเหล่านี้”
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า มีความจำเป็นในการให้ความสนใจต่อสาขาวิชาการทางมนุษยศาสตร์ ในสถาบันของนักอัจฉริยบุคคลในทุกหนแห่ง รวมถึงมูลนิธิอัจฉริยบุคคลด้วย โดยท่านผู้นำได้กล่าวว่า “ขณะที่เยาวชน นักอัจฉริยบุคคล ได้เข้ามาทำงานทางด้านวิศวกรรมในระดับโลก และมีบทบาทที่สำคัญในการผลิตเครื่องจักรที่มีความซับซ้อนอย่างมาก ฉะนั้นในการปรากฏของพวกเขาในด้านต่างๆ เช่น เศรษฐกิจ กฏหมาย และการบริหารจัดการ และการจัดหาวิธีแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจและผลกระทบทางสังคมนั้นจะต้องมีประสิทธิภาพและเป็นประโยชน์อย่างยิ่ง”
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า บางปัญหาเศรษฐกิจในปัจจุบันนั้นเกิดขึ้นจากการขาดการวิจัยทางความรู้ โดยกล่าวเสริมว่า “ด้วยความรู้ของบรรดานักอัจฉริยบุคคล ก็สามารถที่จะหาทางออกที่ดีสำหรับปัญหาเหล่านี้ได้”
ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ยังได้เน้นถึงการดำเนินการอย่างสมบูรณ์แบบของเอกสารที่มีคุณค่าของแผนที่ทางความรู้ของประเทศ โดยท่านผู้นำกล่าวว่า “การปรากฏตัวของบรรดาเยาวชน นักอัจฉริยบุคคลในสาขามนุษยศาสตร์ ทำให้เกิดความเหมาะสมกับการพัฒนาการทางความรู้ของประเทศ ไม่ใช่เพียงว่า เฉพาะส่วนหนึ่งที่พิเศษนั้นมีความแข็งแกร่ง แต่ในขณะที่ส่วนอื่นๆนั้นมีความอ่อนแอ”
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า ความเข้าร่วมของความรู้ด้วยกับวัฒนธรรมที่ถูกต้องทางมนุษยธรรม เป็นพื้นฐานในการใช้ประโยชน์ของมนุษยชาติที่เป็นผลประโยชน์ที่แท้จริงทางความรู้และวิทยาการ โดยท่านผู้นำเน้นว่า “ขณะที่ความรู้ที่มีประโยชน์อย่างมากทางด้านนิวเคลียร์นั้นมีการใช้ร่วมกับวัฒนธรรมที่ผิดพลาดในการแสวงหาดุลอำนาจ จนเป็นเหตุทำให้มีการผลิตระเบิดนิวเคลียร์ ก็จะกลายเป็นภัยคุกคามที่ยิ่งใหญ่ต่อโลกและมวลมนุษยชาติ”
ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ยังได้ชี้ถึงจุดยืนที่มั่นคงและกล้าหาญของสาธารณรัฐอิสลามที่เกี่ยวกับการต้องห้ามในการใช้ระเบิดนิวเคลียร์ โดยท่านผู้นำเน้นว่า “ถึงแม้ว่าเรานั้นมีสามารถในการขับเคลื่อนตามทิศทางนี้ แต่ด้วยกับหลักการของศาสนาอิสลามได้บัญญัติว่า การใช้อาวุธเหล่านี้นั้นเป็นที่ต้องห้าม ดังนั้น จึงไม่มีเหตุผลใดๆที่เราจะจ่ายค่าใช้จ่ายอย่างมากมายในการผลิตและการเก็บรักษาอาวุธที่ในการใช้ประโยชน์จากมันนั้นเป็นที่ต้องห้าม”
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า การยึดมั่นอย่างจริงจังกับหลักการทางศาสนาและศักดิ์ศรีของประเทศ เป็นสองสิ่งสำคัญของกลุ่มนักอัจฉริยบุคคล โดยท่านผู้นำกล่าวว่า “ขณะที่นักวิชาการชาวอิหร่านได้ร่วมกับวัฒนธรรมของอิสลามแห่งอิหร่าน ก็จะกลายเป็นองค์ประกอบที่สำคัญเชิงกลยุทธ์ของประชาชาติและจะทำให้ประเทศนั้นมีชีวิตชีวาและมีความสามารถ”
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังกล่าวถึงความจำเป็นในการร่วมมือกันของความรู้กับวัฒนธรรมที่ถูกต้อง โดยท่านกล่าวเสริมว่า “เรานั้นไม่มีความละอายในการศึกษาและเรียนรู้ แต่เราก็ไม่ต้องการให้มหาวิทยาลัยต่างๆของเรานั้นมีการผลผลิตที่จากมหาวิทยาลัยสหรัฐด้วยกับการมีวัฒนธรรมที่ผิดพลาด”
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังได้แสดงความพึงพอใจต่อสภาพของประเทศอิหร่านแห่งอิสลาม ที่มีการดำเนินการทางด้านต่างๆ เช่น เซลล์ต้นกำเนิด นาโนเทคโนโลยี เทคโนโลยีชีวภาพและนิวเคลียร์ โดยท่านผู้นำกล่าวว่า “บรรดานักอัจฉริยบุคคลที่ดำเนินการทางด้านเหล่านี้ ถือว่าป็นรูปแบบของการทำงานในแบบญิฮาดี (อาสาสมัคร) และยังมีความต้องการแนวความคิดและทัศนคตินี้ในสภาพแวดล้อมของมหาวิทยาลัยอีกด้วย”
ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ได้กล่าวสรุปในส่วนนี้ โดยท่านเน้นว่า “เงื่อนไขของเรากับเงื่อนไขของบุคคลอื่นนั้นมีความแตกต่างกัน เราก็จะต้องมีความคิดแบบชาวอิหร่าน คิดแบบชาวอิหร่าน และการใช้ชีวิตแบบชาวอิหร่าน โดยที่จะต้องมีความระมัดระวังและการดำเนินการตามแบบอย่างความก้าวหน้าของอิหร่านแห่งอิสลาม ที่จะสามารถช่วยเหลือเราให้ไปถึงยังเป้าหมายได้”
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า การลอกเลียนแบบวัฒนธรรมของมหาวิทยาลัยตะวันตก เป็นเหตุในการบ่อนทำลายนวัตกรรมและความคิดสร้างสรรทางวิชาการ โดยท่านผู้นำกล่าวว่า “ การเลียนแบบผู้อื่น จะเป็นการบ่อนทำลายในการมีนวัตกรรมและความคิดสร้างสรร”
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม กล่าวในประเด็นที่หก โดยท่านผู้นำได้กล่าวถึงบทบาททางการทูตทั่วไปของสังคมนักอัจฉริยบุคคล
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า การรวมตัวของบรรดานักอัจฉริยบุคคลของอิหร่านที่มีวัฒนธรรมที่ยิ่งใหญ่ หมายถึง การขยายวงกว้างของวัฒนธรรมของอิหร่านในหลายศตวรรษที่ผ่านมา คือ หนึ่งในตัวอย่างของการมีศักยภาพของสังคมนักอัจฉริยบุคคล โดยท่านกล่าวเสริมว่า “การสร้างความสัมพันธ์และการรวมตัวของบรรดานักอัจฉริยบุคคลในภูมิภาคเอเชียตะวันตก โลกอิสลาม แกนของการต้านทาน (มุกอวิมัต) แม้แต่การรวมตัวของนักอัจฉริยบุคคลที่แสวงหาสัจธรรมของโลกในประเทศต่างๆ เช่น สหรัฐ ยุโรป ก็สามารถที่จะนำเสนอในการจัดตั้งสถาบันในการเผยแพร่ความรู้ที่บริสุทธิ์และความคิดที่ถูกต้อง”
ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ยังได้กล่าววิพากษ์วิจารณ์ถึงข้อบกพร่องบางอย่างในการนำเสนอวิถีทางที่สามของการปฏิวัติอิสลามที่มีต่อโลก โดยท่านผู้นำกล่าวว่า “วิถีทางของเรา ไม่ใช่ในรูปแบบของสังคมนิยมหรือประชาธิปไตยเสรีนิยม และด้วยเกียรติของอิสลาม เรานั้นได้นำเสนอวิถีทางที่สามต่อประชาชาติทั้งหลายด้วยกับการพูดจาที่มีเหตุผลพร้อมกับการกระทำของพวกเรา โดยที่เราจะเป็นตัวดึงดูดหัวใจทั้งหลายให้เข้ามาสู่วิถีทางที่มีประโยชน์นี้สำหรับมนุษยชาติ และเราจะทำให้ประชาชาติทั้งหลายนั้นรอดพ้นจากความแทรกซึมที่เพิ่มขึ้นมากในแต่ละวันทางด้านวัฒนธรรมที่เสื่อมโทรมของตะวันตก”
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ได้กล่าวในช่วงท้ายของการปราศรัยของท่านในหมู่เยาวชน นักอัจฉริยบุคคลทั้งสองพันคน โดยท่านเน้นถึงการมีความหวังอย่างกว้างขวางของพวกเขา โดยท่านกล่าวเสริมว่า “บรรดานักอัจฉริยบุคคล คณาจารย์ และผู้บุกเบิกในการขับเคลื่อนทางวิชาการ พวกท่านอย่าปล่อยโอกาสที่เกิดขึ้นในความก้าวหน้าทางความรู้ของประทศต้องสูญเปล่า”
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม กล่าวเสริมว่า “ขณะที่ในประเทศนั้นมีปัญหาหลายอย่างมากมาย แต่อย่าได้มองเพียงด้านเดียวโดยที่ไม่สนใจต่อความสำเร็จ เพราะว่าในสภาพเช่นนี้จะทำให้เยาวชนต้องพบกับความผิดหวัง”
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า ความสนใจและการอธิบายถึงความสำเร็จอันยิ่งใหญ่เป็นหน้าที่ของบรรดาเยาวชน นักอัจฉริยบุคคล โดยท่านกล่าวเสริมว่า “ความสามารถของชาวอิหร่านไม่ได้เกิดขึ้นหลังจากการปฏิวัติอิสลาม แต่ทว่ามันเป็นความโปรดปรานที่พระเจ้าทรงมอบให้ต่างหาก แต่ในการปฏิวัติอิสลาม การให้สนามกับความสามารถเหล่านี้ จะทำให้อิหร่านจากประเทศที่ล้าหลังและต้องพึ่งพากลายเป็นประเทศที่เป็นเอกราช กำลังอยู่ในความก้าวหน้าและได้รับความสำเร็จต่างๆมากมาย ที่จะต้องให้ความสนใจต่อข้อเท็จจริงนี้อย่างสมบูรณ์ด้วย”
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า การเปรียบเทียบความก้าวหน้าทางวิชาการของมหาวิทยาลัยต่างๆในช่วงสี่สิบปีที่ผ่านมากับช่วงก่อนการปฏิวัตินั้นมีความน่าสงนสนเทห์อย่างมาก โดยท่านผู้นำกล่าวเสริมว่า “การขับเคลื่อนที่ยิ่งใหญ่นี้ แม้ว่าจะเป็นช่วงแรกของเส้นทาง แต่ดด้วยกับความกรุณาของพระเจ้า และความเพียรพยายามของบรรดาเยาวชน นักอัจฉริยบุคคล จะไปถึงจุดสูงสุด และเยาวชนชาวอิหร่านก็จะต้องมีวิสัยทัศน์ในอนาคตเช่นนี้”
ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ถือว่า การตะวักกุล (การมอบหมายกิจการต่อพระเจ้า) ความยำเกรง และจิตวิญญาณเป็นความหวังที่แท้จริงและการเพิ่มพูนและเป็นคำแนะนำต่อบรรดาเยาวชน นักอัจฉริยบุคคล โดยท่านผู้นำกล่าวว่า “อย่างไรก็ตาม พวกท่านจะต้องทำให้หัวใจอันบริสุทธิ์ของท่านใสสะอาดมากยิ่งขึ้น ทั้งในคำพูดและการกระทำก็จะต้องคำนึงถึงพระเจ้า เมื่อนั้นความช่วยเหลือจากพรองค์ก็จะประสบกับพวกท่านในความก้าวหน้าอย่างต่อเนื่อง”
ในช่วงท้ายของการปราศรัยของท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ได้กล่าวย้ำถึงคำพูดของท่านเมื่อหลายปีที่ผ่านมา โดยท่านกล่าวว่า “ข้าพเจ้าเคยกล่าวมาหลายครั้งว่าเราจะต้องมีความก้าวหน้าไม่ว่าใน 50 ปีข้างหน้า จะมีผู้ใดก็ตามที่จะเรียนรู้ความรู้ใหม่ เขานั้นก็จะต้องรู้จักภาษาเปอร์เซีย ฉะนั้นการบรรลุยังเป้าหมาย จะต้องเกิดจากความเพียรพยายามและความสามารถของชาวอิหร่าน"
ในการเข้าพบปะครั้งนี้ นายซัตตารี รองประธานาธิบดีฝ่ายวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ได้กล่าวถึงความก้าวหน้าในความรู้จากแหล่งทรัพยากรมนุษย์ การศึกษา และวัฒนธรรมท้องถิ่น รวมทั้งวิสัยทัศน์ของมูลนิธินักอัจฉริยบุคคลแห่งชาติ โดยเขากล่าวว่า “ตามทัศนะของเรา นักอัจฉริยบุคคล คือ ผู้ที่เพิ่มคุณค่าให้กับประเทศและการสร้างงาน ด้วยเหตุนี้เอง การสนับสนุนต่อมูลนิธินักอัจฉริยบุคคลนั้นขึ้นอยู่กับกฏการกระทำ ความพยายามและการมีนวัตกรรมใหม่”
นายซัตตารี ถือว่า แผนโครงการเสริมความรู้และการจัดพิธีมอบรางวัลมุศฏอฟาและชะฮีด อะฮ์มะดี โรชัน คือ หนึ่งในแบบแผนที่กำลังจะดำเนินการของมูลนิธินักอัจฉริยบุคคล โดยเขากล่าวเสริมว่า “เศรษฐกิจของความรู้พื้นฐานนั้นอยู่ตรงกันข้ามกับเศรษฐกิจที่ต้องพึ่งพาน้ำมัน โดยถือว่าหลักการคือ การมีคุณภาพของทรัพยากรมนุษย์ในภาคส่วนเอกชนในการลงทุนนั่นเอง”
ก่อนการปราศรัยของท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ตัวแทนบรรดาเยาวชน นักอัจฉริยบุคคล ในสาขาวิชาการต่างๆจำนวน 12 คนได้กล่าวแสดงความคิดเห็น ประกอบด้วยสุภาพบุรุษ
ซัยยิด อะลี มูซาวี - ผู้ช่วยศาสตราจารย์ด้านวิศวกรรมการแพทย์
ยูซุฟ กอซิมี – นิติศาสตร์ดุษฎีบัณฑิตและผู้ร่วมก่อตั้งบริษัทความรู้พื้นฐานที่เกี่ยวกับการบริการทางกฏหมาย
มูฮัมมัด ฟิดาอี – นักศึกษาระดับปริญญาเอก สาขาบริหารรัฐกิจ
อิรฟาน ซอลาวี- สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาเอก สาขาคณิตศาสตร์ จากมหาวิทยาลัยอะมีรกะบีรและเจ้าของเหรียญทองโอลิมปิกโลก
มุจญตะบา มะฮ์ซูลี – อาจารย์ด้านวิศวกรรมโยธา มหาวิทยาลัยชะรีฟ
ฮะซัน อันซอรีฟัร – ปริญญาโท สาขาเทคโนโลยีสารสนเทศ
อะลี กาซิมี ตับลีซี - นักศึกษาระดับปริญญาเอกในสาขาอุตสาหกรรมไม้และกระดาษ
รอซูล ฮาตามี – นักศึกษาระดับปริญญาเอก สาขาวิศวกรรมไฟฟ้าจากมหาวิทยาลัยตัรบียัต มุดัรริซ
โอมิด ฮาตามี – นักศึกษาระดับปริญญาเอก สาขาการบริหารจัดการ
ฮุเซนอะลี อัคลากี – ปริญญาเอก สาขาวิศวกรรมปิโตรเลียม
และสุภาพสตรี
อิลาเฮ ชากิรี – นักศึกษาระดับปริญญาเอก สาขาการวิจัยศิลปะ
ซัยยิดะฮ์ ซิดดีเกาะฮ์ มะดะนี – แพทย์ผู้เชี่ยวชาญโรคเกี่ยวกับต่อมและเนื้อเยื่อ จากมหาวิทยาลัยการแพทย์เตหะราน
ประเด็นต่างๆที่นำเสนอมีดังต่อไปนี้
- ความจำเป็นในการปฏิรูปทัศนคติต่อผู้ประกอบการนวัตกรรมในสังคม
- ความจำเป็นในการยกเลิกกฎเกณฑ์ที่ซับซ้อนกันเพื่อสนับสนุนบรรดานักอัจฉริยบุคคลและเส้นทางของการวิจัยประยุกต์
- ความจำเป็นในการลงทุนด้านวิทยาศาสตร์พื้นฐาน
- การก่อตั้งทีวีอินเทอร์เน็ต เพื่อช่วยเหลือการขาดแคลนข้อมูลทางโลกออนไลน์
- การวิพากษ์วิจารณ์สถานการณ์ที่ยากลำบากของการประกอบอาชีพและการทำงานใหม่ในประเทศ
-ความจำเป็นในการจัดการสภาพของโรงเรียนซัมพอด
- การสนับสนุนการทำธุรกิจทางอินเทอร์เน็ตและการป้องกันไม่ให้มีการหยุดนิ่งในการดำเนินการตามรสนิยมของตน
- การอธิบายข้อเสนอแนะในการปฏิรูประบบการบริหารประเทศ
- การเน้นย้ำถึงการจัดระเบียบและการยกระดับกิจกรรมการศึกษานอกโรงเรียน เช่น โอลิมปิกทางวิทยาศาสตร์ ความรู้
- ข้อเสนอแนะเพื่อเปลี่ยนเกณฑ์วัดสำหรับการจัดสรรเงินทุนให้กับมหาวิทยาลัยและสถาบันการศึกษาของประเทศจากลักษณะของนักศึกษา –อาจารย์ รายบุคคล เป็นด้านคุณภาพของ การแก้ปัญหาประเทศ
- ความจำเป็นในการขับเคลื่อนยังแบบอย่างใหม่ทางการศึกษา โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การศึกษาที่เน้นการวิจัย" โดยให้ความสำคัญกับผู้ประกอบการและการเพิ่มสวัสดิการทางสังคม
ในช่วงท้ายของการพบปะกัน บรรดาเยาวชน นักอัจฉริยบุคคลทั้งหมดได้ร่วมทำนมาซซุฮ์ริและอัศร์โดยการนำของท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม