สำนักผู้นำสูงสุดซัยยิด อาลี คาเมเนอี

ผู้บัญชาการกองกำลังพิทักษ์การปฏิวัติอิสลามเข้าพบท่านผู้นำสูงสุด

“นโยบายการกดดันสูงสุดของสหรัฐ จะต้องพบความล้มเหลวอย่างแน่นอน”

ผู้บัญชาการกองกำลังพิทักษ์การปฏิวัติอิสลาม เข้าพบท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม อยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี โดยท่านผู้นำถือว่า กองกำลังพิทักษ์การปฏิวัติอิสลาม(กองกำลังซิพอฮ์) เป็นหน่วยงานที่สร้างความภาคภูมิใจและมีการเติบโตบนเส้นทางแห่งความสูงส่งและความก้าวหน้า พร้อมกันนี้ ท่านยังได้กล่าวคำแนะนำต่างๆที่สำคัญอย่างมาก โดยท่านกล่าวเสริมว่า “ข้าพเจ้านั้นเชื่อว่า กองกำลังซิพอฮ์ สามารถที่จะมีความก้าวหน้าที่มากกว่านี้ได้อีกด้วย”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังได้ชี้ให้เห็นถึงความล้มเหลวที่ไม่ต้องสงสัยของนโยบายการกดดันสูงสุดของสหรัฐและการไม่ยอมจำนนของอิหร่านในการเผชิญหน้ากับระบอบมหาอำนาจ จอมเผด็จการ โดยท่านผู้นำกล่าวว่า “ล่าสุด พวกเขานั้นต่างพยายามที่จะพบกับประธานาธิบดีของเรา ด้วยกับการช่วยเหลือของเหล่ามิตรสหายชาวยุโรปของพวกเขา โดยที่มีการสร้างภาพที่แสดงถึงความล้มเหลวของอิหร่าน แต่ความพยายามต่างๆเหล่านี้ก็ไม่เป็นผลสำเร็จ ขณะที่อิหร่านนั้นก็จะยังคงดำเนินการต่อไปอย่างต่อเนื่อง ด้วยกับความจริงจังและความแน่วแน่ จนกว่าจะได้ผลลัพท์ที่มีความต้องการในการลดข้อผูกพันธ์ทางนิวเคลียร์”

ท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลาม ยังได้ชี้อีกเช่นกันถึงความยากลำบากในสภาพของการดำรงชีพของประชาชน โดยท่านได้เน้นว่า “หากว่ามีการมองถึงภายในอย่างแข็งแกร่ง มีตรรกะ และมีความเพียรพยายาม แน่นอนว่า ค่าครองชีพและการดำเนินชีวิตของประชาชนก็จะเกิดผลกระทบในเชิงบวกด้วย”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า กองกำลังพิทักษ์การปฏิวัติอิสลาม คือ ปรากฏการณ์อันพิเศษ ท่ามกลางปรากฏการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นมาจากการปฏิวัติอิสลาม ซึ่งถือได้ว่ามีจำนวนน้อยมาก”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังได้อธิบายถึงลักษณะพิเศษเหล่านี้ โดยกล่าวเสริมว่า “กองกำลังซิพอฮ์ ได้เกิดขึ้นมาท่ามกลางเหตุการณ์ต่างๆที่ยิ่งใหญ่และน่าตื่นเต้นของการปฏิวัติอิสลาม และมีการเจริญเติบโตในการป้องกันอันศักดิ์สิทธิ์ และหลังจากสงครามก็ได้เข้าสู่ยุคสมัยของการจัดแถวระหว่างนักการปฏิวัติกับฝ่ายศัตรูทั้งหลายได้อย่างกว้างขวางและมีความลึกซึ้งทางการเมืองและวัฒนธรรม ขณะที่กองกำลังซิพอฮ์นั้นไร้ซึ่งความหันเหก็ยังสามารถที่จะก้าวเดินต่อไปบนเส้นทางของการเจริญเติบโตและความสมบูรณ์”

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ถือว่า การเผชิญหน้ากับสองเส้นทาง ไม่ว่าความสูงส่งหรือความเสื่อมโทรมนั้น เป็นระดับขั้นตอนที่ไม่อาจจะหลีกเลี่ยงได้ในการดำเนินชีวิตในส่วนปัจเจกบุคคล สังคม การเมือง องค์กรต่างๆหรือแม้แต่ในการปฏิวัติทั้งหลายด้วย  โดยท่านกล่าวเสริมว่า กองกำลังซิพอฮ์ ได้หลุดออกจากช่วงยุคสมัยเหล่านี้และจากทั้งสองเส้นทางโดยที่ไม่มีความเหนื่อยล้าหรือความเสื่อมโทรม การรักษาองค์ประกอบในการมีอัตลักษณ์ของตน และยังจะมีการขับเคลื่อนไปในทิศทางที่สูงส่งอีกด้วย”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังได้ชี้ถึงการมีขึ้นมีลงของหน่วยงานต่างๆ โดยกล่าวเสริมว่า “ในกองกำลังซิพอฮ์ก็มีการดิ่งลงเช่นกัน แต่ในการตัดสินอันแน่วแน่ของข้าพเจ้า ก็คือ กองกำลังซิพอฮ์นั้นได้รับชัยชนะด้วยกับการเติบโตต่างๆ และมีการขับเคลื่อนไปในทิศทางของความก้าวหน้าและความสูงส่งอย่างต่อเนื่อง”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังได้ชี้ถึงแสงสว่างและความส่องประกรายของการญิฮาด(การต่อสู้)และการเป็นชะฮีด(พลีชีพ) บนเส้นทางนี้ โดยท่านกล่าวเสริมว่า “หลังจากการป้องกันอันศักดิ์สิทธิ์ได้ผ่านไปถึง 30 ปี จากการเป็นชะฮีดของผู้กล้าหาญเฉกเช่น ชะฮีด ฮะมะดานี และชะฮีดเยาวชน เช่น ชะฮีดฮุญะญี ได้แสดงถึงความสดใสและการมีอัตลักษณ์ของกองกำลังซิพอฮ์บนเส้นทางนี้”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังได้ชี้ถึงมาตรฐานหลัก โดยกล่าวว่า “สำหรับการตัดสินที่ถูกต้องเกี่ยวกับองค์กรและหน่วยงานต่างๆ ก็จะต้องมีการเปรียบเทียบถึงความสำเร็จและความล้มเหลวของแต่ละหน่วยงาน ซึ่งด้วยกับมาตรฐานและพื้นฐานที่สำคัญนี้ กองกำลังซิพอฮ์ คือ หน่วยงานที่ได้สร้างความภาคภูมิใจมากที่สุดให้กับประเทศ”

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ยังกล่าวต่อไปถึงการตัดสินที่มีความละเอียดอ่อนในการเปรียบเทียบและความล้มเหลวของกองกำลังซิพอฮ์ ด้วยกับการอธิบายในหลายประเด็นที่สำคัญ

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า ประเด็นมาตรฐานในการมีนวัตกรรมและความคิดสร้างสรรค์ โดยกล่าวว่า “ในช่วงแรกของสงคราม กองกำลังซิพอฮ์ แม้แต่การมีกระสุนปืนใหญ่สักสองกระบอกก็มีความยากลำบาก แต่ในวันนี้ กองกำลังซิพอฮ์นั้น ได้ประสบความสำเร็จในการผลิตอาวุธยุทโธปกรณ์ที่ทันสมัย และเช่นเดียวกัน ในวิธีการต่างๆทางทหารและการป้องกันก็เข้าสู่ขั้นตอนที่สูงส่งยิ่งขึ้นอีกด้วย”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า การเข้าไปถึงอย่างมีศักยภาพในด้านต่างๆของการบริการทางสังคมและกรณีที่ประชาชนนั้นมีความต้องการ คือ อีกประเด็นหนึ่งที่จะมีการตัดสินใจอย่างถูกต้องเกี่ยวกับกองกำลังพิทักษ์การปฏิวัติอิสลาม 

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ยังได้ชี้ถึงกิจกรรมของสำนักงานใหญ่คอตัม อัลอันบิยา เพื่อการก่อสร้าง ถือว่า เป็นแกนหลักในการบริหารของรัฐบาลต่างๆที่มีกิจกรรมต่างๆมากมายอย่างกว้างขวาง และการมีประสิทธิภาพของกองกำลังซิพอฮ์ในการช่วยเหลือผู้ที่ด้อยโอกาสในพื้นที่ต่างๆของประเทศ และการปรากฏตัวอย่างโดดเด่นและการกำหนดหน่วยงานนี้ในเหตุการณ์ต่างๆ เช่น ภัยน้ำท่วมในจังหวัดเคอร์มานชาห์ และอุทุกภัยในช่วงต้นปี โดยท่านได้เน้นว่า “การทำงานในด้านต่างๆของกองกำลังซิพอฮ์ ในการบริการ ภาคสังคม ภาคประชาชน ที่ไม่สามารถจะเปรียบเทียบกับองค์กรและหน่วยงานอื่นๆได้และไม่มีหน่วยใดทางการทหารในโลกเหมือนด้วย”

 ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ได้ประเมินผลอย่างดีในอีกภาคส่วนหนึ่งที่เกี่ยวกับกิจกรรมของกองกำลังซิพอฮ์ทางด้านวัฒนธรรม ศิลปะและแนวความคิด โดยท่านได้กล่าวเสริมว่า “มุมมองและบทบาทของกองกำลังพิทักษ์การปฏิวัติอิสลามในภูมิศาสตร์ของการยืนหยัดในภูมิภาคนั้น เป็นอีกมาตรฐานในการตัดสินที่เกี่ยวกับกองกำลังพิทักษ์การปฏิวัติอิสลาม”

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี กล่าวยกย่องถึงขีดความสามารถของกลุ่มต้านทาน(มุกอวิมัต) ในการเผชิญหน้ากับฝ่ายผู้ปฏิเสธและฉ้อฉล โดยท่านได้กล่าวเสริมว่า “บทบาทของกองกำลังพิทักษ์การปฏิวัติอิสลามในด้านนี้ก็มีความโดดเด่น จนทำให้ความเป็นศัตรูอย่างเปิดเผยของเหล่าชาติมหาอำนาจและฝ่ายที่ชั่วร้ายของโลกในการต่อต้านกับกองกำลังซิพอฮ์ แต่ความเป็นปฏิปักษ์นี้ของฝ่ายที่ชั่วร้ายนั้นถือว่าเป็นสิ่งที่น่าภาคภูมิใจที่ยิ่งใหญ่ของกองกำลังพิทักษ์การปฏิวัติอิสลาม”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า ความพยายามในการรักษาจิตวิญญาณ เป็นอีกบทหนึ่งที่สำคัญอย่างมากที่กองกำลังซิพอฮ์ จะต้องให้ความสำคัญกันอย่างจริงจังและความพยายามในการทำให้สายฝนแห่งความเมตตาทางจิตวิญญาณเพื่อใช้ประโยชน์ในความสว่างไสวและความสวยงาม อีกทั้งในการมีเกียรติและศักดิ์ศรีของตน”

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ได้กล่าวสรุปในส่วนนี้ โดยเน้นว่า “กองกำลังพิทักษ์การปฏิวัติอิสลามได้ก้าวผ่านช่วงเวลาที่มีเกียรติในด้านต่างๆ ทางด้านฮาร์ดแวร์(อุปกรณ์ภายนอก)  และซอฟแวร์ (อุปกรณ์ภายใน) บนถนนแห่งความสูงส่ง และได้รับความก้าวหน้าอย่างดีเลิศอีกด้วย”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังได้ชี้ถึงความเป็นปฏิปักษ์อย่างต่อเนื่องของสหรัฐฯและฝ่ายชาติมหาอำนาจ จอมอหังการในการต่อต้านกับกองกำลังซิพอฮ์ ซึ่งตัวอย่างที่เด่นชัด คือ การคว่ำบาตรต่อกองกำลังซิพอฮ์ โดยท่านผู้นำกล่าวว่า “ความเป็นปฏิปักษ์เหล่านี้เป็นสาเหตุที่ทำให้เรานั้นได้รับชัยชนะและความก้าวหน้าของกองกำลังพิทักษ์การปฏิวัติอิสลาม เกียรติยศของซิพอฮ์ก็จะเปิดเผยต่อสายตาของหมู่มิตรหรือแม้ศัตรูด้วยก็ตาม”

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ถือว่า กองกำลังพิทักษ์การปฏิวัติอิสลาม คือ ลูกหลานของตน โดยท่านกล่าวเสริมว่า “ข้าพเจ้านั้นมีความพึงพอใจอย่างร้อยเปอร์เซ็นต่อกองกำลังซิพอฮ์ แต่เราก็ไม่เพียงพอในความก้าวหน้านี้ และข้าพเจ้าก็เชื่อว่า หน่วยงานนี้ ด้วยขีดความสามารถและการมีศักยภาพต่างๆสามารถที่จะมีความก้าวหน้าที่มากกว่านี้ถึงสิบเท่า จนกว่าจะถึงหนึ่งร้อยเท่าด้วยกัน”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ได้กล่าวอธิบายถึงคำแนะนำประการที่แปดจากการดำเนินการอย่างต่อเนื่องในการขับเคลื่อนอย่างรวดเร็วและความก้าวหน้าของกองกำลังพิทักษ์การปฏิวัติอิสลาม

“จะต้องไม่ปล่อยให้กองกำลังซิพอฮ์ไปถึงยังวัยชราภาพและการเพียงพอแค่การกระทำในสถานการณ์ปัจจุบันเท่านั้น” คือ คำแนะนำประการแรกของท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี โดยท่านได้กล่าวเกี่ยวกับประเด็นนี้ว่า “เพื่อที่จะทำให้จิตวิญญาณของความเป็นเยาวชนในกองกำลังซิพอฮ์ต้องดำเนินต่อไปอย่างต่อเนื่อง โดยอย่าได้ปล่อยให้หน่วยงานไปถึงวัยชราภาพ และจะต้องมีการเริ่มต้นในความเป็นเยาวชนของกองกำลังซิพอฮ์ มีนวัตกรรมใหม่และความคิดสร้างสรรค์ และจะต้องมีการทำให้การอบรมทางศาสนา การปฏิวัติอิสลาม และการมีจิตวิญญาณของบรรดาชะฮีดที่มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักโดยมีการส่งต่อถึงรุ่นต่อไป และการหลีกเลี่ยงจากการหยุดชะงักของรุ่นต่อไปสู่รุ่นอนาคต”

“การเตรียมความพร้อมในการเผชิญหน้ากับเหตุการณ์ครั้งใหญ่”  เป็นคำแนะนำประการที่สองของท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม โดยท่านกล่าวว่า “หนึ่งในคุณลักษณะที่โดดเด่นของกองกำลังพิทักษ์การปฏิวัติอิสลาม ตั้งแต่ช่วงแรกจนถึงปัจจุบัน คือ การป้องกันและการปรากฏตัวในแถวหน้าในการเผชิญหน้ากับเหตุการณ์ต่างๆที่ยิ่งใหญ่ ที่จะต้องมีการรักษาจิตวิญญาณนี้เอาไว้”

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ถือว่า การรักษาความเตรียมพร้อมทางวิชาการ ทางการปฏิบัติ และการรับรู้ทางการเมือง ความมั่นคงของหน่วยงานของกองกำลังซิพอฮ์ ในด้านต่างๆทางเศรษฐกิจต้านทาน การสงเสริมการผลิต การช่วยเหลือบรรดาผู้ที่ด้อยโอกาส การให้บริการ และการเผชิญหน้ากับศัตรู เป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างยิ่ง 

คำแนะนำประการที่สามของท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม คือ การไม่ปล่อยให้มุมมองที่กว้างขวางต้องสูญเปล่า และภูมิศาสตร์ของการยืนหยัดนั้นจะต้องอยู่เหนือเขตพรมแดน

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม กล่าวว่า “เราจะต้องไม่เพียงพอกับภูมิภาคของเราและด้วยการวางกรอบทั้งสี่ด้าน โดยเรานั้นจะต้องไม่ยุ่งเกี่ยวกับภัยคุกคามที่อยู่เหนือพรมแดนเป็นอันขาด”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม กล่าวเสริมว่า “การมีมุมมองที่กว้างขวางเหนือเขตพรมแดน เป็นภารกิจความรับผิดชอบของกองกำลังซิพอฮ์ที่เป็นกลยุทธ์เชิงลึกของประเทศ และบางครั้งก็เป็นสิ่งที่จำเป็นที่สุดเช่นกัน แต่บางคนกลับไม่สนใจ”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ได้ให้คำแนะนำประการที่สี่กับกองกำลังซิพอฮ์ ที่ว่า พวกท่านจะต้องไม่หวาดกลัวต่อศัตรู แต่จะต้องมีความฉลาดหลักแหลม และการประเมินถึงความถูกต้องและความแม่นยำของศัตรู

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ยังได้เน้นว่า “จะต้องไม่หวาดกลัวต่อศัตรู แม้ว่าพวกเขาจะเข้มแข็งมากสักเพียงใดก็ตาม และอย่าได้กังวลไม่ว่าศัตรูจะเล็กน้อยก็ตาม”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ได้ให้คำแนะนำประการที่ห้าแก่กองกำลังพิทักษ์การปฏิวัติอิสลาม โดยท่านได้ตั้งข้อสังเกตว่า “พวกท่านจะต้องมีความร่วมมือกัน แต่ทว่าความหมายของความร่วมมือ มิใช่การแยกออกของกองกำลังพิทักษ์การปฏิวัติอิสลามจากองค์ประกอบแห่งอัตลักษณ์ของตน และกองกำลังซิพอฮ์ ก็จะต้องรักษาอัตลักษณ์ของตนได้อย่างร้อยเปอร์เซ็นเต็มด้วย”

 “ความเป็นประชาชน” คือ คำแนะนำประการที่หกของท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ที่มีต่อกองกำลังซิพอฮ์ 

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม กล่าวว่า “พวกท่านจะต้องปฏิบัติอย่างเป็นมิตรกับประชาชน ทั้งเป็นที่ยอมรับและความเป็นประชาชน และต้องออกห่างจากความเสแสร้ง การแสวงหาโลกวัตถุ และความเป็นชนชั้นสูง เพราะว่า กองกำลังซิพอฮ์นั้นได้เริ่มต้นด้วยกับความเป็นประชาชนทั้งสิ้น”

“การจัดลำดับความสำคัญอันดับแรกของการทำงานและการมีจิตวิญญาณของการทำงานแบบญิฮาดีในด้านต่างๆ คือ อีกประการหนึ่งของคำแนะนำของท่านอยาตุลลอฮ์คาเมเนอีที่มีต่อกองกำลังพิทักษ์การปฏิวัติอิสลาม โดยท่านกล่าวว่า “การทำงานในรูปแบบญิฮาดี ซึ่งทางตรงกันข้ามกับความเกียจคร้าน และความเฉยเมย การทำให้การงานของวันนี้แต่ไปกระทำในวันพรุ่งนี้ เป็นสิ่งที่น่าเสียใจอย่างยิ่งที่บางส่วนของประเทศต้องประสบกับปัญหาเหล่านี้”

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ได้กล่าวถึงคำแนะนำประการที่แปด เกี่ยวกับการรักษาและการเสริมสร้างจิตวิญญาณ ความรักและผูกพันธ์กับอัลกุรอาน การตะวักกุล (การมอบหมายการงาน)ต่อพระเจ้า การตะวัซซุล(การเป็นสื่อกลาง) ของอะฮ์ลุลบัยต์ (อ) ในระหว่างกองกำลังพิทักษ์การปฏิวัติอิสลามและบรรดาครอบครัวของพวกเขา

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังได้ชี้ถึงประเด็นระหว่างประเทศ โดยท่านกล่าวว่า “หากว่ามีมุมมองที่ละเอียดต่อสถานการณ์ในภูมิภาคและโลก เราก็จะเข้าใจได้ว่า ไม่ว่าเหล่าศัตรูจะใช้จ่ายมากเพียงใดก็จะพบกับความเสียหายที่มากกว่า”

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ยังได้ชี้ถึงค่าใช้จ่ายต่างๆของเหล่าศัตรูโดยเฉพาะสหรัฐในอัฟกานิสถาน อิรัก และซีเรีย โดยท่านได้ตั้งข้อสังเกตว่า “พวกเขาได้สร้างพวกดาอิช (ไอซิส) ขึ้นมาด้วยค่าใช้จ่ายอันมหาศาล ทั้งยังให้การสนับสนุนทางทหาร การเงิน และการโฆษณาชวนเชื่อ  แต่ขณะนี้ ด้วยกับความพยายามอุตสาหะของบรรดาเยาวชนชาวซีเรีย อิรักและอิหร่านในการกำจัดกลุ่มดาอิช ขณะที่พวกเขากลับพูดจาโกหกว่าเรานั้นเป็นผู้ทำลายกลุ่มดาอิชเอง”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม กล่าวเสริมว่า “ประธานาธิบดีสหรัฐก็ยอมรับว่าพวกเขาใช้จ่ายเงินหลายพัน ล้านล้านดอลลาร์ในภูมิภาคนี้ แต่ในทางกลับกัน พวกเขากลับได้รับความเสียหายและความล้มเหลว และก็จะดำเนินต่อไปแบบนี้อย่างต่อเนื่อง”

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ถือว่า นโยบายความกดดันสูงสุดของสหรัฐ เป็นนโยบายที่ล้มเหลว โดยท่านกล่าวว่า “พวกสหรัฐต่างคิดว่าด้วยกับนโยบายความกดดันสูงสุด โดยเฉพาะอย่างยิ่งทางด้านเศรษฐกิจ สามารถที่จะทำให้อิหร่านนั้นอ่อนข้อและยอมคุกเข่า แต่พวกเขากลับต้องพบกับความยากลำบากและเกิดปัญหาในประเด็นเหล่านี้”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังได้ชี้ถึงความพยายามที่ล้มเหลวของพวกสหรัฐ ในการสร้างภาพลักษณ์จากความล้มเหลวของอิหร่าน โดยท่านกล่าวเสริมว่า “พวกเขาต้องการเข้าพบกับประธานาธิบดีของเรา ด้วยกับการขอร้องเช่นกัน โดยให้มิตรสหายชาวยุโรปช่วยเหลือพวกเขา แต่ก็ไม่เป็นผลสำเร็จ ในเวลานี้ ความกดดันสูงสุดได้พบกับความล้มเหลว และข้าพเจ้าจะกล่าวอย่างแน่วแน่ว่า ในที่สุด ความกดดันสูงสุดนี้ก็จะต้องพบกับความล้มเหลวอย่างแน่นอน”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ได้เน้นถึงการดำเนินการอย่างต่อเนื่องบนเส้นทางแห่งศักดิ์ศรีและการมีอำนาจของสาธารณรัฐอิสลาม โดยท่านกล่าวเสริมว่า “พวกมหาอำนาจตามคำพูดของพวกเขาได้บอกว่า อิหร่านจะกลายเป็นประเทศธรรมดาที่ต้องยอมรับระบอบของมหาอำนาจ แต่สาธารณรัฐอิสลามนั้นได้เริ่มต้นในการก่อตั้งด้วยกับการเผชิญหน้ากับชาติมหาอำนาจและนับจากนี้เป็นต้นไป ก็จะไม่ยอมจำนนต่อเหล่าผู้ฉ้อฉลของโลกเป็นอันขาด และจะดำเนินต่อไปบนเส้นทางแห่งการปฏิวัติอิสลาม ในการเผชิญหน้ากับระบอบมหาอำนาจอย่างแน่นอน”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังได้ชี้ถึงประเด็นนิวเคลียร์ โดยกล่าวว่า “การลดข้อผูกพันธ์ทางนิวเคลียร์นั้นเป็นหน้าที่ความรับผิดชอบขององค์กรพลังงานปรมาณู ตามที่รัฐบาลได้ประกาศไว้ว่าจะต้องมีการดำเนินการต่อไปอย่างจริงจัง มีความละเอียด และมีความรอบคอบเพื่อที่จะได้บรรลุถึงผลลัพท์ตามที่ต้องการ

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ยังได้เน้นถึงประเด็นทางเศรษฐกิจว่า “วิธีการแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจ คือ การพึ่งพายังสิ่งอำนวยความสะดวกและขีดความสามารถภายในประเทศ”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังได้ชี้ถึงสิ่งอำนวยความสะดวกที่ดีในประเทศ โดยกล่าวว่า “บางคนเคยคาดการณ์ว่า ปี1398 (ปฏิทินอิหร่าน) จะเป็นปีที่ปัญหาเศรษฐกิจนั้นมีความรุนแรงเพิ่มขึ้น ในขณะที่ปัจจุบันนี้ บรรดาเจ้าหน้าที่รัฐฯรายงานว่า มีการเติบโตทางเศรษฐกิจในระดับปานกลางในช่วงหกเดือนแรกของปีนี้”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังกล่าวเสริมว่า “แน่นอนว่าสภาพของการดำเนินชีวิตและค่าครองชีพของประชาชนนั้นเกิดความยากลำบาก แต่หากว่ามีการขับเคลื่อนที่แข็งแกร่งและมีการติดตามผลและการทำงานแบบญิฮาดี  ชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนก็จะดีขึ้นอย่างแน่นอน”

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ถือว่า การคว่ำบาตรน้ำมันของประเทศเป็นปัญหาในระยะสั้น โดยท่านได้เน้นว่า “หากว่ามีการทำงานอย่างถูกต้อง ปัญหาในระยะสั้นนี้ก็สามารถจะนำไปสู่ผลประโยชน์ในระยะยาวได้ นั่นก็คือ การไม่ต้องพึ่งพางบประมาณของประเทศจากรายได้ในการขายน้ำมัน”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังได้ชี้ถึงการประกาศของเจ้าหน้าที่ผู้บริหารบนพื้นฐานการจัดเตรียมงบประมาณโดยไม่ต้องพึ่งพารายได้จากการขายน้ำมัน โดยท่านกล่าวเสริมว่า “นี่คือผลผลิตที่ยิ่งใหญ่และเราจะต้องใช้โอกาสนี้จากการตัดขาดรายได้จากการขายน้ำมันให้เป็นประโยชน์”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังได้ตั้งข้อสังเกตว่า “ความกดดันของการคว่ำบาตรนั้นมีปัญหาทางด้านวิธีการ แต่ทางด้านกลยุทธ์นั้นจะมีประโยชน์ต่อเรา”

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ยังได้กล่าวสรุปในการปราศรัยของท่าน โดยกล่าวว่า “ไม่ว่าในมุมมองใดก็ตามที่ประชาชาติอิหร่านจะต้องเผชิญหน้ากับโลกแห่งความกดขี่ ความฉ้อฉล ความเป็นมหาอำนาจและฝ่ายผู้ปฏิเสธ ชัยชนะครั้งสุดท้ายก็จะตกเป็นของประชาชาติอิหร่าน ดั่งที่พันธสัญญาของพระเจ้าระบุไว้ในอัลกุรอาน และเช่นเดียวกัน จากประสบการณ์ในสี่สิบปีที่ผ่านมาของการปฏิวัตอิสลาม ประชาชาติอิหร่านก็จะได้รับชัยชนะในเชิงกลยุทธ์ด้วยกับความโปรดปรานของพระองค์ด้วย”

ก่อนการปราศรัยของท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ฮุจญตุลอิสลาม ฮาญี ศอดิกี ตัวแทนวะลีฟะกีฮ์ ในกองกำลังพิทักษ์การปฏิวัติอิสลาม กล่าวว่า “กองกำลังซิพอฮ์นั้นมีความร่วมมือ ความสามัคคีมากกว่าที่ผ่านมา ทั้งยังมีความเป็นเอกภาพในหน่วยงานต่างๆและมีความพร้อมในการเข้าร่วมกับกองกำลังต่างๆของการปฏิวัติอิสลาม”

และเช่นกัน นายพล ซะลามี ผู้บัญชาการกองกำลังพิทักษ์การปฏิวัติอิสลาม กล่าวว่า “ในวันนี้ บนเส้นทางการติดต่อของการปฏิวัติอิสลามนั้นมีความยาวลึกถึงหลายพันกิโลเมตรและด้วยกับการได้รับสารแห่งการต่อสู้กับความฉ้อฉล การเรียกร้องความยุติธรรม และการมีจิตวิญญาณ ได้ทำให้สหรัฐได้ตกขอบจากสถานการณ์ทางการเมืองและความมั่นคงในภูมิภาค”

ผู้บัญชาการกองกำลังพิทักษ์การปฏิวัติอิสลาม ได้เน้นถึงการมีอำนาจของการปฏิวัติอิสลาม โดยกล่าวว่า “ความผิดพลาดเพียงเล็กน้อยของระบอบรัฐเถื่อนไซออนิสต์ในการเผชิญหน้ากับอิหร่านนั้น ก็จะกลายเป็นความผิดพลาดครั้งสุดท้ายของพวกเขา และแกนหลักของอิสราเอลก็จะถูกลบออกไปจากโลกอย่างแน่นอน”

นายพล ซะลามี กล่าวว่า “กองกำลังซิพอฮ์ ด้วยกับการมีนวัตกรรมภายในนำไปสู่การเสริมสร้างความแข็งแกร่งและยังมีการขับเคลื่อนในด้านต่างๆตามความสามารถที่มากกว่าเดิมอีกด้วย”

 

700 /