สำนักผู้นำสูงสุดซัยยิด อาลี คาเมเนอี

ประธานสภาชำนาญการและสมาชิกเข้าพบท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม

เราต้องไม่ให้ความหวังกับพวกยุโรป เพราะพวกเขายืนหยัดต่อการคว่ำบาตร

ประธานสภาผู้ชำนาญและบรรดาสมาชิกของสภานี้ เข้าพบท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม อยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี โดยท่านผู้นำได้กล่าวถึงการวิเคราะห์อย่างสมบูรณ์ในสถานการณ์ของประเทศ และความกว้างขวางของคำขวัญต่างๆในการมีอำนาจของการปฏิวัติอิสลามและการเมืองของสาธารณรัฐอิสลามและการขยายกว้างในภูมิภาค โดยท่านถือว่า การใช้ประโยชน์จากบทเรียนต่างๆในช่วงการป้องกันอันศักดิ์สิทธิ์และความเข้าใจอย่างลึกซึ้งในสังคมนั้นเป็นสิ่งที่มีความจำเป็นอย่างมากและมีความสำคัญอย่างยิ่ง และท่านผู้นำได้เน้นว่า “การมีความจำเป็นและการวางรากฐานที่ต่อเนื่องของความก้าวหน้าของประเทศ คือ การตะวักกุล (การมอบหมายกิจการงานต่อพระเจ้า) การยืนหยัดต้านทาน การมีความหวังในอนาคต การมีความไว้วางใจต่อบรรดาเยาวชน โดยเฉพาะในบรรดาเยาวชนแห่งการปฏิวัติอิสลาม ความเป็นเอกภาพและความสามัคคีของประชาชนทั้งหลาย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง กองกำลังต่างๆของการปฏิวัติอิสลาม การสนับสนุนอย่างจริงจังในการผลิตในประเทศ และการไม่มีความหวังกับพวกต่างชาติ”

ในช่วงแรกของการเข้าพบปะกัน ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ได้กล่าวเทอดเกียรติต่อสัปดาห์แห่งการป้องกันอันศักดิ์สิทธิ์ โดยท่านผู้นำได้ชี้ถึงบทเรียนต่างๆในช่วงยุคสมัยนั้น และความจำเป็นในการขยายวงกว้างและการทำความเข้าใจอย่างลึกซึ้งในบทเรียนต่างๆเหล่านั้นในสังคม โดยท่านได้กล่าวเสริมว่า “การตะวักกุลต่อพระผู้เป็นเจ้าของท่านอิมามโคมัยนีในช่วงแรกของสงครามและในช่วงแปดปีของการป้องกันอันศักดิ์สิทธิ์ แม้ว่าจะมีปัญหาต่างๆ ข้อบกพร่องและความกดดันก็ตาม แต่ถือว่าเป็นประเด็นที่น่าประหลาดใจอย่างมาก ซึ่งในวันนี้ก็จะต้องมีการตะวักกุลเช่นนี้ในทุกแวดวงทั้งหมดด้วย”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม กล่าวว่า “ในบางเวลา อันเนื่องจากว่ามีบางปัญหาที่เกิดขึ้นในสังคม ทำให้ผู้เชี่ยวชาญบางคนนั้นเกิดความสับสน ขณะเดียวกันก็จะต้องมีการตะวักกุลต่อพระเจ้าและมีความพยายามในการแก้ไขปัญหานั้น”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังได้ชี้ถึงความโปรดปรานของพระผู้เป็นเจ้าในช่วงสี่สิบปีที่ผ่านมา และการก้าวผ่านของรัฐอิสลามจากช่วงเวลาที่ยากลำบาก โดยท่านได้ตั้งข้อสังเกตว่า “เกียรติยศ การมีอำนาจ ความเชื่อมั่นทางวัตถุและทางจิตวิญญาณของชาติที่มีต่อโลก และกองทัพอันมหาศาลของบรรดาเยาวชนแห่งการปฏิวัติอิสลาม เพื่อการเตรียมพร้อมในการทำงาน ความก้าวหน้า และการก้าวกระโดดต่างๆของประเทศไปในทิศทางที่ไม่สามารถเปรียบเทียบกับในช่วงแรกของชัยชนะในการปฏิวัติอิสลามได้ และความสำเร็จทั้งหมดเหล่านี้ล้วนเป็นหนี้บุญคุณในความโปรดปรานของพระเจ้าทั้งสิ้น ด้วยเหตุนี้เอง เราจะต้องไม่ลืมในการมีความตะวักกุลต่อพระองค์เป็นอันขาด”

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ถือว่า การมีความหวังต่ออนาคตและความไว้วางใจต่อเยาวชนทั้งหลาย คือ อีกหนึ่งในบทเรียนต่างๆของช่วงยุคสมัยของการป้องกันอันศักดิ์สิทธิ์ โดยท่านกล่าวว่า “จะต้องทำให้เยาวชนทั้งหลายนั้นเข้ามาสู่ภาคสนามและอย่าได้เพิกเฉยต่อพวกเขา แต่ทว่าการให้โอกาสเยาวชนร่วมทำงาน ไม่ได้หมายถึง การทำให้ผู้ที่ไม่ใช่เยาวชนต้องออกห่างจากภาคสนาม เพราะว่าแต่ละบุคคลนั้นมีประสบการณ์ที่เหมาะสมและในการปฏิบัติก็มีสถานภาพที่เฉพาะกับพวกเขาด้วย”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวิติอิสลาม ยังเน้นว่า การเพิกเฉยต่อกองกำลังของเยาวชนนั้นคือ ความผิดพลาด ทั้งเยาวชนทั้งหลายก็จะต้องให้ความช่วยเหลือกับกองกำลังที่ไม่ใช่เยาวชนด้วย โดยท่านกล่าววว่า “หนึ่งในลักษณะพิเศษที่สำคัญในช่วงยุคของการป้องกันอันศักดิ์สิทธิ์ ก็คือ การปรากฏตัวของเยาวชนทั้งหลายในตำแหน่งการบัญชาการ และในโครงสร้างหลักอันยิ่งใหญ่ของกองกำลังบะซีจ (อาสาสมัคร)กองกำลังซิพอฮ์ (กองกำลังพิทักษ์การปฏิวัติอิสลาม) และในกองทัพ ขณะที่ในวันนี้ ก็จะต้องรู้จักถึงคุณค่าต่างๆเหล่านี้ และจะต้องใช้ประโยชน์จากเยาวชนทั้งหลายในระดับการบริหารจัดการในชั้นสูง โดยเฉพาะในระดับกลางเป็นต้น”

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ถือว่า การมีเจตนามุ่งมั่นแห่งชาติ คือ อีกบทเรียนหนึ่งในช่วงยุคของการป้องกันอันศักดิ์สิทธิ์ โดยท่านผู้นำได้เน้นว่า “ ศัตรูนั้นพยายามที่จะทำให้ความมุ่งมั่นและเจตนาของประชาชนต้องพบกับความอ่อนแอ และการไม่มีความหวัง ในขณะเดียวกัน เราก็จะต้องเสริมสร้างความแข็งแกร่งในเจตนามุ่งมั่นของชาติในการเผชิญหน้ากับความพยายามเหล่านั้น และสิ่งที่สำคัญนี้  จะเป็นไปไม่ได้ด้วยกับคำสั่งการเพียงอย่างเดียว แต่ก็จะต้องมีการใช้เหตุผลที่ถูกต้องและการปรากฏตัวของประชาชนในหมู่บรรดานักคิดทั้งหลายอย่างตรงเวลาเช่นกัน”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังได้เน้นอีกว่า การยืนหยัดและการต้านทาน คือ รากฐานของกิจการทั้งหลายของประเทศและเป็นความจำเป็นในความสำเร็จทางด้านต่างๆ โดยท่านกล่าวเสริมว่า “ในบางการกระทำ ก็จำเป็นที่จะต้องมีการยืนหยัดในระยะเวลาที่ยาวนาน ฉะนั้น ก็อย่าได้หวาดกลัวต่อความโอหังของฝ่ายศัตรูทั้งหลาย แต่ทว่า เราจะต้องยืนหยัดเหมือนกับในช่วงยุคสมัยของการป้องกันอันศักดิ์สิทธิ์ด้วยกับการพิสูจน์ว่า “เรานั้นมีความสามารถ” 

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังได้ชี้ถึงความพยายามของศัตรูที่มีอิทธิพลต่อความเข้าใจและการรับรู้ในการตัดสินใจ โดยบอกว่าบรรดาผู้ที่ตัดสินใจและประชาชนทั้งหลายนั้น พวกท่านไม่มีความสามารถและจะเป็นไปไม่ได้ โดยท่านผู้นำกล่าวว่า “ในทางตรงกันข้ามกับความพยายามของศัตรูเพื่อต้องการที่จะเบี่ยงบนความเข้าใจและการรับรู้ของประชาชนและบรรดาเจ้าหน้าที่รัฐฯจากความเป็นจริงของประเทศ และการให้คำนิยามของผลประโยชน์และความเหมาะสมของชาติตามเป้าหมายของตน ในขณะที่ขีดความสามารถและศักยภาพของประเทศนั้นยังสามารถที่จะแก้ไขโซ่ตรวนต่างๆทางเศรษฐกิจและปัญหาของค่าครองชีพด้วยกับการบริหารจัดการ การติดตามผลและการให้คำปรึกษาที่ถูกต้อง”

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ยังได้ชี้ถึงคำพูดล่าสุดของประธานาธิบดีสหรัฐที่ว่า หากอิหร่านกระทำตามความต้องการของอเมริกาแล้วละก็ จะเห็นว่าสถานภาพของประชาชนนั้นดีกว่านี้อย่างแน่นอน โดยท่านกล่าวเสริมว่า “เหล่าเจ้าหน้าที่และสื่อต่างๆของสหรัฐและพวกยุโรปต่างพยายามที่จะเน้นย้ำประเด็นเหล่านี้เพื่อจะทำให้ประเด็นที่ว่าพวกท่านนั้นไม่มีความสามารถเกิดขึ้น แต่ประชาชนอิหร่านก็จะไม่สนใจต่อการโฆษณาชวนเชื่อและความเย้ายวนเหล่านี้เป็นอันขาด”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม กล่าวว่า “อีกประเด็นหนึ่งที่พยายามที่จะทำให้ความคิดและความเข้าใจของประชาชนและเจ้าหน้าที่ต้องพบความหันเห ก็คือ ประเด็นของการยึดมั่นต่อคำขวัญต่างๆแห่งการปฏิวัติอิสลาม ซึ่งในล่าสุด เจ้าหน้าที่บางคนในยุโรป กล่าวอีกเช่นกันว่า อิหร่านจะต้องละทิ้งคำขวัญต่างๆแห่งการปฏิวัติเหล่านี้”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า เหตุผลของคำอธิบายและการเกิดขึ้นของประเด็นเหล่านี้ คือ ความหวาดกลัวของพวกสหรัฐและพวกยุโรปในคำขวัญต่างๆของการปฏิวัติอิสลามเหล่านี้ และยังถือว่าเป็นวิธีการที่สามในการเกิดขึ้นของการปฏิวัติอิสลาม โดยท่านผู้นำได้เน้นว่า “วิธีการแก้ไขปัญหาของประเทศก็คือ การยืนหยัดบนคำขวัญต่างๆเหล่านี้และนี่คือ แนวทางของการปฏิวัติอิสลาม”

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ยังได้ชี้ถึงสงครามอะฮ์ซาบและโองการอัลกุรอานกล่าวถึงสงครามนี้ การจัดแถวของเหล่าศัตรูและบรรดาซาตานทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็นสหรัฐหรือพวกยุโรปที่เลวร้าย ถือว่า  เป็นความจริงและการมีอำนาจของสาธารณรัฐอิสลาม โดยท่านกล่าวว่า “นอกเหนือจากการขับเคลื่อนไปข้างหน้า และในกรณีการก้าวกระโดดก็เช่นกัน จะทำให้ศัตรูเกิดความไม่พอใจในประเด็นนี้และเหตุผลที่แท้จริงของการคว่ำบาตร ก็คือ การยับยั้งไม่ให้มีการก้าวกระโดด แต่ด้วยความโปรดปรานของพระเจ้า ในอนาคตอันไม่ไกลนัก เราก็จะได้เห็นการก้าวกระโดดในด้านต่างๆ”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังกล่าวอธิบายต่อถึงประเด็นที่เกี่ยวข้องโดยเฉพาะกับพวกยุโรป

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังได้เน้นว่า วิธีการมีปฏิสัมพันธ์และการเจรจานั้น มิได้ปิดกั้นให้กับประเทศใดๆก็ตาม นอกเหนือจากสหรัฐและรัฐเถื่อนไซออนิสต์เท่านั้น โดยท่านกล่าวเสริมว่า “แต่ก็อย่าได้ไว้ใจต่อประเทศต่างๆที่ชูธงชัยของศัตรูไว้ในมือในการต่อต้านกับรัฐอิสลาม โดยมีแกนนำหลักของพวกเขา นั่นก็คือ พวกสหรัฐและอีกหลายประเทศในยุโรป เพราะว่าพวกเขาเหล่านั้นต่างๆออกมาเปิดเผยถึงความเป็นศัตรูกับประชาชาติอิหร่าน”

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ยังได้เน้นว่า แรงจูงใจของความเป็นปฏิปักษ์ของพวกยุโรปกับสาธารณรัฐอิสลามนั้นไม่ได้มีความแตกต่างทางหลักการในความเป็นศัตรูของสหรัฐ โดยท่านกล่าวว่า “พวกยุโรปได้เข้ามาเป็นสื่อกลาง หากมองในแบบผิวเผิน และมีคำพูดต่างๆที่ยืดยาวอย่างมาก แต่ก็ไร้ประโยชน์ทั้งสิ้น”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังได้ชี้ถึงพฤติกรรมของพวกยุโรป หลังจากข้อตกลงนิวเคลียร์และการไม่ปฏิบัติตามพันธสัญญา และเช่นเดียวกัน วิธีการของพฤติกรรมของยุโรป หลังจากการถอนตัวของสหรัฐออกจากข้อตกลงนิวเคลียร์ และการกระทำที่ฉ้อฉลในการคว่ำบาตรในครั้งที่สอง โดยท่านกล่าวเสริมว่า “พวกยุโรปด้วยกับการมีพันธสัญญาของตนได้ยืนหยัดในมาตรการคว่ำบาตรของพวกสหรัฐ และไม่มีการดำเนินการใดๆทั้งสิ้น และหลังจากนั้น ก็ไม่ได้ทำอะไรเพื่อสาธารณรัฐอิสลามอีกเลย ด้วยเหตุนี้เอง เราก็จะต้องไม่ให้ความหวังกับพวกยุโรป”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังได้ตั้งข้อสังเกตว่า “การไปมาหาสู่และการยกเลิกข้อตกลง ไม่ได้มีปัญหาแต่อย่างใด แต่ก็อย่าได้ให้ความหวังกับพวกเขาและความไว้วางใจเป็นอันขาด”

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ยังได้ชี้ถึงการไม่ปฏิบัติของพวกยุโรปต่อพันธสัญญาทั้งสิบเอ็ดประการ โดยท่านกล่าวเสริมว่า “ คือ พวกเดียวกันที่มีการเจรจากัน แต่ขณะนี้พวกเขากับกล่าวว่า พวกยุโรปนั้นไม่เคยปฏิบัติตามพันธสัญญาของตนเลย นี่คือ เหตุผลที่แข็งแกร่งว่า จะต้องไม่ไว้วางใจต่อพวกเขาไม่ว่าในประเด็นใดก็ตาม”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลามยังได้ประเมินผลถึงการขับเคลื่อนของการงานต่างๆ ด้วยกับความเป็นปฏิปักษ์เหล่านี้ แต่ว่ามีผลประโยชน์ต่อสาธารณรัฐอิสลาม โดยกล่าวว่า  “ในวันนี้ รัฐอิสลามไม่เพียงแต่จะแข็งแกร่งกว่าเมื่อ40 ปีที่แล้ว แต่ก็ยังแข็งแกร่งกว่าในสิบปีที่ผ่านมา และมีการขยายกว้างในการมีอำนาจของการปฏิวัติอิสลามและทางการเมืองในภูมิภาค อีกทั้งยังมีการวางรากฐานของการปฏิวัติอิสลามที่ลึกซึ้งมากกว่าอีกด้วย”

ผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังได้ชี้ถึงความก้าวหน้าของรัฐอิสลามในด้านต่าง ๆ  โดยท่านได้ตั้งข้อสังเกตว่า “แน่นอนว่าทุกคนทั้งหมดนั้นมีภาระที่หนักอึ้ง เพราะว่ามีปัญหาต่างๆ ในด้านวัฒนธรรมและเศรษฐกิจ และศัตรูก็มีบทบาทอย่างมากในการแทรกแซงและการดำเนินการทางวัฒนธรรม แต่ถ้าหากเจ้าหน้าที่ทั้งหลายได้กำหนดมาตรวัดบนความไม่ไว้วางใจต่อศัตรู แน่นอนอย่างยิ่งว่าพวกเขาก็สามารถยืนหยัดในการเผชิญหน้ากับแผนการร้ายและกำจัดมันออกไปได้อีกด้วย”

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ยังได้ประเมินผลต่อสถานการณ์ทางสังคม การเมืองและเศรษฐกิจของสหรัฐอเมริกาและยุโรป โดยกล่าวว่า “อเมริกานั้น เป็นศัตรูหลักของเรา และปัจจุบันนี้ก็เป็นรัฐบาลที่น่ารังเกียจมากที่สุดในโลก ขณะที่ชาวยุโรปเองก็ยอมรับถึงจุดอ่อนและการลดถอยอำนาจของพวกเขา”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังได้ชี้ถึงคำพูดของผู้นำยุโรปคนหนึ่งในที่สมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติ โดยท่านกล่าวเสริมว่า “เจ้าหน้าที่ยุโรปต่างยอมรับอย่างชัดเจนถึงการเสื่อมถอยของอารยธรรมตะวันตก แต่ในสถานการณ์ความอ่อนแอเช่นนี้ พวกเขากับไม่ยอมลืมนิสัยที่เหย่อหยิ่งจอมอหังการของพวกตน”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังได้ชี้ถึงยอดสถิติของศูนย์ระหว่างประเทศเกี่ยวกับหนี้สินของประเทศที่มีชื่อเสียงในยุโรป โดยกล่าวว่า “ปัญหาทางเศรษฐกิจของประเทศเหล่านี้นั้นมีความจริงจังและปัญหาทางการเมืองของอังกฤษและฝรั่งเศสก็ได้ประจักษ์ต่อสายตาของทุกคน ดังนั้น เราก็ควรที่จะต้องใช้โอกาสนี้”

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ยังกล่าวสรุปในการปราศรัยของท่าน โดยได้เน้นย้ำถึงภาระหน้าที่หลายประการที่สำคัญในการสานต่อเส้นทางอันน่าภาคภูมิใจแห่งการปฏิวัติอิสลามและการพิชิตเหนือเหล่าศัตรูทั้งหลาย

ความไว้วางใจและความเชื่อมั่นในพันธสัญญาของพระเจ้า ถือว่า เป็นประเด็นแรกที่ผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลามได้ชี้ถึง โดยท่านกล่าวว่า “เป้าหมายของเรา คือการทำให้ศาสนาของพระเจ้านั้นเกิดขึ้นและการนำเอาหลักชะรีอัต (ศาสนบัญญัติของอิสลาม) มาสู่สังคม ดังนั้น พระองค์ก็จะทรงช่วยเหลือเราดั่งพระองค์นั้นทรงให้สัญญาไว้ และเช่นเดียวกัน ก็ได้มีการปฏิบัติตามพันธสัญญานี้ แม้ว่าจะมีปัญหาต่างๆมากมายอยู่ก็ตาม ในขณะที่สาธารณรัฐอิสลามได้ก้าวเข้ามาถึงจุดสูงสุดของการมีศักดิ์ศรีและเกียรติยศ อีกทั้งยังเป็นแหล่งที่มาของความภาคภูมิใจของอิสลามอีกด้วย”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังได้กล่าวแนะนำให้ทุกๆคนโดยเฉพาะอย่างยิ่งในบรรดาเจ้าหน้าที่และบรรดาผู้บริหารจัดการถึงการมีตักวา (ความยำเกรง) ความซื่อสัตย์และการปฏิบัติงานแบบญิฮาดี(อาสาสมัคร) โดยท่านผู้นำยังได้ชี้ถึงหน้าที่ที่สำคัญอีกประการหนึ่ง คือ "การต่อสู้อย่างจริงจังต่อการทุจริตคอร์รัปชั่น โดยท่านกล่าวเสริมว่า “แน่นอนว่า การต่อสู้กับการทุจริตนั้น ถือว่า การป้องกันนั้นมีความสำคัญมากกว่าการรักษา หมายความว่า จะต้องมีการจัดการกับองค์ประกอบของการทุจริตเสียก่อน ขณะที่ในการต่อสู้กับการทุจริตไม่ได้เฉพาะกับสภาตุลาการสูงสุดเท่านั้น แต่ทว่าในทุกสภาของประเทศก็จะต้องรู้สึกรับผิดชอบในกรณีเหล่านี้ด้วยเช่นกัน”

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ถือว่า บางส่วนที่ได้มีการถอนตัวออกจากการลงทุน ก็เป็นอีกตัวอย่างของการกระทำที่ไม่ได้มีการชั่งน้ำหนักและยังสร้างความเสียหาย โดยท่านกล่าวว่า “ในขณะที่เยาวชนจำนวนหนึ่งต่างๆก็พยายามที่จะส่งเสริมการผลิตในประเทศ แต่ในทางกลับกัน บางคนนั้นก็ต้องการที่จะทำลายที่เกิดขึ้นมาจากการทุจริตคอร์รัปชั่นในการผลิต โดยที่จะต้องไม่อนุญาตในกรณีเหล่านี้และปัญหาต่างๆดั่งที่ได้เกิดขึ้นในเหตุการณ์โรงงานต่างๆในเมืองอะรัก และจังหวัดคูซิสตาน เป็นต้น”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า การช่วยเหลือในการผลิต เป็นหน้าที่ของบรรดาเจ้าหน้าที่และกุญแจในการแก้ไขปัญหาต่างๆของประเทศ โดยท่านกล่าวเสริมว่า “หากมีการส่งเสริมในการผลิต แน่นอนว่า ปัญหาต่างๆมากมาย เช่น การล่มสลายของสกุลเงินแห่งชาติ ปัญหาเงินเฟ้อและกำลังซื้อของประชาชน ก็จะได้รับการแก้ไข ซึ่งก็จะต้องมีการจัดการกับการนำเข้าที่ไม่ถูกวิธีอีกด้วย”

“การเสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับกองกำลังที่รักษาคำมั่นสัญญาของการปฏิวัติ” ก็เป็นคำแนะนำของท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี 

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า มุมมองของรัฐอิสลามเกี่ยวกับสิทธิทั่วไปของประชาชนโดยที่ไม่ต้องคำนึงถึงศาสนาและเผ่าพันธุ์ของพวกเขานั้นเป็นหนึ่งเดียวกัน โดยท่านกล่าวว่า “นอกเหนือจากการที่บุคคลผู้นั้นจะเป็นมุสลิมหรือไม่ใช่มุสลิม หรือจะเป็นผู้ที่รักษาคำมั่นสัญญาต่อรัฐอิสลามหรือไม่รักษาคำมั่นสัญญาก็ตาม แต่สิทธิทั่วไปของเขาก็จะต้องได้รับการปกป้อง เช่น จะต้องไม่เกิดความไม่มั่นคงในประเทศ และก็จะต้องมีเสรีภาพและมุมมองที่มีความยุติธรรมเป็นหนึ่งเดียวกันสำหรับทุกๆคนด้วย”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังได้เน้นย้ำในประเด็นนี้ว่า การสนับสนุนกองกำลังที่รักษาคำมั่นสัญญาต่อการปฏิวัติอิสลามและการเชื่อมั่นในความเป็นอิสระของประเทศ คือ สิ่งที่จำเป็นอย่างยิ่งและจะต้องไม่มีการติดป้าย เช่น หัวรุนแรง ความเป็นสุดโต่งให้กับกองกำลังที่เต็มไปด้วยกับแรงจูงใจนี้ จนพวกเขาต้องถอนตัวออกจากภาคสนาม โดยท่านผู้นำกล่าวเสริมว่า “กองกำลังของผู้ศรัทธาและนักการปฏิวัติที่รวมถึงประชาชนจำนวนมาก จะต้องได้รับการสนับสนุนในทุกแห่งต่อการเผชิญหน้ากับการละเมิด และการเตรียมความพร้อมในความเป็นไปได้ที่จะให้พวกเขานั้นเข้ามามีส่วนร่วมในสำนักงานต่างๆที่สำคัญของประเทศ เพราะว่าพวกเขา คือ บุคคลทที่เข้าร่วมในเหตุการณ์วันที่ 9 เดือนเดย์ ปี 1388 และเหตุการณ์ต่างๆในปี 1396 (ปฏิทินอิหร่าน) โดยได้สร้างความปราชัยให้กับศัตรู”

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ยังกล่าวคำแนะนำหลายครั้งของตนเกี่ยวกับการใช้ประโยชน์จากกองกำลังต่างๆของการปฏิวัติอิสลาม โดยท่านกล่าวว่า “ข้าพเจ้าเคยกล่าวมาหลายครั้งแล้วต่อบรรดาประธานาธิบดีทั้งหลายถึงความก้าวหน้าในการกระทำของพวกท่านด้วยกับการใช้ประโยชน์จากกองกำลังต่างๆของการปฏิวัติอิสลาม เพราะว่า เมื่อใดที่มีอันตรายมาเยือน พวกเขา คือ ผู้ที่จะเข้ามาร่วมในสนามโดยทันที” 

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ได้เน้นถึงความเป็นเอกภาพของประชาชนซึ่งกันและกัน โดยท่านกล่าวเสริมว่า “ความเป็นเอกภาพของกองกำลังต่างๆของการปฏิวัติอิสลาม ก็ถือว่ามีความสำคัญด้วยเช่นกัน และความขัดแย้งของรสนิยมในส่วนบุคคล ก็อย่าได้นำมาไปสู่ความขัดแย้งและความแตกแยกเป็นอันขาด”

ในช่วงท้าย ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังได้กล่าววิพากษ์วิจารณ์ถึงบางคนที่หมดหวังในคำพูดของตนหรือในโลกออนไลน์ โดยท่านกล่าวว่า “การไม่ให้ประชาชนต้องหมดหวัง เป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดของการกระทำ เพราะถ้าไม่มีความหวังก็จะไม่มีการกระทำที่ยิ่งใหญ่เกิดขึ้น  แต่ทว่า การมีความหวังต่ออนาคต ไม่ใช่เป็นความหวังที่หลอกลวง แต่จะทำให้อนาคตของประเทศนั้นมีความสดใสและมีความหวังอย่างยิ่ง”

ก่อนการกล่าวปราศรัยของท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ท่านอยาตุลลอฮ์ ญันนะตี ประธานสภาผู้ชำนาญการ ได้กล่าวรายงานเกี่ยวกับกิจกรรมต่างๆในการปฏิบัติงานของสภาแห่งนี้

และเช่นกัน ท่านอยาตุลลอฮ์ มุวะฮ์ฮีดี คิรมานี รองประธานสภาผู้ชำนาญการ ได้กล่าวรายงานเกี่ยวกับประเด็นที่สำคัญที่สุดที่แสดงถึงความกังวลใจของบรรดาสมาชิกของสภาผู้ชำนาญการ โดยกล่าวว่า “บรรดาสมาชิกสภาผู้ชำนาญการได้เน้นย้ำถึงเรื่อง การมีความหวัง การต่อสู้กับชาติมหาอำนาจ จอมมอหังการ การปฏิเสธการเจรจาต่อรองใดกับสหรัฐอเมริกา การชี้แนะระบบสภาพคล่องตัวไปสู่การผลิต การสนับสนุนสภาตุลาการสูงสุดในการต่อสู้กับการทุจริตคอร์รัปชั่น การดำเนินการตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการคลุมผ้าฮิญาบ การแก้ไขข้อบกพร่องของโครงสร้างในระบบภาษีธนาคารและความเป็นเอกชน รวมทั้งการมีความระมัดระวังอย่างละเอียดถี่ถ้วนของสภาผู้พิทักษ์ในการกำหนดคุณสมบัติของผู้สมัครในการเลือกตั้งสมาชิกรัฐสภา”

 

 

700 /