คณะขบวนการอันซอรุลเลาะห์แห่งเยเมนเข้าพบท่านผู้นำสูงสุดอิหร่าน อยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี โดยคณะขบวนการอันซอรุลเลาะห์ได้มอบจดหมายของซัยยิด อับดุลมาลิก บัรรุดดีน ผู้นำของขบวนการนี้ให้กับท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลลาม
ในการพบปะกันครั้งนี้ ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลามกล่าวยกย่องในศรัทธา การยืนหยัด ความเฉลียวฉลาดและการมีจิตวิญญาณในการต่อสู้ของประชาชนชาวเยเมน ในการเผชิญหน้ากับผู้ละเมิดที่ป่าเถื่อน โดยท่านได้เน้นว่า “ทุกประชาชาติที่มีศรัทธาต่อพระเจ้าและมีความเชื่อในสัญญาของพระองค์ แน่นอนว่าเขาจะได้รับชัยชนะอย่างแน่นอน และด้วยเหตุนี้ จึงไม่เป็นที่สงสัยเลยว่า ชัยชนะจะเกิดขึ้นกับชาวเยเมนและนักต่อสู้แห่งเยเมนอย่างแน่นอน”
ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ได้กล่าวแสดงความเสียใจต่อการเป็นชะฮีดของอิบรอฮีม บัดรุดดีน น้องชายของอับดุลมาลิก บัดรุดดีน และยังกล่าวเทอดเกียรติต่อครอบครัวของนักต่อสู้ผู้ยิ่งใหญ่อย่างชะฮีด ฮุเซน บัดรุดดีน โดยกล่าวเสริมว่า “ประชาชนชาวเยเมนได้แสดงให้เห็นแล้วว่า ในช่วงตลอด 5 ปี ของการยืนหยัดและการต่อสู้ ด้วยกับการมีอารยธรรมที่ลึกซึ้งในหน้าประวัติศาสตร์ และการมีจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้และการยืนหยัด อนาคตที่ดีนั้นกำลังรอพวกเขาอยู่และด้วยกับความโปรดปรานของพระเจ้า พวกเขาจะจัดตั้งรัฐบาลที่เข้มแข็งและมีความก้าวหน้า”
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังได้เน้นว่าซาอุดิอาระเบียกับสหรัฐอาหรับเอมิเรสต์และเหล่าพรรคพวกที่ให้การสนับสนุนต่อพวกเขาได้ก่ออาชญากรรมที่ยิ่งใหญ่ขึ้นในเยเมน และแน่นอนว่ามันจะไม่มีผลอะไรทั้งนั้น โดยท่านได้ตั้งข้อสังเกตว่า “พวกเขาเหล่านั้นต่างต้องการที่จะแบ่งแยกเยเมน ซึ่งจะต้องมีการยืนหยัดในเผชิญหน้ากับแผนการร้ายเหล่านี้และการสนับสนุนให้เยเมนนั้นเป็นเอกภาพแและมีความเป็นหนึ่งเดียวกัน”
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม กล่าวว่า “การรักษาเอกภาพของเยเมน จำต้องคำนึงถึงหลักศรัทธาทางศาสนาและเผ่าพันธุ์ต่างๆ ของประเทศนี้ ซึ่งมีความต้องการในการเจรจาระหว่างเยเมนกับเยเมนด้วยกันเอง”
ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ยังได้ชี้ถึงอาชญากรรมของพวกซาอุดี้และเหล่าพันธมิตรของเขาในเยเมน โดยเฉพาะในวันอีดกุรบานที่ผ่านมา โดยท่านกล่าวเสริมว่า “สิ่งที่เกิดขึ้นในเยเมน คือ ความจริงของโลกในวันนี้ และเหล่าผู้ที่อ้างถึงสิทธิมนุษยชน”
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังได้ชี้ถึงจุดยืนในการต่อต้านพวกสหรัฐและชาติตะวันตกของสาธารณรัฐอิสลามแห่งอิหร่าน โดยท่านได้เน้นว่า “จุดยืนนี้ไม่ได้เกิดขึ้นมาจากการมีอคติ แต่ทว่าด้วยกับความจริงและพฤติกรรมของรัฐบาลสหรัฐและตะวันตก ซึ่งในผิวเผินภายนอกนั้นเป็นดั่งมนุษย์ที่มีอารยธรรมและมีศีลธรรมและจริยธรรม ขณะที่พวกเขาได้ก่ออาชญากรรมที่เลวร้ายที่สุดโดยที่มีการเรียกร้องถึงสิทธิมนุษยชนด้วยเช่นกัน”
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า หนึ่งในตัวอย่างของความจริงของโลกวันนี้ ก็คือ การไม่มีความแตกต่างของโลกตะวันตกในการเผชิญหน้ากับอาชญากรรมที่เกิดขึ้นในเยเมนและปาเลสไตน์ โดยท่านกล่าวเสริมว่า “พวกท่านจะต้องยืนหยัดด้วยอำนาจแห่งศรัทธาและพึ่งพายังการช่วยเหลือจากพระเจ้าในการเผชิญหน้ากับอำนาจแห่งอาชญากรรมเหล่านี้ เพราะนี่คือวิธีการเดียวเท่านั้น”
ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ยังได้ชี้ถึงการคว่ำบาตรและการกดดันต่างๆที่มีต่อสาธารณรัฐอิสลามแห่งอิหร่าน นับจากการเริ่มต้นชัยชนะของการปฏิวัติอิสลาม จนถึงในปัจจุบัน โดยเฉพาะในระหว่างช่วงสงครามศักดิ์สิทธิ์แปดปี และการประสบปัญหาความต้องการในการป้องกันประเทศขั้นพื้นฐาน โดยท่านได้ตั้งข้อสังเกตว่า “ขณะที่อิหร่านต้องประสบกับมาตรการคว่ำบาตรในตลอดช่วงสี่สิบปีที่ผ่านมา และด้วยกับการยืนหยัด การมีศรัทธาและการต่อสู้ จนกระทั่งในปัจจุบันนี้ อิหร่านนั้นมีความสามารถที่สำคัญต่างๆทางด้านอาวุธยุทโธปกรณ์ในการป้องกันตนเอง”
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังได้เรียกร้องให้กลุ่มต่างๆในเยเมนให้การสนับสนุนต่อการต่อสู้ของบรรดาสตรีและบุรุษทั้งหลาย ผู้มีศรัทธาและผู้ที่ยืนหยัดชาวเยเมน อีกทั้งท่านผู้นำยังฝากกล่าวคำสลามของท่านมายังซัยยิดอับดุลมาลิก บัรรุดดีน และประชาชาติชาวเยเมน ตลอดจน ผู้ที่ยืนหยัดชาวเยเมนทุกๆคนด้วย
ในช่วงแรกของการพบปะ นายมูฮัมหมัด อับดุซสลาม โฆษกขบวนการอันซอรุลเลาะห์แห่งเยเมน ได้กล่าวคำสลามของซัยยิด อับดุลมาลิก บัดรุดดีน ผู้นำขบวนการอันซอรุลเลาะห์ และบรรดานักต่อสู้ชาวเยเมนทั้งหมดทุกคนถึงยังท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม โดยเขากล่าวว่า “เราถือว่าตำแหน่งฐานภาพความเป็นผู้นำของท่าน คือ การดำเนินรอยตามแนวทางของท่านศาสดาแห่งอิสลาม (ศ็อลฯ) และท่านอะมีรุลมุมินีน อะลี(อ) และจุดยืนแห่งฮัยดะรีและอะละวีย์ของท่านในการสนับสนุนประชาชนเยเมนที่ถูกกดขี่ คือ การดำเนินรอยตามแนวทางของท่านอิมามโคมัยนี(ร.ฎ) ซึ่งเรานั้นถือว่ามีบะรอกัต(เกียรติ)และเป็นการปลุกจิตวิญญาณอย่างมาก”
เขา ยังได้เน้นว่าจุดยืนของท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลามในการสนับสนุนต่อบรรดาผู้ที่ถูกกดขี่ทั่วทั้งโลก โดยเฉพาะประชาชนชาวเยเมน คือ จุดยืนทางศาสนาและหลักศรัทธา โดยกล่าวว่า “ประชาชนชาวเยเมนกำลังประสบกับสถานการณ์ที่ยากลำบากอย่างมาก และด้วยกับมือเปล่าที่มีความศรัทธาและความมั่นคงในการเผชิญหน้ากับผู้ละเมิดถึง 17 ประเทศด้วยกัน และเราให้สัญญากับท่านว่า ประชาชาติเยเมนที่มีความสามัคคี ดุจดั่งเป็นมืออันเดียวกัน จะยืนหยัดต่อสู้ในการเผชิญหน้ากับผู้ละเมิดที่ฉ้อฉล จนกว่าจะได้รับชัยชนะอย่างสมบูรณ์”