บรรดาผู้นำนมาซวันศุกร์ทั่วประเทศ เข้าพบท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม โดยท่านผู้นำได้ชี้ถึงความจำเป็นในวิถีประชาในการปฎิบัติแบบประชาชนของผู้นำนมาซวันศุกร์ว่า นมาซวันศุกร์นั้นเป็นการกระทำที่สำคัญอย่างมาก ทั้งเป็นการสนองตอบต่อความต้องการของสังคม ด้วยกับการรำลึก การรวมตัวกัน และความเป็นหนึ่งใจเดียวกัน ทั้งยังเป็นพื้นฐานในการจัดเสวนาในระดับสูงและการมีความเข้าใจอย่างลึกซึ้ง และท่านผู้นำยังได้กล่าววิพากษ์วิจารณ์อย่างรุนแรงต่อพฤติกรรมที่แสวงหาความต้องการของพวกยุโรป และการไม่ปฏิบัติตามข้อตกลงนิวเคลียร์ทั้ง 11 ประการโดยท่านได้เน้นว่า “แน่นอนว่า กระบวนการต่างๆในการลดการดำเนินการของข้อตกลงของอิหร่าน ยังคงดำเนินต่อไปอย่างต่อเนื่อง และความสำเร็จของประชาชาติและสาธารณรัฐอิสลาม ในการเผชิญหน้ากับสายตาที่เสียใจของพวกตะวันตกทั้งหลายนั้น ก็จะยังคงเพิ่มมากขึ้นในแต่ละวัน”
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ได้กล่าวแสดงความยินดีในวโรกาสคล้ายวันประสูติของอิมามริฎอ (อ) ในการพบปะกันครั้งนี้ ซึ่งตรงกันกับช่วงครบรอบ 40 ปีแห่งการจัดตั้งการทำนมาซวันศุกร์ หลังจากชัยชนะของการปฏิวัติอิสลาม โดยท่านถือว่า การให้ความสนใจต่อหัวใจทั้งหลายของประชาชนด้วยกับการรำลึกถึงพระผู้เป็นเจ้า คือ ลักษณะพิเศษที่สำคัญของการทำนมาซวันศุกร์ และท่านยังได้กล่าวเสริมว่า “ลักษณะพิเศษอื่นๆของการทำนมาซวันศุกร์ อีกประการหนึ่ง ก็คือ การรวมตัวกันของบรรดาผู้ศรัทธา ซึ่งเป็นพื้นฐานในการมีความเป็นหนึ่งใจเดียวกัน ความเป็นเอกภาพ การมีจิตใจที่อ่อนโยน”
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังได้ชี้ถึงการขยายวงกว้างของการทำนมาซวันศุกร์ทั่วทั้งประเทศ อยู่ในฐานะเครื่อข่ายที่เชื่อมโยงต่อกันและกัน โดยท่านได้ตั้งข้อสังเกตว่า “การรวมตัวกันนี้ คือ การขยายขีดความสามารถในการจัดเสวนาในระดับสูงที่สุดและมีความยากลำบากที่สุดในประเด็นหลักและมีความจำเป็นของประเทศ และนี่คือ ลักษณะพิเศษของการทำนมาซวันศุกร์นั่นเอง”
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ได้กล่าวเตือนโดยเน้นให้บรรดาอิมาม ผู้นำนมาซวันศุกร์ทั่วประเทศ มีการอธิบายถึงความสำคัญและฐานภาพของการทำนมาซวันศุกร์ และท่านยังได้กล่าวสรุปในประเด็นแรกของการปราศรัยของท่าน โดยกล่าวว่า “เราจะต้องรู้ว่า การทำนมาซวันศุกร์นั้น เป็นความรับผิดชอบที่ยิ่งใหญ่และมีความสำคัญยิ่ง ซึ่งมีลักษณะพิเศษอันจำเพาะที่จะต้องใช้ประโยชน์จากโอกาสนี้อย่างมีคุณค่า”
ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ในประเด็นที่สองของการปราศรัยของท่าน กล่าวเกี่ยวกับความจำเป็นในการเน้นย้ำถึงการมีตักวา (ความยำเกรง) ในธรรมเทศนาของนมาซวันศุกร์ โดยกล่าวเสริมว่า “หนึ่งในความต้องการของสังคมในวันนี้ ก็คือ การมีตักวา ที่จะเป็นพื้นฐานในการแก้ไขปัญหาต่างๆทั้งปัญหาทางด้านวัตถุและทางด้านจิตวิญญาณของสังคม แต่การมีตักวานั้นก็จะต้องมีการอธิบายถึงตัวอย่างที่เด่นชัดในการกล่าวธรรมเทศนาของนมาซวันศุกร์ ไม่ใช่เป็นเพียงแค่คำตักเตือนแบบทั่วไป โดยที่ปราศจากการอธิบายตัวอย่างใดๆทั้งสิ้น”
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า การมีตักวาในสังคมออนไลน์ คือ ความต้องการของสังคม โดยกล่าวเสริมว่า “หนึ่งในปัญหาของเราในวันนี้ คือ การแพร่กระจายของการโกหก การใส่ร้าย การสร้างข่าวลือ และประเด็นต่างๆที่เกี่ยวข้องกันในสังคมออนไลน์ ซึ่งในธรรมเทศนาของนมาซวันศุกร์นั้นจะต้องมีการอธิบายถึงความจำเป็นและควรมีความระมัดระวังของการมีตักวาในสังคมออนไลน์”
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังได้ตั้งข้อสังเกตว่า “การอธิบายถึงวิธีการมีความระมัดระวังการมีตักวาในปัญหาครอบครัว หน้าที่ของบิดา และมารดา ในการอบรมสั่งสอนศาสนาและการมีศีลธรรม จริยธรรมต่อบุตร การอธิบายในตัวอย่างของการมีตักวาในความสัมพันธ์ระหว่างคู่สมรสและในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับความสุรุ่ยสุร่ายในสังคม การหลีกเลี่ยงจากการโกหก การใส่ร้ายในการประกอบอาชีพและการค้าขาย ทั้งหมดนี้คือ ตัวอย่างที่เด่นชัดและการปฏิบัติของผู้มีตักวาที่สังคมนั้นมีความต้องการ ซึ่งจะต้องมีการอธิบายในนมาซวันศุกร์”
ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ถือว่า หนึ่งในตัวอย่างของการมีตักวา คือ การหลีกเลี่ยงจากการทำให้เยาวชนต้องหมดหวัง โดยท่านได้กล่าวเสริมว่า “ในโรงเรียนหรือมหาวิทยาลัย ในสภาพแวดล้อมทางการค้าและการประกอบอาชีพ ก็ได้มีการพูดคุยกันในรูปแบบที่เยาวชนต้องหมดหวังในอนาคตของพวกเขา และการทำให้เยาวชนต้องพบกับความหมดหวัง นั่นหมายถึง การไม่ให้โอกาสและอำนาจแก่องค์ประกอบของเยาวชนต่อประเทศและสังคมอิสลาม และนี่คือ ความชั่วร้ายอันหนึ่ง นั่นเอง”
วิถีต่างๆของการปฏิบัติของบรรดาอิมาม ผู้นำนมาซวันศุกร์และวิธีการมีความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขากับประชาชน คือ ประเด็นที่สามของท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม
ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี กล่าวว่า “พฤติกรรมและการกระทำของอิมาม ผู้นำนมาซวันศุกร์ จะต้องอยู่ในสภาพที่ประชาชนนั้นได้รับกลิ่นหอมของศาสนา การมีตักวา ความซื่อสัตย์และการเป็นนักการปฏิวัติ”
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า ความเป็นประชาชนและความรักและความผูกพันธ์กับประชาชนในสภาพที่แท้จริงและไม่มีการปรุงแต่ง คือ ความจำเป็นของวิถีต่างๆในการปฏิบัติของบรรดาอิมาม ผู้นำนมาซวันศุกร์ โดยท่านกล่าวเสริมว่า “การติดตามปัญหาของประชาชนในสภาพที่มีการเปิดกว้าง การหลีกเลี่ยงจากการเข้าหายังบุคคลที่มีความร่ำรวย อำนาจ และผู้ที่ประจบสอพลอ การมีความระมัดระวังและการดูแลต่อเครือญาติที่ใกล้ชิดและบุตรหลายทั้งหลาย คือ กรณีต่างๆที่สำคัญในวิถีต่างๆของการปฏิบัติของบรรดาอิมาม ผู้นำนมาซวันศุกร์”
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม กล่าวถึงประเด็นที่สี่โดยเน้นว่า “ความจำเป็นต่อธรรมเทศนาของนมาซวันศุกร์ โดยกล่าวว่า “ธรรมเทศนานั้น จะต้องเต็มไปด้วยปัญหา คำสั่งสอน วิธีการในแก้ไขปัญหา และการตอบคำถามต่างๆของประชาชนได้ โดยเฉพาะคำถามจากเยาวชนทั้งหลาย”
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า ความสัมพันธ์และการมีความรักและความผูกพันธ์กับเยาวชนคือ วิธีการที่ดีที่สุดในการทำความเข้าใจปัญหาและขจัดความคลุมเครือของพวกเขา โดยท่านได้กล่าวเตือนต่อบรรดาอิมาม ผู้นำนมาซวันศุกร์ว่า ทุกสัปดาห์นั้นจะต้องมีเวลาที่เฉพาะในการพบปะกับเยาวชน เพื่อพวกเขาจะสามารถอธิบายถึงธรรมเทศนาที่มีประโยชน์ได้”
ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ถือว่า การใช้ประโยชน์จากบรรดาเยาวชน ผู้ศรัทธา ด้วยความคิด และความไว้วางใจในหน่วยงานของนมาซวันศุกร์นั้น มีความจำเป็นอย่างยิ่ง และท่านผู้นำยังเน้นย้ำให้บรรดาผู้นำนมาซวันศุกร์ว่า “พวกท่านจงทำการอธิบายในธรรมเทศนาที่สั้น เข้าถึงได้ง่ายและมีความชัดเจน”
ท่านผู้นำสูงสุดของการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า การสนับสนุนในการกำหนดทิศทางและการขับเคลื่อนในการปฏิวัติ คือ หน้าที่ของอิมาม ผู้นำนมาซวันศุกร์ โดยท่านได้เน้นว่า “ในขณะที่มีการขับเคลื่อนในการปฏิวัติ พวกท่านก็จะต้องแสดงออกอย่างดีกับทุกฝ่ายด้วย”
การสนับสนุนชมรมเยาวชนทางด้านวัฒนธรรมทั่วประเทศ และการยืนหยัดบนจุดยืนของการปฏิวัติและความสอดคล้องกับนโยบายของรัฐ คือ สองคำแนะนำที่ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลามเน้นย้ำต่อบรรดาผู้นำนมาซวันศุกร์
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังได้ตั้งข้อสังเกตว่า “ประเทศที่มีจิตวิญญาณแห่งการปฏิวัติสามารถที่จะมีความก้าวหน้าได้ และด้วยการขับเคลื่อนของการปฏิวัติก็จะนำไปสู่จุดสูงสุดอย่างสมบูรณ์ การละเลยต่อจุดยืนนี้ ไม่ได้ทำให้การปฏิวัตินั้นต้องพบกับความเสียหายเท่านั้น แต่ยังทำให้ประชาชนและประเทศชาติ ทั้งในอนาคตของอิหร่านก็จะพบกับความเสียหายด้วยเช่นกัน”
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า นโยบายการปฏิบัติในเชิงบวกและมีความหวังในการทำนมาซวันศุกร์นั้นมีความจำเป็นอย่างยิ่ง และท่านกล่าวเสริมว่า “มีการเริ่มต้นของการขับเคลื่อนในการส่งเสริมการผลิตของประเทศ ที่เป็นตัวอย่างที่จำเป็นในการขับเคลื่อนที่มีความหวังในการกล่าวเทศนาธรรม”
ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ถือว่า การมุ่งเน้นของหน่วยงานต่างๆในการโฆษณาชวนเชื่อของศัตรูแสดงถึงความไร้ประสิทธิภาพของรัฐ และการทำให้ประชาชนหมดหวัง โดยกล่าวเสริมว่า “จะต้องมีการอธิบายถึงความจริงที่ให้ความหวังและการช่วยเหลือประชาชนในการเผชิญหน้ากับการโจมตีของสื่อต่างๆของต่างชาติ”
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม กล่าวในส่วนสุดท้ายของการปราศรัยของท่านถึงประเด็นปัจจุบันและปัญหาทั่วไปของประเทศ โดยท่านได้เน้นว่า “ช่างน่ายินดีอย่างยิ่งของประชาชาติและรัฐฯที่พวกเขาได้แสดงให้เห็นถึงความยิ่งใหญ่ การมีอำนาจ ความมั่นคงของตนต่อโลก และยังแสดงให้เหล่าศัตรูได้เห็นอีกด้วยเช่นกัน”
ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอีได้ชี้ให้เห็นว่า เจ้าหน้าที่ระดับสูงของนานาประเทศได้ยอมรับถึงการปกปิดและซ่อนเร้นในการเจรจาต่างๆของตนบนเวทีการเมืองโลก โดยท่านกล่าวว่า “แม้แต่ในการเจรจาและในเวทีต่างๆที่เรานั้นไม่ได้เข้าร่วม ที่มีคำพูดจากการมีอำนาจของประชาชาติอิหร่าน และสาธารณรัฐอิสลาม นี่คือความจริงที่แสดงให้เห็นว่ารัฐแห่งประชาชนของอิหร่านนั้นสามารถที่จะพิสูจน์ให้สายตาของเหล่าศัตรูเห็นถึงความยิ่งใหญ่และการมีอำนาจของตน”
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า พระหัตถ์ในการช่วยเหลือของพระเจ้า คือปัจจัยหลักในการยืนหยัดต้านทานและความสำเร็จของประชาชาติในการเผชิญกับความกดดันและแผนการร้ายต่างๆตลอด 40 ปีของเหล่าศัตรู โดยกล่าวเสริมว่า “การมีอำนาจที่เพิ่มขึ้นของสาธารณรัฐอิสลามในการเผชิญหน้ากับสายตาที่เสียใจของเหล่าศัตรู เป็นสัญลักษณ์ที่แสดงถึงการไม่ปฏิเสธของการสนับสนุนของพระเจ้าที่มีต่อการปฏิวัติอิสลามและประชาชาติอิหร่าน”
ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ยังได้ชี้ถึงรากเหง้าในการปะทะกันอย่างรุนแรงของพวกตะวันตก เช่น พวกยุโรปกับอิหร่านในปัญหาปัจจุบันในกรณีนิวเคลียร์ คือ ความหยิ่งทรนงของพวกเขา โดยท่านกล่าวว่า “ความหยิ่งทรนงเป็นสาเหตุที่ทำให้พวกตะวันตกไม่สามารถเข้าใจถึงความจริงได้ แต่การทรนงนี้ในการเผชิญหน้ากับประชาชาติและประเทศที่อ่อนแอทำให้พวกเขาพบกับความสำเร็จ ในขณะที่เผชิญกับประชาชาติที่ไม่มีความหวาดกลัวและมีการปกป้องสิทธิของตน ทำให้พวกตะวันตกพบกับความพ่ายแพ้”
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังได้ชี้ถึงคำพูดที่ชัดเจนของรัฐมนตรีต่างประเทศเกี่ยวกับข้อตกลงนิวเคลียร์11ประการของพวกยุโรปที่มีอิหร่านและการไม่ปฏิบัติตามข้อตกลงดังกล่าว แม้แต่ประการเดียว โดยกล่าวว่า “ท่านรัฐมนตรีต่างประเทศนั้นได้มีความเพียรพยายามอย่างมาก ทั้งการทูตด้วยเช่นกัน ขณะที่พวกยุโรปก็ไม่ได้ปฏิบัติตามข้อตกลง แม้แต่ประการเดียว”
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังได้เน้นว่า “พวกท่าน ชาวยุโรปทั้งหลายไม่ได้มีการปฏิบัติตามข้อตกลงดังกล่าวสักประการเดียว และด้วยสิทธิ์อันใดหรือที่พวกท่านนั้นต้องการให้เรายึดมั่นในข้อตกลงเหล่านี้ด้วย? พวกท่านจงรู้ไว้เถิดว่า เรานั้นได้เริ่มลดข้อตกลงแล้วและกระบวนการนี้ก็ยังคงดำเนินต่อไปอย่างต่อเนื่อง”
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังกล่าววิพากษ์วิจารณ์อย่างรุนแรงต่อการปล้นสะดมของโจรสลัดชาวอังกฤษที่ชั่วร้าย โดยกล่าวว่า “พวกเขาได้เปิดเผยถึงความชั่วร้ายให้ทุกคนได้เห็นด้วยกับการโจรกรรมเรือของพวกเรา แต่พวกเขาพยายามที่จะแสดงให้เห็นว่ามันถูกกฏหมาย แต่องค์ประกอบของผู้ศรัทธาในสาธารณรัฐอิสลามจะไม่ปล่อยให้การกระทำเหล่านี้ต้องปราศจากการตอบโต้และในโอกาสที่เหมาะสมนั้นก็จะมีคำตอบให้อย่างแน่นอน”
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังแสดงความปลื้มปิติในการตัดขาดของประชาชาติและเจ้าหน้าที่จากต่างชาติ โดยกล่าวเสริมว่า “ด้วยกับบะรอกัต(เกียรติ)ของหัวใจที่ตัดขาดนี้ จะทำให้ประเทศอยู่ในสภาพเดือดจากภายในและการขับเคลื่อนที่ดีนี้ก็จะพบกับความสำเร็จที่มากขึ้นอย่างแน่นอน”
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า ความสามารถที่ภาคภูมิใจในการป้องกันประเทศ เป็นผลที่มีจากความกดดัยและการตัดขาดจากต่างชาติในช่วงสงครามการป้องกันอันศักดิ์สิทธิ์ โดยเน้นว่า “การขับเคลื่อนในปัจจุบัน ก็เช่นกัน ด้วยกับบะรอกัตในการพึ่งพาตนเองในด้านต่างๆ เช่น ทางเศรษฐกิจก็จะได้รับผลลัพท์ที่สำคัญอย่างยิ่ง”
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า การเพิ่มขึ้นของการย้อนกลับของหน่วยงานต่างๆภาครัฐฯยังเยาวชน ผู้มีความคิดสร้างสรร เช่น ผลลัพท์จากการตัดขาดจากต่างชาติ โดยเน้นว่า “การดำเนินอย่างต่อเนื่องของการเดือดจากภายในด้วยกับพระมหากรุณาธิคุณของพระเจ้า จะทำให้อิหร่านที่ทรงเกียรตินั้นไม่ต้องการพึ่งพาต่างชาติอย่างแน่นอน”
ก่อนการปราศรัยของท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ฮุจญตุลอิสลาม ฮัจญ์ อะลี อักบะรี ประธานสภาการคัดเลือกผู้นำนมาซวันศุกร์ ถือว่า การทำนมาซวันศุกร์ คือ บะรอกัต(เกียรติ) ของการปฏิวัติอิสลาม และเป็นหนึ่งในปัจจัยหลักในการพิทักษ์รัฐอิสลาม โดยกล่าวว่า “ในวันนี้ มีการทำนมาซวันศุกร์ใน 900 เมืองและในช่วง 40 ปีที่ผ่านมา ก็มีการปฏิบัตินมาซวันศุกร์ถึง 2079 สัปดาห์อย่างไม่หยุดหย่อน และอีกประมาณ 2 แสนชั่วโมงที่มีการกล่าวเทศนาธรรมในนมาซวันศุกร์”
ฮุจญตุลอิสลาม ฮัจญ์ อะลี อักบะรี ถือว่า การทำนมาซวันศุกร์เป็นสื่อที่ผลอย่างมาก โดยเขาได้ตั้งข้อสังเกตว่า “หน่วยงานในการดำเนินการทำนมาซวันศุกร์ ถือว่าเป็นสถานที่พบปะของประชาชน ในการบรรลุสู่ก้าวที่สองแห่งการปฏิวัติอิสลาม ขณะที่เป้าหมายของตนคือ การเข้าไปถึงยังการทำนมาซวันศุกร์ที่มีความสูงส่งกว่าการปฏิวัติอิสลาม ด้วยกับลักษณะอันพิเศษ เช่น การสร้างสังคมและอารยธรรม และบรรดาผู้นำนมาซต่างพยายามที่ทำให้ตนนั้นมีบทบาทในการอธิบายการเสวนาของการปฏิวัติอิสลามที่เหมาะสมกับเงื่อนไขในปัจจุบันและความต้องการของสังคม”