บรรดานักศึกษาหลายพัน ตัวแทนกลุ่มชมรมทางวิชาการ วัฒนธรรม สังคม การเมืองและสมาคมต่างๆของบรรดานักศึกษา ได้เข้าพบท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม อยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ซึ่งถือว่าเป็นการพบปะกันที่ใช้เวลานานถึง 3 ชั่วโมงเต็ม โดยประมาณ 2 ชั่วโมงเป็นการนำเสนอทัศนะวิสัยทัศน์เกี่ยวกับประเด็นต่างๆ โดยท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ได้อธิบายถึงประเด็นที่สำคัญเกี่ยวกับปัญหาที่ได้กล่าวถึงและประเด็นทางกลยุทธ์ที่เกี่ยวข้องกับวิธีการที่จะทำให้เยาวชนทั้งหลายเข้าสู่ภาคสนามในการขับเคลื่อนทั่วไปของประเทศในการบรรลุถึงมุมมองที่ชัดเจนของการปฏิวัติอิสลาม
ในช่วงแรกของการปราศรัย ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ได้กล่าวเตือนบรรดานักศึกษาและเยาวชนทั้งหลายถึงการใช้ประโยชน์จากโอกาสอันทรงคุณค่าของเดือนรอมฎอนในการสร้างความสัมพันธ์กับพระผู้เป็นเจ้า ผู้ทรงสูงส่งยิ่ง โดยกล่าวว่า “พวกท่านจะต้องใช้โอกาสอันทรงคุณค่านี้ในการสร้างความสัมพันธ์กับอัลกุรอาน นมาซและการขอดุอา โดยจะต้องทำให้การกระทำเหล่านี้กลายเป็นนิสัยที่ดีงามและคงดำรงอยู่ตลอดไป”
ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ถือว่า การประชุมกับนักศึกษาในวันนี้ คือ การประชุมที่มีความเบิกบานใจและการจิตวิญญาณของเยาวชน ทั้งยังเป็นบ่อเกิดของการดำเนินชีวิต เป็นเหตุให้มีความก้าวหน้าและการใช้ประโยชน์จากโอกาสต่างๆในประเทศ โดยท่านกล่าวเสริมว่า “จากข้อร้องเรียนของพวกท่าน ได้แสดงให้ถึงความทุกข์ทรมานและความกังวลใจต่างๆ และข้าพเจ้าก็ยอมรับด้วยเช่นกันถึงความกังวัลใจต่างๆเหล่านี้และการมีปัญหาต่างๆ แต่พวกท่านก็จะต้องเพ่งสนใจว่า แม้ว่าจะมีจิตวิญญาณที่สดใสและความต้องการที่ดีมากก็ตาม แต่ในการอธิบายและการวิพากษ์วิจารณ์ควรที่จะมีความระมัดระวังอย่างยิ่ง เพราะว่าความไม่ระมัดระวังในการอธิบายนั้น นอกเหนือจากการถูกลงโทษจากพระเจ้าแล้วยังจะเกิดผลกระทบที่ไม่ดีอื่นๆตามมาอีกด้วย”
หลังจากนั้น ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ก็ได้ชี้ถึงบางกรณีจากข้อร้องเรียนของบรรดานักศึกษาและการตอบคำถามที่ว่า ปัญหาต่างๆและการลดน้อยที่เกิดขึ้นในปัจจุบันนี้ล้วนมาจากปัญหาในโครงสร้างหรือความอ่อนแอของเจ้าหน้าที่กระนั้นหรือ? โดยท่านกล่าวว่า “โครงสร้างของรัฐธรรมนูญนั้นเป็นโครงสร้างที่ดีและก็ไม่มีปัญหาแต่อย่างใด แต่ทว่าในประเทศทั้งหลายนั้น เช่นในประเทศของเราก็มีการปรับปรุงและเปลี่ยนแปลงในโครงสร้างต่างๆในตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมา เหมือนดั่งในอดีต สภาแห่งการปกป้องผลประโยชน์ของชาตินั้นไม่มีอยู่ แต่ในวันนี้ก็ได้ถือกำเนิดขึ้นมาแล้ว”
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังได้ตั้งข้อสังเกตเกี่ยวกับกรณีของระบบรัฐสภา โดยกล่าวว่า “ประเด็นเหล่านี้ เราได้พูดคุยกันในการร่างรัฐธรรมนูญในสภามาแล้วและได้รับผลลัพท์ในวันนี้ เพราะว่าปัญหาระบบของรัฐสภานั้นมีปัญหามากกว่าปัญหาในระบบของประธานาธิบดีเสียอีก”
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังกล่าวสรุปในคำถามนี้โดยได้เน้นว่า “ในโครงสร้างนั้นไม่มีปัญหาใดๆแต่เป็นไปได้ว่าจะต้องมีการเพิ่มและตัดออก แต่เจ้าหน้าที่ทั้งหลายนั้น ปัญหาต่างๆ ความเพิกเฉย ความไร้ความสามารถและรสนิยมที่แตกต่างๆ ซึ่งผลที่จะได้รับก็คือข้อบกพร่องเหล่านี้ แต่ความผิดพลาดของเจ้าหน้าที่ของเรานั้นไม่ได้เหมือนกับบุคคลทั่วไปและก็ยังมีช่องว่างที่ใหญ่โตในสังคมอีกด้วย”
ประเด็นต่อมาที่ท่านอยาตุลลอฮ์ ได้กล่าวถึงก็คือ การวิพากษ์วิจารณ์ของหนึ่งในบรรดานักศึกษาที่เกี่ยวกับความไม่เหมาะสมในภาคเอกชนโดยมีการเรียกร้องให้มีการสั่งระงับในกรณีดังกล่าว
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังได้ชี้ถึงความผิดพลาดอันยิ่งใหญ่ในภาคเอกชน โดยกล่าวว่า “ข้าพเจ้าได้ย้ำเตือนมาหลายครั้งแล้วเกี่ยวกับกรณีดังกล่าวนี้ ซึ่งบางกรณีเป็นเหตุให้มีการปรับปรุงแก้ไขหรือมีการสั่งระงับด้วยเช่นกัน แต่ทว่าตามหลักการแล้ว ภาคเอกชนคือ ความต้องการทางเศรษฐกิจและประเทศชาติของเรา ซึ่งก็อย่าได้มีการขัดขวางเป็นอันขาด แต่ก็จะต้องระมัดระวังในความผิดพลาดที่จะเกิดขึ้นในภาคเอกชนด้วย”
ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ยังได้กล่าวตอบในคำถามที่เกี่ยวกับประเด็นต่างๆที่ได้พูดถึงในการประชุมกันครั้งนี้ โดยท่านได้เน้นว่า “ข้าพเจ้านั้นยอมรับในการขับเคลื่อนของเยาวชนแห่งการปฏิวัติ แต่การงานอันนี้มิได้หมายถึงการยอมรับในการกระทำที่ผิดพลาด ซึ่งเป็นไปไม่ได้ที่จะเกิดขึ้นกับเยาวชนจำนวนหนึ่ง ฉะนั้นข้าพเจ้าจึงไม่ขอยอมรับในความผิดพลาดเหล่านี้ แต่ข้าพเจ้านั้นยอมรับในเยาวชนแห่งการปฏิวัติ หากว่ามีสิ่งใดที่รายงานไปที่นอกเหนือจากนี้ พวกท่านก็อย่าได้ยอมรับมันเป็นอันขาด”
การปฏิบัติของบางคนเกี่ยวกับการลงมติข้อตกลงนิวเคลียร์โดยให้ความสัมพันธ์ถึงท่านผู้นำสูงสุด คือ อีกคำถามหนึ่งที่บรรดานักศึกษาได้ถามท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม โดยท่านกล่าวว่า “พวกท่านทั้งหลายนั้นมีสายตาและความฉลาดหลักแหลมและมีความเข้าใจในทุกสิ่ง และในจดหมายที่ข้าพเจ้าได้เขียนถึงเจ้าหน้าที่ทั้งหลายเกี่ยวกับข้อตกลงนิวเคลียร์ก็ประจักษ์ชัดว่ามติจะต้องเป็นอย่างไร ซึ่งในจดหมายนั้นได้มีการกำหนดเงื่อนไขต่างๆในขณะที่มีการลงมติด้วย”
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังกล่าวเสริมว่า “หากว่าไม่มีการปฏิบัติตามเงื่อนไขที่ถูกกำหนดไว้ก็ไม่ใช่หน้าที่ของผู้นำสูงสุดที่จะทำการขัดขวางและบอกด้วยว่าอย่าได้ปฏิบัติตามข้อตกลงนิวเคลียร์”
ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี กล่าวว่า “ประเด็นนี้นั้น หน้าที่ของผู้นำสูงสุดมีอะไรบ้างหรือ ก็เป็นอีกประเด็นหนึ่ง แต่ข้าพเจ้าเชื่อว่าในประเด็นของการดำเนินการ ผู้นำสูงสุดจะต้องไม่เข้ามายุ่งเกี่ยวและขัดขวางเป็นอันขาด นอกเหนือจากในกรณีที่มีการขับเคลื่อนทั่วไปเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของการปฏิวัติอิสลาม ซึ่งในกรณีเหล่านี้เราจะเข้ามา”
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังได้ตั้งข้อสังเกตว่า “ข้าพเจ้าก็ไม่ได้เชื่อมากหรอกว่าจะมีการดำเนินการตามข้อตกลงนิวเคลียร์ และข้าพเจ้าก็ได้กล่าวเตือนหลายต่อหลายครั้งมาแล้วกับเจ้าหน้าที่ทั้งหลายที่เกี่ยวข้องกับการงานนี้ คือ ท่านประธานาธิบดี และรัฐมนตรีต่างประเทศ ผู้ทรงเกียรติในกรณีเหล่านี้”
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังกล่าวเตือนเกี่ยวกับวิธีการในการวิพากษ์วิจารณ์ของนักศึกษา โดยกล่าวว่า “นักศึกษาบางคนได้กล่าววิพากษ์วิจารณ์ที่ดีและถูกต้องที่สุดแต่ก็อย่าใช้ถ้อยคำที่รุนแรง รวมทั้งในการวิพากษ์วิจารณ์ ก็จะต้องไม่แสดงให้ฝ่ายตรงข้ามเห็นถึงจุดด้อยเป็นอันขาดและจะต้องพูดอย่างไรก็ได้ที่ไม่เป็นเหตุให้พวกท่านต้องถูกดำเนินการโดยหน่วยตุลาการ และอย่าได้เกินเลยจากความเป็นจริงในการอธิบายถึงข้อเท็จจริง และจงอย่าปฏิเสธความแน่นอนของกลุ่มหนึ่ง พวกท่านนั้นคือลูกหลานของข้าพเจ้าที่จะต้องพยายามในการอธิบายด้วยกับคำพูดที่ถูกต้อง”
หลังจากนั้น ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ยังได้ชี้ถึงการดำเนินการบางอย่างและกิจกรรมของกลุ่มชมรมต่างๆของนักศึกษาทั้งในระดับประเทศ ภูมิภาคและระหว่างประเทศในช่วงหนึ่งปีที่ผ่านมาโดยท่านกล่าวว่า “การสนับสนุนของกลุ่มชมรมต่างๆของนักศึกษาที่มีต่อบรรดาแรงงานและการมีส่วนร่วมในโรงานอุตสาหกรรมน้ำตาลฮัฟต์ตัพเพฮ์ และอุตสาหกรรมยานยนตร์ของเมืองตับรีซ หรือการมีข้อเรียกร้องยังสามสภาและองค์การพิทักษ์ผลประโยชน์แห่งชาติในบางประเด็น และเช่นเดียวกัน ในการจัดประชุมรวมตัวกันเพื่อปกป้องสิทธิของชาวเยเมนและการแสดงจุดยืนในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในนิวซีแลนด์และไนจีเรีย ถือว่าการดำเนินการเหล่านี้ เป็นการดำเนินที่ดีอย่างมากทีเดียว”
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังได้เน้นถึงความสุขุมและการมีสติปัญญาพร้อมทั้งการมีอำนาจทางจิตวิญญาณและภายในจิตใจของกลุ่มชมรมทั้งหลายของนักศึกษา โดยกล่าวว่า “ในการประชุมต่างๆ และการเรียกร้องนั้นจะมีผลต่อคำพูดที่มีตรรกะและข้าพเจ้าก็ขอยอมรับในการขับเคลื่อนต่างๆเหล่านี้ของพวกเขาจะต้องมีอย่างต่อเนื่อง”
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังได้ตั้งข้อสังเกตถึงข้อตักเตือนของท่าน ก่อนหน้านี้ที่มีต่อกลุ่มชมรมทั้งหลายของนักศึกษา โดยเฉพาะที่เกี่ยวกับการจัดตั้งกิจกรรมในการอ่านหนังสือและความจำเป็นในการอ่านหนังสืออย่างต่อเนื่อง โดยกล่าววว่า “ช่างน่าเสียใจยิ่งนักในการขับเคลื่อนนี้ที่ยังไม่ได้เข้าสู่ระดับขั้นที่เหมาะสม ซึ่งกลุ่มชมรมทั้งหลายของนักศึกษาและกลุ่มต่างๆแห่งความคิดและวิชาการของพวกเขาก็จะต้องมีการวางแบบแผนในการอ่านหนังสือให้บรรดานักศึกษาด้วย”
ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ยังได้ชี้ถึงประเด็นของการอธิบายในก้าวที่สองแห่งการปฏิวัติโดยกล่าวเสริมว่า “ยุทธศาสตร์นี้เป็นการร่างโครงสร้างทั่วไปจากอดีต ปัจจุบันและอนาคตของการปฏิวัติอิสลามที่เกิดขึ้นด้วยกับองค์ประกอบหลักทั้งสี่ประการ ดังนี้ กล่าวคือ 1.ความยิ่งใหญ่ในการเกิดขึ้นและความเป็นอมตะของการปฏิวัติอิสลาม 2.ความยิ่งใหญ่ในผลงานของการปฏิวัติอิสลามจนถึงปัจจุบัน 3.ความยิ่งใหญ่ของวิสัยทัศน์ของการปฏิวัติอิสลามที่จะต้องไปถึงจุดนั้น 4.ความยิ่งใหญ่ของการมีบทบาทของกองกำลังเยาวชนทั้งหลายที่มีความรับผิดชอบในเส้นทางของความก้าวหน้า”
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังได้เน้นถึงการปฏิวัติอิสลามในตลอดช่วง40 ปีที่ผ่านมา มีสร้างผลงานที่ทรงคุณค่าต่างๆมากมายทั้งทางด้านการเมือง สังคม วิชาการ ความยุติธรรม อิสระเสรี โดยท่านได้ตั้งข้อสังเกตว่า “ปัจจุบันนี้ เรานั้นมีความต้องการในการขับเคลื่อนทั่วไปที่ตรงตามกฏระเบียบและความรวดเร็วพร้อมทั้งมีความก้าวหน้าที่สัมผัสได้ด้วยกับแกนนำหลักคือ บรรดาเยาวชนผู้ที่มีความรับผิดชอบและเป็นฮิซบุลลอฮ์(พลพรรคของพระเจ้า) ไปยังการมีวิสัยทัศน์ที่ดีและเป้าหมายที่สูงส่งของการปฏิวัติอิสลาม เพื่อที่จะได้มีผลต่อการเปลี่ยนแปลงในระบบของการบริหารประเทศ”
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังกล่าวตอบในคำถามนี้ว่า “ในทุกๆการขับเคลื่อนที่ตรงตามกฏระเบียบที่ถูกต้องและมีการใช้สติปัญญา จะต้องมีองค์ประกอบทั้ง 4 ประการ คือ การรู้จักถึงข้อเท็จจริง การกำหนดทิศทาง การมีผู้ที่ประกอบการ และการยึดถือวิธีการทางการปฏิบัติในการชี้นำการขับเคลื่อนทั่วไปนี้”
ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ยังได้ตั้งข้อสังเกตเกี่ยวกับประเด็นความต้องการของทุกๆการขับเคลื่อนยังการรู้จักถึงข้อเท็จจริงโดยกล่าวว่า “ผู้ที่เป็นแกนหลักในการขับเคลื่อนนี้ จะต้องรู้จักถึงองค์ประกอบเหล่านี้อย่างพอเพียงและต้องทราบด้วยว่า สาธารณรัฐอิสลามนั้นอยู่ในสภาวะเช่นไรและอะไรคือโอกาสและอะไรคือการคุกคาม ผู้ใดคือศัตรูและผู้ใดคือมิตร”
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังกล่าวถึงองค์ประกอบประการที่สองในการขับเคลื่อนทั่วไป คือ การกำหนดทิศทางอย่างชัดเจน โดยกล่าวเสริมเช่นกันว่า “การกำหนดทิศทางของการขับเคลื่อนทั่วไปของประชาชาติชาวอิหร่าน จะต้องไปสู่การจัดตั้งสังคมอิสลามและในท้ายที่สุด คือ การเกิดขึ้นของอารยธรรมที่ก้าวหน้าของอิสลาม”
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า การมีจุดที่ชัดเจนและมีความหวังเป็นเหตุให้มีความก้าวหน้าในการขับเคลื่อนกันอย่างต่อเนื่อง โดยกล่าวเสริมว่า “ในโครงสร้างของขีดความสามารถต่างๆที่ถูกพิสูจน์ของประชาชาติอิหร่านและในท้ายที่สุด จะนำไปสู่การงานที่ยิ่งใหญ่ (ก็คือ การประจักษ์ชัดในชัยชนะและความต่อเนื่องของการปฏิวัติอิสลาม) ถือว่าเป็นจุดที่สำคัญที่สุดในการมีความหวังในการขับเคลื่อนทั่วไปของประชาชาติชาวอิหร่านเพื่อให้บรรลุยังเป้าหมายและการมีวิสัยทัศน์ที่ชัดเจนของประเทศ”
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า พันธะสัญญาที่ถูกต้องและไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ของพระผู้เป็นเจ้าที่เกี่ยวกับความช่วยเหลือต่อผู้ที่ช่วยเหลือศาสนาของพระองค์ คือ จุดที่มีความหวังอีกประการหนึ่ง โดยกล่าวเสริมว่า “การล้มเหลวของอารยธรรมตะวันตกนั้นเป็นสิ่งที่ไม่ต้องสงสัยเลย แต่การเปิดเผยมันออกมาจะต้องใช้เวลาและจุดแห่งความหวังอีกอย่างหนึ่งก็คือ การขับเคลื่อนทั่วไปของประชาชาติอิหร่านนั่นเอง”
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า การนำเสนอวิธีการในการปฏิบัติขององค์ประกอบหลักประการที่ 4 คือ ในทุกการขับเคลื่อนทั่วไป โดยท่านได้ตั้งข้อสังเกตว่า “การอธิบายถึงองค์ประกอบประการที่ 4 นี้ให้กับสาธารณชนนั้นมีความต้องการการใช้สติปัญญาและภาษาที่คล่องแคล่ว แต่ก็จะต้องมีการวางแบบแผน การชี้นำ การดำเนินการเพื่อที่จะทำให้กองคาราวานอันยิ่งใหญ่ของสังคมได้ขับเคลื่อนไป โดยเฉพาะในบรรดาเยาวชนนั้นมีความก้าวหน้า”
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม จากมุมมองนี้ ท่านได้ตอบคำถามหลักที่ว่า เยาวชนจะเข้ามามีบทบาทในการขับเคลื่อนอันยิ่งใหญ่ของประชาชาติอิหร่านได้อย่างไร? โดยท่านเน้นว่า “การวางแบบแผนและการนำเสนอวิธีการเพื่อการชี้นำในการขับเคลื่อนที่ยิ่งใหญ่ของประชาชาตินั้นเป็นหน้าที่ความรับผิดชอบของกลุ่มขบวนการต่างๆและเครือข่ายขนาดกลาง เช่น กลุ่มชมรมบรรดานักศึกษาซึ่งส่วนมากนั้นประกอบด้วยบรรดาเยาวชน บรรดานักคิด นักกิจกรรม ที่สามารถมีบทบาทหลักในการขับเคลื่อนทั่วไปของสังคมได้”
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ได้ชี้ถึงตัวอย่างที่เด่นชัดเกี่ยวกับการเข้าร่วมและการเป็นแกนหลักของบรรดาเยาวชนในการจัดตั้งกลุ่มต่างๆด้านวัฒนธรรมทั่วทั้งประเทศ รวมถึงในมัสยิดด้วย โดยกล่าวเสริมว่า “การตีความของคำว่า การเตรียมความพร้อมก็เกี่ยวข้องกับประเด็นนี้ด้วย”
ผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังได้ชี้ถึงการมีประสิทธิภาพที่ลึกซึ้งของกลุ่มต่างๆทางด้านวัฒนธรรม ตั้งแต่ช่วงแรกของการปฏิวัติจนถึงปัจจุบัน โดยได้ตั้งข้อสังเกตว่า “ไม่ว่าในสถานที่ใดที่มีกลุ่มเยาวชนด้วยการใช้สติปัญญาและการมีพลัง ก็สามารถที่จะส่งผลต่อสภาพแวดล้อมใกล้เคียงและในกลุ่มต่างๆที่มีเจตนาที่มุ่งมั่น ในการขับเคลื่อน การมีวิสัยทัศน์ และการมีความก้าวหน้าของการขับเคลื่อนทั่วไปของประชาชาติ”
ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ถือว่า การจัดตั้งกลุ่มต่างๆทางด้านการเมือง คือ อีกวิธีการหนึ่งในการเข้าร่วมอย่างมีประสิทธิภาพของเยาวชนทั้งหลายในด้านต่างๆของการขับเคลื่อนทั่วไปของประเทศ โดยท่านได้ตั้งข้อสังเกตว่า “การจัดตั้งพรรคการเมืองนั้นไม่มีเกียรติ แต่การจัดตั้งกลุ่มต่างๆที่มีกิจกรรมทางด้านการเมืองด้วยจุดประสงค์ในการทำความเข้าใจ การวิเคราะห์ถึงประเด็นต่างๆ เหตุการณ์ทางการเมืองและการถ่ายโอนการวิเคราะห์นี้ให้กับผู้อื่น ซึ่งสามารถส่งผลที่สำคัญอย่างมาก”
การจัดโต๊ะเสวนาอิสระทางความคิดในมหาวิทยาลัย คือ อีกวิธีการหนึ่งของท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลามในการเข้าร่วมอย่างมีประสิทธิภาพของเยาวชนทั้งหลายในภาคสนาม
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังได้เน้นถึงความไม่พอใจในการขับเคลื่อนนี้ โดยกล่าวว่า “บรรดาเยาวชนทั้งหลายนั้น อย่าได้รอคอยในการขับเคลื่อนของอธิการบดีของมหาวิทยาลัยหรือเจ้าหน้าที่อื่นๆ พวกเขาจะต้องมีการจัดโต๊ะเสวนาที่อิสระทางความคิดด้วยกับการศึกษาที่ดีและการเข้าร่วมของบุคคลที่มีความกระตือรือร้นและการใช้ภาษาที่คล่องแคล่ว”
ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ยังได้ตั้งข้อสังเกตว่า “ในขณะนี้ มีจำนวนไม่กี่เปอร์เซ็นของบรรดานักศึกษาที่ไม่ได้มีส่วนร่วมในชมรมต่างๆ หากว่าในจำนวนเหล่านี้ได้เข้ามามีส่วนร่วม แน่นอนว่าเปอร์เซ็นของบรรดานักศึกษาที่มีส่วนร่วมในชมรมและกิจกรรมต่างๆก็จะเพิ่มมากขึ้นด้วย”
การจัดตั้งกลุ่มต่างๆในการเคลื่อนไหวในมหาวิทยาลัย และเช่นกัน การเชิญชวนบรรดานักศึกษาจากประเทศต่างๆที่มีแกนหลักในการยืนหยัดต้านทานเพื่อปรึกษาหารือกันในประเด็นเกี่ยวกับปัญหาระหว่างประเทศและประเด็นสำคัญของโลกอิสลาม คือ อีกข้อเสนอหนึ่งของท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลามที่ให้บรรดานักศึกษาเข้าร่วมและมีการชี้นำในการขับเคลื่อนทั่วไปของประชาชาติเพื่อให้บรรลุยังเส้นทางที่สว่างไสวของประเทศ
ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ถือว่า การจัดตั้งกลุ่มด้านวิทยาศาสตร์และความร่วมมือกับศูนย์องค์ความรู้และบริษัทความรู้พื้นฐาน เป็นอีกวิธีการหนึ่งที่มีประสิทธิภาพ โดยกล่าวเสริมว่า “การให้บริการ รวมถึงการเข้าร่วมของกลุ่มอาสาสมัครญิฮาดีในพื้นที่ต่างๆ เป็นอีกกลยุทธ์หนึ่งที่สำคัญมากซึ่งจะต้องเสริมสร้างความเข้มแข็งและมีการกำหนดเป้าหมาย ซึ่งสามารถที่จะเพิ่มบทบาทของเยาวชนในภาคสนามได้อีกด้วย”
การจัดกิจกรรมในการสื่อสารข้อมูลกับประชาชน ด้วยกับความหมายที่ถูกต้องในการรับทราบข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับปัญหาต่างๆ เช่น การใช้ประโยชน์ในทางที่ผิด การลักลอบค้าขายสิ่งของที่ผิดกฏหมาย และประเด็นที่คล้ายคลึงกันนี้ และการเข้าร่วมในประเด็นต่างๆทางสังคมในระดับชั้นที่แตกต่างกัน คือ อีกสองวิธีการที่ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลามกล่าวถึงในประเด็นของวิธีการเข้าร่วมของเยาวชนในการขับเคลื่อนทั่วไปของประเทศ
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังกล่าวเสริมว่า แน่นอนว่าวิธีการเหล่านี้ จะต้องมีการกำหนดทิศทางโดยรวมของประเทศ นั่นหมายถึง การเข้าถึงสังคมอิสลามและอารยธรรมที่ก้าวหน้าของอิสลาม”
ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ยังกล่าวในบทสรุปของประเด็นนี้ว่า “กิจกรรมเหล่านี้จะนำไปสู่การเข้าร่วมของเยาวชนคนรุ่นใหม่ที่มุ่งมั่นในการบริหารจัดการประเทศและโดยตามธรรมชาติแล้ว ขณะที่เยาวชนที่มีความมุ่งมั่นและเป็นฮิซบุลลอฮ์ ด้วยกับความหมายที่แท้จริง ได้เป็นผู้บริหารในระดับสูงของประเทศ ก็จะทำให้การขับเคลื่อนทั่วไปของประเทศนั้นมีความรวดเร็วและเพิ่มมากขึ้นอีกด้วย”
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม กล่าวถึงประเด็นสำคัญหนึ่งว่า “ กิจกรรมเหล่านี้ที่มีจุดประสงค์เพื่อการเข้าร่วมอย่างมีประสิทธิภาพของบรรดาเยาวชนในการขับเคลื่อนทั่วไปของประเทศ และอย่าได้สร้างความเสียหายให้การงานต่างๆและเป้าหมายทางวิชาการของกลุ่มต่างๆของบรรดาเยาวชนเป็นอันขาด แต่ก็จะต้องมีการดำเนินการที่ควบคู่กันไปด้วย เพราะว่า นักอัจฉริยบุคคลนั้นสามารถเป็นผู้ที่ล้ำหน้าทางวิชาการและเช่นกัน ในกลุ่มต่างๆทางด้านอาสาสมัครญิฮาดีหรือนิตยสารและกลุ่มต่างๆของบรรดานักศึกษาด้วย”
ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ยังกล่าวถึงนิตยสารของบรรดานักศึกษา โดยกล่าวว่า “ผู้ที่มีส่วนร่วมในนิตยสารเหล่านี้ก็สามารถจัดตั้งกลุ่มต่างๆ ได้ หลังจากช่วงเวลาของการเป็นนักศึกษา ก็จะมีการขับเคลื่อนในการเผยแพร่และมีประสิทธิภาพได้อีกด้วยเช่นกัน”
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังได้ชี้ถึงความคาดหวังของเยาวชนและองค์กรต่างๆในการเชิญชวนเพื่อเข้าร่วมในกิจกรรมที่มีประสิทธิภาพของพวกเขา โดยเน้นว่า “กลุ่มต่างๆของนักศึกษาจะต้องไม่รอคำเชื้อเชิญเป็นอันขาด แต่ละบุคคลและทุกองค์กรนั้นมีความสามารถในทุกๆด้านด้วยตัวเอง แน่นอนว่าด้วยกับความคิดและการใช้สติปัญญาและการมีระเบียบวินัย โดยที่ไม่ต้องคำนึงถึงปัญหาต่างๆ”
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติ ถือว่า การทำลายแผนการสมรู้ร่วมคิดทางจิตวิทยาของเหล่าศัตรู คือผลลัพท์ที่สำคัญทางการปฏิบัติของเยาวชนและองค์กรนักศึกษา ด้วยกับวิธีการที่อธิบายไปแล้วข้างต้น โดยท่านผู้นำได้ตั้งข้อสังเกตว่า “ศัตรูนั้นด้วยการมีเป้าหมายในการทำให้เยาวชนต้องไร้เสถียรภาพโดยการไปสู่อารมณ์ใฝ่ต่ำ ยาเสพติด บางกิจกรรรมที่ไร้ประโยชน์ ในสื่อสังคมออนไลน์และการทำให้หมดหวัง แต่ด้วยกับการขับเคลื่อนอันสดใสและมีความหวังของเยาวชนและกลุ่มต่างๆของนักศึกษาก็จะทำลายแผนการร้ายนี้ด้วยเช่นกัน”
ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ถือว่า ปัจจัยที่เป็นข่าวดีและสร้างความหวังให้กับประเทศนั้นมีมากกว่าปัจจัยที่น่าหมดหวัง โดยท่านได้ชี้ถึงบางเนื้อหาของนักศึกษาในการพบปะครั้งนี้ของเยาวชนทั้งหลาย โดยเน้นว่า “แม้ว่าพวกท่านจะเห็นถึงความผิดพลาดหลายร้อยปัญหาของเจ้าหน้าที่หรือองค์กรต่างๆ ก็อย่าได้หมดหวังเป็นอันขาด และด้วยการตะวักกุล(มอบหมายการงาน)ต่อพระเจ้า ด้วยการต่อสู้กับปัญหาต่างๆ พวกท่านก็จะมองเห็นอนาคตอันสดใสได้อย่างชัดเจน”
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม กล่าวเสริมว่า “พวกท่านเยาวชนทั้งหลายจะต้องมีความเชื่อมั่นว่าพวกท่านนั้นจะได้เห็นการถูกทำลายของเหล่าศัตรูของมวลมนุษยชาติ นั่นคือ อารยธรรมที่ล้มเหลวของสหรัฐฯและการถูกทำลายของอิสราเอลอย่างแน่นอน”
ในช่วงแรกของการพบปะกันในครั้งนี้ บรรดานักศึกษาจำนวน 11 คน ซึ่งเป็นตัวแทนของบรรดากลุ่มชมรมนักศึกษา ซึ่งมีดังต่อไปนี้
นายมูฮัมมัด อะมีน มะฮ์ดีพูร เลขาธิการสมาพันธ์สังคมแห่งอิสลามของนักศึกษา
นายอะมีน ชะรีฟี ตัวแทนของกลุ่มนักศึกษาและกลุ่มองค์กรอาสาสมัคร
นายตอฮา บัยยาต ตัวแทนของสมาคมแห่งวิชาการของนักศึกษาประจำกระทรวงสาธารณสุข
นายอะลีริฎอ ชะรีฟี ตัวแทนขององค์กรอาสาสมัครนักศึกษา
นายมูฮัมมัดฮุเซน ซอบูรี เลขาธิการสมาพันธ์กลุ่มการเคลื่อนไหวเพื่อความยุติธรรมของนักศึกษา
นายริฎอ พัยวันดี ตัวแทนของนิตยสารของนักศึกษา
นายพัยยาม มุรอดี เลขาธิการสมาพันธ์ของชมรมนักศึกษาอิสลาม
สุภาพสตรี
คุณนัรกิส ฮุซัยนี ตัวแทนของสำนักงานตะฮ์กีมวะฮ์ดัต
คุณมัรฎิยะฮ์ อัฟชารนิยอ ตัวแทนของชมรมนักศึกษามหาวิทยาลัยอาซาดอิสลาม
โดยตัวแทนทั้งหมดนั้นได้กล่าวประเด็นที่สำคัญดังต่อไปนี้
-การวิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับการไม่ใช้ประโยชน์จากขีดความสามารถในประเทศของบรรดาเจ้าหน้าที่
-ความจำเป็นในการปรับปรุงแก้ไขระบบของการเลือกตั้งด้วยจุดประสงค์ในการเสริมสร้างความเข้มแข็งต่อการเข้าร่วมของประชาชน และการป้องกันผลกระทบ เช่น การใช้จ่ายในมูลค่ามหาศาลในการเลือกตั้ง
-การวิจารณ์เกี่ยวกับการแบ่งชนชั้นของบรรดาลูกหลานของนักการศาสนา
-ความจำเป็นในการให้คำนิยามเกี่ยวกับอัตลักษณ์ทางสังคมของสตรีและหญิงสาวแห่งการปฏิวัติและการวางแบบแผนในการใช้ประโยชน์จากศักยภาพทางสังคมของพวกนาง
-การวิจารณ์เกี่ยวกับแบ่งพรรคพวกของสององค์กรทางการศึกษาระดับสูงและกระทรวงศึกษาธิการ
-ความจำเป็นในการสนับสนุนกับกลุ่มขบวนการเคลื่อนไหวเพื่อการปฏิวัติอิสลามในมหาวิทยาลัย
-การวิจารณ์จากการดำเนินการของหลักสูตรการศึกษา 2030ในบางโรงเรียน
-การให้ความสำคัญในการสนใจต่อการค้นคว้าวิจัยและการใช้ประโยชน์จากเยาวชนที่มีความพร้อมทางด้านนี้
-การวิจารณ์การไม่จัดประชุมของสภาสูงสุดของการปฏิวัติด้านวัฒนธรรม
-การใช้ประโยชน์จากศักยภาพของเยาวชนในการเปลี่ยนแปลงวิถีการดำเนินชีวิตที่ปลอดภัย
-การวิจารณ์การไม่เข้าร่วมของเจ้าหน้าที่รัฐฯในมหาวิทยาลัย
-ความจำเป็นในการมองเน้นประเด็นหลักในมหาวิทยาลัยและการรู้จักปัญหาต่างๆของทุกภาคส่วนและความพยายามในการแก้ไขปัญหาเหล่านั้น
-การวิจารณ์จากการไม่ให้ความสนใจของเจ้าหน้าที่ของมหาวิทยาลัยเกี่ยวกับงบประมาณในการทำกิจกรรมด้านวัฒนธรรม
-ความจำเป็นในการร่างแบบแผนการค้นคว้าวิจัยที่ครอบคลุมเกี่ยวกับการเข้าใจถึงปัญหาโครงสร้างของสำนักงานตุลาการสูงสุด
-การเน้นถึงความโปร่งใสของการตัดสินคดีความและการเป็นทางการกระบวนการยุติธรรมเพื่อป้องกันปัญหาคอร์รัปชั่น
-ข้อเรียกร้องเกี่ยวกับค่าเทอมที่สูงขึ้น ความโปร่งใส การตรวจสอบทุกด้านและการใช้ประโยชน์จากบรรดาผู้บริหารที่มีศรัทธาและนักการปฏิวัติในมหาวิทยาลัยอาซาด
-เน้นถึงการบริหารจัดการของบรรดาเจ้าหน้าที่ในการแก้ไขปัญหาค่าครองชีพและเศรษฐกิจของประชาชน
-การวิจารณ์วิธีการทำให้เป็นเอกชนที่จะเป็นผลเสียต่อการผลิตในประเทศ ความไม่เท่าเทียมกัน ความลึกซึ้งของความโปร่งใสของเศรษฐกิจ
-ความจำเป็นในการปรับปรุงกลไกทางการทูต วัฒนธรรมและการวิจารณ์วิธีการของพวกอนุรักษ์นิยมในด้านนี้
-การวิจารณ์วิธีการตอบโต้นโยบายต่างประเทศที่เป็นเหตุให้เกิดภาพลักษณ์ที่ไม่ตรงกันความเป็นจริง
-การปฏิเสธข้อเสนอในการเจรจากับสหรัฐจากปากของนักการเมืองบางคน
-การวิจารณ์การปฏิบัติที่ไม่เหมาะสมกับข้อเรียกร้องของครู แรงงานและพยาบาล
-ความไม่พอใจในการเติบโตบางคนของลูกหลานนักการศาสนาและเยาวชนที่แสวงหาผลประโยชน์และเชื่อมโยงกับพรรคการเมืองและกลุ่มต่างๆโดยใช้ข้ออ้างในความเป็นเยาวชน
-การวิจารณ์ความไม่โปร่งใสในการตรวจสอบการปฏิบัติงานและความจำเป็นในการตอบคำถามของเจ้าหน้าที่ระดับสูงของสำนักงานผู้นำสูงสุด
-การเน้นถึงการหลีกเลี่ยงจากการตั้งเงื่อนไขของสังคมต่อการตัดสินใจของสหรัฐ
-การวิจารณ์การปฏิบัติกับนิตยสารสิ่งพิมพ์ของนักศึกษา และการเรียกร้องให้ศาลดำเนินการและความแตกต่างทางด้านรสนิยม
-การวิจารณ์การกระทำของกระทรวงน้ำมันในมาตราการคว่ำบาตรและการเชื่อมโยงงบประมาณด้วยน้ำมันและการขายน้ำมันดิบ
การวิจารณ์การลดค่าสกุลเงินแห่งชาติและการลดอำนาจการซื้อของประชาชนและการให้กลุ่มหนึ่งอันเฉพาะในมูลค่าหลายพันล้านล้านดอลลาร์
-การวิจารณ์การไม่รับผิดชอบของกลุ่มต่างๆทางการเมือง
-การวิจารณ์การไม่ใช้โอกาสและความล่าช้าของความสัมพันธ์ทางการเมืองที่มีต่อข้อตกลงนิวเคลียร์