บรรดาเจ้าหน้าที่รัฐฯและข้าราชการของประเทศได้เข้าพบท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม อยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี โดยท่านผู้นำได้เน้นย้ำถึงความจำเป็นในการมีความยำเกรงของเจ้าหน้าที่ทั้งหลายโดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในการแก้ไขปัญหาของประชาชน การมีความระมัดระวังในค่าใช้จ่ายทรัพย์สินของชาติและการออกห่างจากการแบ่งชนชั้น โดยท่านผู้นำถือว่า นี่คือหน้าที่หลักของเจ้าหน้าที่ทั้งสามสภาในการแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจและการส่งเสริมการผลิต และท่านผู้นำยังได้ชี้ถึงการปฏิบัติการณ์อันเลวร้ายของสหรัฐในการเปลี่ยนแปลงการคิดคำนวญและการยอมรับของบรรดาเจ้าหน้าที่ รวมถึงการเป็นช่องโหว่ของประชาชนกับรัฐฯ โดยท่านกล่าวเสริมว่า “ตัวเลือกหลักของประชาชาติอิหร่านในการเผชิญหน้ากับศัตรู คือ การยืนหยัดในทุกๆด้าน เพราะว่าการเจรจากับรัฐบาลในปัจจุบันของสหรัฐฯนั้นคือ ยาพิษที่เพิ่มขึ้นสองเท่า แต่ทว่าสงครามจะยังไม่เกิดขึ้นเป็นอันขาด แต่ยังมีการปะทะกันด้วยความมุ่งมั่นและในมุมนี้ ความมุ่งมั่นของประชาชาติอิหร่านและรัฐอิสลามนั้นมีความเข้มแข็งมากกว่าศัตรูและด้วยกับพระมหากรุณาธิคุณของพระผู้เป็นเจ้า ในครั้งนี้เราก็จะได้รับชัยชนะด้วยอีกครั้งเช่นกัน"
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ได้กล่าวในช่วงต้นของการพบปะกันครั้งนี้โดยถือว่า เดือนรอมฎอน คือ เดือนแห่งการมีความยำเกรงต่อพระผู้เป็นเจ้า โดยกล่าวว่า “อัลกุรอานได้ให้คำมั่นสัญญาว่าการมีความยำเกรงนั้น เป็นสาเหตุของการมีบะศีรัต ความสำเร็จ ความเมตตา การชี้นำ และการมีอำนาจในการแยกแยะระหว่างสัจธรรมกับอธรรม และด้วยกับการมีความยำเกรงก็จะไม่มีทางตันเป็นอันขาด”
ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ถือว่า ในอีกด้านหนึ่งของการมีความยำเกรงในทัศนะอัลกุรอาน คือ การมีความยำเกรงที่นอกเหนือจากพระเจ้า โดยกล่าวเสริมว่า “อีกความหมายหนึ่งของการมีความยำเกรง คือ การมีความยำเกรงที่ไม่ใช่พระเจ้า กล่าวคือ เราจะไม่มีความหวาดกลัวต่อมหาอำนาจใดๆ นอกจากอำนาจของพระองค์เท่านั้น ทั้งในการดำเนินชีวิตและในอนาคตของตนก็จะไม่ต้องพึ่งพาพวกเขาเหล่านั้นเป็นอันขาดอีกด้วย”
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังกล่าวถึงถ้อยคำแห่งวิทยปัญญาของท่านอิมามโคมัยนีที่กล่าวถึงความจำเป็นในการออกห่างจากอารมณ์ใฝ่ต่ำที่ยังคงฝังลึกอยู่ในของเดือนรอมฎอนโดยเฉพาะการแสวงหาอำนาจ โดยกล่าวถึงบรรดาเจ้าหน้าที่รัฐฯว่า “คำพูด การกระทำ และการตัดสินใจของเจ้าหน้าที่รัฐฯของเรานั้นมีผลอย่างมากต่อการกำหนดชะตาชีวิตของประชาชน ด้วยเหตุนี้เอง เจ้าหน้าที่ทั้งหลายนั้นจะต้องมีความยำเกรงมากกว่าบุคคลอื่น เพราะว่าหากพวกเขาไม่มีความยำเกรง สิทธิของประชาชนก็จะไม่มีการเรียกร้อง”
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า การมีความยำเกรงและการรักษาคำมั่นสัญญา คือ ส่วนหนึ่งที่สำคัญของลักษณะอันจำเพาะในทางการปฏิบัติกิจการและความรับผิดชอบต่างๆ และท่านผู้นำยังได้เน้นถึงความจำเป็นในการมีความระมัดระวังของเจ้าหน้าที่รัฐฯในการรักษาสิทธิของทรัพย์สินแห่งชาติ การป้องกันตนเองในการฝ่าฝืนของอารมณ์และการออกห่างจากความละโมภและการแบ่งชนชั้นวรรณะ โดยกล่าวว่า “วิถีแห่งท่านศาสดา ผู้ทรงเกียรติ (ศ็อลฯ) และท่านอะมีรุลมุอ์มินีน อะลี (อ) นั้นแตกต่างกับเหล่าผู้ที่แสวงหาอำนาจทางโลกนี้อย่างสิ้นเชิง ขณะที่พวกเขาเหล่านั้นต้องการมีอำนาจจากการเข้าถึงยังอารมณ์ใฝ่ต่ำ ทรัพย์สิน และความมั่งคง และในสาธารณรัฐอิสลาม เจ้าหน้าที่ทั้งหลายของรัฐฯก็จะต้องยึดถือในวิถีของท่านผู้ทรงเกียรติยิ่งนี้จากการออกหางจากความสุรุ่ยสุร่ายและการใช้ชีวิตแบบชนชั้นสูง”
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังได้กล่าวต่อถึงประเด็นปัญหาเศรษฐกิจของประเทศ โดยท่านได้ชี้ถึงคำพูดของท่านประธานาธิบดีที่กล่าวว่ามีความจำเป็นในการบริหารอย่างจริงจังและการวางแบบแผน โดยกล่าวว่า “คำพูดของท่านประธานาธิบดี ถือว่าเป็นคำพูดที่ดีซึ่งจะต้องมีการดำเนินการ และผู้ที่จะดำเนินการก็คือบรรดาเจ้าหน้าที่ทั้งหลายของรัฐฯและรัฐบาล ทั้งนี้แนวทางของประเด็นนี้ก็ได้เปิดออกมาแล้วด้วยเช่นกัน”
ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ถือว่า ปัญหาที่สำคัญที่สุดของประเทศ ในสถานการณ์ปัจจุบันนี้ คือ ปัญหาเศรษฐกิจ และปัญหาค่าครองชีพและแรงกดดันของประชาชน โดยเฉพาะบรรดากลุ่มชนผู้ด้อยโอกาสและชนชั้นกลาง โดยกล่าวเสริมว่า “ปัญหาทางเศรษฐกิจและการไม่มีแบบแผนทางเศรษฐกิจ นอกจากจะทำให้คุณค่าของทุกประเทศพบกับความเสื่อมโซมแล้ว เนื่องจากความกดดันที่เกิดขึ้นกับประชาชนและกลุ่มชนที่ด้อยโอกาส นั้นเป็นโอกาสที่ทำให้ศัตรูนั้นจะมีความโลภ”
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังได้เน้นว่า การแก้ไขปัญหาต่างๆและปัญหาเศรษฐกิจ จะต้องมีการดำเนินการกันอย่างจริงจังของบรรดาเจ้าหน้าที่รัฐฯทั้งหลาย โดยท่านผู้นำได้ตั้งข้อสังเกตว่า “ในประเด็นปัญหาเศรษฐกิจนั้นมีอุปสรรคต่างๆแต่ทว่าก็จะไม่ได้มีทางตันแต่อย่างใด”
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม กล่าวเสริมว่า “ปัญหาต่างๆและปัญหาเศรษฐกิจนั้นเป็นเหตุให้เหล่าศัตรูของเราโดยแกนหลักก็คือสหรัฐอเมริกาต่างคิดว่าด้วยกับการคว่ำบาตรนั้นจะสร้างความเสียหายให้กับอิหร่านได้ ในขณะที่สาธารณรัฐอิสลามมีความเข้มแข็งมั่นคงด้วยกับความอุตสาหะของประชาชนและเจ้าหน้าที่รัฐฯ”
ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ยังได้เน้นถึงการมีศักยภาพที่ดีและโครงสร้างต่างๆของเศรษฐกิจของประเทศ โดยกล่าวว่า “เศรษฐกิจของประเทศได้ประสบทุกข์ทรมานจากโรคร้ายแรง หากว่าในสถานการณ์ที่มีการคว่ำบาตรนั้นสามารถที่จะก้าวผ่านไปได้ แน่นอนว่าจะมีการขับเคลื่อนทางเศรษฐกิจของอิหร่านในรูปแบบก้าวกระโดดอย่างแท้จริง”
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า การพึ่งพายังน้ำมันและการขายน้ำมันดิบ การแทรกแซงที่ไม่จำเป็นของหน่วยงานของรัฐฯในปัญหาเศรษฐกิจและการไม่ดำเนินการอย่างเหมาะสมต่อนโยบายในมาตราที่ 44 การบ่อนทำลายสูญญากาศทางธุรกรรมและกฏหมายที่เกี่ยวข้อง ทั้งหมดนี้คือ โรคร้ายที่รุนแรงของเศรษฐกิจของประเทศ โดยกล่าวเสริมว่า “การปฏิรูปโครงสร้างในงบประมาณของรัฐสภาและรัฐบาลจะต้องมีการดำเนินการในสี่เดือนแรกและเช่นเดียวกัน ในการปฏิรูประบบธนาคาร ก็คือ อีกหนึ่งในภารกิจที่สำคัญหลักที่จะต้องมีการดำเนินการด้วยเช่นกัน”
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังได้เน้นว่า “การบรรลุของโครงสร้างพื้นฐานเหล่านี้นั้น มีความต้องการผู้บริหารที่มีความกล้าหาญ มีความหวัง เป็นนักต่อสู้ ทั้งยังเป็นผู้ที่สันทัดเชี่ยวชาญในปัญหา ไม่มีผลดีต่อศัตรู และไม่มีการตั้งเงื่อนไขของเศรษฐกิจที่นอกเหนือจากปัญหาที่อยู่ในความรับผิดชอบของพวกเรา”
ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ยังกล่าวเสริมว่า “ช่างน่าเสียใจอย่างยิ่งนักที่หลายปีที่ผ่านมานั้นเศรษฐกิจของประเทศต้องผูกขาดกับการตัดสินใจของผู้อื่น และส่วนมากของการกระทำนั้นยังผูกติดกับการตัดสินใจของสหรัฐฯ จนในที่สุด การลงทุนและการทำธุรกรรมทางเศรษฐกิจก็ต้องผูกติดกับการกระทำต่างๆเหล่านี้”
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า หนึ่งในวิธีการในการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ คือ การใช้ประโยชน์จากศักยภาพอันกว้างขวางของประชาชนในประเทศ โดยท่านผู้นำได้เน้นถึงการเผชิญของรัฐบาลกับปัจจัยในการบ่อนทำลายในภาคส่วนต่างๆทางเศรษฐกิจถือว่ามีความจำเป็นอย่างยิ่ง โดยกล่าวเสริมว่า “จะต้องมีการดำเนินอย่างเด็ดขาดกับการค้าขายของที่ผิดกฏหมาย นายหน้า การซื้อขายคูปองที่เป็นการทรยศต่อส่วนรวมและการกักตุนสินค้า การไม่หวาดกลัวต่อการเคลื่อนไหวใดๆ ซึ่งทั้งหมดจะต้องให้การสนับสนุนกับรัฐบาลในประเด็นเหล่านี้”
ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ได้อธิบายถึงหลายการกระทำและหน้าที่หลักที่จะต้องมีการใช้ความคิดและการปฏิบัติทั้งสามสภา การส่งเสริมการผลิต คือ กุญแจหลักในการแก้ไขปัญหาส่วนมาก โดยกล่าวเสริมว่า “ในแง่ของความมุ่งมั่นของความพยายามและการใช้ประโยชน์จากบรรดาเยาวชนผู้ที่เชี่ยวชาญ อุปสรรคในการส่งเสริมการผลิตจะถูกขจัดออกไป ซึ่งหากว่าเป้าหมายนี้ได้บรรลุ ปัญหาต่างๆ เช่น การสร้างงาน การลดค่าเงินเฟ้อ ความสะดวกสบายของประชาชนและการส่งออกก็จะมีการขับเคลื่อนไปอย่างรวดเร็ว”
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า การเชื่อมั่นต่อเยาวชน คือ แนวทางหลักในการแก้ไขปัญหาต่างๆ โดยท่านได้ตั้งข้อสังเกตว่า “ไม่ว่าที่ใดก็ตามที่เรามีความเชื่อมั่นต่อเยาวชนทั้งหลาย หรืออย่างน้อยที่สุด เราได้ให้เครื่องอำนวยความสะดวกกับพวกเขา เราก็จะได้รับความก้าวหน้า”
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า การผลิตทางทหารที่น่าชมเชย อาทิเช่น ขีปนาวุธนำวิถีและขีปนาวุธนำล่องด้วยระยะ 2 พันกิโลเมตร คือ ผลจากความเชื่อมั่นต่อเยาวชนผู้ที่มีศรัทธาที่มีแรงจูงใจและไม่รู้จักความเหน็ดเหนื่อย โดยท่านกล่าวเสริมว่า “ในประเด็นของการเสริมสมรรถนะของแร่ยูเรเนียมถึง 20 เปอร์เซ็น และการจัดเตรียมอุปกรณ์ทางการแพทย์ด้านนิวเคลียร์ ก็เช่นกัน เมื่อเราได้มอบหมายงานให้กับเยาวชนทั้งหลาย ท่ามกลางความไม่คาดหวังของส่วนมาก พวกเขาก็ได้ปฏิบัติงานสำคัญนี้จนสำเร็จอย่างสมบูรณ์ ในขณะที่ส่วนที่ยากที่สุดของการเสริมสมรรถนะ คือ การเข้าถึงบรรลุถึง 20 เปอร์เซ็น และขั้นตอนต่อไปก็จะง่ายกว่านี้อีก”
ท่านผู้นำสูงสุดได้ถามว่า “บรรดาเยาวชนเหล่านี้ไม่สามารถที่จะแก้ไขปัญหาของอุตสาหกรรมได้กระนั้นหรือ และด้วยกับการค้นหาเครือข่ายที่ขาดหายไปในภาคส่วนต่างๆจึงทำให้การงานต่างๆประสบกับความสำเร็จ?”
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังได้กล่าวย้ำเตือนถึงการได้ยินข่าวของการปิดลงของบางโรงงานในหน่วยงานในการผลิตหรือการเกษตร โดยท่านรู้สึกเสียใจเป็นอย่างยิ่ง ทั้งยังเรียกร้องให้กระทรวงอุตสาหกรรมได้จัดทำรายการสิ่งของที่หน่วยในการผลิตนั้นมีความต้องการ (รวมถึงเครื่องจักร ส่วนประกอบและวัตถุดิบ) และท่านผู้นำยังได้ตั้งข้อสังเกตว่า “ส่วนมากของรายการเหล่านี้สามารถที่จะจัดเตรียมได้ในประเทศ”
ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ถือว่า หน้าที่หลักที่สองของรัฐบาลและหน่วยงานอื่นๆ คือ ความพยายามในการวางแบบแผนที่ยั่งยืนเพื่อไปสู่การพึ่งพาตนเอง โดยเฉพาะในด้านการเกษตร และท่านกล่าวเสริมว่า “ช่างน่าเสียใจยิ่งนักที่บางจุดด้วยกับคำพูดนี้ที่ว่าการซื้อขายสินค้าจากข้างนอกนั้นมีความง่ายดายกว่า และการผลิตในประเทศไม่ถือว่าเป็นการประหยัดทั้งสิ้น ซึ่งจะทำให้กระบวนการในการพึ่งพาตนนั้นต้องเกิดความเสียหายด้วย”
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม กล่าวเสริมว่า “แน่นอนว่า เป็นไปได้ว่าในการซื้อขายบางผลิตภัณฑ์ เช่น ข้าวสาลีนั้นไม่ถือว่าเป็นการประหยัด แต่ทว่าการนำเข้าผลิตภัณฑ์ที่สำคัญนี้ เราจะต้องทำอย่างไร? ด้วยเหตุนี้เอง เราจะต้องมีความพยายามอย่างมากเพื่อนำไปสู่การพึ่งพาตนเองอย่างพอเพียงต่อไป”
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า การพึ่งพาตนเองแบบพอเพียงในประเด็นน้ำมันเบนซิน คือ สิ่งที่สำคัญยิ่ง และท่านกล่าวเสริมว่า “โรงกลั่นเซทอเรฮ์อ่าวเปอร์เซียได้สร้างขึ้นด้วยความพยายามของกองกำลังซิพอฮ์ ที่มีประมาณถึงหนึ่งในสามของการบริโภคน้ำมันเบนซินในปัจจุบัน ถือว่ามีความสำคัญเป็นอย่างมาก”
ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ได้กล่าวสรุปในประเด็นเหล่านี้โดยเน้นว่า “การมีอำนาจและการมีศักดิ์ศรีของประเทศต้องขึ้นอยู่กับการพึ่งพาตนเอง และจะต้องมีการตอบสนองความต้องการที่สำคัญของประเทศในการผลิตและในการจัดเตรียม”
“ความง่ายดายในการทำธุรกรรม” คือ ประเด็นที่สามที่ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลามได้กำหนดให้เป็นวาระสำคัญของการดำเนินงานของสภาทั้งหลาย โดยกล่าวเสริมว่า “กฏระเบียบและข้อบังคับที่มากมายและในบางครั้งที่มีความขัดแย้งกัน ถือว่าเป็นอุปสรรคต่อยับยั้งในการส่งเสริมทางสภาพแวดล้อมของการทำธุรกรรมที่จะต้องมีการแก้ไขปัญหาเหล่านี้อย่างจริงจังที่สุด”
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า ภาคการเกษตรนั้นเป็นความสำคัญอันดับต้น และท่านกล่าวเสริมว่า “ภาคส่วนนี้มีความสำคัญอย่างมากทั้งในด้านการจัดเตรียมวัตถุดิบ การมีส่วนร่วมในการสร้างงาน และจะต้องมีการสร้างอุตสาหกรรมในการเปลี่ยนแปลงในหมู่บ้านทั้งหลายและการขจัดปัญหาการซื้อขายผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรของหมู่บ้านเพราะว่าจะมีผลอย่างมากต่อความก้าวหน้าและการมีอำนาจของประเทศ”
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า พลังงานด้านมนุษยธรรมที่มีประสิทธิภาพของเยาวชนที่มีแรงจูงใจและไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย คือ ความมั่งคั่งอันยิ่งใหญ่และไม่เสมอเหมือนผู้ใด โดยท่านผู้นำกล่าวเสริมว่า “มีกลุ่มวิจัยหลายพันกลุ่มทั้งในและนอกมหาวิทยาลัย ที่สามารถสร้างความคิดที่ดีและการแก้ไขปัญหาและการขับเคลื่อนไปในภาคส่วนต่างๆของอุตสาหกรรม เหมืองแร่และในภาคส่วนต่างๆและการแก้ไขปัญหาของที่ดิน”
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า การมีโอกาสในการชดเชยความเสียหายจากอุทกภัย คือ โอกาสที่ดีในการส่งเสริมในภาคการผลิต โดยเน้นว่า “จะต้องมีการวางแบบแผนที่ต้องชดเชยความเสียหายจากพื้นที่ๆประสบอุทกภัยซึ่งจะนำไปสู่การส่งเสริมโรงงานอีกด้วย”
ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ถือว่า การสร้างที่อยู่อาศัย คือ หนึ่งในสาขาของการสร้างงาน โดยกล่าวว่า “หนึ่งในความเพิกเฉยของหลายปีที่ผ่านมา ก็คือ การละเลยของปัญหาในการสร้างที่อยู่อาศัยนั่นเอง”
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม กล่าวเสริมว่า “จะต้องใช้ประโยชน์จากการให้โอกาสในการซ่อมแซมและก่อสร้างที่อยู่อาศัยให้บรรดาผู้ที่ประสบอุทกภัยน้ำท่วมด้วยกับความช่วยเหลือของหน่วยงานต่างๆและภาคส่วนเอกชนในการขับเคลื่อนของการสร้างงานและการผลิตในภาคส่วนของที่อยู่อาศัย”
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังได้ชี้ถึงส่วนหนึ่งของคำพูดของท่านถึงประเด็นความพยายามต่างๆและการดำเนินการในการต่อต้านอิหร่านของอเมริกา โดยท่านได้ตั้งข้อสังเกตว่า “ในการเผชิญหน้ากับศัตรูนั้นมีด้วยกันสองวิธีการ หรือการถอยหลังของเราและการรุดหน้าในการเผชิญหน้ากับพวกเขาหรือการยืนหยัด ซึ่งจากประสบการณ์ของเราในสาธารณรัฐอิสลามแสดงให้เห็นว่าไม่ว่าที่ที่ใดที่เรามีการยืนหยัดในการเผชิญหน้ากับศัตรู เราก็จะได้รับคำตอบ”
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า การยืนหยัดในทางด้านเศรษฐกิจ คือ การยืนหยัดทางด้านการทหาร โดยกล่าวเสริมว่า “การยืนหยัดทางเศรษฐกิจ หมายถึง การสร้างความมั่นคงในเศรษฐกิจของประเทศที่จะต้องมีจัดการกับปัญหาต่างๆอย่างจริงจัง”
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังได้เน้นถึงการปฏิรูปกิจการงานจะต้องไม่สนใจสายตาของต่างชาติ โดยท่านได้ตั้งข้อสังเกตว่า “การเพ่งสนใจสายตาของต่างชาติเป็นเหตุให้เกิดความเสียหายกับประเทศได้ ดังตัวอย่างในการปฏิบัติของพวกยุโรปในประเด็นข้อตกลงนิวเคลียร์”
ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี กล่าวเสริมว่า “เราไม่ได้มีปัญหาและทะเลาะกับพวกยุโรป แต่พวกเขาไม่ได้ปฏิบัติตามคำมั่นสัญญาแต่อย่างใด ในขณะเดียวกันพวกเขากลับอ้างว่า พวกเรานั้นคือผู้ที่ยึดมั่นในข้อตกลงนิวเคลียร์”
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังได้เน้นว่านอกเหนือจากรัฐบาลแล้ว ประชาชนก็จะต้องมีบทบาทในการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ โดยท่านกล่าวว่า “ประชาชนก็จะต้องให้การช่วยเหลือในการส่งเสริมในการซื้อผลิตภัณฑ์ในประเทศและการสนับสนุนสินค้าอิหร่านอย่างต่อเนื่อง การหลีกเลี่ยงจากความสุรุ่ยสุร่าย การไม่ให้ความสนใจในข่าวลือทางโลกไซเบอร์และการไม่เกินเลยในการซื้อ”
ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ยังกล่าวต่อไปเกี่ยวกับการอธิบายแผนการณ์ของพวกสหรัฐฯในสถานการณ์ปัจจุบัน โดยกล่าวว่า “พวกเหล่านั้นต่างพยายามอย่างเต็มที่ แม้แต่การสร้างความกดดันต่างๆอย่างรุนแรงทางด้านเศรษฐกิจ โดยประการแรกคือ ในการคิดคำนวณของเจ้าหน้าที่ทั้งหลายนั้นจะต้องมีการเปลี่ยนแปลง จนกระทั่งพวกเขาจะต้องถูกบังคับให้ยอมจำนน และประการที่สอง คือ การทำให้ประชาชนยืนอยู่ตรงกันข้ามกับรัฐฯ”
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังได้เน้นถึงการวางแผนการณ์และการคิดคำนวณของสหรัฐฯเหมือนดังการคิดคำนวณในช่วงสี่สิบปีที่ผ่านมาถือว่ามีความผิดพลาด และก็จะไม่ส่งผลลัพท์แต่อย่างใด โดยกล่าวเสริมว่า “พวกอเมริกาจะพบกับความล้มเหลวในครั้งนี้อย่างแน่นอนและจะต้องไม่สงสัยเลยในประเด็นนี้”
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังได้ตั้งข้อสังเกตว่า “เหล่าผู้นำสหรัฐฯเนื่องจากความเกลียดชังที่มีต่อสาธารณรัฐอิสลามต่างมืดบอดและไม่สามารถคิดคำนวณอย่างถูกต้องได้หรอก”
ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ยังได้ชี้ถึงการคัดค้านของนักวิชาการหลายคนในสหรัฐอเมริกาเกี่ยวกับวิธีการเผชิญหน้ากับอิหร่านและกลุ่มของการยืนหยัดต้านทาน โดยกล่าวว่า “เจ้าหน้าที่คนปัจจุบันของสหรัฐอเมริกานั้นไม่เข้าใจในปัญหาต่างๆอย่างถูกต้อง และก็เช่นเดียวกันในประเด็นสาธารณรัฐอิสลามด้วย”
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังได้เน้นถึงการไม่มีผู้ใดหวาดกลัวต่ออัปลักษณ์ภายนอกและการสร้างความวุ่นวายของสหรัฐฯ โดยกล่าวเสริมว่า “ชาติมหาอำนาจมักจะกระทำด้วยการสร้างความวุ่นวายและไม่ว่าจะมีการเผชิญแบบใดก็ตามต่อการภัยคุกคามเหล่านี้ก็ถือว่ามีความผิดพลาด”
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังได้ตั้งข้อสังเกตว่า “นอกเหนือจากสหรัฐฯแล้วก็จะไม่ต้องมีความหวาดกลัวต่อความมั่งคั่งของพวกกอรูนในภูมิภาคอ่าวเปอร์เซียเป็นอันขาด เพราะว่าพวกเขานั้นไม่สามารถกระทำอะไรที่ผิดพลาดใดได้เลย”
ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ยังได้ตั้งข้อสังเกตว่า ในปี 1357 (ปฏิทินอิหร่าน) และก่อนชัยชนะในการปฏิวัติอิสลาม พวกสหรัฐนั้นมีอำนาจมากกว่าในสถานการณ์ปัจจุบันเสียอีก คาร์เตอร์ ประธานาธิบดีในสมัยนั้น ยังมีสติปัญญาและอำนาจมากกว่าประธานาธิบดีคนปัจจุบันนี้อีกด้วย มูฮัมหมัด ริซา ปาห์เลวีก็เช่นกันในฐานะที่เป็นเจ้าหน้าที่ของพวกเขาก็มีความสันทัดในกิจการทั้งหมดและปฏิบัติตามในทุกๆเรื่อง แต่ทว่าประชาชาติอิหร่านด้วยกับมือเปล่าก็สามารถทำให้พวกสหรัฐฯต้องพบกับความล้มเหลว โดยที่ว่าบรรดาเยาวชนทั้งหลายแห่งการปฏิวัติอิสลามในวันนี้นั้นมิได้มีจำนวนน้อยกว่าในปี1357 และมีความคิดที่ลึกซึ้งในการปฏิวัติอิสลามนั้นก็มีมากกว่าด้วยเช่นกัน”
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังได้เน้นว่าการเป็นปฏิปักษ์ของอเมริกากับสาธารณรัฐอิสลามไม่ได้เพิ่มมากขึ้น แต่มันชัดเจนขึ้นและเปิดเผยกว่าที่เคยเป็นมาในช่วงสี่สิบปีที่ผ่านมา โดยท่านกล่าวเสริมว่า “เราจะต้องรู้ว่าผู้ที่พูดจาข่มขู่ด้วยเสียงอันดัง อำนาจและความสามารถของเขามิได้มีขนาดเท่าเสียงของเขาเลย”
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ตั้งได้ข้อสังเกตว่า “รัฐบาลในปัจจุบันของสหรัฐฯนอกเหนือจากความเป็นปรปักษ์ต่อรัฐอิสลามอย่างชัดเจนกว่า โดยมากกว่ารัฐบาลอื่นๆ ในประเทศนี้ที่รับใช้ผลประโยชน์ของรัฐเถื่อนไซออนิสต์ กล่าวอีกนัยหนึ่งได้ว่า ส่วนมากของนโยบายต่างๆของสหรัฐฯอยู่ในกำมือของไซออนิสต์ทั้งสิ้น”
ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ยังได้ชี้ถึงข้ออ้างและการทะเลาะวิวาทของเจ้าหน้าที่สหรัฐฯในปัจจุบัน เช่น ประธานาธิบดีของประเทศนี้ ที่เกี่ยวกับนโยบายต่างๆของเราได้ทำให้อิหร่านมีการเปลี่ยนแปลงโดยกล่าวว่า “ใช่แล้ว มีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นในอิหร่าน แต่การเปลี่ยนแปลงนี้เกิดขึ้นในสภาพที่ประชาชนอิหร่านนั้นมีความเกลียดชังต่ออเมริกามากถึงสิบเท่าด้วยกัน”
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า ผลประโยชน์ที่ไม่อาจเข้าถึงได้ของสาธารณรัฐอิสลาม การเพิ่มความพยายามของเยาวชน และ การเพิ่มความพร้อมของกองทัพและกองกำลังความมั่นคง คือ อีกหนึ่งของการเปลี่ยนแปลงต่างๆในอิหร่าน และท่านได้เน้นว่า “คำพูดของเจ้าหน้าที่สหรัฐฯแสดงถึงอัตราของการห่างไกลจากความจริงและการคิดคำนวณที่ผิดพลาดของพวกเขา”
ผู้นำสูงสุดของการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า คำพูดของเจ้าหน้าที่สหรัฐฯที่มีต่ออิหร่านแสดงให้เห็นถึงความโง่เขลาของพวกเขา โดยท่านกล่าวเสริมว่า ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาบอกว่า เวลาฉันได้เข้ามาในทุกวันศุกร์ในอิหร่านก็มีการเดินขบวนต่อต้านรัฐฯ จะต้องบอกกับคนนี้ว่า ประการแรก ไม่ใช่วันศุกร์ แต่เป็นวันเสาร์และประการที่สองไม่ใช่เตหะราน แต่เป็นกรุงปารีสต่างหาก”
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังได้ชี้ถึงปัญหาภายในและใหญ่หลวงของสหรัฐฯทั้งในด้านสังคมและเศรษฐกิจ โดยกล่าวเสริมว่า “ประเด็นนี้ส่วนมากไม่ได้ให้ความสนใจ แต่ปัญหาที่สำคัญของสังคมและความขัดแย้งและความวุ่นวายของรัฐบาลสหรัฐนั้นเป็นข้อเท็จจริงที่แสดงถึงความอ่อนแอของศัตรู”
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังอ้างถึงรายงานอย่างเป็นทางการของรัฐบาลสหรัฐฯ ที่ระบุว่า ชาวอเมริกา 41 ล้านคนที่ต้องประสบปัญหาจากความหิวโหยและความไม่ปลอดภัยทางด้านโภชนาการ การถือกำเนิดของเด็กที่ไม่ถูกต้องตามกฏหมายสูงถึง40 เปอร์เซ็น การมีนักโทษถูกจับจำนวน 2ล้าน 2 แสนคน (ซึ่งอัตราส่วนของโลกนั้นสูงกว่าประชากรของประเทศ) สถิติของผู้ติดยาเสพติดนั้นสูงมากขึ้น และเหตุการณ์ของการยิงปืนเข้าใส่มวลชนมากถึง 31 เปอร์เซ็น ทั้งหมดนี้คือความเป็นจริงของประเทศนี้ โดยท่านผู้นำยังกล่าวเสริมอีกว่า “บางคนนั้นไม่คิดว่าสหรัฐฯมีความยิ่งใหญ่และน่าหวาดกลัว แต่ก็อย่าได้เพิกเฉยต่อความเป็นปฏิปักษ์ของพวกเขาเป็นอันขาด แต่ในความเป็นจริงแล้ว พวกสหรัฐฯกำลังประสบกับปัญหาต่างๆมากมาย”
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม กล่าวเสริมว่า “นอกเหนือจากนี้ ยังมีปัญหาภายใน คือ นโยบายที่ผิดพลาดของสหรัฐทางการเมืองและความมั่นคง ที่เกิดความเสียหายกับประเทศนี้ และในภูมิภาคของเรา ขณะที่ยุโรปและการเผชิญหน้ากับบางชาติมหาอำนาจของเอเชียกับพวกเขาทำให้เกิดอุปสรรคมากขึ้น ด้วยค่าใช้จ่ายที่มากถึง 7 พันล้านล้านดอลลาร์โดยไม่มีผลใดๆในภูมิภาค แม้ว่า มือของพวกเขาจะอยู่ในถุงเงินขอพวกซาอุดี้ก็ตาม”
ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ยังได้ชี้ถึงคำเตือนของนักวิชาการบางคนชาวสหรัฐที่บอกว่าการสร้างความกดดันต่อสาธารณรัฐอิสลามจะเป็นเหตุให้มีการก้าวกระโดดทางเศรษฐกิจของอิหร่าน โดยท่านกล่าวว่า “สหรัฐฯจะพบกับความล้มเหลวอย่างแน่นอนในการเผชิญหน้ากับรัฐอิสลาม”
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังได้ชี้ถึงบางที่บอกว่า การเจรจากับสหรัฐไม่มีความผิดปกติแต่อย่างใด โดยท่านผู้นำได้เน้นว่า “การเจรจากับสหรัฐ ดั่งคำกล่าวของท่านอิมามโคมัยนีที่ว่า หากยังไม่เป็นมนุษย์ก็ถือว่าเป็นยาพิษ ขณะที่การเจรจากับรัฐบาลในปัจจุบันของประเทศนี้เป็นยาพิษที่เพิ่มมากขึ้นหลายเท่า”
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังได้อธิบายความจริงนี้ โดยกล่าวเสริมว่า “ความหมายที่แท้จริงของการเจรจา การทำธุรกรรมที่มีการต่อรอง ที่มีการแสวงหาจุดแข็งของอิหร่าน”
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม กล่าวเสริมว่า “พวกเขาบอกว่ามาเจรจากันถึงประเด็นขีปนาวุธความหมายที่แท้จริงของเรื่องนี้ ก็คือ คุณต้องลดระยะและความแม่นยำของขีปนาวุธของคุณ เพื่อที่ว่าถ้าหากเรากำหนดเป้าหมายในวันหนึ่ง คุณก็ไม่สามารถตอบโต้ได้ แต่เห็นได้ชัดว่าไม่มีใครยอมรับสิ่งนี้ในอิหร่าน ด้วยเหตุนี้เอง เสียงเหล่านี้ก็จะส่งเสียงดังอีกต่อไป”
ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ยังได้เน้นว่า “ประเด็นนี้มิใช่ประเด็นศาสนาและการปฏิวัติ แต่ก็ไม่มีอิหร่านสักคนหนึ่งที่พร้อมที่จะแลกกับฝ่ายตรงข้ามเพื่อทำให้ประเทศของเขาไม่มีจุดแข็งเลย”
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังกล่าวถึงอีกตัวอย่างหนึ่งของเป้าหมายที่แท้จริงของศัตรูในการเจรจา โดยกล่าวเสริมว่า “ความลึกซึ้งของยุทธศาสตร์ทางด้านนโยบายและความมั่นคงสำหรับประเทศใดประเทศหนึ่งถือว่าเป็นประเด็นที่มีความสำคัญ และสำหรับเราก็เช่นกัน ความลึกซึ้งทางจุดยุทธศาสตร์ในภูมิภาคนั้นมีความสำคัญอย่างมาก ขณะที่พวกเขาต่างไม่พอใจในประเด็นนี้และพวกเขายังต้องการที่จะเจรจากับอิหร่านเกี่ยวกับความลึกซึ้งของยุทธศาสตร์ที่สำคัญนี้ แล้วจะมีผู้ใดยอมรับกระนั้นหรือ?”
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังได้เน้นว่า ตามข้อเท็จจริงเหล่านี้จากหลักการของการเจรจากับสหรัฐฯนั้นถือว่าผิดพลาด แม้แต่กับผู้ที่มีความเป็นมนุษย์ก็ตาม ขณะที่การเจรจากับพวกเขาที่ไม่มีการยึดมั่นในหลักศีลธรรม กฏหมายและอนุสัญญาระหว่างประเทศเลย ก็ถือว่าเป็นการกระทำที่ไร้สาระและไม่มีความหมายใดๆทั้งสิ้น”
ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี กล่าวเสริมว่า “ แน่นอนในภูมิปัญญาของเราไม่มีผู้ใดต้องการที่จะเจรจา และประชาชนก็เช่นกัน จะเฉพาะบางคนที่พูดถึงการเจรจากัน”
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังได้ชี้ถึงจดหมายของประธานาธิบดีคนก่อนที่มีถึงท่าน โดยกล่าวเสริมว่า “โอบามา ที่ภายนอกนั้นมีความเรียบง่ายกว่าได้เขียนจดหมายฉบับถึงเรา หลังจากเวลาหนึ่งข้าพเจ้าก็ตอบจดหมายนั้น ต่อมาเขาก็เขียนจดหมายฉบับที่สอง ข้าพเจ้าต้องการตอบว่าเหตุการณ์ความวุ่นวายในปี 88 ได้อุบัติขึ้น และเขากลับลืมคำพูดต่างๆทั้งยังให้การสนับสนุนกลุ่มที่ก่อความวุ่นวายอีกด้วย”
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ได้ชี้ให้เห็นว่าสหรัฐฯจะต้องถอยหลังในการเผชิญหน้ากับการยืนหยัดของประชาชาติอิหร่าน โดยกล่าวเสริมว่า “ประเด็นการยืนหยัด มิใช่การปะทะกันทางทหาร ขณะที่หนังสือพิมพ์บางฉบับหรือสื่อออนไลน์เขียนว่าเป็นประเด็นสงคราม ถือว่าเป็นคำพูดที่ไร้สาระและผิดพลาดอย่างมาก”
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังได้เน้นว่า “จะไม่มีสงครามเกิดขึ้นอย่างแน่นอนเป็นอันขาด เพราะว่าเรานั้นไม่ต้องการทำสงคราม ซึ่งพวกเขาก็รู้ดีว่า สงครามไม่ใช่ความต้องการของพวกเขา”
ในช่วงท้ายของการปราศรัยของท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ท่านได้ตั้งข้อสังเกตว่า “การเผชิญหน้ากันในปัจจุบันนี้ คือ การเผชิญหน้ากันของความตั้งใจต่างๆ เพราะว่าเรานั้นมีความตั้งใจที่แข็งแกร่งกว่าและเราได้ตะวักกุล(มอบหมายกิจการ)ต่อพระผู้เป็นเจ้า หากพระองค์ทรงประสงค์ อนาคตที่ดีจะบังเกิดแก่ประชาชาตินี้อย่างแน่นอน”
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังได้เน้นอีกว่า “สาธารณรัฐอิสลามแห่งอิหร่านจะได้รับชัยชนะอย่างแน่อน ด้วยกับพระกรุณาธิคุณของพระผู้เป็นเจ้า ในการยืนหยัด การมีเจตนามุ่งมั่นของประชาชาติและการบริหารจัดการต่างๆและใหม่ที่ท่านประธานาธิบดีได้ชี้ถึง
ก่อนการกล่าวปราศรัยของท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม นายโรฮานี ประธานาธิบดีอิหร่านได้กล่าวว่า “ปี 97 เป็นปีที่ยากลำบากกับประชาชนของประเทศของเรา โดยเฉพาะในแง่ความกดดันในการดำรงชีพและการดำเนินชีวิต รวมทั้งการลดรายได้ของรัฐบาล”
ประธานาธิบดีอิหร่านได้ชี้ถึงโครงการที่สำคัญต่างๆในปีที่ผ่านมา เช่น โครงการเปิด15 หน่วยทางตอนใต้ของจังหวัดฟาร์ซ โดยกล่าวว่า “ในช่วงเวลานี้ ได้มีการเปิดโรงกลั่นก๊าซธรรมชาติเหลวที่ใหญ่ที่สุดในตะวันออกกลาง ซึ่งมีการผลิตน้ำมันเบนซินมากถึงสองเท่าด้วยกัน”
นายโรฮานี ยังได้ชี้ถึงการเปิดโครงการการสื่อสารที่ใหญ่ที่สุด คมนาคม ทางรถไฟ และเส้นทางรถไฟที่เชื่อมต่อทั้งสี่จังหวัด และเขายังกล่าวถึงความดีขึ้นของผลผลิตการเกษตรเนื่องจากปริมาณน้ำฝนที่มากขึ้นเป็นประวัติการณ์ โดยกล่าวว่า “นอกเหนือจากนี้ ยังมีการเพิ่มการซื้อ การรับประกันข้าวสารี การเพิ่มการผลิตเมล็ดพืชน้ำมันและความพอเพียงในการผลิตข้าวสาลี ทั้งเรายังมีการเพาะปลูกเรือนกระจกจาก 8,800 เฮกเตอร์เป็น 15,000 เฮกเตอร์และในอนาคตเราจะไปถึง 20,000 เฮกเตอร์”
นายโรฮานี ยังได้ชี้ถึงการเพิ่มขึ้นของเงินช่วยเหลือจาก 3 เท่า ถึง 5 เท่าของคณะกรรมการการช่วยเหลือ โดยกล่าวเสริมว่า ในเหตุการณ์แผ่นดินไหวที่จังหวัดเคอร์มานชาห์ ในช่วง 14 เดือน ได้มีการก่อสร้างใน3 ล้านครึ่งตารางเมตร ซึ่งถือว่าการกระทำนี้มีความยิ่งใหญ่อย่างมาก”
ท่านประธานาธิบดี ยังได้เน้นถึงความต้องการในความเป็นเอกภาพของประเทศ โดยกล่าวว่า “การกระทำที่ประชาชนและเจ้าหน้าที่ได้ดำเนินการในเหตุการณ์อุทกภัยน้ำท่วมนั้นเป็นสิ่งที่ไม่เสมอเหมือนและความเป็นเอกภาพเช่นนี้ที่เกิดขึ้นในเหตุการณ์อุทกภัยนี้คือสิ่งที่เราต้องการ เพราะว่าความเป็นเอกภาพจะทำให้การข่มขู่คุกคามกลายเป็นโอกาสอันยิ่งใหญ่ได้”
นาย โรฮานี ยังกล่าวถึงการประสบความกดดันของประชาชนที่จะต้องให้ความสนใจเป็นพิเศษในการดำรงชีพของพวกเขา โดยกล่าวเสริมว่า “หากว่าเราสามารถตรวจสอบการนำเข้าของสินค้าได้มากขึ้น ปัญหาของประชาชนในเรื่องค่าครองชีพก็จะลดน้อยลงและเราก็จะพิชิตเหนือมาตรการคว่ำบาตรได้
ประธานาธิบดียังกล่าวถึงความเป็นเอกภาพที่จะทำให้เราก้าวผ่านอุปสรรคต่างๆได้ โดยถือว่าความศรัทธา คือ เกณฑ์วัดความเป็นมิตรภาพที่มีอยู่ภายในรัฐ และการมุ่งมั่นต่อรัฐธรรมนูญ โดยกล่าวว่า “หากว่าทุกคนต่างยึดมั่นในรัฐธรรมนูญและใช้ขีดความสามารถทั้งหมดของรัฐธรรมนูญอีกด้วย เราก็สามารถที่จะก้าวผ่านปัญหาต่างๆได้
ท่านประธานาธิบดี ยังได้ชี้ถึงการตัดสินใจของสหรัฐที่จะหยุดการส่งออกน้ำมันของอิหร่านและการหยุดชะงักในการส่งออกสินค้าที่ไม่ใช่น้ำมันและความกดดันและการโฆษณาชวนเชื่อโดยประธานาธิบดีกล่าวเสริมว่า “ด้วยการเสียสละและเอกภาพของประชาชน และด้วยกับการวางแบบแผน การบริหารจัดการที่ดีกว่าและมีความสามัคคีมากขึ้นก็จะทำให้เราก้าวผ่านปัญหาเหล่านี้ได้”
ท่านประธานาธิบดี กล่าวถึงการบริหารประเทศโดยที่ไม่มีการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างของงบประมาณและเศรษฐกิจ ถือว่าเป็นไปไม่ได้ โดยกล่าวว่า การกระทำนี้มิใช่เฉพาะกับรัฐบาลเท่านั้น ซึ่งจะต้องมีความเท่าเทียมกันในความรับผิดชอบทั้งรัฐสภาและรัฐบาลมีความเข้าใจอย่างถูกต้องต่อสถานการณ์ในประเทศ ภูมิภาคและโลก”
นายโรฮานี ยังได้ชี้ให้เห็นว่าเราสามารถแทนที่รายได้จากน้ำมันด้วยรายได้ที่ไม่ใช่น้ำมัน โดยกล่าวว่า พวกอเมริกาต่างมีการคิดคำนวณที่ผิดพลาดโดยบอกว่าภายในไม่กี่เดือน พวกเขาก็จะทำให้ประชาชาติที่ยิ่งใหญ่ของอิหร่านต้องยอมคุกเข่าให้กับพวกเขา และพวกเขายังเป็นผู้ที่กำหนดวันที่ในประเด็นนี้ แต่ประชาชาติด้วยกับการยืนหยัด ต้านทานทั้งกลางวันและกลางคืน ได้สร้างประวัติศาสตร์ให้กับสาธารณรัฐอิสลาม”
นายโรฮานี ยังกล่าวต่อถึงการมีอยู่ของประชาชาติ ผู้นำสูงสุด รัฐบาลและรัฐสภาเป็นให้ศัตรูพบกับความล้มเหลว โดยกล่าวว่า “วันนี้ศัตรูต่างใช้เลห์กล เมื่อช่วงเช้าได้ส่งเรือรบมา แต่ช่วงกลางคืนให้เบอร์โทรศัพท์ แต่ทว่าเรานั้นมีเบอร์โทรศัพท์ของพวกเขาหลายเบอร์ด้วยกัน ไม่ว่าวันที่ใดที่วันนั้นพวกเขาก่ออาชญากรรมกับประชาชาติอิหร่าน นั่นคือ เบอร์โทรศัพท์ที่แท้จริงของพวกเขา”
ท่านประธานาธิบดี ยังกล่าวต่อว่า “"ความแตกต่างระหว่างเรากับพวกท่าน คือการกดขี่และการละเมิดต่อประชาชาติทั้งหลายและประชาชาติอิหร่าน พวกท่านจงกลับตัวเถิดและย้อนกลับมาแนวทางยังเปิดอยู่ บางทีประชาชนชาวอิหร่านอาจจะผ่านความฉ้อฉลและอาชญากรรมทางประวัติศาสตร์ของพวกท่านก็ได้”
นายโรฮานี ยังกล่าวถึงการประจักษ์ของโลกในความอดทนของประชาชาติอิหร่าน โดยกล่าวว่า หลังจากการฝ่าฝืนของสหรัฐในประเด็นข้อตกล
นิวเคลียร์ที่มีการขอโอกาสกับเหล่ามิตรของเราและสหภาพยุโรปเพื่อที่จะได้ปฏิบัติหน้าที่ของพวกเขา”
ท่านประธานาธิบดี ยังกล่าวว่า เราจะต้องใช้ประโยชน์จากเส้นทางทางกฏหมาย ซึ่งรัฐบาล สภาความมั่นคงสูงสุดและรัฐฯ ได้เริ่มต้นด้วยกับการชี้แนะของท่านผู้นำสูงสุด โดยกล่าวว่า วิธีการนี้คือวิธีการที่เราได้ปฏิบัติและประกาศไปแล้ว”
นายโรฮานี กล่าวเสริมว่า “บางคนบอกผิดพลาดที่ว่า ให้โอกาสกับเราเพียงว 60 วัน เพื่อที่จะดำเนินการอีก 60 วัน ในขณะที่เราได้ดำเนินการตั้งแต่วันที่18 เดือนอุรดีเบเฮชต์ และยกเลิกไปสองข้อตกลงและอีกสองข้อตกลงหลังจากผ่านไป 60 วันก็ถูกยกเลิกด้วยเช่นกัน”
ประธานาธิบดีอิหร่าน ยังได้เน้นถึงการมีส่วนร่วมของประชาชน การมีความอดทนต่อกันและการยืนหยัดที่เราสามารถได้รับชัยชนะ โดยกล่าวว่า “วันนี้เราอยู่ในการทดสอบอันยิ่งใหญ่ของพระผู้เป็นเจ้า โดยไม่ต้องสงสัยเลยว่า ด้วยกับการยืนหยัดจะทำให้เราก้าวผ่านขั้นตอนต่างๆเหล่านี้ไปได้”