บรรดาผู้บัญชาการกองทัพและเจ้าหน้าที่กองทัพบก เข้าพบท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ในฐานะผู้บัญชาการสูงสุดทุกเหล่าทัพ โดยถือว่า กองทัพในวันนี้นั้นมีความเคร่งครัดในศาสนาและมีประสิทธิภาพที่มากขึ้นกว่ามาโดยตลอด และท่านยังกล่าวเทอดเกียรติจากการเข้าร่วมของกองทัพและกองกำลังทหารบกในการช่วยเหลือต่อบรรดาผู้ที่ประสบอุทกภัยน้ำท่วม และท่านยังได้เน้นถึงความจำเป็นในการมีเอกภาพที่เพิ่มมากขึ้นของกองกำลังทหารบกและการร่วมจับมือกันที่สวยงามในความเป็นพี่น้องกันระหว่างกองทัพและกองกำลังพิทักษ์การปฏิวัติอิสลาม(ซิพอฮ์) จากการปฏิบัติการอันสกปรกของพวกสหรัฐฯที่มีต่อซิพอฮ์ โดยท่านตั้งข้อสังเกตว่า “ทุกๆการงานใดที่จะทำให้ศัตรูเกิดความรู้สึกโกรธโมโห ถือว่าเป็นการกระทำที่ดีและถูกต้องที่สุดและในที่สาธารณชน ก็จะต้องออกห่างจากการกระทำที่ทำให้ศัตรูมีความอาจหาญและแข็งกร้าวทางจิตวิญญาณเป็นอันขาด”
ในการเข้าพบกันครั้งนี้ ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ได้กล่าวแสดงความยินดีต่อบรรดาเจ้าหน้าที่ ผู้รับใช้ที่สร้างความภาคภูมิใจของกองทัพและครอบครัวของพวกเขา เนื่องในวันแห่งกองทัพแห่งชาติ โดยท่านถือว่า กองกำลังทหารบก คือ หนึ่งในการสำแดงออกและองค์ประกอบในการมีอำนาจของชาติ โดยท่านตั้งข้อสังเกตว่า “แต่ทว่าส่วนมากของประเทศต่างๆ แม้แต่ประเทศที่อ้างถึงอิสรภาพและสิทธิมนุษย์ กองกำลังทหารบกของประเทศเหล่านั้น คือ องค์ประกอบในการมีอำนาจของเหล่าเผด็จการในการเผชิญหน้ากับประชาชาติทั้งหลายทั้งสิ้น ดั่งเช่น เมื่อหลายวันก่อนนี้ เราได้เห็นตัวอย่างในประเด็นของวันเสาร์ต่างๆที่เกิดขึ้นในปารีส”
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า กองกำลังทหารบกในตรรกะของอิสลามและสาธารณรัฐอิสลาม คือ เกราะคุ้มกันความปลอดภัยให้กับประชาชาติ และท่านผู้นำยังกล่าวเสริมว่า “กองกำลังทหารบกด้วยกับความรู้ การมีประสบการณ์ การเสียสละ เป็นโล่ป้องกันในช่วงยุคสมัยสงคราม และในการเผชิญหน้ากับศัตรู จนกระทั่งสามารถทำให้ศัตรูต้องถอยห่างออกไป และในยุคสมัยแห่งสันติภาพก็มีประสิทธิภาพและความเพียบพร้อมอย่างสมบูรณ์ จึงเป็นที่มาของความเชื่อมั่นและความสงบสุขของประชาชน ด้วยเหตุนี้เอง เหล่าศัตรูทั้งหลายนั้นต้องการที่จะทำลายความสงบสุขของพวกเขาโดยการทำให้เกิดความกังวลใจกับกองกำลังทหารบก”
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า การช่วยเหลือของกองทัพและกองกำลังทหารบกต่อประชาชนในเหตุการณ์ทางธรรมชาติ เป็นการเข้าร่วมอย่างมีประสิทธิภาพและมีความสำคัญอย่างยิ่ง โดยกล่าวว่า “ในเหตุการณ์น้ำท่วมครั้งล่าสุด กองกำลังทหารบกได้เร่งรีบในการช่วยเหลือในทุกๆสิ่ง ทุกๆอย่างให้กับประชาชนในสิ่งอำนวยความสะดวกที่มีอยู่ โดยที่ว่า ในจังหวัดโกลิสตานนั้น กองทัพได้เข้าถึงพื้นที่ ก่อนที่หน่วยงานการบริหารจัดการวิกฤติจะเข้าถึงพื้นที่เสียอีก”
ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ถือว่า การบันทึกภาพของการรับใช้ประชาชนอย่างกระตือรือร้นของกองกำลังของกองทัพ เป็นเหตุให้ใบไม้สีทองจะมีความเป็นอมตะและเป็นที่จดจำทางหน้าประวัติศาสตร์ โดยกล่าวเสริมว่า “ขณะที่เจ้าหน้าที่ระดับนายพลนายหนึ่งได้ก้มตัวลงเพื่อให้ชายผู้สูงอายุได้ขึ้นขี่บนบ่าของเขา เปรียบเสมือนกับเป็นพาหนะ แสดงถึงความซื่อสัตย์ของกองทัพที่มีคำขวัญที่ว่า กองทัพเสียสละเพื่อประชาชน”
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า กองทัพ คือ เกียรติยศของสาธารณรัฐอิสลาม ทั้งยังเป็นโรงเรียนและนิทรรศการแห่งหนึ่งที่มีคุณค่าของอิสลาม โดยท่านตั้งข้อสังเกตว่า “ตัวอย่างต่างๆ เช่น บรรดาชะฮีด บาบาอี ชะฮีด ซัยยาด ชีราซี ในกองทัพ คือ บุคคลที่มีประสิทธิภาพ ขณะที่มีความรับผิดชอบต่อหน้าที่ ความนอบน้อมถ่อมตัว การเสียสละ การออกห่างจากการมีชื่อเสียงและตำแหน่ง เป็นตัวอย่างที่ควรค่าต่อการนำเสนอให้กับประชาชาติ โดยเฉพาะในประชาชาติอิสลาม ก็จะต้องมีจิตวิญญาณและค่านิยมนี้ให้เข้มแข็งได้มากยิ่งขึ้นในแต่ละวัน”
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า กองทัพในวันนี้นั้นมีความเคร่งครัดต่อศาสนาและมีประสิทธิภาพที่มากกว่ามาโดยตลอด และท่านผู้นำกล่าวว่า “ในวันนี้ ความรับผิดชอบของกองทัพที่มีกองกำลังที่มีความเคร่งครัดศาสนาและการปฏิวัติอิสลาม ขณะที่บางคนด้วยกับการมีนิสัยในการดูถูกต่อประชาชาติและให้เกียรติต่อเหล่าผู้ทรยศ กลับเรียกร้องหากองทัพของยุคสมัยของเรซา ข่าน ในขณะที่กองทัพนั้นที่เรียกว่ามีความทันสมัย แม้แต่ในวันเดียวยังไม่มีความสามารถในการเผชิญหน้ากับการโจมตีของต่างชาติได้เลย แต่กองทัพอันมีอำนาจของสาธารณรัฐอิสลามได้ยืนหยัดในสงครามที่ใช้เวลาถึง 8 ปีและในวันนี้ กองทัพนี้ก็เช่นกันด้วยกับความรู้ การมีประสบการณ์ จิตวิญญาณ ความสามารถ ความเคร่งครัดต่อศาสนาและความไว้วางใจของกองทัพที่มากขึ้นกว่าในอดีตที่ผ่านมา นั่นคือ ความภาคภูมิใจของเรา”
ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ยังได้ชี้ถึงการปรากฏตัวของกองทัพและกองกำลังทหารบกในภูมิภาคในการเผชิญหน้ากับวิกฤติที่เลวร้ายของเหล่าศัตรู โดยตั้งคำถามนี้ว่า “หากว่ากองทัพและกองกำลังพิทักษ์การปฏิวัติอิสลาม(ซิพอฮ์) ไม่เข้าร่วมในการต่อสู้กับพวกไอซิส ในวันนี้ภูมิภาคและประเทศเพื่อนบ้านจะมีสถานการณ์เช่นไร และจะมีผู้ใดเข้ามาปกครองพวกเขาหรือ?”
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังกล่าวเสริมว่า “แต่ในทุกประเทศที่เกิดการปะทะกันก็มีการปฏิบัติและดำเนินการที่จำเป็น แต่บทบาทของกองกำลังทหารบกของอิหร่านนั้นไม่อาจที่จะลืมได้ และในวันนี้ด้วยกับความเป็นสิริมงคลของการดำรงอยู่ของกองกำลังทหารบก นอกเหนือจากประชาชาติอิหร่านแล้ว ยังได้รวมถึงประเทศต่างๆอีกด้วย”
ท่านผู้บัญชาการสูงสุดทุกเหล่าทัพ ถือว่า เอกภาพและการร่วมมือกันของกองกำลังทหารเป็นสิ่งที่จำเป็นและเป็นเหตุให้ศัตรูรู้สึกโกรธ โดยกล่าวว่า “มือของความเป็นพี่น้องกันของกองทัพและซิพอฮ์ เป็นการขับเคลื่อนที่สวยงามมาก หลังจากที่พวกสหรัฐฯได้ดำเนินการที่สกปรกต่อซิพอฮ์"
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังเน้นว่า “ทุกๆการกระทำที่ทำให้ศัตรูเกิดความโกรธโมโหถือว่าเป็นการกระทำที่ดีและถูกต้องที่สุด ในทางตรงกันข้าม การกระทำใดก็ตามที่ทำให้ศัตรูอาจหาญและมีจิตวิญญาณที่เข้มแข็งและเป็นเหตุให้จิตวิญญาณของฝ่ายเราอ่อนแอถือว่าเป็นการกระทำที่เลวร้ายและไม่ถูกต้อง ซึ่งทุกๆคนทั้งหมดก็จะต้องหลีกเลี่ยงจากคำพูดและการกระทำเช่นนี้”
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า เป้าหมายของคำพูดที่ไม่มีพื้นฐานของพวกสหรัฐฯที่มีต่อสาธารณรัฐอิสลามแห่งอิหร่าน เป็นการสร้างความอ่อนแอทางจิตวิญญาณของสาธารณชน โดยท่านตั้งข้อสังเกตว่า “สหรัฐฯเองยังประสบวิกฤติหนี้หลายพันล้านล้านดอลลาร์และวิกฤติต่างๆอีกมากมาย เช่น เมื่อหลายปีที่ผ่านมาได้ประสบปัญหาน้ำท่วมและพายุถล่มในรัฐแคโรไลนา ซึ่งในปัจจุบันนี้ก็ยังไม่สามารถแก้ไขปัญหาเหล่านี้ได้ และชดเชยความเสียหายนี้ได้เลย แต่กลับมาเหิมเกริมที่จะมาสร้างความอ่อนแอทางจิตวิญญาณให้ประชาชาติอิหร่าน”
ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ถือว่า การเข้าร่วมอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนของประชาชนในการช่วยเหลือบรรดาผู้ประสบอุทกภัยน้ำท่วม คือ หนึ่งในเหตุการณ์ที่ปรากฏต่อสายตาทั้งหลายและเป็นเหตุให้พวกสหรัฐเกิดความรู้สึกโกรธ และท่านผู้นำยังกล่าวเสริมว่า “การขับเคลื่อนที่ยิ่งใหญ่อย่างรวดเร็วจากกองทัพ กองกำลังพิทักษ์การปฏิวัติอิสลาม กองกำลังอาสาสมัคร แม้กระทั่งบรรดานักศึกษาศาสนาและมหาวิทยาลัยหลายพันคนในการให้ความช่วยเหลือต่อบรรดาผู้ประสบอุทกภัยน้ำท่วม ถือว่าเป็นสิ่งที่ไม่สามารถพรรณาและอธิบายได้ แต่ทว่าศัตรูกลับเห็นว่าสิ่งนี้ไม่เหมาะสมที่จะกล่าวถึงความยิ่งใหญ่นี้”
ก่อนการปราศรัยของท่านผู้บัญชาการสูงสุดทุกเหล่าทัพ พลเอก ฮัยดะรี ผู้บัญชาการกองกำลังทหารบกได้กล่าวรายงานโดยชี้ถึงการช่วยเหลือของ 21 หน่วยหลักและหน่วยพิเศษของกองกำลังนี้ในพื้นที่ที่ประสบปัญหาอุทกภัยด้วยกับคำบัญชาของท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม กล่าวว่า “กองทัพของสาธารณรัฐอิสลามได้เข้าร่วมกันอย่างต่อเนื่องในเขตพรมแดน แสดงให้เห็นในความแข็งกร้าวที่มีต่อศัตรูและการเข้าร่วมกับประชาชนในการยืนเคียงข้างกัลพวกเขาในเหตุการณ์น้ำท่วมครั้งล่าสุด โดยแกนหลัก คือ กองกำลังทหารบก ได้แสดงออกถึงความนุ่มนวลกันระหว่างพวกเขาด้วยกัน”
ผู้บัญชาการกองกำลังทหารบก ถือว่า การดำเนินการครั้งล่าสุดของสหรัฐฯที่มีต่อกองกำลังพิทักษ์การปฏิวัติอิสลาม คือ การปฏิบัติการของพวกสัตว์ป่าที่ดุร้าย โดยเน้นย้ำว่า “กองทัพและกองกำลังพิทักษ์การปฏิวัติอิสลาม จะร่วมจับมือกัน จนกว่าการจัดตั้งรัฐบาลแห่งสัจธรรมและความพินาศแก่ชาติมหาอำนาจจะเกิดขึ้น และเราก็จะอยู่ร่วมกับประชาชาติอีกด้วยเช่นกัน โดยกล่าวว่า เราทุกคนคือผู้พิทักษ์รัฐอิสลามแห่งอิหร่านด้วยกัน”