พณฯท่าน อาดิล อับดุลมะห์ดี นายกรัฐมนตรีอิรักพร้อมทั้งคณะผู้ติดตามเข้าพบท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม อยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี โดยท่านผู้นำได้ชี้ถึงความผสมผสานกันทางความศรัทธา วัฒนธรรม และประวัติศาสตร์ของทั้งสองประเทศ เน้นว่า “ความสัมพันธ์ระหว่างสาธารณรัฐอิสลามแห่งอิหร่านกับอิรักนั้นเกินกว่าที่ความสัมพันธ์ของทั้งสองประเทศ จะเป็นเพียงประเทศเพื่อนบ้านเท่านั้น ขณะที่ ความก้าวหน้าและความผาสุกของอิรักก็ถือว่ามีผลประโยชน์ต่อตนด้วยเช่นกัน แต่พวกสหรัฐฯ ด้วยกับคำพูดผิวเผินในประชาธิปไตยกับถือว่า การทำกิจกรรมทางการเมืองของอิรักนั้นขัดแย้งกับผลประโยชน์ของพวกเขา ด้วยเหตุนี้เอง รัฐบาลอิรักจะต้องทำการอะไรสักอย่างที่จะทำให้กองกำลังของสหรัฐฯถอนตัวออกจากอิรักโดยเร็วที่สุด”
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังกล่าวขอบคุณต่อจุดยืนอันชาญฉลาดและมั่นคงของพณฯท่าน อาดิล อับดุลมะห์ดี เกี่ยวกับประเด็นความสัมพันธ์กันระหว่างอิรักกับภูมิภาคตะวันออกกลาง โดยท่านได้ชี้ถึงการมีอยู่ของศักยภาพต่างๆของประเทศนี้ และกล่าวว่า “บรรดาเยาวชนของประเทศนี้ คือ หนึ่งในศักยภาพทางด้านมนุษย์ และในประเด็นการต่อสู้กับวิกฤติการณ์ดาอิช (ไอซิส) ถือว่าเป็นการทดสอบที่ดีที่ควรค่าต่อการสรรเสริญเยินยอ และสิ่งที่ได้เกิดขึ้นนั้นคือ เหตุการณ์ทางประวัติศาสตร์ทั้งสิ้น”
ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ถือว่า บรรดานักวิชาการ ผู้เชี่ยวชาญชาวอิรัก คือ หนึ่งในศักยภาพที่มีอยู่ทางด้านมนุษย์ของประเทศนี้ โดยกล่าวเสริมว่า “พวกสหรัฐฯนั้นในช่วงแรกของการปรากฏตัวในอิรักได้ทำการสังหารบรรดานักวิชาการจำนวนมากของประเทศนี้ เพราะว่าพวกเหล่านั้นถือว่า บรรดานักวิชาการ คือ ความมั่งคั่งที่สำคัญของประเทศนี้”
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังเน้นว่า ศักยภาพต่างๆของมนุษย์และทรัพยากรใต้ดินของอิรักจะทำให้ประเทศนี้ เป็นประเทศที่ผลอย่างมากที่สุดในโลกอาหรับ โดยกล่าวว่า “พวกสหรัฐฯและเหล่าลิ่วล้อทั้งหลายของพวกเขาได้มีการคัดค้านต่อการเปลี่ยนฐานภาพของอิรักมาอยู่ในกรอบของประชาธิปไตยในปัจจุบันและมีนักการเมืองทั้งหลาย รวมทั้งพรรคการเมืองอยู่ในขณะนี้ที่มีการปฏิบัติงานด้วย โดยพวกเขาถือว่า บรรดานักการเมืองและกลุ่มการเมืองเหล่านี้ขัดแย้งกับผลประโยชน์ของพวกเขา”
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังเน้นว่า หากว่ารัฐบาลและเจ้าหน้าที่อิรักได้ปฏิบัติตามสหรัฐ ปัญหาก็จะไม่เกิดขึ้น โดยกล่าวเสริมอีกว่า “รัฐบาล รัฐสภาและกลุ่มก้อนทางเมืองในปัจจุบันของประเทศนี้ คือสิ่งที่ไม่พึงประสงค์สำหรับพวกสหรัฐฯ ด้วยเหตุนี้เอง พวกเขาจึงได้มีการวางแผนเพื่อที่จะทำให้บรรดานักการเมืองเหล่านี้ต้องถอนตัวออกจากการเข้ามีบทบาททางการเมืองในอิรัก”
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังเน้นถึงการเปิดเผยทางวาจาของพวกสหรัฐฯกับพวกซาอุดี้ ในประเด็นของอิรักกับเจตนาภายในของพวกเขานั้นมีความแตกต่างกัน โดยท่านได้ตั้งข้อสังเกตว่า “พวกเขาได้ส่งเงินและอาวุธยุทโธปกรณ์ให้กับกลุ่มไอซิส ในขณะที่พวกเหล่านั้นเข้ายึดครองเมืองโมซูลอยู่ในขณะหนึ่ง แต่บัดนี้ อิรักได้พิชิตเหนือกลุ่มก่อการร้ายดังกล่าว พวกเขากับแสดงท่าทีเป็นมิตร”
ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ยังได้ชี้ถึงถ้อยคำของนายกรัฐมนตรีอิรักเกี่ยวกับการปรากฏตัวของกลุ่มก่อการร้ายไอซิสที่เหลืออยู่ในอิรัก โดยกล่าวว่า “รัฐบาลอิรักจะต้องมีความเฉลียวฉลาด เพราะว่าเมื่อใดก็ตามที่พวกเขารู้สึกถึงความอ่อนแอของรัฐบาลและรัฐสภาของประเทศนี้ เมื่อนั้นพวกเขาก็จะก่ออาชญากรรมใหม่อีกครั้ง”
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า การเข้ามาของกองกำลังสหรัฐในประเทศแถบภูมิภาคตะวันออกกลางนั้นขัดแย้งกับผลประโยชน์ของประเทศต่างๆและประชาชาติทั้งหลายในภูมิภาค และท่านผู้นำจึงกล่าวกับนายกรัฐมนตรีอิรักในประเด็นนี้ว่า “พวกเขาจะต้องทำการอะไรสักอย่างเพื่อที่จะทำให้กองกำลังสหรัฐต้องถอนตัวออกจากอิรักโดยเร็วที่สุด เพราะว่าประเทศใดที่กองกำลังทหารของพวกเขาเข้าไปแล้ว โอกาสที่จะถอนตัวออกจากประเทศนั้นยากมากทีเดียว”
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า เป้าหมายของอเมริกาในการเข้ามาในอิรักนั้นเกินกว่าการเข้ามามีบทบาททางการทหาร โดยกล่าวว่า “ข้ออ้างของพวกเขาในการเข้ามาในอิรักเพื่อผลประโยชน์ในระยะยาว ดั่งเช่น การจัดตั้งรัฐบาลในช่วงแรกของการเข้ามายึดครองอิรักนั่นเอง”
ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ยังได้ชี้ถึงประเด็นการมีผลของความก้าวหน้าทางวิชาการในการสร้างประเทศ โดยกล่าวเสริมว่า “เราถือว่า อิรักนั้นมีพื้นฐานที่เป็นภูมิคุ้มกันในด้านต่างอย่างต่อเนื่อง ซึ่งคือ หนึ่งในประสบการณ์ของความก้าวหน้าทางวิชาการของประเทศนี้”
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า การมีความสัมพันธ์เพิ่มมากขึ้นของรัฐบาลอิรักกับสถาบันมัรเญียะอ์นั้นมีประโยชน์อย่างมาก
ในการเข้าพบปะครั้งนี้ พณฯท่านโรฮานี ประธานาธิบดีอิหร่านเข้าร่วมด้วย โดย นาย อาดิล อับดุลมะห์ดี นายกรัฐมนตรีอิรักได้กล่าวแสดงถึงความปลาบปลึ้มในการพบปะกับท่านผู้นำสูงสุด กล่าวว่า “ระบอบสาธารณรัฐอิสลามและประชาชาติอิหร่านได้ยืนอยู่เคียงข้างรัฐบาลและประชาชาติอิรักมาโดยตลอด ซึ่งในกรณีล่าสุดก็คือ การพิชิตของอิรักเหนือกลุ่มไอซิส ด้วยกับการสนับสนุนของสาธารณรัฐอิสลามแห่งอิหร่านทั้งสิ้น”
เขายังเน้นว่า นอกเหนือจากการสูญสลายขององค์กรกลุ่มก่อการร้ายไอซิสแล้ว แต่สมาชิกของพวกเขาก็ยังมีอยู่ในอิรัก โดยกล่าวเสริมว่า “ขณะที่ ในวันนี้ อิรักนั้นมีปัญหาต่างๆมากมาย แต่ก็ยังอยู่ในสถานการณ์ที่มีความมั่นคงอย่างดี”
นายกรัฐมนตรีอิรัก ยังได้ชี้ถึงการเดินทางเยือนของนายโรฮานี ยังนครแบกแดดและการพบปะกันในวันนี้ ณ กรุงเตหะราน โดยเขาได้ตั้งข้อสังเกตว่า “ผลจากการเจรจากันทั้งสองฝ่าย ได้มีข้อตกลงที่ดีต่อกันในการสร้างทางรถไฟ การก่อสร้างนิคมอุตสาหกรรม การขยายความสัมพันธ์ทางการค้า และการคมนาคม อีกทั้งการขุดลอกคลองและแม่น้ำ”
ในช่วงท้าย พณฯท่าน อาดิล อับดุลมะห์ดี ได้เน้นว่า “ความสัมพันธ์ของอิรักกับสาธารณรัฐอิสลามแห่งอิรักนั้นเป็นความสัมพันธ์ที่พิเศษและเราได้ประกาศแล้วว่า เราจะไม่เข้าร่วมกับสหรัฐฯในการคว่ำบาตรต่ออิหร่านกับเป็นอันขาด”