สำนักผู้นำสูงสุดซัยยิด อาลี คาเมเนอี

ข้าราชการ บรรดาทุตานุทูตประเทศอิสลามและประชาชนเข้าพบท่านท่านผู้นำสูงสุด

ภารกิจหลักของเจ้าหน้าที่ทั้งหลายคือการฟื้นฟูความเสียหายจากน้ำท่วม

เนื่องในวโรกาสคล้ายวันอีดมับอัษ ข้าราชการ บรรดาทุตานุทูตประเทศอิสลามและประชาชนจำนวนหนึ่งในภาคส่วนต่างๆได้เข้าพบท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม อยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี โดยท่านผู้นำถือว่า การแต่งตั้งบรรดาศาสนทูตนั้นเป็นการขับเคลื่อนอันยิ่งใหญ่หนึ่งในการสร้างอารยธรรมสมัยใหม่ด้วยกับสองลักษณะพิเศษ คือ “ความเป็นบ่าวของพระผู้เป็นเจ้า” และ “การต่อสู้กับพวกผู้ปฏิเสธและเหล่าทรราช” โดยท่านยังเน้นว่า การแต่งตั้งท่านศาสดา ผู้ทรงเกียรติแห่งอิสลาม ถือว่า เป็นการแต่งตั้งที่สมบูรณ์ ครอบคลุมและมีความเป็นอมตะมากที่สุดในการแต่งตั้งทั้งหลาย โดยกล่าวว่า “ วันนี้ การปฏิวัติอิสลามและระบอบสาธารณรัฐอิสลามคือ การดำเนินการอย่างต่อเนื่องของการแต่งตั้งของท่านศาสดาผู้ยิ่งใหญ่ และพันธสัญญาแห่งพระเจ้าก็คือ ฝ่ายสัจธรรมจะมีชัยชนะในหลักเตาฮีดและการเผชิญหน้ากับเหล่าทรราช”

ในช่วงแรกของการปราศรัย ท่านผู้นำสูงสุดได้ชี้ถึงเหตุการณ์น้ำท่วมที่เกิดขึ้นในบางจังหวัดของประเทศและปัญหาต่างๆที่เกี่ยวข้อง ทั้งความสูญหายและความเสียหายจากน้ำท่วม โดยกล่าวเสริมว่า “ในเหตุการณ์นี้ ความพยายามของประชาชนและการมีจิตวิญญาณในความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันและการเป็นอาสาสมัครในหมู่พวกเขา ถือว่า เป็นการกระทำที่ดีอย่างมากและประชาชาติอิหร่านได้เข้าร่วมกันด้วยหัวใจและการช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่ทั้งหลาย ซึ่งเจ้าหน้าที่ทั้งหลายก็เช่นกันจะต้องได้รับการสนับสนุนจากประชาชนและมติที่เป็นเอกฉันท์ในการดำเนินการขั้นพื้นฐานด้วย”

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ยังเน้นว่า ขณะนี้ ยังคงเหลือภารกิจอันมากมายในการบรรเทาทุกข์ให้กับประชาชนที่ต้องประสบอุทกภัยน้ำท่วม โดยท่านตั้งข้อสังเกตว่า “ข้าพเจ้าได้ย้ำต่อเจ้าหน้าที่ทั้งหลายว่าภารกิจหลักก็คือ การฟื้นฟูความเสียหายและการชดเชยความเสียหาย และจะต้องมีการชดเชยความเสียหายและค่าเสียหาย หลังจากนี้”ด้วย

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังกล่าวเสริมว่า “แต่ทว่าประชาชนผู้มีเกียรติในพื้นที่ต่างๆที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม ก็จะต้องร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ทั้งหลายอย่างต่อเนื่อง เพราะว่าการช่วยเหลือในความจริงนั้นเป็นวิธีในการแก้ไขนั่นเอง”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังได้ชี้ต่อถึงประเด็นมับอัษ โดยถือว่า การปรากฏของบรรดาศาสนทูตในสังคมต่างๆคือ แรงจูงใจหนึ่งและเป็นการขับเคลื่อนที่ยิ่งใหญ่หนึ่งที่ไปยังทิศทางของหลักเตาฮีดและความเป็นบ่าวของพระเจ้าและการออกห่างจากเหล่าทรราชและเผด็จการ โดยท่านยังเน้นว่า “ทรราชในความจริงนั้นคือ แนวทางและเส้นทางที่ตรงกันข้ามกับการขับเคลื่อนของหลักเตาฮีด ซึ่งตัวอย่างที่เด่นชัดในวันนี้ก็คือ เหล่าผู้นำของสหรัฐฯและในบางประเทศ”

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ยังเน้นว่า เป้าหมายของการแต่งตั้งบรรดาศาสนทูต คือ การสร้างสังคมที่ประเสริฐและการมีอารยธรรมสมัยใหม่ โดยกล่าวว่า “ในอารยธรรมนี้ จะต้องมีอุปกรณ์ที่จำเป็น เช่น ความรู้ จริยธรรม วิถีชีวิต แม้แต่ การมีสงครามก็ตาม”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังได้ชี้ถึงบางทัศนะเกี่ยวกับเป้าหมายของอิสลาม คือ การปราศจากสงคราม โดยกล่าวเสริมว่า “ในอิสลามนั้นมีสงคราม แต่ประเด็นที่สำคัญก็คือการกำหนดทิศทางของสงครามนี้ เพราะว่าฝ่ายทรราชได้แสดงถึงความชั่วร้าย การแสวงหาอำนาจ และการเป้าหมายที่สกปรก โดยทำให้เกิดสงคราม ซึ่งสงครามเช่นนี้ถือว่าเป็นสิ่งที่ไม่ควรค่าต่อการสรรเสริญ ขณะที่การต่อสู้กับทรราชนั้นเป็นสิ่งที่ควรค่าต่อการสรรเสริญอย่างยิ่ง”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังตั้งข้อสังเกตว่า “ตัวอย่างที่เด่นชัดในการก่อสงครามของเหล่าทรราชก็คือ การละเมิด การรุกรานของรัฐเถื่อนไซออนิสต์ในตลอดหลายปีที่ผ่านมา และการต่อสู้ของบรรดานักต่อสู้ชาวปาเลสไตน์และฮิซบุลเลาะฮ์แห่งเลบานอนและเช่นกันในการป้องกันประเทศในช่วง 8 ปีของประชาชาติอิหร่านก็คือ ตัวอย่างที่เด่นชัดของการต่อสู้ในวิถีแห่งพระเจ้า” 

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ยังเน้นว่าการแต่งตั้งของท่านศาสดาแห่งอิสลาม ถือว่า เป็นการแต่งตั้งที่สมบูรณ์แบบที่สุด และยังคงความเป็นอมตะมากที่สุดของการแต่งตั้งทั้งหลาย ในขณะที่การปฏิวัติอิสลามแห่งอิหร่านก็เป็นการดำเนินการต่อเนื่องของการแต่งตั้งอันนี้ โดยกล่าวเสริมว่า “เหตุผลของความเป็นปรปักษ์กับระบอบสาธารณรัฐอิสลามก็คือ ขีดเส้นของศัตรูด้วยฝ่ายเหล่าทรราชกับฝ่ายของเตาฮีด และคำกล่าวที่บอกว่าพวกท่านนั้นอย่าสร้างศัตรูถือว่าเป็นคำพูดที่ไม่ถูกต้อง เพราะว่าฝ่ายทรราชนั้นขัดแย้งกับหลักการและอัตลักษณ์ในการขับเคลื่อนของหลักเตาฮีด ขณะที่อเมริกาและสมุนรับใช้ของเขา เช่น ราชวงศ์อาลิซาอูดนั้นไม่พอใจต่อการขับเคลื่อนยังทิศทางของหลักเตาฮีด”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า การเผชิญหน้ากันของฝ่ายเตาฮีดกับฝ่ายทรราชเป็นการเผชิญที่ไม่อาจจะหลีกเลี่ยงได้ โดยเน้นว่า พระผู้เป็นเจ้าทรงกำหนดให้ฝ่ายสัจธรรมนั้นเป็นผู้ชนะ โดยกล่าวว่า “หากว่าประชาชาติอิหร่าน ได้มีการขับเคลื่อนจนถึงบัดนี้ต่อไปยังแนวทางของตน แน่นอนว่าก็จะได้รับชัยชนะเหนือสหรัฐและสมุนรับใช้ของพวกเขาอย่างแน่นอน”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ได้กล่าวเตือนในประเด็นสำคัญ โดยตั้งข้อสังเกตว่า “แต่ในความจริงก็คือ ผลลัพท์ของชัยชนะนั้นสามารถที่จะเปลี่ยนแปลงได้ ในสถานการณ์ที่เรานั้นมีการเพิกเฉย โดยปราศจากความร่วมมือ ไม่มีความซื่อสัตย์ และการไม่ต่อสู้ในแนวทางแห่งพระผู้เป็นเจ้า”

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี กล่าวว่า “แต่ประชาชาติอิหร่านได้แสดงให้เห็นแล้วว่ามิได้เป็นเช่นนั้น ขณะที่ในวันนี้ เยาวชนทั้งหลายของประเทศด้วยการมีแรงจูงใจ การมีมะอ์รีฟัตและการเตรียมพร้อมที่มากกว่าชนรุ่นก่อน จะดำเนินตามเส้นทางนี้ต่อไปและด้วยเหตุผลนี้เองที่ทำให้ข้าพเจ้าจึงต้องกล่าวถึงเยาวชนทั้งหลายตลอดมา”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังเน้นว่า เยาวชนทั้งหลายจะต้องเตรียมพร้อมในทุกๆด้านและมีความก้าวหน้าที่เพิ่มมากขึ้น โดยกล่าวเสริมว่า “ วันนี้ ทั้งหมดทุกๆคน โดยเฉพาะบรรดาเยาวชนทั้งหลายจะต้องเข้าร่วมในทุกๆด้านอย่างมีชีวิตชีวา ทั้ง ทางด้านความรู้และเทคโนโลยี จริยธรรม วิถีชีวิต ปัญหาเศรษฐกิจ วัฒนธรรม และการขับเคลื่อนทางการเมืองด้วยความรอบรู้”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลามได้กล่าวในช่วงท้ายโดยเน้นว่า “วันพรุ่งนี้ของสาธารณรัฐอิสลามแห่งอิหร่านนั้นเป็นกรรมสิทธิ์ของเยาวชนทั้งหลายที่มีศรัทธาและเต็มไปด้วยกับแรงจูงใจที่มีเจตนามุ่งมั่นและมีความคิดริเริ่มและการมีนวัตกรรมใหม่อย่างต่อเนื่อง สามารถที่จะนำประเทศไปสู่จุดสูงสุดได้”

ก่อนการปราศรัยของท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม พณฯท่านโรฮานี ประธานาธิบดี ถือว่า สารหลักของท่านศาสดาผู้ยิ่งใหญ่ คือ การเชิญชวนมาสู่แนวทางที่เที่ยงตรง โดยกล่าวเสริมว่า “ประชาชาติอิหร่าน ด้วยกับการปฏิบัติตามคำสั่งสอนของศาสนทูตแห่งพระเจ้า จะไม่ยอมจำนนในการเผชิญหน้ากับเหล่าศัตรูของมวลมนุษยชาติและจะยืนหยัดอย่างเข้มแข็งและมั่นคง”

พณฯท่านโรฮานี ถือว่า ความเบิกบานของเอกภาพและความร่วมมือของประชาชน รัฐบาล กองกำลังทุกเหล่าทัพ หน่วยงานทั่วไป ในการเผชิญกับน้ำท่วมครั้งล่าสุด คือ ตัวอย่างอีกอันหนึ่งในการยึดถือวิถีอันเจิดจรัสของท่านศาสดาผู้ทรงยิ่งใหญ่ของอิสลาม โดยกล่าวว่า “ในเหตุการณ์นี้ เหล่าศัตรูทั้งหลายได้รู้สึกกระดากอายต่อการปิดกั้นความช่วยเหลือขององค์กรกาชาด และการสร้างอุปสรรคในการช่วยเหลือของชาวอิหร่านที่อยู่ต่างประเทศยังชาวอิหร่านที่ประสบอุทกภัยครั้งนี้”

ประธานาธิบดีอิหร่าน กล่าวเสริมว่า “เหล่าผู้กระดากอายทั้งหลาย ขณะนี้พวกเขายังไม่สามารถชดใช้ความเสียหายจากเหตุการณ์น้ำท่วมเมื่อหลายเดือนที่ผ่านมาในอเมริกาได้ แต่ทุกๆคนจะได้เห็นว่า ในอิหร่านที่มีเกียรติยิ่งนี้ ประชาชนและเจ้าหน้าที่จะอยู่เคียงข้างกันในการฟื้นฟูความเสียหายทั้งหมดอีกครั้ง”

พณฯท่านโรฮานี ถือว่า การยืนหยัดในการเผชิญหน้ากับแผนการร้ายของเหล่าศัตรูของอิสลามที่มีต่อกุดส์ (เยรูซาเล็ม) และที่ราบสูงโกลาน เป็นผลผลิตที่สำคัญของประชาชาติอิสลาม โดยกล่าวว่า “เยรูซาเล็มจะไม่เป็นเมืองหลวงของผู้ละเมิดอย่างรัฐเถื่อนไซออนิสต์หรอก และที่ราบสูงโกลานก็จะไม่ได้แยกออกจากซีเรียแต่อย่างใด อีกทั้งเหล่าศัตรูก็ไม่อาจสามารถที่จะทำให้ประชาชาติทั้งหลายของอิสลามต้องยอมจำนนต่อระบอบรัฐเถื่อน ผู้ยึดครอง และการรุกรานของไซออนิสต์”

ประธานาธิบดีอิหร่าน ยังเน้นว่า ประชาชาติอิหร่านด้วยกับร่มเงาในแนวทางของท่านศาสดาผู้ยิ่งใหญ่ จะก้าวผ่านปัญหาทั้งหมดไปให้ได้ โดยกล่าวว่า “ในวันทั้งหลายที่เราต้องประสบกับความยากลำบาก แต่เรากับได้รับคำชี้นำจากท่านผู้สูงสุดการปฏิวัติอิสลามและพวกเราต้องขอขอบคุณต่อคำสั่งที่มีผลอย่างมากของท่าน มา ณ ที่นี้ด้วย”

 

700 /