ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม อยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ได้กล่าวปราศรัยในการรวมตัวของบรรดาผู้แสวงบุญและประชาชนที่อยู่ละแวกใกล้เคียงในวันเริ่มต้นของปีใหม่ โดยท่านผู้นำถือว่า ปีศักราชที่ 1398 เป็นปีแห่งการมีโอกาส และท่านยังเน้นถึงการกำหนดคำขวัญของปีนี้เป็น “ปีแห่งการส่งเสริมการผลิต” ซึ่งจะเป็นสาเหตุให้มีการเปลี่ยนแปลงในภาคส่วนต่างๆ การเพิ่มในการสร้างงาน การแก้ไขปัญหาค่าครองชีพ การปรับปรุงในระบบการธนาคาร การเพิ่มค่าสกุลเงินแห่งชาติ และความสมดุลย์ของงบประมาณ อีกทั้งท่านผู้นำยังได้กล่าวอธิบายในคำพูดที่สำคัญและเต็มไปด้วยกับจุดต่างๆเกี่ยวกับปัญหาของปีนี้ การต่อกรของรัฐบาลตะวันตกกับอิหร่าน ปัญหาเศรษฐกิจและการส่งเสริมการผลิต ส่วนในประเด็นที่สี่ของคำพูดของท่านผู้นำได้อธิบายถึงหน้าที่ของเยาวชนทั้งหลายในการบรรลุยังคำแถลงยุทธศาสตร์แห่งชาติ “ก้าวที่สอง”
ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ยังกล่าวแสดงความยินดีต่อวันแห่งการประสูติของนายแห่งความยุติธรรม ท่านอมีรุลมุอ์มินีน อะลี (อ) โดยถือว่าเป็นวันโนรูซ(วันขึ้นปีใหม่)อย่างแท้จริง และท่านยังกล่าวแสดงความยินดีเนื่องในการเริ่มต้นศักราชใหม่และอีดโนรูซ สัปดาห์แห่งการอิอ์ติกาฟต่อบรรดามุอ์ตะกีฟ(ผู้ที่เข้าร่วมในจำศีลในมัสยิดทั้งสามวัน) และท่านยังแสดงความหวังเป็นอย่างยิ่งว่า ความเมตตาและความกรุณาของพระเจ้า จงประสบแด่ประชาชาติอิหร่านทุกๆคน”
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ได้กล่าวปราศรัยในคำพูดของท่านถึง สี่ประเด็นด้วยกัน ปัญหาที่เกี่ยวกับปีศักราชที่ 1398 ปัญหาของสาธารณรัฐอิสลามกับรัฐบาลทั้งหลายของชาติตะวันตก ปัญหาเศรษฐกิจและคำขวัญในการส่งเสริมการผลิตและคำพูดของท่านที่มีต่อเยาวชนทั้งหลายเกี่ยวกับประเทศชาติ การปฏิวัติอิสลามและอนาคตของชาติ
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลามได้กล่าวในประเด็นแรก โดยกล่าวว่า “ผู้ประกาศข่าวและนักเขียนบางคนถือว่าปี 1398 เป็นปีแห่งการคุกคาม ในขณะที่ข้าพเจ้านั้นไม่ยอมรับในความคิดเห็นเช่นนี้ และข้าพเจ้าก็เชื่อว่า ปี 1398 ด้วยกับเตาฟีก(ความสำเร็จ)ของพระเจ้า จะเป็นปีแห่งการมีโอกาสทั้งหลายและเป็นปีแห่งสิ่งอำนวยความสะดวกและการเปิดกว้างให้กับประชาชาติอิหร่านอย่างแน่นอน”
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า ผู้ใดก็ตามที่ทำการข่มขู่คุกคามต่อประชาชาติ จะมีความรู้หรือไม่มีความรู้ก็ตาม แน่นอนว่าเขานั้นได้ประกาศทำสงครามจิตวิทยาและเป็นศัตรูกับอิหร่านและท่านผู้นำยังได้ยกหลายตัวอย่างเกี่ยวกับการโห่ร้องของเหล่าศัตรูของอิหร่านเมื่อปี1397 โดยท่านตั้งข้อสังเกตุว่า “ผู้ที่โง่เขลาเบาปัญญาที่สุดคนหนึ่งของอเมริกาบอกว่า หากว่าเราถอนตัวออกจากข้อตกลงนิวเคลียร์ ประชาชนอิหร่านก็จะไม่มีความสามารถในการซื้อนาน(ขนมปังชนิดหนึ่ง) ได้หรอก แล้วพวกเขาก็จะออกมาสร้างความวุ่นวายกันบนท้องถนน และเช่นเดียวกัน อีกคนจากพวกเขาก็บอกว่า เราจะเฉลิมฉลองวันคริสมาตส์ในปีคริสต์ศักราชที่ 2019กันที่กรุงเตหะราน ซึ่งคำพูดเหล่านี้ล้วนเกิดขึ้นจากความโง่เขลาหรือความชั่วร้ายและสงครามจิตวิทยาหรือจะเป็นทั้งสองอย่างก็เป็นได้”
ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ยังอธิบายถึงจุดนี้ว่า ปี 1398 นั้นเป็นปีแห่งการมีโอกาสทั้งหลาย โดยกล่าวว่า “ปัญหาหลักของประเทศ ก็คือ ปัญหาเศรษฐกิจและปัญหาค่าครองชีพของกลุ่มชนที่ด้อยโอกาส ที่บางส่วนนั้นเกิดจากมาตราการคว่ำบาตรของยุโรปและสหรัฐ ขณะที่บางส่วนก็เกิดมาจากภายในและความอ่อนแอในการบริหารจัดการ”
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังกล่าวเสริมว่า “การคว่ำบาตรนั้นสามารถที่จะกลายเป็นโอกาสให้กับประเทศได้ด้วยเช่นกัน ทั้งยังเป็นมุมมองถึงจุดอ่อนและจุดด้อยและยังเป็นประสบการณ์ที่มีคุณค่ายิ่งในอนาคตและการบริหารจัดการในปีต่างๆหลังจากนี้อีกด้วย”
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังได้ตอบคำถามที่ว่า การคว่ำบาตรจะกลายเป็นโอกาสให้กับประเทศได้อย่างไรกันหรือ?โดยกล่าวว่า “จากประสบการณ์ระบุชัดว่า ความกดดันที่เกิดจากการลดรายได้ของน้ำมันสำหรับประเทศเรา และทุกประเทศที่คล้ายคลึงกันนี้ จะเป็นแรงจูงใจและการขับเคลื่อนที่สำคัญในการปฏิรูปเศรษฐกิจและยังช่วยให้ประเทศรอดพ้นจากการพึ่งพาน้ำมันอีกด้วย และเช่นเดียวกัน ขณะนี้ในระดับขั้นต่างๆของรัฐบาล ทั้งการวิเคราะห์และการวิจัยอย่างกว้างขวางในการบริหารประเทศได้เริ่มต้นด้วยกับรายได้ที่ไม่ใช่น้ำมัน ถ้าหากว่ามีรายได้จากน้ำมันที่มากกว่า ความคิดและการขับเคลื่อนเช่นนี้ก็จะคงไม่เกิดขึ้น”
ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ถือว่า จากประสบการณ์ในช่วงของการป้องกันอันความศักดิ์สิทธิ์และการที่ชาติมหาอำนาจ วัตถุนิยมของตะวันตกและตะวันออกได้ปฏิเสธไม่ให้สิ่งอำนวยความสะดวกและอาวุธยุทโธปกรณ์ในการป้องกันให้กับอิหร่านคือ ประสบการณ์ที่ประจักษ์ชัด โดยท่านผู้นำยังตั้งข้อสังเกตว่า “ประสบการณ์ที่ยากลำบากนั้นและข้อจำกัดนี้ เป็นเหตุให้บรรดาเยาวชนต้องทำงานและมีนวัตกรรมใหม่ โดยไม่ต้องพึ่งพาการทหารของประเทศต่อต่างชาติ ในขณะที่ในวันนี้ อิหร่านนั้นมีสิ่งอำนวยความสะดวกในการป้องกันประเทศที่ดีกว่าประเทศทั้งหลายในภูมิภาคนี้เสียอีก”
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม กล่าวเสริมว่า “แต่เหล่าศัตรูทั้งหลายก็ต้องยอมรับในการป้องกันที่ดีกว่าของอิหร่านและกำลังจะพยายามทำให้สิ่งนั้นเป็นความกดดัน แต่สิ่งนี้ก็จะไม่เกิดขึ้นและสาธารณรัฐอิสลามจะทำให้สายตาของพวกเขานั้นต้องมืดบอดและการเสริมสร้างความเข็มแข็งในการป้องกันก็จะมีการดำเนินการต่อไป”
ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ยังเน้นถึงความจำเป็นในการตรวจสอบมาตราการในต่อต้านการคว่ำบาตรและการดำเนินการ โดยกล่าวว่า “เราอย่าได้เสียใจต่อมาตราการคว่ำบาตรและการมีความหวังอย่างมากจากผู้ที่ทำการคว่ำบาตร นั่นหมายถึง พวกอเมริกาและยุโรป แต่ทว่าหน่วยงานต่างๆภาครัฐและการวิจัยต่างๆและบรรดาเยาวชนนักคิดทั้งหลายจะต้องทำการตรวจสอบและมีการดำเนินการต่อไปด้วยกับความเข้าใจในปัญหาของประเทศที่มีวิธีการต่างๆมากมายในการต่อต้านกับการคว่ำบาตรและการที่ทำให้ความชั่วร้ายของเหล่าศัตรูนั้นต้องไร้ผล”
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังได้ชี้ถึงการรายงานของเจ้าหน้าที่ระดับสูงของรัฐฯที่เกี่ยวกับการกำหนดวิธีการในการต่อต้านกับการคว่ำบาตร โดยเน้นว่า “เจ้าหน้าที่ทั้งหลายจะต้องมีความจริงจังในการปฏิบัติงานอย่างรีบเร่งกว่าเดิมและอย่าได้ล่าช้าเป็นอันขาด”
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังได้ชี้ถึงการอธิบายในการมีโอกาสของปี 1398 ต่อการยับยั้งในการเกิดสงครามทางเศรษฐกิจกับศัตรู โดยกล่าวว่า “ในวันนี้ จะต้องขอขอบคุณต่อพระเจ้า ที่ทำให้เจ้าหน้าที่ทั้งหลายนั้นเชื่อว่า ศัตรูนั้นกำลังทำสงครามกับเราและเป็นตัวการในปัญหาทางเศรษฐกิจ”
ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี กล่าวเสริมว่า “แน่นอนว่า เราจะต้องทำให้ศัตรูได้รับความพ่ายแพ้ในสงครามนี้และด้วยเตาฟีก(ความสำเร็จ) ของพระเจ้า จะทำให้พวกเขาได้รับความพ่ายแพ้ แต่ทว่าการกระทำเช่นนี้ยังไม่ถือว่าเพียงพอ แต่จะต้องมีการยับยั้งที่จะทำให้ศัตรูต้องรู้สึกว่าไม่สามารถที่จะสร้างความเสียหายให้กับประเทศโดยใช้ปัญหาทางเศรษฐกิจเป็นทางผ่านและทำให้ประเทศต้องได้รับความกดดัน”
ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ยังได้เน้นว่า การเข้าถึงระดับขั้นนี้นั้นมีความเป็นไปได้ โดยกล่าวเสริมว่า “เราเคยอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่มีทั้งอาวุธยุทโธปกรณ์ในการป้องกันทางอากาศ ขณะที่ศัตรูนั้นมีขีปนาวุธ แต่ขณะนี้ เราได้ก้าวเข้ามาถึงระดับขั้นที่เหล่าศัตรูของเราในภูมิภาคหรือเหล่าศัตรูที่มีกองกำลังในภูมิภาคนี้ต่างรู้ว่าสาธารณรัฐอิสลามแห่งอิหร่านนั้นมีความสามารถที่ตอบโต้ในการโจมตีทางขีปนาวุธได้อย่างแม่นยำทีเดียว”
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังตั้งข้อสังเกตว่า “ความสามารถและกำปั้นที่มั่นคงของสาธารณรัฐอิสลามในการป้องกัน คือพลังอำนาจในการยับยั้งของอิหร่านในการเผชิญหน้ากับการคว่ำบาตรและในปัญหาเศรษฐกิจก็เช่นกันสามารถที่ใช้เป็นโอกาสในการคว่ำบาตรด้วยความสามารถในการยับยั้งนี้ด้วยเช่นกัน”
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ได้กล่าวในประเด็นที่สองในการปราศรัยของท่าน คือ ประเด็นการเผชิญหน้าของรัฐบาลตะวันตกกับอิหร่านโดยเน้นว่า “วิธีการเดียวในการเข้าถึงระดับขั้นในการยับยั้งทางเศรษฐกิจ ก็คือ การตัดความหวังจากการช่วยเหลือและความร่วมมือของพวกตะวันตก”
ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ในการอธิบายเหตุผลของประเด็นนี้ กล่าวว่า “ประสบการณ์จากประวัติศาสตร์และการประจักษ์ชัดจากพฤติกรรมของพวกตะวันตกแสดงให้เห็นว่าพวกเขานั้นหวังที่จะสร้างแผนสมคบคิดและการทรยศและการลอบแทงข้างหลัง แต่อย่าได้มีความหวังจากพวกเขาในการช่วยเหลือ ความสัจจริงและการร่วมมือกัน หากว่าในขั้นตอนหนึ่ง พวกตะวันตกได้แสดงออกถึงการช่วยเหลือจากพวกเขาในแบบผิวเผิน แต่ในความจริงนั้น พวกเขาต้องการให้การงานของพวกเขาต้องรุดไปข้างหน้านั่นเอง”
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม กล่าวเสริมว่า “ประเด็นนี้มิได้เฉพาะกับประเทศอิหร่านเท่านั้น แต่ทว่าพวกตะวันตกจะมีพฤติกรรรมแบบนี้กับทุกประเทศที่พวกเขาเข้ามากดขี่ข่มเหง”
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า ในสามศตวรรษของปรากฏการณ์ในการล่าอาณานิคมต่อประเทศที่อ่อนแอในเอเชีย แอฟริกาและละตินอเมริกา โดยพวกยุโรปและการต้องห้ามไม่ให้มีความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีในประเทศต่างๆ คือ ตัวอย่างที่ชัดเจนจากพฤติกรรมที่ชั่วร้ายของพวกยุโรป และท่านผู้นำยังตั้งข้อสังเกตว่า “ในกรณีอิหร่านก็เช่นกัน การทรยศและความชั่วร้ายของพวกยุโรปที่เริ่มต้นจากช่วงกลางของยุคสมัยในการปกครองของราชวงศ์กาญารที่พวกอังกฤษได้ทำการทรยศในสงครามอิหร่านและรัสเซีย ประเด็นพิเศษเกี่ยวกับยาสูบ การหลั่งเลือดของอะมีร กะบีร การเข้ามาของระบอบจอมเผด็จการของริซาข่าน การรัฐประหารวันที่ 28ของเดือนมูรดอด การล้มล้างรัฐบาลมุศ็อดดิก เหตุการณ์ต่างๆทางการเมืองและความมั่นคงหลังจากชัยชนะในการปฏิวัติอิสลาม สงครามในการป้องกันประเทศ การคว่ำบาตรและประเด็นข้อตกลงนิวเคลียร์ ทั้งหมดนี้คือ ตัวอย่างของพฤติกรรมของชาวยุโรปที่มีต่ออิหร่าน ซึ่งจะต้องไม่ลืมเลือนในประเด็นเหล่านี้เป็นอันขาด”
ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี กล่าวเสริมว่า “ในประเด็นข้อตกลงนิวเคลียร์เป็นข้อตกลงระหว่างอิหร่านกับ 6 ประเทศ หลังจากการถอนตัวออกของสหรัฐ พวกยุโรปจะต้องมีการยืนหยัดต่อต้านสหรัฐและปฏิบัติตามพันธสัญญาของพวกเขา อีกทั้งถอนมาตรการคว่ำบาตร ในขณะที่พวกเขาไม่ได้ยืนหยัดใดๆ โดยพวกเขากลับย้ำเตือนเสมอว่า อิหร่านจะต้องคงอยู่ในข้อตกลงอันนี้ แต่พวกเขากลับปฏิบัติการถอนตัวออกจากข้อตกลงดังกล่าว เพราะว่าพวกเขาได้กำหนดมาตราการคว่ำบาตรครั้งใหม่กับอิหร่าน”
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังได้ชี้ถึงประเด็นการสร้างช่องทางการเงินระหว่างอิหร่านและยุโรป โดยกล่าวว่า “ช่องทางการเงินนี้เป็นเหมือนกับการเล่นตลกที่ขมขื่นและไม่มีความหมายใดๆทั้งสิ้น”
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังเน้นว่า ระหว่างหน้าที่ต่างๆของพวกยุโรปที่มีข้อตกลงนิวเคลียร์กับสิ่งที่ได้กระทำนั้นมีความแตกต่างกันระหว่างชั้นฟ้าและแผ่นดิน โดยกล่าวย้ำว่า “ในประเด็นข้อตกลงนิวเคลียร์ พวกยุโรปก็ทิ่มแทงข้างหลังเช่นกัน”
ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี กล่าวเสริมว่า ด้วยกับการศึกษาและการสังเกตการณ์จะเห็นได้ว่าการเมืองและอำนาจในตะวันตก รวมถึงยุโรปและอเมริกานั้นมีความฉ้อฉล และมีความกดขี่ข่มเหง ไร้ตรรกะ ทั้งยังมีข้อเรียกร้องที่มากเกิน และเหล่านักการเมืองชาวตะวันตก ในทางตรงกันข้ามกับรูปลักษณ์ภายนอกที่สวยงามและพรมน้ำหอม แต่ในภายในนั้นเป็นมนุษย์ที่ดุร้ายป่าเถื่อนจริงๆ”
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า พฤติกรรมของพวกยุโรปในการก่ออาชญากรรมในการก่อการร้ายในนิวซีแลนด์และการเสียชีวิตหลายสิบคนของชาวมุสลิมในสองมัสยิด เป็นตัวอย่างในความป่าเถื่อนของพวกเขา โดยกล่าวว่า “เหล่านักการเมืองและสื่อต่างๆในยุโรปไม่ได้ใช้คำว่า "ผู้ก่อการร้าย" สำหรับการก่ออาชญากรรมนี้ แต่กับใช้เพียงคำว่า “กองกำลังติดอาวุธ” ในขณะที่ไม่ว่าสถานที่ใดในโลกที่เกิดการเคลื่อนไหวต่อต้านบุคคลที่ได้รับความสนใจจากพวกยุโรป ก็จะมีการโต้เถียงกันถึงกลุ่มที่อ้างในการต่อต้านการก่อการร้ายและการปกป้องสิทธิมนุษยชน”
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังเน้นว่า ระบอบการปกครองของซาอุดิอาระเบีย เป็นระบอบการปกครองที่เลวร้ายที่สุดในภูมิภาค ทรราช จอมเผด็จการ ผู้ฉ้อฉล ทุจริตและการต้องพึ่งพาผู้อื่น โดยระบุอีกว่า “พวกตะวันตกได้จัดเตรียมสิ่งอำนวยความสะดวกทางนิวเคลียร์และศูนย์การผลิตขีปนาวุธให้กับระบอบการปกครองเช่นนี้ เพราะว่าการปกครองของซาอุดิอาระเบียนั้นต้องพึ่งพาพวกเขา”
ในเวลาเดียวกัน ผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม กล่าวว่า “แน่นอนว่าเราจะไม่โกรธกับการสร้างโรงงานนิวเคลียร์และขีปนาวุธของรัฐบาลซาอุดิอาระเบีย เพราะว่าศูนย์เหล่านี้ก็จะตกอยู่ในกำมือของนักรบมูจาฮิดีนแห่งอิสลามในอนาคตอันใกล้นี้ ด้วยกับพระมหากรุณาธิคุณของพระผู้เป็นเจ้า”
ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ยังเน้นถึงความชั่วร้าย และความซุกซนตามธรรมชาติของยุโรปและอเมริกา โดยกล่าวว่า “แน่นอนว่าอเมริกานั้นชั่วร้ายยิ่งกว่ายุโรปเสียอีก แต่ความชั่วร้ายนี้ไม่ได้เฉพาะเจาะจงกับประธานาธิบดีคนปัจจุบันของสหรัฐอเมริกาเท่านั้น”
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม กล่าวเสริมว่า “ตัวอย่างหนึ่งของความชั่วร้ายของอเมริกาก็คือ สภาคองเกรสได้เสนอหรืออนุมัติ 226 ร่างกฎหมายและระเบียบข้อบังคับต่อสาธารณรัฐอิสลามในช่วงสองปีที่ผ่านมา ซึ่งแน่นอนว่าจะต้องมีการตรวจสอบจากรัฐสภาของเราเอง ซึ่งรัฐสภาได้กระทำการเสนอญัตติและร่างกฏหมายเพื่อต่อต้านความชั่วร้ายของอเมริกามาแล้วกี่ครั้งด้วยกันหรือ?
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม กล่าวถึงบางคนและสื่อต่างๆในประเทศที่มุ่งหาตะวันตกและปกปิดความชั่วร้ายของพวกตะวันตก โดยกล่าวว่า “บุคคลเหล่านี้และสื่อต่างๆนั้นไม่ต้องการให้สาธารณชนมีความเข้าใจในความชั่วร้ายของรัฐบาลแบบผิวเผิน เช่น อังกฤษและฝรั่งเศส แต่ในความเป็นจริง พวกเขานั้นคือ ตะกีซาเดห์คนใหม่ และเช่นเดียวกัน เหล่าพวกที่ปกป้องและให้การสนับสนุนต่อเอกสาร 2030 ในความเป็นจริง พวกเขาคือผู้ที่ดำเนินแนวคิดเช่นเดียวกับนายตะกีซาเดห์”
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม กล่าวว่า “แน่นอนที่สุดว่า ประชาชนในการปฏิวัติและเยาวชนผู้ศรัทธาทั้งหลายในวันนี้นั้น พวกเขาไม่ต้องการให้คำพูดของนายตะกีซาเดห์คนใหม่นั้นบรรลุผลอีกครั้งอย่างแน่นอน”
ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ยังได้ชี้ถึงประเด็นสำคัญ โดยกล่าวเสริมว่า บางคนอย่าเข้าใจผิดว่า ความหมายของคำพูดของข้าพเจ้าที่ว่า การตัดความสัมพันธ์กับประเทศชาติตะวันตกนั้น ข้าพเจ้าได้กล่าวเน้นย้ำมาหลายครั้งแล้วว่า การมีความสัมพันธ์ไม่ได้มีปัญหาใดๆและในรัฐบาลต่างๆก็มีการกระตุ้นให้มีความสัมพันธ์กับประเทศทั้งหลาย แม้แต่กับประเทศยุโรปเองก็ตาม แต่ปัญหาก็คือ การปฏิบัติตามและการไว้วางใจนั่นเอง”
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังตั้งข้อสังเกตว่า “โดยสาเหตุส่วนมากของปัญหาต่างๆของเรา ก็คือการเจรจา ข้อตกลง และการตัดสินใจทางการเมือง ก็คือ การที่จะต้องพึ่งพายังชาติตะวันตก”
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังเน้นถึงบรรดาเจ้าหน้าที่รัฐฯ โดยกล่าวว่า “พวกท่านจะต้องมีความสัมพันธ์กับประเทศทั้งหลาย และจะต้องรู้จักถึงฝ่ายตรงข้ามของตน เพื่อที่จะไม่ก้าวเดินผิดพลาด จะด้วยกับรอยยิ้มและการใช้แท็กติก อีกทั้งถ้อยคำที่โกหกหลอกลวง”
ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี กล่าวว่า “ แน่นอนว่า เจ้าหน้าที่รัฐบาลของเราในวันนี้ ได้มีข้อสรุปที่ว่าเรานั้นไม่สามารถขับเคลื่อนไปในทิศทางเดียวกับชาติตะวันตกได้ และเราหวังเป็นอย่างยิ่งว่าในอนาคต พฤติกรรมต่างๆของเจ้าหน้าที่เหล่านี้กับการปฏิบัติกับพวกตะวันตกนั้นจะมีความแตกต่างกัน อันเนื่องมาจากความเข้าใจครั้งใหม่นี้”
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังได้ชี้ให้เห็นถึงแนวโน้มที่เป็นปฏิปักษ์ทั้งสองประการที่เกี่ยวกับชาติตะวันตก โดยกล่าวเสริมว่า “แนวโน้มอันหนึ่งที่มีความคลั่งไคล้และมีอคติที่ไม่ถูกที่ถูกทาง โดยไม่มีมองถึงจุดบวกของชาติตะวันตกและความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีและบางคุณลักษณะที่ดีทางศีลธรรมของพวกเขา และแนวโน้มที่สอง คือการมีความเชื่อในการที่ต้องพึ่งพายังชาติตะวันตกและพวกตะวันตกนิยม”
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า ตะวันตกนิยมนั้นเป็นอันตรายที่ยิ่งใหญ่ โดยท่านได้ชี้ถึงแผนการที่อันตรายของพวกตะวันตกนิยม โดยท่านมัรฮูมญะลาล อาลิอะฮ์หมัด ในปี 1342 โดยเน้นว่า “จะต้องใช้ประสบการณ์และความรู้แบบตะวันตก แต่ก็จะต้องไม่พึ่งพาและมีการไว้วางใจต่อพวกเขาเป็นอันขาด”
ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ยังกล่าวในประเด็นที่สามโดยเริ่มต้นจากคำถามสำคัญที่ว่า หากว่าไม่สามารถไว้วางใจต่อชาติตะวันตกแล้วจะทำอย่างไรในการส่งเสริมการผลิตกันหรือ?
คำตอบของท่านในคำถามนี้ โดยสรุปว่า “การทำงานอย่างมุมานะและมีความรู้”นั้นคือคำตอบ
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังตั้งข้อสังเกตว่า “ด้วยกับความเกียจคร้านและการขาดแรงจูงใจ ปัญหาเศรษฐกิจก็จะไม่ได้รับการแก้ไข ซึ่งคุณลักษณะการงานในรูปแบบญิฮาดี หมายถึง ความพยายามที่ไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยและความบริสุทธิ์ใจในการทำงานด้วยกับความรู้และตรงตามมาตรฐานทางวิทยาศาสตร์ที่แม่นยำ เพื่อให้ที่จะมีการบริหารด้วยความรู้ที่มีประสิทธิภาพและแบบญิฮาดีในปัญหาเศรษฐกิจ การตัดสินใจและการกระทำ ถ้าหากว่าเป็นเช่นนี้ แน่นอนว่า เศรษฐกิจของอิหร่านจะพบกับเจริญรุ่งเรืองอย่างแน่นอน”
ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ถือว่า การปฏิบัติงานของบางหน่วยงาน เช่น การเกษตร น้ำ ดินและโครงสร้างพื้นฐานนั้นดีทีเดียว แต่ท่านยังกล่าวเสริมว่า “ในบางพื้นที่มีช่องโหว่และการงานต่างๆที่ล่าช้าในแบบการผัดวันประกันพรุ่ง ยกตัวอย่างเช่น กี่ปีมาแล้วที่ญัตติของรัฐบาลในการปฏิรูปกิจการธนาคารนั้นยังไม่เข้าสู่การพิจารณาในรัฐสภาเลย”
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ได้เชิญชวนภาคส่วนต่างๆให้มีการทำงานที่เหมาะสมและย้ำเตือนต่อส่วนที่ล่าช้าถือว่าเป็นความจำเป็นอย่างยิ่ง และท่านผู้นำยังตั้งข้อสังเกตว่า “ข้าพเจ้าก่อนที่จะกล่าวประเด็นใดก็ตามในที่สาธารณชนได้กล่าวเตือนเจ้าหน้าที่ทั้งหลายมาหลายครั้งแล้วเกี่ยวกับกรณีเหล่านั้น”
ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ยังได้ชี้ถึงการดำเนินการที่ดีอย่างมากของประชาชนและผู้ผลิตในการตระหนักถึงคำขวัญ เมื่อปีที่ผ่านมา หมายถึง การสนับสนุนสินค้าอิหร่าน โดยกล่าวว่า “แต่ทว่า คำขวัญอันนี้นั้นยังไม่บรรลุผลอย่างสมบูรณ์และจะยังคงอยู่ต่อไป แต่ทว่าปัญหาหลักของปีนี้ก็คือ การส่งเสริมการผลิต”
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า การส่งเสริมการผลิต เป็นเหตุให้เกิดความเปลี่ยนแปลงในภาคส่วนต่างๆของเศรษฐกิจ การลดอัตราในการว่างงาน เงินเฟ้อและความยากจน การเพิ่มค่าสกุลเงินแห่งชาติ แม้ว่า การสร้างความสมดุลให้กับการขาดดุลย์ของงบประมาณของประเทศ โดยเน้นว่า “รัฐบาล รัฐสภา และผู้ใดก็ตามที่มีความสามารถในการเข้าสู่กระบวนการผลิต ซึ่งจะต้องตอบสนองในคำขวัญของปีนี้โดยที่มีหน้าที่ๆหนักหน่วงยิ่ง”
ท่านผู้นำของสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม อธิบายถึงความพยายามของนักกิจกรรมทางเศรษฐกิจในการส่งเสริมการผลิตภายในประเทศว่าจะได้รับรางวัลอันสูงส่งจากพระเจ้า โดยกล่าวเสริมว่า “หน่วยงานต่างๆที่รับผิดชอบจะต้องช่วยเหลือต่อผู้ผลิต นักลงทุนและนักเศรษฐศาสตร์ที่มีความใสสะอาดปราศจากมุมมองต่างๆรวมถึงการปฏิรูปในกฎระเบียบและข้อบังคับต่างๆในการทำธุรกรรม”
ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ถือว่า การเผชิญหน้ากับผู้ใช้ประโยชน์แบบผิด คือหนึ่งในความจำเป็นในการส่งเสริมการผลิต โดยกล่าวเสริมว่า “ช่างน่าเสียใจยิ่งนัก ความคิดริเริ่มของชาวอิหร่าน ในเวลาที่มีการกระทำที่เป็นอันตรายก็จะใช้วิธีการที่แปลกประหลาด ซึ่งอำนาจในการบริหารและกฏหมาย อีกทั้งหน่วยงานต่างๆก็จะต้องมีความระมัดระวังและคอยสังเกตุการณ์ในประเด็นนี้ด้วย”
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า การจัดซื้อโรงงาน การขายเครื่องจักร การไล่คนงานออกและการเปลี่ยนโรงงานเป็นหอคอย และเช่นเดียวกัน ความเข้าใจผิดในนโยบายที่ผิดพลาดของการพัฒนาในธนาคารและทางการเงิน ด้วยการได้รับมาซึ่งความร่ำรวยที่ผิดไปจากศาสนบัญญัติจากเงินของประชาชน คือ ตัวอย่างของการใช้ประโยชน์ที่ไม่ถูกต้อง และจะต้องมีการต่อสู้กันอย่างสมบูรณ์”
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า การผลิต นั้นรวมถึงอุตสาหกรรมขนาดใหญ่และขนาดเล็ก การเกษตร ปศุสัตว์และอุตสาหกรรมภายในครัวเรือน โดยกล่าวเสริมว่า “ในกระบวนการนี้ บริษัทฐานองค์ความรู้ จะต้องได้รับความสนใจอย่างเต็มที่”
ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ถือว่า การป้องกันในการนำเข้าที่ไม่ได้มีการวางแบบแผน คือ สิ่งจำเป็นในการส่งเสริมการผลิตและเศรษฐกิจต้านทาน โดยกล่าวเสริมว่า “แน่นอนว่าเจ้าหน้าที่ได้พูดถึงเศรษฐกิจต้านทาน ขณะที่สินค้าจากต่างประเทศนั้นกับเต็มตลาดไปหมดซึ่งเป็นเหตุให้การผลิตในประเทศต้องเกิดความอ่อนแอ”
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ได้เรียกร้องให้ทุกหน่วยงานและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ความสำคัญกับการส่งเสริมการผลิต และกล่าวว่า “จะต้องมีการส่งเสริมการผลิตในประเทศในปีนี้”
ส่วนสุดท้ายของการปราศรัยของท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลามในการรวมตัวของบรรดาผู้แสวงบุญและผู้ที่อยู่ละแวกใกล้เคียงฮะรัมอิมามริฎอ ท่านผู้นำได้ชี้ถึงประเด็นที่เกี่ยวกับประชาชน โดยเฉพาะกับบรรดาเยาวชนทั้งหลาย
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ได้แสดงถึงความพึงพอใจในคำตอบเชิงบวกของบรรดานักอัจฉริยบุคคล เยาวชน นักศึกษา นักการศาสนาและนักเรียนศาสนา เกี่ยวกับคำแถลงก้าวที่สอง (ที่ได้เปิดเผยเมื่อช่วงปลายเดือนบะห์มันที่ผ่านมา)โดยกล่าวเสริมว่า “ประเด็นนี้แสดงให้เห็นถึงความพยายามของเยาวชนทั้งหลายในการบรรลุคำแถลงนี้และเจ้าหน้าที่ทั้งหลายก็จะใช้ประโยชน์ขีดความสามารถนี้”
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ได้เน้นว่า “ในก้าวหน้าที่สองแห่งการปฏิวัติ บรรดาเยาวชนจะต้องแบกภาระหน้าที่ๆหนักและเล็ก เช่นเดียวกันกับก้าวแรกด้วยการชี้นำของท่านอิมามโคมัยนีที่ทำให้เยาวชนทั้งหลายได้มีการขับเคลื่อนประเทศให้ก้าวหน้า”
ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ยังตั้งข้อสังเกตว่า “เยาวชนทั้งหลายของประเทศ เมื่อในวันหนึ่งได้จ่ายค่าใช้จ่ายในการต่อสู้กับระบอบทรราช เพื่อที่จะทำให้การปฏิวัติอิสลามนั้นได้รับชัยชนะ และระบอบทรราชนั้นได้ถูกทำลาย ในช่วงสงครามของการป้องกันอันศักดิ์สิทธิ์ก็เช่นกัน ครอบครัวทั้งหลาย และบรรดาเยาวชนต่างก็ยอมรับในการจ่ายค่าใช้จ่ายในการป้องกันประเทศ เพื่อที่จะให้คนรุ่นปัจจุบันในวันนี้ได้ใช้ประโยชน์จากผลผลิตในวันนั้น กล่าวคือ ความมั่นคง และในวันนี้ ก็ถึงคิวของเยาวชนทั้งหลายของแผ่นดิน ที่จะต้องจ่ายค่าใช้จ่ายในการยืนหยัดต่อสู้กับศัตรูเพื่อที่จะให้ชนรุ่นหลังได้ใช้ประโยชน์จากผลผลิตอันรุ่งโรจน์จากการยืนหยัดนี้”
ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ถือว่า จิตวิญญาณและสาระสำคัญของคำแถลงก้าวที่สอง ในอีกด้านหนึ่งคือ การตระหนักถึงข้อดีและการใช้ประโยชน์จากลักษณะพิเศษและขีดความสามารถที่มากมายของประเทศ ในอีกด้านหนึ่ง การรู้จักและการต่อสู้อย่างจริงจังในผลเสียและวิธีการแทรกซึมของศัตรู โดยกล่าวเสริมว่า “บรรดาเยาวชนทั้งหลายจะต้องรู้จักทั้งสองด้าน เพื่อที่จะช่วยในการแก้ไขปัญหาต่างๆได้”
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังได้ชี้ถึงข้อสรุปของพวกตะวันตกเกี่ยวกับความเป็นไปไม่ได้ในการต่อสู้กับเจตจำนงแห่งชาติของประชาชนชาวอิหร่าน โดยกล่าวเสริมว่า “การรู้จักนี้เป็นการทำให้ศัตรูที่จ้องทำลายเจตจำนงของประชาชาติโดยที่ว่ามีการใช้จ่ายเงินหลายพันล้านดอลลาร์เพื่อเข้าแทรกซึมในความเชื่อทางการเมืองและศาสนาของเยาวชนชาวอิหร่านและแรงจูงใจในการขับเคลื่อน อีกทั้งความพยายามที่จะทำให้พวกเขาพบกับความอ่อนแอ”
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม กล่าวเสริมว่า “เหล่าศัตรูของอิหร่านและประชาชาติอิหร่านนั้นต้องการไม่ให้เกิดการก่อตัวของเจตจำนงของประชาชาติในความก้าวหน้าของอิหร่านแห่งอิสลาม และการสร้างสังคมของอิสลามและอารยธรรมอิสลาม แต่ด้วยกับพระมหากรุณาธิคุณของพระเจ้าจะไม่บังเกิดเป็นอันขาด”
ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ถือว่า การกำหนดให้มีความจำเป็นในการละทิ้งศาสนาเพื่อความก้าวหน้า คือ แผนการในการสมคบคิดของเหล่าชาติมหาอำนาจ โดยกล่าวเสริมว่า “แม้ว่าจะมีความพยายามเหล่านี้ ในวันนี้อุตสาหกรรมของอิหร่านที่ดีที่สุดและก้าวหน้าที่สุด ก็คือ ขีปนาวุธนิวเคลียร์และเทคโนโลยีทางชีวภาพ โดยส่วนมากนั้นเกิดขึ้นมาจากความพยายามของเยาวชน ผู้ศรัทธาและผู้ที่เคร่งครัดต่อศาสนาทั้งสิ้น”
ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ได้กล่าวย้ำเตือนโดยเน้นถึงบรรดาเยาวชนว่าจะต้องมีเอกภาพและออกห่างจากปัญหาปลีกย่อยและการสร้างความแตกแยกและการปิดกั้นเขตพรมแดนกับศัตรูด้วยกับเป็นการปิดกั้นเขตแดนระหว่างกองกำลังภายใน โดยกล่าวเสริมว่า “เยาวชนทั้งหลาย ดังที่ท่านอิมามเคยกล่าวว่า ไม่ว่าจะมีคำตะโกนใดก็ตามนั้นล้วนมาจากตัวบ่งการ คือ อเมริกาทั้งสิ้น และจะต้องการเพิ่มความพยายามในสนามทางความรู้ ความคิด การเข้าใจและการเมือง อีกทั้งในการกระทำอีกด้วย”
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ได้เชิญชวนให้ทั้งสามสภาได้มีการช่วยเหลือต่อเยาวชนในกระบวนการพัฒนาของประเทศ โดยเน้นว่า “ด้วยกับพระมหากรุณาธิคุณของพระเจ้า วันพรุ่งนี้ของอิหร่านนั้นจะดีมากยิ่งขึ้นกว่าในวันนี้อย่างแน่นอน”
ในระหว่างพิธีการปราศรัย ฮุจญตุลอิสลาม วัลมุสลิมีน ระอีซีย์ ผู้ดูแลกิจการของฮะรัมท่านอิมามริฎอ ได้กล่าวรายงานถึงการเข้าร่วมของบรรดาผู้แสวงบุญมากกว่าหนึ่งล้านคน การเพิ่มจำนวนหลายเท่าของการบนบานและการกุศล การใช้ประโยชน์จากขีดความสามารถที่พิเศษของเยาวชน ผู้ศรัทธาและนักการปฏิวัติ การจัดเชิงปฏิบัติการที่ประชาชนนั้นมีความต้องการในภาคส่วนของสุขภาพและการรักษาเยียวยา การหลีกเลี่ยงจากมุมมองทางการค้าอย่างเดียวในแบบแผนต่างๆทางเศรษฐกิจ การเข้าถึงกลุ่มชนผู้ด้อยโอกาสโดยเน้นถึงความสามารถของพวกเขา การใช้ประโยชน์จากบรรยากาศที่เกี่ยวกับฮะรัมในการก่อตั้งศูนย์วัฒนธรรม การอบรมสั่งสอนที่เกี่ยวกับเยาวชนทั้งหลาย ทั้งหมดนี้คือ ประเด็นที่สำคัญในวิสัยทัศน์และกิจกรรมต่างๆของฮะรัมอันศักดิ์สิทธิ์ในช่วงสามปีที่ผ่านมา
ผู้ดูแลกิจการฮะรัมอันศักดิ์สิทธิ์ของอิมามริฎอ กล่าวว่า “หนึ่งในหน้าที่ๆสำคัญที่สุดของทุกหน่วยงานก็คือ การวางแบบแผนและการมีกลไกในการเพิ่มทุนทางสังคมและความเชื่อมั่นของประชาชนต่อรัฐ ด้วยเหตุนี้ ในวันนี้ จะเริ่มใช้ระบบความโปร่งใสของฮะรัมอิมามริฎอ เพื่อที่จะให้ประชาชนได้รับรู้ถึงข้อมูลของบริษัททางเศรษฐกิจทั้งหลายของฮะรัมแห่งนี้อย่างโปร่งใสนั่นเอง"