สำนักผู้นำสูงสุดซัยยิด อาลี คาเมเนอี

ครอบครัวบรรดาชะฮีดเข้าพบท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม

หากพวกท่านต้องการเห็นภาพลักษณ์ที่แท้จริงของสหรัฐจงมองประธานาธิบดี

ครอบครัวของบรรดาชะฮีดจากสงครามการป้องกันอันศักดิ์สิทธิ์ การป้องกันฮะรัมศักดิ์สิทธิ์และการป้องกันเขตพรมแดนต่างๆและความมั่นคง เข้าพบท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม อยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี โดยท่านผู้นำถือว่า การสร้างจิตวิญญาณแห่งความกล้าหาญและการเป็นชะฮีดในหมู่เยาวชนรุ่นใหม่ของการปฏิวัติอิสลาม คือ ปาฏิหาริย์แห่งการปฏิวัติและท่านได้ยังเชิญชวนประชาชน เหล่าเยาวชนทั้งหลาย และบรรดาเจ้าหน้าที่ทั้งหลายให้มีการตื่นตัวและความฉลาดหลักแหลมในการเผชิญหน้ากับแผนการร้ายต่างๆของฝ่ายชาติมหาอำนาจ โดยมีสหรัฐอเมริกาเป็นแกนหลัก โดยกล่าวว่า “ทั้งหมดทุกคนจะต้องมีความพยายามอย่างเพิ่มมากขึ้นในการเสริมสร้างความเข้มแข็งทางเศรษฐกิจของประเทศและการผลิตในประเทศ ซึ่งเจ้าหน้าที่ทั้งหลายนั้น จะต้องมีความระมัดระวังในการไม่ถูกหลอกลวงแบบผิวเผินและการพูดจาที่โกหกหลอกลวงของศัตรู และศัตรูที่ชั่วร้าย เมื่อได้ออกไปจากประตูแล้วก็จะไม่ต้องย้อนกลับเข้ามาทางหน้าต่างได้อีก”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังได้ชี้ถึงถ้อยคำของท่านอิมาม ผู้ทรงเกียรติที่กล่าวไว้ว่า “ประชาชาติที่มีความเป็นชะฮีด จะไม่มีวันยอมรับในการเป็นเชลยอย่างเด็ดขาด”   และท่านผู้นำสูงสุด ยังได้เน้นว่า “ประชาชาติที่ยอมรับถึงอันตรายในแนวทางแห่งพระผู้เป็นเจ้าและความเป็นชะฮีดในแนวทางของพระองค์ นั้นคือ ความผาสุกและความสำเร็จหนึ่ง  ในขณะที่ไม่มีอำนาจใดที่จะยืนหยัดต้านทานได้และประชาชาตินั้นเป็นประชาชาติที่ประสบความสำเร็จอยู่เสมอและจะมีความก้าวหน้าอย่างต่อไป”

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ถือว่า ประชาชาติอิหร่าน คือ ตัวอย่างที่เด่นชัดของแนวคิดนี้ โดยท่านกล่าวเสริมว่า “ขณะที่ประชาชาติอิหร่านได้ก้าวผ่านและยืนหยัดในช่วง 40 ปีในวิถีทางที่เต็มไปด้วยอันตรายและความยากลำบากอย่างมากในเผชิญหน้ากับเหล่าชาติมหาอำนาจ ผู้ฉ้อฉล และพวกเขาก็ไม่สามารถจะทำความผิดพลาดใดๆทั้งสิ้น เนื่องด้วยเหตุผลที่เรานั้นมีความเชื่อในการเป็นชะฮีด ซึ่งถือว่าเป็นความภาคภูมิใจของพวกเรา”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า ความต่อเนื่องในแนวคิดนี้และยังทำให้บรรดาเยาวชนในการปฏิวัติได้มีจิตวิญญาณเช่นนี้ แสดงถึงสัญลักษณ์ของความเติบโตหลายเท่าของการปฏิวัติต่อการเผชิญหน้ากับความล้มเหลวต่างๆ  โดยท่านได้ตั้งข้อสังเกตว่า “ในวันนี้  เยาวชนแห่งการปฏิวัติที่มีศรัทธาก็คือเยาวชนในช่วงแรกของการปฏิวัติที่มีจิตวิญญาณในการเป็นชะฮีด ดั่งเช่น  ชะฮีดฮิมมัต และชะฮีดคัรรอซี รวมทั้งบรรดาชะฮีดทั้งหลายที่เข้าร่วมในสมรภูมิแห่งการต่อสู้ โดยที่มีความรู้สึกรับผิดชอบและความกล้าหาญดั่งเป็นเสาหลักของการปฏิวัติในการเผชิญหน้ากับเหล่าศัตรู ด้วยกับการยอมรับในการเป็นชะฮีด ซึ่งถือว่าเป็นปาฏิหาริย์ของสาธารณรัฐอิสลามที่สามารถปลูกฝังจิตวิญญาณเช่นนี้ให้ดำรงอยู่ต่อเนื่องได้”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลามยังได้เน้นว่า หากมาตรว่าไม่มีการเป็นชะฮีดเหล่านี้ และความกล้าหาญของพวกเขา รวมทั้งความอดทนของครอบครัวบรรดาชะฮีด แน่นอนว่า เหล่ามหาอำนาจจอมอหังการและสหรัฐ ผู้เป็นอาชญากร ก็จะเข้ามายึดครองประเทศเหมือนดั่งในช่วงของการปกครองของจอมเผด็จการ และท่านผู้นำยังกล่าวว่า “ประชาชาติอิหร่านนั้นรู้จักถึงบุญคุณของบรรดาชะฮีดและครอบครัวของพวกเขา ซึ่งตัวอย่างที่เด่นชัด คือ เราได้เห็นจากการเข้าร่วมของประชาชนทั้งหลายในการตัชยีอ์ (พิธีการฝังศพ) ของบรรดาชะฮีดในการปกป้องฮะรัมศักดิ์สิทธิ์และการป้องกันทางความมั่นคงและเขตพรมแดน”

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ตั้งได้ข้อสังเกตว่า “ตรงกันข้ามกับการวิเคราะห์ที่ไม่เกี่ยวข้องของบางคนที่มีความคิดที่ผิดพลาดและเชื่อมโยงกับตะวันตก ในขณะที่สาธารณรัฐอิสลามได้มีพลังและมีความสามารถ ซึ่งพลังอันนี้เกิดขึ้นจากจิตวิญญาณ ความคิด ความพยายามของมนุษย์ที่เสียสละและความศรัทธาของบรรดาเยาวชนและครอบครัวของบรรดาชะฮีด”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังได้เน้นถึงเหล่าศัตรูของสาธารณรัฐอิสลามแห่งอิหร่านที่กำลังตกอยู่ในความชั่วร้ายทางศีลธรรมและการเมือง โดยกล่าวเสริมว่า “หากว่า พวกท่านต้องการเห็นภาพลักษณ์ที่แท้จริงของสหรัฐ ก็จงมองยังประธานาธิบดีและรัฐบาลชุดปัจจุบันของสหรัฐ เพราะว่า ภาพลักษณ์ที่เลวร้ายและน่ารังเกียจนั้นอยู่กับรัฐบาลสหรัฐอย่างเสมอมา และบัดนี้ได้เห็นอย่างชัดแจ้งและเปิดเผยแล้ว”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังได้ชี้ถึงการยืนหยัดของประชาชาติอิหร่านในการเผชิญหน้ากับศัตรูลักษณะเช่นนี้ โดยเน้นว่า “พวกสหรัฐฯในช่วงหลายปีที่ผ่านมานั้นต้องการให้อิหร่านเหมือนกับยุคในช่วงก่อนการปฏิวัติและเหมือนกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในบางประเทศที่อ่อนแอในภูมิภาค พวกเขาถูกเรียกว่า เป็นดั่งวัวที่ให้นม โดยพวกเหล่านั้นต้องการให้อิหร่านเป็นเช่นนั้น แต่พวกเขาก็จะไม่บรรลุยังเป้าหมายและแน่นอนหลังจากนี้ก็จะไปไม่ถึงอย่างแน่นอน”

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ยังได้ชี้ถึงถ้อยคำของท่านอิมาม ผู้ทรงเกียรติที่กล่าวว่า สหรัฐฯ คือ ซาตานตัวใหญ่ โดยกล่าวเสริมว่า “ท่านอิมามได้ตั้งชื่อนี้ เพื่อที่จะให้บรรดาผู้ที่มีศรัทธาในเอกภาพและประชาชาติต่างๆที่มีความยุติธรรมของโลกพร้อมที่จะเผชิญหน้ากับสหรัฐ ซึ่งได้ใช้ประโยชน์อย่างมากมายในแนวทางนี้ และก็จะเพิ่มมากขึ้น แต่ศัตรูต่างพยายามที่จะทำให้ประชาชาติอิหร่านต้องถอยหลังออกจากความก้าวหน้าและการยืนหยัดในการเผชิญหน้ากับมหาอำนาจทั้งหลาย”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังได้ชี้ถึงการเคลื่อนไหวและการปฏิบัติการณ์ในสองปีที่ผ่านมาของพวกสหรัฐ โดยเฉพาะในการกำหนดมาตรการคว่ำบาตรในทุกๆด้านและการช่วยเหลือต่อเหล่าศัตรูของอิหร่าน โดยถือว่าแผนการร้ายของพวกเขานั้นถูกเปิดเผยออกมา และท่านผู้นำยังได้เน้นว่า  “เป้าหมายของพวกเขาคือ การสร้างความแตกแยกและการทำสงครามกันในกลุ่มต่างๆด้วยกับการคว่ำบาตรและการปฏิบัติการณ์ที่ต่อต้านทางความมั่นคง อีกทั้ง

เรียกร้องให้ประชาชนต้องออกมาตามท้องถนน พวกเขาเรียกมันว่า เป็นฤดูร้อนที่เดือดดาล แต่ด้วยกับความมืดบอดของเหล่าศัตรู ฤดูร้อนปีนี้ได้กลายเป็นฤดูร้อนที่ดีที่สุดของปี”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังได้ชี้เช่นกันถึงการแสดงความเห็นของเจ้าหน้าที่ระดับสูงของสหรัฐที่อ้างว่า สาธารณรัฐอิสลามนั้นจะไปไม่ถึงสี่สิบปี โดยกล่าวว่า “ประชาชาติอิหร่านได้ยืนหยัดด้วยกับความมั่นคงและเตาฟีกแห่งพระเจ้า ในวันที่ 22บะฮ์มัน จะครบรอบในสี่สิบปีแห่งการปฏิวัติอิสลาม จะถือว่าเป็นการเฉลิมฉลองที่มีความยิ่งใหญ่มากกว่าในหลายปีที่ผ่านมาทีเดียว”

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ยังได้ชี้ถึงการตื่นตัวของประชาชาติอิหร่าน โดยให้ประชาชนต้องมีความพยายามให้มากยิ่งขึ้น และกล่าวเสริมว่า “แม้ว่า แผนการร้ายของศัตรูจะถูกเปิดเผยแล้วก็ตาม แต่ทุกคนก็จะต้องมีความฉลาดหลักแหลม เพราะว่า อเมริกา คือ ศัตรูที่ชั่วร้ายและหลอกลวง และเป็นไปได้ว่า พวกเหล่านั้นตัดสินใจที่จะหลอกลวงจนกระทั่งปี 97และจะสร้างความวุ่นวายอีกในปี 98โดยมีการวางแผนการร้ายเป็นต้น”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า รัฐเถื่อนไซออนิสต์และเหล่าพวกหล้าหลังของภูมิภาคนั้น เป็นภาคีหุ้นส่วนของอเมริกาในการสร้างแผนการร้ายและความเป็นปฏิปักษ์กับประชาชาติอิหร่าน และท่านได้เน้นว่า “แต่ทว่าเรานั้นมีความเข้มแข็งที่มากกว่าพวกเขา เพราะว่า ในขณะนี้ พวกเขาก็ยังไม่อาจที่จะทำความผิดพลาดอะไรกับสาธารณรัฐอิสลามได้และหลังจากนี้ก็ไม่สามารถที่จะกระทำอะไรได้”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ได้เน้นว่า อย่าได้เพิกเฉยเป็นอันขาดและทุกคนจะต้องตื่นตัวและมีความฉลาดหลักแหลม และคำเตือนของข้าพเจ้าที่มีต่อประชาชาติอิหร่าน โดยเฉพาะบรรดาเยาวชนและกลุ่มชนต่างๆ รวมทั้งขบวนในการขับเคลื่อนทางการเมืองที่จะต้องระวังไม่ให้เปิดสนามให้กับศัตรู เพราะว่า ถ้าหากเราเพิกเฉยก็จะทำให้ศัตรูที่อ่อนแอนั้นจะเทยาพิษใส่เราได้”

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี กล่าวเสริมว่า “ในวันนี้ หน้าที่ๆสำคัญที่สุดของประชาชนและเจ้าหน้าที่ทั้งหลาย คือ ความพยายามเพื่อสร้างความแข็งแกร่งทางเศรษฐกิจของประเทศและการผลิตภายในประเทศ”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังกล่าวเตือนโดยเน้นให้เจ้าหน้าที่ทั้งหลายต้องเพิ่มความพยายามและจะต้องไม่หลงในกลลวงและการเล่นลิ้นของศัตรูโดยกล่าวเสริมว่า “ศัตรูจะใช้กลยุทธ์ต่างๆมากมาย ซึ่งเจ้าหน้าที่ก็จะต้องระมัดระวัง เมื่อศัตรูที่ชั่วร้ายที่ออกไปจากประตูก็จะไม่เข้ากลับมาทางหน้าต่างได้อีก”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังได้ชี้โดยเน้นถึงเจ้าหน้าที่ทั้งหลายในประเด็นปัญหาเศรษฐกิจและการแก้ไขปัญหาต่างๆของประชาชนโดยกล่าวเสริมว่า หากว่าเจ้าหน้าที่รัฐฯมีความจริงจังในประเด็นการสร้างความแข็งแกร่งในการผลิตภายในประเทศ ก็จะทำให้ปัญหาต่างๆทางเศรษฐกิจของประชาชนนั้นลดน้อยลง”

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ยังได้ชี้ในส่วนหนึ่งของการปราศรัยของท่านถึงการเป็นมิตรของอาลิซาอูดกับเหล่าศัตรูของอิสลามและอาชญากรรมของพวกเขาในเยเมน โดยถือว่า อเมริกา คือผู้ ที่มีส่วนร่วมในการก่ออาชญากรรมครั้งนี้ และท่านผู้นำยังได้ตั้งข้อสังเกตว่า พวกซาอุดี้ต่างคิดว่า พวกเขาสามารถที่จะยึดครองเยเมนในเวลาเพียงไม่กี่วันหรือไม่กี่สัปดาห์ แต่ทว่าในขณะนี้ได้ผ่านมาถึงสี่ปีแล้ว ก็ยังไม่สามารถที่จะกระทำอะไรได้ ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปมากเพียงไร ความเสียหายที่จะเกิดขึ้นกับพวกเขาก็จะยากยิ่งขึ้น”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัตอิสลาม ถือว่า นโยบายของอาลิซาอูดในเยเมนและบาห์เรน คือ  นโยบายที่โง่เขลา และท่านยังเน้นอีกว่า “ผู้รับใช้ฮะรอมอันศักดิ์สิทธิ์จะต้องมีความแข็งกร้าวกับพวกปฏิเสธ ไม่ใช่แข็งกร้าวกับบรรดาผู้ศรัทธา และในการเผชิญหน้ากับประชาชนชาวเยเมนและบาห์เรน”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังเน้นถึงประชาชาติอิหร่านนั้นจะต้องมีความบะซีรัต (ความรู้แจ้งเห็นจริง) อย่างสมบูรณ์ มีการสังเกตุการณ์ในสถานการณ์ต่างๆและมีความมั่นคงต่อจุดยืนของตน โดยท่านกล่าวเสริมว่า “ในวันนี้ในโลกแห่งพายุที่กำลังเกิดขึ้นในยุโรปและในฝรั่งเศสเช่นกัน แต่ประชาชาติอิหร่านด้วยกับความเป็นบะรอกัตของอิสลาและนาวาที่ปลอดภัยในความรักต่ออะฮ์ลุลบัยต์ (อ) และการมีชัยชนะก็จะประสบแด่ประชาชาตินี้”

 

 

 

 

 

 

 

700 /