สำนักผู้นำสูงสุดซัยยิด อาลี คาเมเนอี

ประชาชนหลายพันคนเข้าพบท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม

สงครามจะไม่เกิดขึ้นและเราจะไม่เข้าร่วมเจรจากับสหรัฐเป็นอันขาด

เมื่อช่วงเช้าของวันจันทร์ที่ผ่านมา ประชาชนหลายพันคนในภาคส่วนต่างๆจากจังหวัดต่างๆเข้าพบท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม อยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี โดยท่านผู้นำได้กล่าวถ้อยคำประเด็นที่สำคัญเกี่ยวกับปัญหาทางเศรษฐกิจและการดำรงชีพ ความชั่วร้ายของสหรัฐฯและข้อเสนอแนะในการเจรจา อีกเช่นกัน ความจำเป็นในเอกภาพระหว่างประชาชนกับบรรดาเจ้าหน้าที่รัฐ ซึ่งท่านผู้นำได้ตั้งข้อสังเกตว่า “ปัญหาทางเศรษฐกิจและวิธีการในการแก้ไขนั้นเป็นที่ชัดเจนและจะไม่มีทางตันเกิดขึ้นในประเทศอย่างแน่นอน และบรรดาเจ้าหน้าที่ทั้งสามสภาก็จะต้องเพียรพยายามด้วยกับการทำงานร่วมกันและการใช้ประโยชน์จากทัศนคติของผู้เชี่ยวชาญที่จะทำให้ปัญหาต่างๆและความกดดันผ่อนคลายลงจากบ่าของประชาชน”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังเน้นถึงประเด็นของการเจรจากับสหรัฐ โดยกล่าวว่า “เราจะไม่มีการเจรจากับสหรัฐเป็นอันขาด ด้วยกับเหตุผลที่ชัดเจนและเชิงละเอียดที่ได้รับมาจากประสบการณ์ที่ผ่านมา และผลกระทบที่จะเกิดขึ้นมากมายในการเจรจากับเผด็จการจอมฉ้อฉล

แต่เราจะก้าวผ่านขั้นตอนนี้ไปด้วยกับเอกภาพและความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันของประชาชนกับเจ้าหน้าที่ทั้งหลายที่จะก้าวผ่านขั้นตอนนี้ไปอย่างดี”

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ยังได้ชี้ถึง ปัญหาทางเศรษฐกิจและค่าครองชีพของประเทศ รวมถึงข้าวของแพงที่มีมากเพิ่มขึ้นล่าสุด ซึ่งส่วนหนึ่งของประชาชนนั้นต้องประสบกับความกดดันอย่างรุนแรง โดยท่านกล่าวว่า “ส่วนมากของผู้เชี่ยวชาญทางเศรษฐกิจและบรรดาเจ้าหน้าที่รัฐฯต่างเชื่อว่า ปัจจัยของปัญหาเหล่านี้ ไม่ใช่เฉพาะกับเรื่องของการคว่ำบาตร แต่ทว่าปัญหาเหล่านี้ล้วนเกิดจากปัจจัยภายในทั้งสิ้น ทั้งวิธีการในบริหารจัดการ”

ท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลาม ยังเน้นว่า “ข้าพเจ้าไม่ได้กล่าวว่า การคว่ำบาตรนั้นไม่มีผลใดๆ แต่ปัญหาหลักของเศรษฐกิจล่าสุดนั้นเกิดขึ้นมาจากการทำงานภายในทั้งสิ้น หากว่ามีการดำเนินการที่ดีกว่า การบริหารจัดการที่ดีกว่า การตรงต่อเวลาที่มากกว่า และมีความเข้มแข็งที่มากกว่า แน่นอนว่าการคว่ำบาตรก็จะไม่ส่งผลใดๆ และเราก็สามารถที่จะยืนหยัดต่อการเผชิญหน้ากับมันได้”

ท่านผู้นำสูงสุด ยังชี้ถึงการปรับปรุงครั้งล่าสุดของตลาดทางสกุลเงิน และทองคำ รวมทั้งการลดค่าเงินของประเทศ โดยกล่าวเสริมว่า “ในประเด็นที่เกี่ยวกับสกุลเงินและทองคำ มีการกล่าวกันว่า ค่าเงินถึง 18 พันล้านล้าน ดอลลาร์ของสกุลเงินในประเทศ แต่ในการจัดเตรียมสกุลเงินกลับต้องพบปัญหา เพราะว่ามาจากการไร้ซึ่งการบริหารที่ดีจึงทำให้เกิดผลกระทบได้ และยังมีการแบ่งจ่ายให้กลุ่มคนจำนวนหนึ่ง อีกทั้งยังมีการฉวยโอกาสในการบริหารจัดการ ซึ่งกรณีทั้งหมดล้วนเกิดมาจากการบริหารจัดการทั้งสิ้น โดยที่ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับมาตรการคว่ำบาตรเลย”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังได้ตั้งข้อสังเกตอีกว่า “ในขณะที่มีการจัดแบ่งสรรอัตราสกุลเงินและทองคำจึงเกิดความผิดพลาดขึ้น จนเป็นเหตุทำให้เกิดปัญหาตามขึ้นมาในขณะนี้ เพราะว่าในประเด็นนี้มีอยู่สองฝ่ายด้วยกัน ฝ่ายหนึ่ง คือ ฝ่ายของผู้ขาย อีกฝ่ายหนึ่ง ฝ่ายของผู้รับซื้อ แต่ทั้งหมดส่วนมากนั้นกลับเล็งความสนใจต่อฝ่ายของผู้ขาย ในขณะที่ ผู้ที่ต้องรับผิดชอบ ก็คือ ผู้ที่มีการจัดแบ่งสกุลเงินและทองคำที่ไร้ซึ่งการบริหารจัดการที่ดี ขณะที่ตุลาการสูงสุดก็ได้มีการดำเนินการล่าสุดกับผู้ที่กระทำความผิดในปัญหาเกี่ยวกับการลดค่าเงินของประเทศไปแล้วเช่นกัน”

ท่านผู้นำสูงสุด ยังกล่าวถึงการฉวยโอกาสของศัตรูในการใช้ประโยชน์จากความผิดพลาดและการไร้ซึ่งการบริหารนี้ โดยท่านกล่าวว่า “ด้วยกับเหตุผลต่างๆนานา เราจะไม่ปล่อยให้ศัตรูที่ชั่วร้ายได้ฉวยโอกาสเหมือนดั่งเป็นแมลงวันที่บินมาเกาะบนรอยแผลได้ และการใช้ประโยชน์ในทางที่ไม่ดีที่มาจากปัญหาต่างๆที่เกิดขึ้นจากความผิดพลาดของบางคน ซึ่งจะเป็นข้ออ้างถึงความบกพร่องของรัฐอิสลามและการพบกับทางตันของประเทศ โดยที่จะให้ประชาชนต้องหมดหวัง”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังเน้นว่า “ในประเทศนี้ ไม่มีคำว่า “ทางตัน” เพราะว่า ปัญหาต่างๆในประเทศถือว่าเป็นปัญหาที่ถูกรู้จักและรู้จักถึงวิธีการในการแก้ไขปัญหาเหล่านี้ด้วย แต่ทว่า เจ้าหน้าที่ทั้งหลายก็จะต้องมีความพยายามอย่างมากอีกด้วยเช่นเดียวกัน”

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ยังชี้ถึงข้อเสนอแนะและจดหมายที่มากมายของเหล่าเยาวชน นักการปฏิวัติ ผู้ศรัทธาที่มีความคิดสร้างสรรในการแก้ไขปัญหาต่างๆโดยท่านกล่าวว่า “ล่าสุด ผู้เชี่ยวชาญทางเศรษฐกิจจำนวนหนึ่งที่ไม่ได้ขัดแย้งกับรัฐบาล อีกทั้งบางคนยังเป็นผู้ที่มีชื่อเสียง ได้เขียนจดหมายถึงท่านประธานาธิบดี ที่เคารพรักยิ่งของเรา โดยมีการชี้ถึงโครงสร้างของปัญหาต่างๆที่เกิดขึ้นจากเศรษฐกิจและการเสนอแนะวิธีการในการแก้ไข ซึ่งส่วนมากของวิธีการเหล่านั้นถือว่ามีความถูกต้อง”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังได้เน้นถึงส่วนมากของวิธีการในการแก้ไขได้เคยระบุไว้ในคำขวัญประจำปีและนโยบายทั่วไปของประเทศไปแล้ว โดยท่านกล่าวเสริมว่า “ด้วยเหตุนี้เอง ปัญหาต่างๆทางเศรษฐกิจนั้นมีวิธีในการแก้ไข ซึ่งไม่ได้เป็นดั่งที่ศัตรูและเหล่าบริวารของพวกเขาที่อยู่ในประเทศและตามสื่อต่างๆได้ทำการโฆษณาชวนเชื่อว่า ประเทศกำลังจะพบกับทางตันแล้ว และก็ไม่มีวิธีการใด นอกเสียจากการที่จะต้องพึ่งพาซาตานตัวนั้นหรือซาตานตัวใหญ่ นั่นเอง”

ท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลาม ยังได้ตั้งข้อสังเกตุว่า “เจ้าหน้าที่ฝ่ายบริหารก็ได้เริ่มต้นในดำเนินการบางวิธีการ แต่ก็จะต้องมีความจริงจังที่มากกว่านี้ ซึ่งข้าพเจ้าได้กล่าวถึงประเด็นนี้ในการประชุมส่วนตัวกับบรรดาผู้นำทั้งสามสภากับเจ้าหน้าที่ของรัฐฯและพวกเขาก็บอกว่า จะมีการติดตามในเรื่องนี้ตามขีดความสามารถของพวกเขาเอง”

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ยังเน้นว่า เรานั้นมีเยาวชนที่ทรงพลังและมีคุณค่า ซึ่งมีจำนวนไม่น้อย โดยท่านกล่าวว่า “เจ้าหน้าที่จะต้องมีการคัดเลือกผู้ที่ร่วมงานที่ดีของเขาด้วย”

ท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า สภาพคล่องทางการเงิน คือ ปัญหาใหญ่ทางเศรษฐกิจของประเทศและได้เกิดขึ้นจากนโยบายที่ผิดพลาด โดยท่านกล่าวว่า “ดั่งที่ข้าพเจ้าได้กล่าวไปในวันอีดฟิตร์กับเจ้าหน้าที่ทั้งหลายแล้วว่า จะต้องทำให้สภาพคล่องทางการเงินนำไปสู่การผลิตและภาคส่วนของอุตสาหกรรม การเกษตร และที่อยู่อาศัย หากว่ามีการดำเนินการในรูปแบบนี้ จะทำให้สภาพคล่องทางเงินที่เป็นปัญหาคุกคามได้กลายเป็นโอกาสที่ต้องแสวงหาก็เป็นได้”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังเน้นถึงการให้การสนับสนุนต่อรัฐบาลต่างๆมาโดยตลอดและรัฐบาลนี้ก็ยังได้รับการสนับสนุนด้วยเช่นกัน โดยท่านกล่าวว่า “ข้าพเจ้าจะขอย้ำเตือนอีกครั้งต่อเจ้าหน้าที่รัฐบาลที่จะต้องใช้ความคิด การวางแบบแผน และการปรึกษากับผู้ที่สันทัดกรณีเพื่อที่จะทำให้สภาพคล่องทางเงินนำไปสู่การผลิตให้ได้”

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี กล่าวว่า “บางคนกล่าวว่า สาเหตุของปัญหาต่างๆของตลาดและการสร้างงานในปัจจุบันนั้น เพราะว่านักเคลื่อนไหวทางเศรษฐกิจได้รับรู้มาตั้งแต่เวลาที่เริ่มต้นของการคว่ำบาตร หมายถึง กลางเดือนตุลาคม หรือกลางเดือนพฤศจิกายน ซึ่งก็ได้มีการดำเนินการไปแล้ว ขณะที่ มีคำถามเกิดขึ้นว่า หากว่านักเคลื่อนไหวทางเศรษฐกิจได้รับรู้และมีการดำเนินการไปแล้ว เจ้าหน้าที่รัฐบาลก็จะต้องมีการเตรียมพร้อมในการคว่ำบาตรที่มากกว่านี้อีกด้วยเช่นกัน”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังกล่าวเสริมว่า “แต่ขณะนี้ก็ยังไม่ถือว่าช้าจนเกินไป ซึ่งเราก็สามารถที่จะตัดสินใจในการดำเนินการที่จำเป็นในการเผชิญหน้ากับความชั่วร้ายของศัตรูได้ หากว่าผู้ใดที่กล่าวว่า มันช้าเกินไปแล้วและก็จะเป็นไปไม่ได้ หรือว่าเขานั้นคือผู้ที่โง่เขลาหรือว่าเขานั้นเป็นผู้พูดที่ไม่มีทิศทาง”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังเน้นว่า “ผู้ใดก็ตามที่ประกาศว่า เรามาถึงทางตันแล้วก็จงรู้ไว้เถิด เขานั้นคือผู้ที่โง่เขลาหรือว่ามีการทรยศในคำพูดของเขาเอง”

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ยังได้ชี้ถึงปัญหาอย่างต่อเนื่องกับปัญหาทางเศรษฐกิจ ก็คือ ประเด็นทางการทุจริตและความจำเป็นในการเผชิญหน้ากับมัน โดยกล่าวว่า “จดหมายล่าสุดของท่านประธานตุลาการสูงสุด เป็นอีกก้าวหนึ่งที่สำคัญและถือว่าเป็นจุดบวกในการเผชิญหน้ากับการทุจริตและผู้ที่กระทำความผิด”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังได้ชี้ถึงจดหมายเมื่อ 17 ปีที่แล้วของตนที่มีต่อผู้นำทั้งสามสภาในการปราบปรามการทุจริต คอร์รัปชั่น โดยกล่าวเสริมว่า “การทุจริตเหมือนกับเป็นอสรพิษที่มีเจ็ดหัวที่จะต้องมีการปราบปรามให้ได้อย่างถูกต้องและมีความจริงจัง ในขณะที่มีการปราบปรามการทุจริตและผู้ที่กระทำความผิด ก็จะต้องได้ยินเสียงตะโกนโห่ร้องดังก้องขึ้นมาจากมุมหนึ่ง”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังเน้นอีกว่า คำอธิบายอย่างเป็นทางการของประเด็นนี้ ก็คือ ทั้งหมดนั้นทราบดีว่า โครงสร้างของระบอบรัฐอิสลาม จะต้องมีการดำเนินการกับการทุจริตอย่างเด็ดขาด”

ท่านผู้นำสูงสุด ยังกล่าวเสริมว่า บางคนกล่าวถึงการทุจริตเหมือนดั่งว่าทั้งหมดของรัฐนั้นมีการทุจริต และข้ออ้างในการทุจริตที่มีระบอบและที่มากกว่านั้น ซึ่งความจริงก็ไม่ได้เป็นเช่นนั้น ในขณะที่ประเทศของเรานั้นมีผู้บริหารที่มือใสสะอาด ที่เป็นผู้ศรัทธาจำนวนมากมาย ซึ่งการพูดจาเช่นนี้ คือ การฉ้อฉลต่อคนเหล่านั้น ทั้งยังเป็นการฉ้อฉลต่อรัฐอิสลามอีกด้วย”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังเน้นถึงระบอบรัฐอิสลาม แม้แต่ผู้ที่ทุจริตมีจำนวนน้อยมาก แต่ก็จะต้องมีการดำเนินการกับพวกเขาอย่างเด็ดขาด โดยท่านกล่าวว่า “ความเกินเลยและการน้อยเกิน ถือว่าเป็นสิ่งที่ผิดพลาด ในคำพูดของบางคน และในบทความต่างๆที่ไร้ซึ่งความระมัดระวัง โดยไม่อาจที่จะทำให้การทุจริตของบางหน่วยงานหรือบางคนนั้นถือเป็นการทุจริตทั้งหมดของประเทศได้”

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ยังกล่าวสรุปในส่วนนี้ของการปราศรัยของท่าน โดยกล่าวว่า “วิธีการในการแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจของประเทศ ไม่ว่าจะเป็นวิธีการของโครงสร้างและในระยะสั้นนั้นได้เป็นที่รู้จักแล้ว และเป้าหมายในการเชิญชวนสู่การจัดประชุมร่วมกันของทั้งสามสภา คือ การเสาะหาวิธีการร่วมกันในการแก้ไขปัญหาต่างๆด้วยกับการขอความช่วยเหลือจากบรรดาผู้เชี่ยวชาญซึ่งก็มีการดำเนินการไปแล้วอยู่ในขณะนี้”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังกล่าวเสริมว่า “หน่วยงานในการตรวจสอบที่ขึ้นกับหน่วยด้านข่าวกรอง ตุลาการสูงสุดและรัฐสภาจะต้องมีอำนาจและสายตาอันเฉียบแหลมในการดำเนินการ และบรรดาประชาชนผู้ศรัทธาก็จะต้องรู้สึกถึงหน้าที่และจะต้องเข้ามามีบทบาทในเรื่องนี้”

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ยังเน้นว่า “สภาของการบริหารและสภาทางด้านกฏหมาย จะต้องทำการปิดแนวทางในการทุจริต โดยท่านกล่าวว่า “หากว่ามีการตรวจสอบในประเด็นสกุลเงินและทองคำอย่างละเอียดและมีการดำเนินการอย่างต่อเนื่อง ก็จะทำให้แนวทางต่างๆในการทุจริตต้องถูกปิดลง”

ท่านผู้นำสูงสุด ยังเตือนถึงประชาชนทั้งหลายที่จะต้องมีความเฉลียวฉลาดและมีการปฏิบัติการอย่างรู้แจ้งเห็นจริงในการขับเคลื่อนของศัตรู โดยกล่าวเสริมว่า “ประชาชาติอิหร่านนั้นมีความเฉลียวฉลาดในการเผชิญหน้ากับศัตรูมาโดยตลอดอย่างที่รู้แจ้งเห็นจริง และทั้งหมดทุกคนก็จะต้องรู้ว่า ศัตรูนั้นต้องการใช้ประโยชน์ที่ไม่ดีกับจุดอ่อนทั้งหลายในการต่อต้านกับประชาชน”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังเน้นถึงหน่วยงานในการเผยแพร่ข่าวสาร เช่น องค์กรวิทยุและโทรทัศน์แห่งชาติ สื่อทางการพิมพ์ และสื่อทางสังคมออนไลน์ จะต้องมีความระวังในการทำให้เกิดความหมดหวังในสังคม โดยท่านกล่าวว่า “การวิพากษ์วิจารณ์ ถือว่า ไม่เป็นปัญหาใดๆ แต่อย่าทำให้ประชาชนต้องหมดหวัง ในบางที หนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่งหรือบางรายการโทรทัศน์ หรือสถานีวิทยุแห่งหนึ่งได้มีการพูดกันเหมือนกับว่าประตูทุกบานนั้นถูกปิดลงแล้ว ขณะที่ความจริงมิได้เป็นเช่นนั้น”

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ยังเน้นว่า “ประชาชาติอิหร่านและรัฐอิสลามได้ก้าวผ่านระดับขั้นของความยากลำบากมาจนถึงทุกวันนี้ และก็จะก้าวผ่านขั้นตอนอย่างง่ายดายกว่าขั้นตอนก่อนหน้านี้เสียอีก”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังได้ชี้ในส่วนที่สองในการปราศรัยของท่านถึงความอันธพาลและไร้มารยาทของเจ้าหน้าที่สหรัฐ ในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา โดยกล่าวว่า “พวกเขาก่อนหน้านี้ก็ไม่เคยรักษามารยาททางการเมืองและการทูตในคำพูดของพวกเขา แต่เจ้าหน้าที่คนปัจจุบันนี้ของเผด็จการสหรัฐ ได้พูดจาที่หยาบคาย ไร้ยางอาย ไร้มารยาทกับโลก เหมือนกับว่า เขานั้นไม่มีความกระดากอายอยู่ในตัวของเขาเลย”

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ยังกล่าวระลึกถึงอาชญากรรมครั้งล่าสุดทั้งสองของพวกซาอุดี้ที่ได้ก่อไว้ในเยเมน หมายถึง การทิ้งระเบิดใส่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งและการโจมตีรถที่บรรทุกเด็กนักเรียนชาวเยเมน อีกทั้งการสังหารหมู่เด็กผู้บริสุทธิ์ที่ไร้ที่พึ่งตั้งหลายสิบคน โดยท่านกล่าวเสริมว่า “สามัญสำนึกของโลกก็ยังรู้สึกหวั่นไหวต่ออาชญากรรมเหล่านี้ แม้แต่รัฐบาลต่างๆก็แสดงความเสียใจ แม้ว่าจะแบบผิวเผินก็ตาม แต่ทว่าสหรัฐแทนที่จะมีการประณามอาชญากรรมเหล่านี้ กลับพูดถึงความสัมพันธ์ของตนกับพวกซาอุดี้อย่างที่น่าละอายใจ ดังนั้น จึงมีคำถามหนึ่งว่า เจ้าหน้าที่ของสหรัฐนั้นยังเป็นมนุษย์ที่แท้จริงหรือไม่?

ท่านผู้นำสูงสุด ยังถือว่า การคัดแยกเด็กๆประมาณ 2 พันคนออกจากมารดาของพวกเขาและจับตัวขังคุกด้วยข้อหาในการเป็นผู้อพยพ ก็เป็นอีกอาชญากรรมหนึ่ง โดยกล่าวเสริมว่า “ประเด็นที่น่าพึงสังเกตุก็คือ พวกสหรัฐได้ดำเนินการต่อหน้าสายตาของประชาคมโลกอย่างน่าละอายใจยิ่งนัก”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังได้ชี้ถึงคำพูดที่ไร้มารยาทของเจ้าหน้าที่ของสหรัฐเกี่ยวกับการคว่ำบาตร สงคราม และการเจรจารอบใหม่ โดยกล่าวว่า “ข้าพเจ้าจะขอย้ำว่า สงครามจะไม่เกิดขึ้นและการเจรจาก็จะไม่มีใดๆทั้งสิ้น”

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ยังกล่าวเสริมว่า “แต่พวกเขาก็ไม่ได้มีการพูดกันถึงเรื่องของสงครามเลย โดยมีการชี้ถึงสิ่งที่คล้ายๆกับสงคราม เพื่อที่จะทำให้ประชาชาติอิหร่านนั้นเกิดความหวาดกลัว”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังเน้นอีกว่า สงครามจะไม่เกิดขึ้น เพราะเหมือนในอดีตที่ผ่านมาว่าเราไม่เคยเป็นผู้เริ่มต้นในการทำสงคราม และสหรัฐเองก็จะไม่เริ่มต้นในการโจมตีด้วย เพราะว่าพวกเขานั้นทราบดีถึงความเสียหายที่จะเกิดขึ้นกับพวกเขา ซึ่งสาธารณรัฐอิสลามแห่งอิหร่านและประชาชาติอิหร่านก็ได้พิสูจน์แล้วว่า จะปราบปรามผู้ที่ละเมิดได้อย่างสาสมที่สุด”

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ยังได้ชี้ถึงความล้มเหลวในการโจมตีอันชั่วร้ายของสหรัฐในปี1359 (ปฏิทินอิหร่าน) ที่ทะเลทรายทาบัส โดยกล่าวเสริมว่า “เป็นไปได้ว่าพวกเขานั้นยังไม่เข้าใจสิ่งใดมากนัก แต่คาดว่าสิ่งที่พวกเขาเข้าใจได้นั้นก็คือ ผลลัพท์ของการละเมิดที่มีต่ออิหร่าน”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังกล่าวต่อถึงแผนการณ์ของสหรัฐในการเผชิญหน้ากับอิหร่าน คือ การเสนอแนะให้มีการเจรจากันอีกครั้ง โดยกล่าวเสริมว่า “พวกเขาได้ปฏิบัติในประเด็นนี้เหมือนการเล่นเกมส์หนึ่งที่ไม่มีแนวทางและคุณค่าทางการเมือง คนหนึ่งบอกว่า จะต้องมีข้อแม้ แต่อีกคนหนึ่งมาบอกว่าไม่ต้องมีข้อแม้ก็ได้”

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี กล่าวว่า “มีความแตกต่างกันกับบางคนในประเทศที่เขาคิดว่าการเรียกร้องของพวกสหรัฐในการเจรจานั้นเป็นเรื่องใหม่ แต่ทว่าการเจรจาได้เคยเกิดมาแล้วซ้ำซากมากกว่า 40 ปีด้วยกัน และคำตอบที่ได้รับก็คือ การปฏิเสธจากอิหร่าน แม้แต่ในช่วงสมัยของเรแกน ประธานาธิบดีสหรัฐในขณะนั้น ก็ยังถือว่ามีอำนาจที่มากกว่าปัจจุบันนี้ ในเหตุการณ์ที่รู้จักกันว่า แม็ค ฟาร์เลน (McFarlane) ได้มีการส่งตัวเขามายังกรุงเตหะรานอย่างลับๆเพื่อทำการเจรจา หลังจากที่ผ่านปี 24 ชั่วโมงก็ไม่เกิดผล เขาจึงต้องกลับประเทศไป”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังได้อธิบายถึงเหตุผลของอิหร่านที่ไม่เข้าร่วมเจรจากับสหรัฐ โดยกล่าวว่า พวกเขานั้นมีสูตรพิเศษในการเจรจาที่จะต้องมาทำความเข้าใจ หลังจากนั้นก็ตอบคำถามที่ว่า จะมีมนุษย์ที่มีสติปัญญาคนใดหรือที่จะเข้าร่วมในการเจรจาด้วยกับหลักสูตรนี้?

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า ความจริงของการเจรจาในทางการเมือง ก็คือ การแลกเปลี่ยน โดยกล่าวเสริมว่า “พวกสหรัฐได้พยายามในทุกการเจรจาโดยใช้อำนาจทางการเมือง การโฆษณาชวนเชื่อ และทางการเงิน เพื่อที่จะทำให้การยืนหยัดที่ต่อต้านต่อเป้าหมายของพวกเขาจะต้องพบกับความล้มเหลว”

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ยังอธิบายถึงสูตรพิเศษในการเจรจาตามวิถีของสหรัฐ โดยกล่าวว่า “อันดับแรก จะต้องกำหนดถึงเป้าหมายหลักของพวกเขาก่อน แต่พวกเขาก็ไม่ได้มีการประกาศถึงเป้าหมายเหล่านี้ ซึ่งในระหว่างการเจรจาจะมีการต่อรองและติดตามเป้าหมายเหล่านั้นด้วย และในอันดับที่สอง พวกสหรัฐก็จะไม่มีการก้าวถอยหลังให้ออกจากเป้าหมายเหล่านี้เป็นอันขาด”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม กล่าวเสริมว่า “พวกสหรัฐได้ให้คำมั่นสัญญาในการเจรจาด้วยกับคำพูดที่มีเชื่อมั่นได้ แต่พวกเขากลับต้องการให้ฝ่ายตรงข้ามนั้นมีการวิพากษ์วิจารณ์และก็ไม่ต้องยอมรับในคำมั่นสัญญาอีกด้วย”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังตั้งข้อสังเกตุว่า “เรานั้นได้รับประสบการณ์มาแล้วจากข้อตกลงทางนิวเคลียร์ และเช่นเดียวกันในการเจรจากับเกาหลีเหนือ พวกสหรัฐก็ได้กระทำในรูปแบบเช่นนี้”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังกล่าวอีกว่า “ในทุกที่ของการเจรจา หากว่าฝ่ายตรงข้ามนั้นไม่ยอมรับในการวิพากษ์วิจารณ์ พวกสหรัฐก็จะใช้วิธีการในการประโคมข่าวทางสื่อต่างๆของโลก จนในที่สุด ฝ่ายตรงข้ามก็จะต้องยอมรับพวกเขา”

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ยังกล่าวถึงประเด็นสุดท้ายของสูตรพิเศษในการเจรจาของพวกสหรัฐ โดยกล่าวเสริมว่า “หลังจากที่พวกเขาเสร็จสิ้นจากการเจรจาก็จะไม่มีการรักษาคำมั่นสัญญาที่ให้ไว้และยังไม่มีปฏิบัติตามอีกด้วย”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม หลังจากที่ได้อธิบายถึงความจริงของคำถามหลักที่ว่า ด้วยกับเหตุผลใดหรือที่จะต้องเข้าร่วมโต๊ะในการเจรจากับเผด็จการที่ฉ้อฉล และสับปลับเช่นนี้?

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ถือว่า ข้อตกลงทางนิวเคลียร์ คือ ตัวอย่างที่เห็นชัดในผลลัพท์ของการเจรจากับสหรัฐ โดยท่านกล่าวว่า “แต่ก็ยังไม่มีการรักษาขีดเส้นแดงที่ถูกกำหนดไว้”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังได้ตั้งข้อสังเกตุว่า “ด้วยกับสูตรพิเศษของสหรัฐในการเจรจา ไม่ว่ารัฐบาลใดในโลกที่มีการเจรจากับพวกเขาก็จะต้องพบกับปัญหา นอกจากว่า จะมีทิศทางเดียวกับกรุงวอชิงตันเท่านั้น แต่รัฐบาลปัจจุบันของสหรัฐก็ยังมีการฉ้อฉลกับพวกยุโรปอีกด้วยเช่นกัน”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ในการสรุปของส่วนนี้ในการปราศรัยของท่าน โดยกล่าวเสริมว่า “จะเฉพาะเมื่อเรามีความสามารถเข้าสู่เกมส์ที่เป็นอันตรายเพื่อการเจรจากับสหรัฐได้ โดยเรานั้นจะต้องมีอำนาจทางเศรษฐกิจ การเมืองและวัฒนธรรม อีกทั้งความกดดันและการหลอกลวงของพวกเขาก็จะไม่ส่งผลกระทบต่อเรา แต่ขณะนี้ในการเจรจานั้น จะเกิดผลเสียต่อเราและยังเป็นที่ต้องห้ามอีกด้วย”

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ยังกล่าวว่า “ท่านอิมามโคมัยนี ผู้สูงส่งยังได้สั่งห้ามเราไม่ให้ทำการเจรจากับสหรัฐ ตราบใดที่พวกเขายังไม่เป็นมนุษย์ และเราก็เน้นย้ำถึงจุดนี้ด้วยเช่นกัน”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังกล่าวเสริมว่า “หากสมมุติว่าเป็นไปไม่ได้ว่า เราจะทำการเจรจากับพวกสหรัฐ แน่นอนที่สุด เราก็จะไม่มีการเจรจากับรัฐบาลปัจจุบันนี้เป็นอันขาด”

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี กล่าวถึงประเด็นสำคัญที่มีต่อนักการเมือง นักการทูต เยาวชนที่มีแรงจูงใจ นักศึกษาทางรัฐศาสตร์ และนักเคลื่อนไหวทางการเมือง โดยกล่าวว่า “การเจรจากับเผด็จการที่ฉ้อฉลและคาดหวังมากของสหรัฐ มิใช่จะทำให้ความเป็นปฏิบักษ์ของเขาถูกขจัดออกไปหรือลดน้อยลง แต่ยังเป็นเครื่องมือที่จะทำให้เขานั้นมีความสามารถในการเป็นปฏิบักษ์และบรรลุยังเป้าหมายของเขาได้อีกด้วย”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า ความเพ่งสนใจของซาตานตัวใหญ่ต่อสงครามทางเศรษฐกิจ เนื่องจากการหมดหวังในสงครามทางการทหาร การเมือง และความมั่นคง แม้แต่สงครามทางวัฒนธรรม โดยกล่าวเสริมว่า “การเจริญเติบโตของเยาวชนที่มีบารอกัต(ความเป็นสิริมงคล) ของการปฏิวัติ ความล้มเหลวจากเหตุการณ์และความวุ่นวายทางความมั่นคงและทางการเมืองในปีที่ 88 (ปฏิทินอิหร่าน) แสดงให้เห็นถึงความล้มเหลวและความหมดหวังของศัตรู”

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ยังเน้นว่า “ด้วยกับความโปรดปรานของพระผู้เป็นเจ้าและความเฉลียวฉลาดของเจ้าหน้าที่และประชาชน จะทำให้สหรัฐจะต้องพบกับความล้มเหลวทางสงครามเศรษฐกิจอย่างแน่นอน”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังได้ชี้ถึงแทคติกและการหลอกลวงของเหล่าศัตรูในการพูดจากับประชาชนชาวอิหร่าน โดยกล่าวว่า “ผู้ที่ล้าหลังทางสติปัญญาได้กล่าวกับประชาชาติอิหร่านว่า รัฐบาลของท่านนั้นเอาเงินของพวกท่านมาใช้จ่ายในประเด็นของซีเรีย ขณะที่ผู้นำของเขากลับยอมรับว่าสหรัฐได้จ่ายค่าใช้จ่ายให้ถึง 7 ล้านล้านดอลลาร์ในภูมิภาคตะวันออกกลาง แต่พวกเขากลับไม่ได้รับประโยชน์อะไรเป็นการตอบแทนเลย”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม กล่าวเสริมว่า “เราได้ให้การช่วยเหลือกับประเทศเพื่อนบ้านทั้งสอง นั่นคือ ซีเรียกับอิรักในการเผชิญหน้ากับภัยคุกคามของสหรัฐและซาอุดิอาระเบีย ซึ่งเป็นการช่วยเหลือระหว่างรัฐบาลที่เป็นมิตรต่อกันและกัน”

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ถือว่า การทำให้เกิดข้อสงสัยกับสาธารณชน คือ เป้าหมายที่ถูกกำหนดของเหล่าศัตรูของประชาชาติอิหร่านที่มีต่อจุดยืนของรัฐ โดยท่านกล่าวว่า “พวกเขาได้สร้างสงครามทางเศรษฐกิจให้เกิดขึ้นเพื่อให้เกิดความไม่พอใจ จนเป็นเหตุให้เกิดความวุ่นวายและกลายเป็นความไม่มั่นคง”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังอธิบายถึงข่าวและข้อมูลเบื้องหลังในการปฏิบัติการณ์ของพวกสหรัฐ รัฐเถื่อนไซออนิสต์ และพวกซาอุดิอาระเบีย โดยกล่าวว่า “พวกเขาได้มีการปฏิบัติการณ์มาหลายปีแล้วในการก่อความไม่สงบ ในช่วงเดือนเดย์ที่ผ่านมา แต่ทว่าประชาชาติที่เฉลียวฉลาดได้เข้ามาสู่สนามและยังได้ทำลายโครงสร้างพื้นฐานที่ถูกร่างไว้เมื่อหลายปีก่อนของพวกเขาจนต้องสูญเปล่า”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังกล่าวเสริมว่า “เหล่าศัตรู หลังจากนั้นพวกเขาที่ได้มุ่งมั่นในปี 1397(ปฏิทินอิหร่าน) และเจ้าหน้าที่บางคนของสหรัฐได้กล่าวว่า ในอีก 6 เดือนต่อมาก็จะข่าวดีมาจากอิหร่าน พวกเขาหมายถึง เหตุการณ์ในเดือนมุรดอด (ตุลาคม) ที่มีค่าใช้จ่ายมากมายมหาศาลทั้งทางการเงินและนโยบายของเหล่าศัตรู”

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ยังเน้นว่า “ประชาชนด้วยกับความเฉลียวฉลาดและการมีบะศีรัต (การประจักษ์แจ้ง)และการเกิดปัญหาของค่าครองชีพและเศรษฐกิจ จนทำให้ประชาชนส่วนหนึ่งรู้สึกถึงความขมขื่น แต่ประชาชาติจะไม่ยอมที่จะตกอยู่เป็นเบี้ยล่างให้กับข้อเรียกร้องอันมืดบอดของสหรัฐและลิ้วล้อของพวกเขาเป็นอันขาด”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังเน้นว่า “ขณะที่ศัตรู จนถึงบัดนี้ยังพบกับความอ่อนแอและไร้ซึ่งความสามารถ ทั้งยังไม่ประสบความสำเร็จ และในอนาคตก็เช่นกัน พวกเขาจะต้องพบกับความล้มเหลว โดยมีข้อแม้ว่า เรานั้นจะต้องมีการตื่นตัวและไม่หมดหวังจากการปฏิบัติหน้าที่ของพวกเราเองด้วย”

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ยังกล่าวเสริมว่า “บางคนบอกว่า เราคือฝ่ายผู้ที่สนับสนุนต่อเหล่าผู้อ่อนแอ และเราต้องการให้เราสร้างสถานการณ์ โดยที่พวกเขานั้นไม่ได้ตระหนักถึงตนเอง แต่ทว่าการกระทำของพวกเขานั้นกลับอยู่ในกรอบแผนการของศัตรูทั้งจากคำพูดและการดำเนินการ ขณะที่พวกเขาได้กล่าวว่า รัฐบาลจะต้องออกไปนั้น กำลังตกอยู่ในกรอบแผนการณ์ของศัตรู และรัฐบาลก็จะต้องคงอยู่และมีการดำเนินการในการแก้ไขปัญหาต่างๆด้วยกับการมีอำนาจและความรับผิดชอบ”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังได้ชี้ถึงสิทธิและหน้าที่ของรัฐบาลและรัฐสภา โดยกล่าวเสริมว่า “ทั้งสองสภาจะต้องมีการดำเนินการตามสิทธิของตน ทั้งจากการรักษาเกียรติของฝ่ายตรงข้ามและทั้งสามสภาก็จะต้องมีความร่วมมือกันในการแก้ไขปัญหาของประชาชาติด้วย”

ในช่วงท้ายของการปราศรัย ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังได้ชี้ถึงถ้อยคำของท่านอิมามโคมัยนีที่กล่าวถึงอำนาจของพระเจ้านั้นอยู่เหนือประชาชาติอิหร่าน โดยกล่าวเสริมว่า “เรานั้นได้รู้สึกเช่นกันถึงอำนาจของพระเจ้า ที่อำนาจนั้นสำแดงออกต่อความศรัทธาของประชาชาติ

และเช่นกันในช่วงแรกของการเข้าพบปะ โดยการเข้าร่วมของประชาชนทุกหมู่เหล่าจากจังหวัดต่างๆ เช่น ฟาร์ซ ยัซด์ ฮอร์มุซกาน ชะฮารมะฮาลและบัคติยารี กุลิสตาน เคอร์ดิสถานและบูเชฮ์ร ซึ่งท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังได้ชี้ถึงการเข้ามาเยือนของเดือนซุลฮิจญะฮ์ เป็นเดือนแห่งการขอพร การตะวัซซุล การร้องขอต่อพระผู้เป็นเจ้า โดยเฉพาะในการเสริมสร้างความศรัทธา การพึ่งพายังพระองค์ ความเชื่อมั่นต่อตนเอง และการไม่ยอมรับในความปราชัย โดยท่านผู้นำกล่าวว่า “สี่สิบปีมาแล้วที่เราได้ยืนหยัดในการเผชิญหน้ากับชาติมหาอำนาจและจะต้องมีการเพิ่มขีดความสามารถในทุกๆวันอีกด้วย”

 

 

 

 

 

700 /