เมื่อช่วงบ่ายของวันจันทร์ที่ผ่านมา คณะเจ้าหน้าที่ภาครัฐและผู้บริหาร เข้าพบท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม อยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี โดยท่านผู้นำได้กล่าวแสดงความยินดีเนื่องวาระสำคัญในวันอีด(วันเฉลิมฉลอง)ของ
เดือนรอญับ ซึ่งถือว่าเป็นวโรกาสที่สำคัญในการประกอบอะมั้ลอิบาดัตและการตะวัซซุล โดยกล่าวเสริมว่า “กุญแจที่ใช้ในการแก้ไขปัญหาต่างๆ ก็คือ การขอดุอา (การขอพร) การรำลึกถึงพระผู้เป็นเจ้าและการขัดเกลาหัวใจทั้งหลาย ในขณะที่เดือนรอญับนั้นถือว่าเป็นช่วงวันอีดสำหรับบุคคลที่เขานั้นได้ขัดเกลาและปรับปรุงหัวใจของพวกเขาแล้ว”
ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ยังเน้นถึงความจำเป็นในการยืนหยัดของเจ้าหน้าที่ต่อการบรรลุยังเป้าหมายของอิสลามและสาธารณรัฐอิสลาม โดยกล่าวว่า “การมีตักวา (ความยำเกรง) การออกจากบาป การทรยศและการลุ่มหลงในโลกแห่งวัตถุ คือ ปัจจัยในการยืนหยัด และสำหรับเจ้าหน้าที่นั้นถือว่าเป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างที่สุด ที่จะต้องเสริมสร้างความแข็งแกร่งในความสัมพันธ์กับพระผู้เป็นเจ้า”
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังเน้นถึงการปลูกฝังจิตวิญญาณในการปฏิวัติและการรับใช้บริการต่อระบอบการปกครองของบรรดาผู้บริหารประเทศในช่วง 60 ทศวรรษที่ผ่านมา โดยกล่าวถึงเจ้าหน้าที่ทั้งหลายว่า “พวกท่านทั้งหลาาย ยังจำในความรู้สึกและพฤติกรรมที่ดีอันนั้นได้หรือไม่? พวกท่านยังจำถึงการไม่สนใจในทรัพย์สินทางโลกและการให้ความสำคัญในการรับใช้นั้นได้ใช่ไหม? ปัญหา ก็คือ ในบางครั้งกลับมีการหลงลืมและไม่เอาใจใส่ต่อคุณค่าอันดีงามนั้น?
ท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า แนวทางในการขจัดความเพิกเฉยและการล้มเหลว ก็คือ การระมัดระวังตน โดยท่านกล่าวเสริมว่า “เจ้าหน้าที่ทุกคนในสาธารณรัฐอิสลามของเรานั้นต้องการที่จะปรับปรุงหัวใจทั้งหลายของพวกเขา เพราะว่า สาธารณรัฐอิสลามตั้งอยู่บนรากฐานด้วยกับเป้าหมายและอดุมการณ์ที่สำคัญยิ่ง นั่นก็คือ หลักเตาฮีด(เอกภาพ)และศาสนบัญญัติอิสลาม ความยุติธรรม อิสระและเสรีภาพ ซึ่งมีความแตกต่างกับระบอบการปกครองต่างๆของโลกอย่างเห็นได้ชัด”
ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี กล่าวในช่วงหนึ่งของการปราศรัยของท่าน โดยท่านได้เน้นถึงความจำเป็นในการจัดระเบียบในการสร้างงาน ถือว่าเป็นโครงสร้างของเศรษฐกิจในประเทศ และกล่าวเสริมว่า “ผู้ที่รับผิดชอบในการดำเนินการนี้ คือ หน่วยงานในการดำเนินการที่เกี่ยวข้องกับเศรษฐกิจต้านทาน ซึ่งหน่วยงานนี้นั้นมีหน้าที่ในการแก้ไขปัญหาต่างๆ แต่จะต้องมีการกระทำด้วยพลังงานและแรงจูงใจของเหล่าเยาวชน อีกทั้งยังต้องมีการติดตามผลอย่างต่อเนื่องอีกด้วย”
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังรู้สึกยินดีต่อการเปลี่ยนแปลงในส่งข้อความทางสื่อสังคมออนไลน์ในระบบทั่วไปเป็นระบบภายในประเทศ โดยกล่าวว่า “เจ้าหน้าที่ทั้งหลายจะต้องรักษาความปลอดภัยและขอบเขตในประชาชนและประเทศ ขณะที่การละเมิดความปลอดภัยและกรอบของประชาชนถือว่า เป็นสิ่งต้องห้าม (ฮะรอม)ทางศาสนา และจะต้องไม่มีการกระทำในสิ่งนั้น”
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม กล่าวเสริมอีกว่า ไเจ้าหน้าที่จะต้องรับผิดชอบในภาระกิจอันนี้ ก็คือ หน่วยงานภาครัฐและตุลาการ ซึ่งจะต้องระมัดระวังในการรักษากรอบความเป็นอยู่ของประชาชน และความลับของพวกเขา”
ก่อนในการปราศรัยของท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม พณฯท่าน ญะฮานกีรีย์ รองประธานาธิบดีคนแรกของอิหร่าน ซึ่งเป็นตัวแทนของเจ้าหน้าที่ภาครัฐ ถือว่า การเลือกคำขวัญประจำปี คือ ปีแห่งการสนับสนุนสินค้าอิหร่านในปีนี้ แสดงถึงความเข้าใจอย่างถ่องแท้ของท่านผู้นำสูงสุด กล่าวเสริมว่า “หากว่ามีการปฏิบัติอย่างจริงจังในเรื่องนี้ ก็จะเพิ่มความสะดวกสบายให้กับประชาชนเป็นอย่างมาก”