สำนักผู้นำสูงสุดซัยยิด อาลี คาเมเนอี

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ได้กล่าวปราศรัยในการรวมตัวครั้งยิ่งใหญ่ในวันปีใหม่

“ประชาชนและเจ้าหน้าที่รัฐฯจะต้องให้การสนับสนุนสินค้าอิหร่าน

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ได้กล่าวปราศรัยในการรวมตัวครั้งยิ่งใหญ่ของบรรดาซาอิร(ผู้เยี่ยมเยียน)และผู้ที่อยู่ในละแวกใกล้เคียงกับฮะรัมอิมามริฎอ (อ.)ในวันขึ้นปีใหม่ว่า

“ประชาชนและเจ้าหน้าที่รัฐฯจะต้องให้การสนับสนุนสินค้าอิหร่านอย่างจริงจัง”

เมื่อช่วงบ่ายของวันพุธที่ผ่านมา ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ได้กล่าวปราศรัยในการรวมตัวครั้งยิ่งใหญ่ของบรรดาซาอิร(ผู้เยี่ยมเยียน)และผู้ที่อยู่ในละแวกใกล้เคียงกับฮะรัมอิมามริฎอ (อ.) ณ. ฮะรัมท่านอิมามริฏอ โดยท่านชี้ถึงการยืนหยัดและการเจริญวัยของการปฏิวัติอิสลามในช่วงสี่สิบปีและการล้มเหลวของแผนการร้ายของสหรัฐในภูมิภาคนี้ โดยท่านกล่าวถึงเหตุผล ความจำเป็นและวิธีการในการบรรลุผลของคำขวัญแห่งปี คือ ปีนี้เป็นปีแห่งการสนับสนุนสินค้าอิหร่าน และท่านยังเน้นถึงการแก้ไขปัญหาทั้งหมดในประเทศด้วยกับวิสัยทัศน์ภายใน ตลอดจนความจำเป็นในการใช้ประโยชน์จากเหล่าเยาวชนในภาคสนามต่างๆ ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือ ในการบริหารจัดการ และท่านยังกล่าวเสริมว่า “เยาวชนคนรุ่นใหม่ที่มีความภาคภูมิใจของประเทศนี้ จะชูธงชัยแห่งอิสรภาพ เกียรติยศ ความยิ่งใหญ่และศักดิ์ศรีของอิหร่านให้สูงยิ่งขึ้นกว่าช่วงเวลาทั้งหลายที่ผ่านมา”

ในช่วงต้นของการปราศรัยของท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ท่านได้กล่าวแสดงความยินดีกับประชาชาติอิหร่านในเนื่องในวันปีใหม่และการเฉลิมฉลองในวันปีใหม่ รวมทั้งยังกล่าวแสดงความเสียใจเนื่องในวันคล้ายวันชะฮาดัตของท่านอิมามฮาดี (อ.) ซึ่งถือว่า การประจวบเหมาะกับช่วงปีใหม่ซึ่งตรงกับวันแห่งชะฮาดัตของท่านอิมามนั้น จะเป็นการเตรียมความพร้อมต่อการชี้นำจากพระผู้เป็นเจ้าที่มีอิหร่านเป็นอย่างยิ่ง

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ในช่วงแรกของการปราศรัยได้กล่าวถึง การตรวจสอบในภาพรวมของสี่สิบปีของผลงานของสาธารณรัฐอิสลามแห่งอิหร่าน ในคำขวัญ ค่านิยม และหลักการพื้นฐาน และเช่นเดียวกัน ในการประเมินผลจากการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ทั้งหลาย

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ได้กล่าวในด้านของการรักษาคุณค่า หลักการพื้นฐานและการติดตามยังเป้าหมายของการปฏิวัติอิสลามว่า “ประชาชาติอิหร่านในประเด็นเหล่านี้ได้ผ่านการทดสอบที่ดีมาแล้วและยังคงสามารถรักษาคำขวัญหลักของการปฏิวัติอิสลามให้อยู่ในระดับที่มั่นคงที่มีความรื่นเริงจนกระทั่งถึงทุกวันนี้”

ท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า อิสรภาพและเสรีภาพ ประชาธิปไตย ความเชื่อมั่นต่อตัวเองของประชาชาติความยุติธรรมและการปฏิบัติตามหลักศาสนาและศาสนบัญญัติของอิสลาม คือ หลักการพื้นฐานของการปฏิวัติอิสลาม และกล่าวเสริมว่า “โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องอิสรภาพ ซึ่งถือว่าเป็นปฏิกิริยาของประชาชาติอิหร่านที่มีต่อการปกครองของต่างชาติในระยะกว่า 200 ปี โดยจะต้องกล่าวว่า “ประเทศนี้ที่มีความเป็นอิสรภาพ ในวันนี้จะเห็นว่าไม่มีประเทศใดที่เป็นอิสระเฉกเช่นเดียวกับอิหร่านอีกแล้ว และประชาชาติเดียวที่ในการลงคะแนนเสียงก็ไม่ได้รับอิทธิพลมาจากอำนาจใดๆทั้งสิ้น นั่นก็คือ ประชาชาติที่ยิ่งใหญ่ของอิหร่าน”

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ยังกล่าวถึง เสรีภาพ ซึ่งถือว่าเป็นหนึ่งในคำขวัญหลักของการปฏิวัติอิสลาม โดยกล่าวว่า “บางคนได้ใช้ประโยชน์อย่างไม่เป็นธรรมในเสรีภาพ โดยที่บอกว่า ไม่มีเสรีภาพในประเทศ และชาวต่างชาติก็สะท้อนให้เห็นในการโฆษณาชวนเชื่อของพวกเขา ในขณะที่ในประเทศนั้นมีอิสรภาพทางความคิด การแสดงออกและเสรีภาพในการเลือกอีกด้วย”

ท่านผู้นำสูงสุด ยังชี้ให้เห็นว่า ในวันนี้ไม่มีผู้ใดในสาธารณรัฐอิสลาม เนื่องด้วยกับความขัดแย้งทางความคิดและความคิดเห็นของเขากับรัฐบาล เขาก็ไม่ได้ถูกกดดันจากรัฐบาลแต่อย่างใด แต่ทว่า เสรีภาพของสาธารณรัฐอิสลามนั้นก็มีกรอบและขอบเขตที่จำกัด เหมือนกับประเทศอื่นของโลกเช่นกัน”

ผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังเน้นว่า “ขอบเขตของเสรีภาพในสาธารณรัฐอิสลาม คือ รัฐธรรมนูญและกฎหมายของประเทศ" ซึ่งทั้งหมดนั้นได้รับแรงบันดาลใจมาจากศาสนบัญญัติ”

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ถือว่า ประชาธิปไตย เป็นหนึ่งในหลักการพื้นฐานของสาธารณรัฐอิสลาม และกล่าวว่า “ในช่วง40 ปีที่ผ่านมา ได้มีการจัดเลือกตั้งในทุกปีหรือสองปีครั้ง และประชาชนก็ได้เข้าร่วมอย่างมีเสรีและมากมาย ซึ่งผลที่ได้รับ ก็คือ การเข้ามาของรัฐบาลที่มีแนวโน้มทางการเมืองต่างๆในช่วงสี่ทศวรรษที่ผ่านมา”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า ความเชื่อมั่นในตนเองของประชาชาติ คือ หนึ่งในคำขวัญของการปฏิวัติอิสลาม และท่านยังชี้ถึงประเด็นเรื่องความยุติธรรม โดยกล่าวเสริมว่า "เมื่อไม่กี่สัปดาห์ก่อน ข้าพเจ้าได้พูดถึงเรื่องความยุติธรรมที่บางคนที่ประสงค์ร้ายต่างเข้าใจว่า สาธารณรัฐอิสลามนั้นไม่ได้ทำอะไรในเรื่องความยุติธรรมเลย ในขณะที่ในเรื่องความยุติธรรมนั้นมีการกระทำที่ดีเป็นอย่างมาก แต่ความคาดหวังของรัฐอิสลามในเรื่องความยุติธรรมนั้นยังคงอยู่ไกลเกินกว่าในสถานการณ์ปัจจุบัน”

ท่านผู้นำสูงสุดของการปฏิวัติอิสลาม ได้กล่าวถึงเรื่องนี้ที่ได้รับรายงานจากทั้งสองสถิติของโลก โดยกล่าวว่า “ตามการรายงานสถิติของศูนย์สถิตินานาชาติระบุว่า อัตราค่าที่แสดงถึงช่องว่างทางสังคมก่อนการปฏิวัติที่สูงขึ้นถึง 50 % ในขณะที่ในปี 94 ได้ลดลงเหลือ 38% และตามรายงานสถิติ ยังระบุอีกว่า ก่อนการปฏิวัติเกี่ยวกับความยากจนในประเทศมีถึง 46% และขณะที่ในปี 93 ได้ลดลงเหลือ 9.5 %”

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ยังกล่าวถึงการปฏิบัติตามศาสนาและหลักศาสนบัญญัติ โดยกล่าวว่า “ด้วยกับการดำรงอยู่ของสภาผู้พิทักษ์ ทำให้เรื่องนี้นั้นได้ถูกบังคับใช้ในกฏหมายมาเป็นระยะเวลา 40 ปีที่ผ่านมา และด้วยเหตุนี้เอง จึงทำให้ชาติมหาอำนาจ ผู้อหังการ ต้องทำการคัดค้านกับสภาแห่งนี้”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังกล่าวถึงผลงานของเจ้าหน้าที่ทางการปฏิบัติโดยกล่าวเช่นกันว่า “ในช่วงสี่สิบปีที่ผ่านมา ผลงานของเจ้าหน้าที่ในการรักษาความปลอดภัยและความมั่นคง วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีโครงสร้างพื้นฐาน (เช่น แนวทางในการเชื่อมสัมพันธ์ การสร้างเขื่อน โรงไฟฟ้า และท่าเรือ เป็นต้น) การส่งออกสินค้าที่ไม่ใช่น้ำมัน และการพัฒนาทางสังคม คือ เป็นสิ่งที่ดีเป็นอย่างมากและเป็นสถิติที่ดีทีเดียว แต่เหล่าศัตรูก็กำลังพยายามที่จะปกปิดข้อเท็จจริงเหล่านี้ในการโฆษณาชวนเชื่อ เพื่อให้เกิดแง่ร้ายในหัวใจของประชาชนที่มีต่อการปฏิวัติและรัฐอิสลาม”

ส่วนต่อไปของคำปราศรัยของท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม โดยเฉพาะในประเด็นเรื่องความจำเป็นและการใช้ประโยชน์อย่างมีคุณค่าจากขีดความสามารถและศักยภาพต่างๆของทรัพยากรมนุษย์และธรรมชาติเพื่อในการพัฒนาประเทศอิหร่าน

“เยาวชนที่มีการศึกษาและความพยายามอย่างมุ่งมั่น” คือ หนึ่งในขีดความสามารถที่ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอีได้ชี้ถึง

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ยังชี้ถึงการเพิ่มขึ้นของประชากรนักศึกษาถึง 23 เท่า เมื่อเทียบกับช่วงก่อนการปฏิวัติอิสลาม รวมทั้งการปรากฏตัวของเยาวชนในด้านอื่นๆ ของสถาบันทางศาสนา วิทยาศาสตร์ อุตสาหกรรม วัฒนธรรมและการศึกษา โดยกล่าวเสริมว่า “ช่างน่าเสียใจเป็นอย่างยิ่งที่ยังไม่ได้มีการใช้ประโยชน์อย่างถูกต้องกับเหล่าเยาวชนนี้และยังไม่ได้ใช้ประโยชน์จากพวกเขาอีกด้วย และด้วยเหตุนี้ ข้าพเจ้าจึงขอย้ำว่า ไม่ว่าในที่ใดก็ตาม บรรดาเยาวชนทั้งหลายจะต้องมีการดำเนินการด้วยกับตัวของพวกเขา ทั้งในการจัดตั้งและการผลิตนวัตกรรมใหม่ๆ”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ไม่ถือว่า การมีเครื่องมือแต่ไม่ได้ใช้ประโยชน์จากมัน เป็นการเคลื่อนไหวทางวัฒนธรรม โดยกล่าวว่า “เยาวชนทั้งหลายสามารถที่จะทำงานและมีบทบาทในการพัฒนาของประเทศได้ และแน่นอนว่า เจ้าหน้าที่นั้นควรที่จะมีการวางแบบแผนที่เกี่ยวข้องกับเยาวชนแบบครบวงจรอีกด้วย”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า "กระแสคลื่นของประชากร" เป็นอีกหนึ่งในความเป็นไปได้ที่สำคัญของอิหร่านและท่านยังกล่าววิพากษ์วิจารณ์ต่อฝ่ายต่อต้านในการเพิ่มจำนวนประชากรของประเทศ โดยกล่าวว่า “ควรที่จะต้องมีการติดตามและดำเนินการในนโยบายเรื่องของการเพิ่มประชากรในประเทศ”

ท่านผู้นำสูงสุด ยังกล่าวเตือนถึงปัญหาของพวกตะวันตกในการกำหนดนโยบายในการจำกัดประชากร โดยกล่าวเสริมว่า “ผลของนโยบายนี้ที่ได้เกิดขึ้นในประเทศอิสลาม ก็คือ การห้ามไม่ให้ประชากรคนหนุ่มสาวขึ้นมามีบทบาทในประเทศ ในขณะที่ทรัพยากรทางมนุษย์นั้นไม่สามารถที่จะนำเข้ามาได้ และประเทศจะต้องมีสามารถในการตอบสนองถึงความต้องการของวันพรุ่งนี้ ด้วยกับการใช้ประโยชน์จากคนหนุ่มสาวที่มีความกระตือรือร้นและมีประสิทธิภาพ”

“ข้อได้เปรียบทางภูมิศาสตร์และทรัพยากรทางธรรมชาติที่มีคุณค่า คือ หนึ่งในความกว้างขวางของพื้นที่ การอยู่ใกล้เคียงกับน่านน้ำอิสระ การอยู่ติดกันประเทศเพื่อนบ้านทั้ง 15 ประเทศ และการเป็นจุดเชื่อมต่อทางตะวันออกกับตะวันตกและทางเหนือกับใต้ ถือว่าเป็นจุดบวกของประเทศ” ที่ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลามได้ชี้ถึง

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี กล่าวว่า “ประเทศอิหร่าน อันทรงเกียรตินั้น ถือว่า เป็นประเทศแรกของโลกในแง่ของปริมาณแหล่งน้ำมันและก๊าซธรรมชาติ แต่ในขณะนี้ แหล่งที่มานี้กลับไปขายให้กับต่างชาติโดยที่ไม่มีการเพิ่มมูลค่า แต่ปริมาณทรัพยากรเหล่านี้นั้นมีความสำคัญอย่างมากและเหล่าศัตรูมักพยายามที่จะครอบงำอิหร่านด้วยกับเหตุผลนี้”

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ได้กล่าวสรุปในช่วงนี้ถึงความเป็นไปได้และขีดความสามารถของประเทศ โดยเน้นว่า “ถ้าหากว่า เราได้ใช้ขีดความสามารถอันมากมายนี้ด้วยกับการเข้าร่วมของเยาวชนทั้งหลายและผู้บริหารที่มีความสามารถมาร่วมด้วย เศรษฐกิจของอิหร่านก็จะเพิ่มขึ้นเป็นหนึ่งใน12 ประเทศที่พัฒนาแล้วของโลกเลยทีเดียว”

หลังจากนั้น ท่านผู้นำสูงสุดได้กล่าวถึงสาเหตุและอุปสรรคของการใช้ขีดความสามารถที่ไม่สมบูรณ์

อุปสรรคแรกที่ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลามได้ชี้ก็คือ “การขาดความเชื่อมั่นหรือการไม่ให้ความสำคัญของเจ้าหน้าที่บางคนในรัฐบาลต่างๆ ต่อขีดความสามารถของประเทศ”

ท่านผู้นำยังชี้ถึงการพัฒนาในอุตสาหกรรมและเทคโนโลยีสมัยใหม่ โดยกล่าวเสริมว่า “ในวันที่เราได้เริ่มต้นในอุตสาหกรรมทางนิวเคลียร์ แม้แต่นักวิชาการรุ่นเก่าบางคนกลับปฏิเสธถึงความสามารถของคนหนุ่มสาวในวงการอุตสาหกรรมนี้ แต่ในวันที่อุตสาหกรรมทางนิวเคลียร์นี้ได้บรรลุถึงจุดสูงสุด พวกเขาเหล่านั้นก็ออกมายอมรับว่า เยาวชนคนหนุ่มสาวของอิหร่านนั้น เมื่อพวกเขามีความต้องการและพวกเขาก็มีความสามารถ”

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ถือว่า ความท้าทายที่สำคัญที่สุดของประเทศ คือ ความท้าทายทางสมองและการเข้าใจที่ไม่ถูกต้องของความคิดเห็นทั่วไปของประชาชนและเจ้าหน้าที่บางคนเกี่ยวกับความมั่งคั่งทางทรัพยากรมนุษย์และธรรมชาติของอิหร่าน โดยกล่าวว่า “ศัตรูได้ใช้ประโยชน์จากการไม่เข้าใจอันนี้ในการฉวยโอกาสและบอกว่า ชาวอิหร่านนั้นไม่สามารถ และอิหร่านก็ไม่มีทรัพยากรที่เพียงพอ แต่ข้าพเจ้าจะขอย้ำว่า เรานั้นมีความสามารถและอิหร่านก็มีสิ่งอำนวยความสะดวกจำนวนมากมายมหาศาลอีกด้วย”

ท่านผู้นำสูงสุด เน้นว่า เจ้าหน้าที่จำเป็นที่จะต้องมีความเชื่อมั่นต่อพลังและความสามารถของเยาวชนคนหนุ่มสาวและเหล่าเยาวชนทั้งหลายก็จะต้องมีความคิดสร้างสรรในการปฏิบัติงานโดยปราศจากความเหน็ดเหนื่อยและจะต้องไม่ย่อท้อต่อการไม่รู้จักคุณค่าของบางคนอีกด้วย”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า อุปสรรคอีกอย่างหนึ่งในการพัฒนาของประเทศ ก็คือ การปฏิบัติที่น้อยนิดเและความเกียจคร้านของเจ้าหน้าที่บางคน โดยกล่าวว่า “ข้อกำหนดของประเทศนี้ ก็คือ การปฏิบัติอย่างเต็มขีดความสามารถ ดังนั้น เจ้าหน้าที่จะต้องเพิ่มความพยายามของพวกเขา”

การเชื่อมั่นต่อต่างชาติ เป็นอีกอุปสรรคหนึ่งที่ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลามได้ชี้และกล่าวว่า “ประชาชนทั้งหลายในการเผชิญหน้ากับต่างชาติ อย่าคิดว่า พวกเขานั้นไม่มีปฏิกิริยาตอบโต้ ในขณะที่เจ้าหน้าที่บางคนกลับมีความไว้วางใจต่อต่างชาติมากกว่าภายในเสียอีก”

ท่านผู้นำสูงสุด ถือว่า การปฏิบัติตามนโยบายของธนาคารโลก นโยบายในการปรับเศรษฐกิจและสนธิสัญญาระหว่างประเทศบางประการ ในทางตรงกันข้ามกับการไม่ใส่ใจต่อเศรษฐกิจภายในและเศรษฐกิจต้านทาน เป็นหนึ่งในอุปสรรคของการพัฒนาในประเทศ โดยกล่าวว่า “การผลิตภายใน หมายถึง การผลิตทางความมั่งคั่งโดยการใช้ประโยชน์จากทรัพยากรในประเทศ มิใช่เป็นการยึดเกี่ยวกับต่างชาติ”

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี กล่าวเสริมว่า “ขณะที่ในหลายปีที่ผ่านมา รัฐบาลต่างๆก็ได้หาแนวทางในการกู้เงินจากธนาคารโลกและกองทุนการเงินระหว่างประเทศ แต่ข้าพเจ้านั้นไม่ยอมรับ เพราะว่า การติดหนี้สินต่างชาติถือว่าเป็นข้อผิดพลาดอันใหญ่หลวง แต่ทว่า การผลิตภายใน ก็มิได้หมายถึง การปิดประตูของประเทศ แต่หมายถึง เศรษฐกิจของประเทศนั้นจะต้องมีการผลิตภายในและจะต้องมีการส่งออกนอกประเทศอีกด้วย”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า การแบ่งพรรคแบ่งพวกทางการเมือง เป็นอีกอุปสรรคหนึ่งในการพัฒนาของประเทศ โดยกล่าวว่า “การทำงานที่ดีที่ผู้ใดก็ตามที่ได้กระทำไว้ ควรที่จะส่งเสริมให้อยู่ในทิศทางของการบริหารจัดการและการตัดสินใจ อีกทั้งการละเว้นในการงานที่ดี ซึ่งการงานนั้นเป็นผลงานของฝ่ายตรงข้าม ถือว่าเป็นสิ่งที่ผิดพลาดอย่างยิ่ง”

การขาดปราบปรามอย่างจริงจังกับการทุจริตคอร์รัปชั่น เป็นอีกอุปสรรคหนึ่งของการพัฒนาในประเทศ ซึ่งท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลามได้ชี้ถึง

ในขณะเดียวกัน ท่านผู้นำสูงสุดยังกล่าวเสริมว่า “การทุจริตที่มีการพูดถึงและเผยแพร่นั้น ยังคงไม่เกิดขึ้นในประเทศ เพราะว่าผู้บริหารส่วนใหญ่ในประเทศนั้นเป็นผู้ศรัทธาที่มีความบริสุทธิ์ แต่การมีการทุจริต แม้เพียงเล็กน้อยก็ถือว่าจะเป็นอันตรายและต้องมีการต่อสู้อย่างจริงจัง และจะต้องไม่นิ่งเฉย เพราะหลังจากที่มีการแน่ชัดในการต่อสู้กับการปราบปรามการทุจริต”

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ถือว่า การพึ่งพาน้ำมันของประเทศ คือ อีกหนึ่งในอุปสรรคที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในการพัฒนาของประเทศ และเน้นถึงอิหร่านควรที่จะหยุดในการพึ่งพาเศรษฐกิจจากน้ำมัน โดยกล่าวเสริมว่า “เราจะต้องเป็นอิสระในการพึ่งพาน้ำมันจากเศรษฐกิจของประเทศ ซึ่งเรานั้นมีน้ำมันอยู่ในมือ ไม่ใช่พลังงานของเราคือน้ำมัน และเราก็ไม่ควรที่ปล่อยให้ศัตรูได้ใช้ประโยชน์จากนี้โดยการใช้มาตรการในการคว่ำบาตรและนโยบายต่างๆ เช่น การลดราคาน้ำมัน เป็นต้น”

การดำรงอยู่ของข้อบกพร่องหลักบางประการในวิถีการดำเนินชีวิตของประชาชน อันได้แก่ ความสุรุ่ยสุร่าย การบริโภคนิยม การมีสวัสดิการที่เกินเลยและการมีพฤติกรรมแบบชนชั้นสูง รวมทั้งการบริโภคสินค้าต่างชาติ เป็นอุปสรรคอีกประการหนึ่งที่ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ได้ชี้ถึงในการพัฒนาของประเทศ

ท่านผู้นำสูงสุด ยังเน้นว่า “ทุกๆคนจะต้องมีความคลั่งไคล้ในเศรษฐกิจของชาติและการบริโภคสินค้าภายในประเทศ หากว่าเยาวชนของเรานั้นมีความคลั่งไคล้ในเศรษฐกิจภายในประเทศและการผลิตแห่งชาติมากเท่าที่กับพวกเขานั้นได้คลั่งไคล้อยู่ในวงการฟุตบอลและชอบทีมสีน้ำเงินและสีแดงหรือบางสโมสรของต่างประเทศแล้วไซร้ เศรษฐกิจของประเทศก็จะได้รับการแก้ไขอย่างแน่นอน”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ได้กล่าวถึงความสำคัญ ความจำเป็นและวิธีการในปฏิบัติ ตามคำขวัญประจำปีใหม่นี้ คือ "การสนับสนุนสินค้าอิหร่าน"

ในช่วงแรกของประเด็นนี้ ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลามได้ปฏิเสธมุมมองที่กล่าวหาว่าคำขวัญของปีนั้น ไม่มีประโยชน์ใดๆ เพราะว่าไม่ได้ถูกนำไปปฏิบัติโดยเจ้าหน้าที่ และท่านกล่าวเสริมว่า “การจัดตั้งคำขวัญประจำปีโดยมีเป้าหมายสองประการด้วยกัน คือ การกำหนดทิศทางในนโยบายของการบริหารจัดการกับการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่รัฐฯ และการให้ความสนใจกับวิสัยทัศน์ของสาธารณชนต่อปัญหาและความต้องการที่สำคัญของประเทศ”

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ยังชี้อีกว่า “แต่เจ้าหน้าที่รัฐฯนั้น จะต้องมีการปฏิบัติงานอย่างสุดความสามารถและความพยายามของพวกเขา หากว่ามีความพยายามที่มากเพิ่มขึ้น ผลลัพท์ก็จะเพิ่มมากขึ้นอีกด้วยเช่นกัน”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า สินค้าของอิหร่านนั้นเป็นผลผลิตสุดท้ายในการวางแบบแผน การลงทุน และการทำงานของภาคส่วนต่างๆของประชาชนและเจ้าหน้าที่รัฐฯ ซึ่งมีความยิ่งใหญ่และความสำคัญอย่างมาก โดยกล่าวเสริมว่า “นักเคลื่อนไหวทางเศรษฐกิจและผู้ผลิตทั้งหลายด้วยกับการลงทุน การวางแบบแผนโดยเจ้าหน้าที่รัฐฯ เยาวชนคนหนุ่มสาวด้วยกับความรู้และการออกแบบ และคนงานด้วยกับการมุมานะในการทำงานและความพยายาม ได้สร้างผลผลิตให้กับสังคม นอกเหนือจากนั้น ประชาชนก็ต้องเข้ามามีบทบาทด้วยเช่นกัน ในการผลิต ซึ่งจะต้องมีความคลั่งไคล้ในการซื้อและการบริโภคสินค้าอิหร่าน โดยจะต้องเป็นผลผลิตสุดท้ายของความพยายามในการทำงานและต้องให้การสนับสนุน”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังกล่าวถึงวิธีการในการให้การสนับสนุนสินค้าอิหร่าน ก็คือ การงานแบบแผนเพื่อเพิ่มในการผลิต การปรับปรุงคุณภาพของสินค้า การเปรียบความต้องการประจำวันและวิถีในการเป็นอยู่ของประชาชน การลดราคา อีกทั้งในการแข่งขันระหว่างสินค้าอิหร่านกับสินค้าจากต่างชาติ

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ถือว่า การสำรวจตลาดในการส่งออก เป็นอีกหนึ่งวิธีการในการสนับสนุนสินค้าอิหร่าน และท่านยังได้ชี้ถึงภารกิจอันหนักอึ้งของกระทรวงการต่างประเทศ เจ้าหน้าที่ทางการค้าและนักเคลื่อนไหวทางเศรษฐกิจ โดยกล่าวเสริมว่า “หากว่า เราสามารถที่จะขจัดความต้องการของตลาดเพื่อนบ้านของอิหร่านทั้งหมด15 ประเทศได้ถึง 20% ด้วยกับสินค้าที่มีคุณภาพของอิหร่าน ก็จะถือว่าเป็นการสร้างงานและการเพิ่มความมั่งคั่งให้กับประเทศชาติอีกด้วย”

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี หลังจากนั้นได้กล่าวถึงเหตุผลและวิธีการในการสนับสนุนสินค้าอิหร่าน โดยท่านชี้ถึงความจำเป็นและพื้นฐานของการบรรลุผลในคำขวัญประจำปีนี้

การดำเนินการของรัฐบาลในการจัดการในการนำเข้าอย่างจริงจัง" (ไม่ว่าจะเป็นการนำเข้าของรัฐบาลหรือการนำเข้าของภาคเอกชนก็ตาม) และการปฏิเสธอย่างเต็มที่รูปแบบในการนำเข้าสินค้าที่ผลิตขึ้นเองหรือมีความสามารถที่จะผลิตภายในประเทศได้ นี่คือเป็นจุดแรกที่ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลามเน้นในการปราศรัยครั้งนี้

ท่านผู้นำสูงสุด ถือว่า ปัญหาหลัก ก็คือ ผลกระทบของการนำเข้าที่เป็นอันตรายต่อการผลิต โดยกล่าวเสริมว่า "สินค้าต่างชาติได้เข้ามายังประเทศเหมือนดั่งห่าฝน ในขณะที่เรานั้นยังได้วิพากษ์วิจารณ์ในการว่างงานอยู่อีก”

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ถือว่า การต่อสู้อย่างจริงจังกับสินค้าที่หนีภาษี คือ ความจำเป็นประการที่สองในการสนับสนุนสินค้าอิหร่าน โดยกล่าวเสริมอีกว่า “ประชาชนจะต้องหลีกเลี่ยงจากการซื้อขายสินค้าที่หนีภาษีและบริโภคสินค้านั้น เพื่อที่จะไม่อำนวยประโยชน์ให้กับเหล่าพวกหนีภาษี”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังเน้นย้ำถึงการลงทุนของนักเคลื่อนไหวทางเศรษฐกิจ โดยกล่าวเสริมว่า “การลงทุนเช่นนี้ ขณะที่มีผลกำไรอย่างแน่นอน หากว่ามีเจตนาที่บริสุทธิ์ในการพัฒนาของประเทศ ก็จะถือว่าเป็นการอิบาดัต(การเคารพภักดี)ต่อพระผู้เป็นเจ้าอีกด้วย”

ในบทสรุปของการปราศรัยของท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลามเกี่ยวกับคำขวัญประจำปี ก็คือ “เราในฐานะเจ้าหน้าที่ นักเคลื่อนไหวทางเศรษฐกิจ บรรดาผู้ขายและผู้บริโภคทุกคน จะต้องมีความกระตือรือร้นและคลั่งไคล้ในการสนับสนุนสินค้าอิหร่าน”

ในช่วงท้ายของการปราศรัยของท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ท่านได้ชี้ถึงปัญหาในภูมิภาคและการกระทำอันชั่วร้ายของพวกอเมริกา โดยกล่าวว่า “ในปีที่ผ่านมา สาธารณรัฐอิสลามได้ชูธงชัยแห่งเกียรติยศและการมีอำนาจของประชาชาติอิหร่านในภูมิภาคนี้และการเข้ามามีบทบาทที่สำคัญในการกำจัดกลุ่มก่อการร้ายตักฟีรีย์และยังสร้างความมั่นคงให้กับภูมิภาคนี้อีกด้วย”

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี เน้นถึงสาธารณรัฐอิสลามด้วยการดำเนินการอันยิ่งใหญ่นี้ ได้ทำให้แผนการร้ายของสหรัฐนั้นต้องพินาศ โดยกล่าวเสริมว่า “ชาติมหาอำนาจนานาชาติได้เข้ามาแทรกแซงกิจการภายในของภูมิภาคในส่วนต่างๆมาโดยตลอด แต่กลับมาคัดค้านต่อสาธารณรัฐอิสลามว่า ทำไมอิหร่านจะต้องเข้าไปแทรกแซงในภูมิภาคนี้ด้วย?ขณะที่เราจะตอบว่า ในเรื่องนี้มันไปเกี่ยวอะไรกับพวกคุณหรือ?

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังเน้นถึงปรากฏตัวของสาธารณรัฐอิสลามแห่งอิหร่านในบางประเทศในภูมิภาคนี้โดยได้ดำเนินการโดยความประสงค์ของรัฐบาลทั้งหลายและประชาชาติต่างๆโดยกล่าวว่า “เราไม่ได้เป็นพวกอันธพาลหรือแทรกแซงในกิจการภายในของประเทศต่างๆ แต่พวกเขานั้นขอความช่วยเหลือจจากเราและเราก็ให้การช่วยเหลือ ซึ่งการช่วยเหลืออันนี้ก็เกิดขึ้นจากการตรวจสอบที่เป็นตรรกะและด้วยกับการคิดคำนวณที่สมเหตุสมผลอย่างมาก ไม่ใช่เกิดขึ้นจากความรู้สึกแต่อย่างใด”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังชี้ถึงแผนการร้ายของสหรัฐในภูมิภาค โดยกล่าวว่า “สหรัฐได้สร้างกลุ่มก่อการร้ายที่ชั่วร้าย อันธพาลที่กดขี่ ดั่งเช่น กลุ่มก่อการร้ายไอซิส โดยทำให้ประเทศในภูมิภาคต่างหมกมุ่นกับสงครามกลางเมือง เพื่อเบี่ยงเบนความสนใจของสาธารณชนออกจากรัฐเถื่อนไซออนิสต์ แต่ด้วยกับความประสงค์ของพระผู้เป็นเจ้า เราได้ทำให้แผนการร้ายเหล่านั้นล้มเหลวลง”

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ยังชี้ถึงข้ออ้างของสหรัฐว่ามีบทบาทในการปราบปรามกลุ่มก่อการร้ายไอซิส โดยเน้นว่า “ข้อกล่าวอ้างนี้ถือว่าเป็นเรื่องโกหกทั้งเพ เพราะว่านโยบายของสหรัฐฯ ก็คือ การรักษากลุ่มไอซิสและกลุ่มก่อการร้ายอื่นๆ แต่ทว่าพวกเขานั้นจะต้องได้รับการดูแลจากสหรัฐอีกด้วย”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังเน้นว่า พวกสหรัฐนั้นไม่ต้องการที่จะทำลายกลุ่มก่อการร้ายไอซิส โดยกล่าวเสริมว่า “นอกเหนือจากนี้ประเด็นนี้ สหรัฐฯก็ยังไม่สามารถรักษาความปลอดภัยให้กับภูมิภาคนี้ได้ ตัวอย่างที่เด่นชัด ก็คือ การปรากฏตัวของสหรัฐในอัฟกานิสถานถึง 14 ปี ด้วยกัน ก็ยังไม่สามารถทีจะสร้างความมั่นคงให้กับชาวอัฟกานิสถานได้ แต่ก็ยังจะทำให้สถานการณ์ทางความมั่นคงนั้นเลวร้ายลงอีกด้วย”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ได้เน้นว่า “สาธารณรัฐอิสลามแห่งอิหร่านต่างหากที่มีความสามารถในการสร้างความมั่นคงในภูมิภาคได้” โดยกล่าวว่า “หลังจากนี้ก็จะเป็นเช่นนั้น และไม่ต้องสงสัยเลยว่า สหรัฐอเมริกานั้นจะไม่บรรลุยังเป้าหมายในภูมิภาคนี้อย่างแน่นอน ในขณะที่สาธารณรัฐอิสลามแห่งอิหร่านจะบรรลุเป้าหมายทั้งหมดของตนในภูมิภาคนี้ด้วยกับความโปรดปรานจากพระผู้เป็นเจ้า”

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ในช่วงท้ายได้กล่าวสรุปในการปราศรัยครั้งนี้ถึง 5 ประเด็นที่สำคัญด้วยกัน ดังนี้

1.ในประเทศนั้นไม่มีปัญหาใดที่จะไม่สามารถแก้ไขได้และกุญแจที่สำคัญในการแก้ไขปัญหาก็อยู่ในมือของเจ้าหน้าที่และประชาชาติอิหร่าน อีกทั้งไม่ได้อยู่ในมือของชาวต่างชาติแต่อย่างใด

2.การปฏิวัติอิสลามได้มีการพัฒนาก้าวหน้าด้วยกับการมีพลังอำนาจและการรักษาในคำขวัญต่างๆของปีและหลักการพื้นฐาน ทั้งนี้ ในช่วงสี่สิบปีของการปฏิวัติอิสลาม ก็ถือว่าเป็นช่วงเวลาแห่งการเจริญวัยที่มีความรื่นเริงและไม่ใช่ช่วงเวลาแห่งวัยชราและความล่าช้า

3.เยาวชนทั้งหลาย คือ ทุนอันทรงคุณค่าและเป็นความหวังของประเทศ ที่จะต้องมีบทบาทที่สำคัญในภาคสนามต่างๆ เช่น ในทางอุตสาหกรรม วัฒนธรรมและศิลปะ ทางการทหาร การบัญชาการ และในการบริหารจัดการ ซึ่งในการบริหารจัดการนั้น จะต้องมีการใช้ทุนอันทรงคุณค่านี้อย่างมากกว่าที่สุด

4.แม้ศัตรูจะสิ้นหวังจากรุ่นที่สามและรุ่นที่สี่ของการปฏิวัติอิสลาม การยึดมั่นและความมั่นคงของสองรุ่นนี้ก็ถือว่ามีความลึกซึ้งเป็นอย่างมากและถ้าหากว่าไม่ได้มากกว่ารุ่นแรกของการปฏิวัติอิสลาม ก็ถือไม่ได้น้อยกว่าเสียอีก

5.ศัตรูได้พยายามอย่างมากที่จะทำให้ปัญหานั้นใหญ่เกินความจริง และทั้งหมดของปัญหานั้นจะได้รับแก้ไขโดยเยาวชนทั้งหลาย และด้วยกับความประสงค์ของพระผู้เป็นเจ้า ด้วยเหตุนี้เอง จึงทำให้ศัตรูนั้นรู้สึกไม่พอใจและมีความโกรธต่อการเติบโตของรุ่นเยาวชนเหล่านี้

ท่านผู้นำสูงสุดของการปฏิวัติอิสลาม ยังกล่าวจบด้วยประโยคที่ว่า "เยาวชนทั้งหลายที่มีเกียรติของอิหร่าน จะทำให้ประเทศนี้ดีขึ้นยิ่งกว่าเดิมจากความคิดของชนรุ่นก่อนๆ และจะชูธงชัยแห่งความเป็นอิสรภาพ ศักดิ์ศรีและเกียรติยศของประเทศให้สูงยิ่งขึ้นไปอีกด้วย”

ก่อนการปราศรัยของท่านผู้นำสูงสุดของการปฏิวัติอิสลาม ฮุจญตุลอิสลาม ราอีซี ผู้ดูแลฮะรัมท่านอิมามริฎอ ได้กล่าวรายงานเกี่ยวกับการดำเนินการของฮะรัมอันศักดิ์สิทธิ์ ในการให้บริการกับกลุ่มชนที่ด้อยโอกาสในการอำนวยความสะดวกเพื่อการแสวงบุญ การขยายและการพัฒนาในแนวความคิดในการให้บริการของฮะรัมอิมามริฎอ (อ.) การเข้าร่วมของกลุ่มอาสาสมัครญิฮาดีในพื้นที่ด้อยโอกาส การจัดกิจกรรมทางวัฒนธรรมและการเผยแพร่และการสนับสนุนต่อศิลปะและเหล่าศิลปินของการปฏิวัติอิสลาม

 

 

700 /