สำนักผู้นำสูงสุดซัยยิด อาลี คาเมเนอี

รัฐมนตรีซีเรียและคณะนักวิชาการศาสนาซีเรียเข้าพบท่านผู้นำสูงสุด

“วันที่พวกท่านจะไปนมาซญะมาอัต ณ อัลกุดส์ใกล้เข้ามาถึงแล้ว”

เมื่อช่วงบ่ายของวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา รัฐมนตรีวะกัฟของซีเรียและคณะนักวิชาการศาสนาชาวซีเรียได้เข้าพบปะกับท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี โดยท่านผู้นำได้ชี้ถึงการสนับสนุนของสาธารณรัฐอิสลามที่มีต่อซีเรียในการต่อสู้กับเหล่าศัตรูอิสลาม ซึ่งถือว่า ชัยชนะนั้นจะมีต่อประชาชาติที่ศัรทธาและนักต่อสู้ โดยท่านเน้นถึงความจำเป็นในความใส่ใจต่อเอกภาพของอิสลาม โดยกล่าวว่า “เราหวังเป็นอย่างยิ่งว่า เราจะได้เห็นพวกท่านทั้งหลายไปร่วมกันทำนมาซญะมาอัตในอัลกุดส์ (เยรูซาเล็ม)กัน”

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ยังกล่าวขอบคุณต่อประธานาธิบดีบัชชาร อัสซาด โดยกล่าวเสริมว่า “ในวันนี้ ซีเรียได้กลายเป็นแนวหน้าในการต่อสู้ ฉะนั้น หน้าที่ของเราก็คือ เราจะต้องให้การสนับสนุนต่อการยืนหยัดของซีเรีย แต่ทว่าท่านบัชชาร อัสซาดนั้นคือนักต่อสู้ผู้ยิ่งใหญ่คนหนึ่งที่ได้ยืนหยัด ซึ่งถือว่าเป็นสิ่งที่สำคัญสำหรับประชาชาติหนึ่ง”

ท่านผู้นำสูงสูดการปฏิวัติอิสลาม ยังชี้ถึงความต่ำต้อยของบางประเทศที่เกิดขึ้นจากความต่ำต้อยของผู้นำของพวกเขา และท่านยังเน้นถึงศัตรูในขณะที่เผชิญหน้ากับประชาชาติที่มีเกียรติที่ผู้นำของพวกเขานั้นมีความภาคภูมิใจในอิสลามและอัตลักษณ์ของพวกเขา ซึ่งถือว่านี่คือเกียรติยศของพวกเขา ที่พวกศัตรูไม่สามารถจะกระทำสิ่งใดได้เลย โดยท่านผู้นำกล่าวว่า “ในขณะที่การปฏิวัติอิสลามนั้นกำลังจะย่างก้าวเข้าสู่ปีที่สี่สิบ ซึ่งนับจากวันแรกของการปฏิวัติอิสลาม เหล่ามหาอำนาจของโลก เช่น สหรัฐอเมริกา สหภาพโซเวียต องค์กรนาโต้และกลุ่มประเทศที่หลงผิดทั้งหลายต่างได้ร่วมมือกันเพื่อจ้องบ่อนทำลายสาธารณรัฐอิสลาม แต่ทว่า การปฏิวัติอันนี้ยังคงมีอยู่และจะมีการพัฒนาก้าวหน้าไปเรื่อยๆ”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังอธิบายถึงความเป็นจริงที่มีความหวังนี้ โดยกล่าวเสริมว่า  “การคงอยู่ของการปฏิวัติอิสลามของประชาชาติอิหร่าน แสดงให้เห็นถึง สิ่งที่สหรัฐ ประเทศยุโรป และเหล่ามหาอำนาจทางนิวเคลียร์ของโลกต้องการนั้นไม่อาจจะเกิดขึ้นได้ หากว่า เราทั้งหมดและกลุ่มมุกอวิมัตได้ยืนหยัดกันอย่างชัดเจน เหล่าศัตรูก็ไม่สามารถทำผิดพลาดใดๆได้อย่างแน่นอน”

ท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า สิ่งที่สำคัญที่สุดในชัยชนะก็คือความศรัทธาที่พร้อมทั้งการต่อสู้ โดยกล่าวว่า “ชัยชนะจะมีต่อผู้ศรัทธาที่เป็นนักต่อสู้ และหน้าที่ของเราก็คือ การสนับสนุน การปกป้องอิสลามและการขับเคลื่อนในอิสลาม ด้วยเหตุนี้เอง เราจะต้องออกห่างจากการสร้างความแตกแยก และเราจะต้องไม่ใส่ใจต่อการขับเคลื่อนที่ตรงกันข้ามกับเอกภาพ หากว่ามันไม่ได้เกี่ยวข้องกับนโยบายของมหาอำนาจโลก”

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ถือว่า หน้าที่ของประชาชาติอิสลาม ในการสร้างความแตกแยกที่เกิดขึ้นจากนโยบายของเหล่าชาติมหาอำนาจ เหมือนกับการปฏิบัติที่มีพวกซาอุดี้ คือ การปฏิบัติที่ชัดเจน โดยท่านกล่าวว่า “เราไม่ยอมรับพวกชีอะฮ์ในกรุงลอนดอน และพวกซุนนีที่สหรัฐและอิสราเอลได้ให้การสนับสนุนพวกเขา เพราะว่า อิสลามนั้นขัดแย้งกับเหล่าพวกปฏิเสธ ที่กดขี่ข่มเหงและพวกอหังการมหาอำนาจ”

ท่านยังชี้ถึงความเป็นเอกภาพในอิสลาม โดยกล่าวเสริมว่า “เราหวังเป็นอย่างยิ่งว่า เราทุกคนจะได้เห็นในวันนั้น คือวันที่พวกท่านทั้งหลายได้ร่วมกันทำนมาซญะมาอัตในอัลกุดส์ และวันนั้นจะคงไม่ช้าหรอกซึ่งจะเกิดขึ้นในเร็วๆวันนี้ ไม่ว่าพวกเราจะอยู่ร่วมด้วยหรือไม่ก็ตาม”

ท่านผู้นำสูงสุด ยังเน้นอีกว่า “เมื่อหลายปีที่ผ่านมา รัฐเถื่อนอิสราเอลเคยประกาศไว้ว่า สาธารณรัฐอิสลามแห่งอิหร่านในยี่สิบห้าปีข้างหน้าจะเป็นอย่างนั้น จะเกิดอย่างนี้ ในขณะที่เรากล่าวว่า พวกท่านนั้นจะอยู่ไม่เกินยี่สิบห้าปีหรอก”

ก่อนการปราศรัยของท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม พณฯ ท่าน นายอับดุซซัตตาร อัซซัยยิด รัฐมนตรีวะกัฟของซีเรีย ได้กล่าวสลามของประธานาธิบดีบัชชาร อัสซาดถึงยังท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม และประชาชาติอิหร่าน โดยกล่าวว่า  “เราขอกล่าวขอบคุณต่อจุดยืนอันแน่วแน่ของสาธารณรัฐอิสลามแห่งอิหร่านที่มีต่อประชาชาติซีเรียในการปกป้องสัจธรรมและการเผชิญหน้ากับกลุ่มผู้ก่อการร้ายตักฟีรีย์ ไซออนิสต์

รัฐมนตรีวะกัฟซีเรีย กล่าวอีกว่า “สาธารณรัฐอิสลามแห่งอิหร่านได้ยืนหยัดต้านทานกับเหล่าผู้กดขี่ของโลก จากเตหะรานจนถึงกรุงดามัสกัส และเลบานอน ซึ่งถือว่า นี่คือหน้าที่ๆสำคัญยิ่งสำหรับเราในการร่วมมือกันเป็นหนึ่งเดียวเพื่อปลดปล่อยอัลกุดส์ให้เป็นอิสระ”

เขากล่าวเสริมว่า “เราเชื่อในพันธสัญญาทีพระผู้เป็นเจ้าทรงมอบไว้ในการช่วยเหลือบรรดานักต่อสู้ที่อดทนและยังเชื่อในความเป็นผู้นำของพณฯท่านอีกด้วย”

 

700 /