เมื่อช่วงเช้าของวันอังคารที่ผ่านมา ชาวเมืองกุมหลายพันคนเข้าพบท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม อยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี โดยท่านผู้นำได้กล่าวยกย่องและชมเชยต่อการเคลื่อนไหวที่ยิ่งใหญ่ของประชาชาติอย่างเต็มความสามารถที่ตรงเวลาและมีความสามัคคีเมื่อหลายวันที่ผ่านมา และท่านยังเผยถึงมิติต่างๆในแผนการสมรู้ร่วมคิดของเหล่าศัตรูในการฉวยโอกาสจากข้อเรียกร้องอันชอบธรรมของประชาชน อีกทั้งท่านยังได้เน้นถึงคำพูดที่สำคัญต่อชาวอเมริกัน บรรดาเจ้าหน้าที่รัฐฯ และเหล่าประชาชนทั้งหลาย โดยกล่าวว่า “การยืนหยัดและการต่อสู้ของประชาชนกับการต่อต้านประชาชาติอิหร่านและการต่อต้านอิหร่าน อิสลามกับการต่อต้านอิสลาม ก็ยังคงดำเนินต่อไปอย่างต่อเนื่อง เหมือนดั่งในสี่สิบปีที่ผ่านมา แต่ทว่าด้วยกับความเจ้าเล่ห์เพทุบายของเหล่าศัตรู อย่าเป็นสาเหตุทำให้บรรดาเจ้าหน้าที่ทั้งหลายนั้นรู้สึกถึงความอ่อนแอ และเพิกเฉยต่อการแก้ไขปัญหาของประชาชน โดยเฉพาะกับกลุ่มชนที่ด้อยโอกาส”
ในช่วงแรกของการปราศรัย ท่านผู้นำสูงสุดแห่งการปฎิวัติอิสลาม ได้กล่าวเทอดเกียรติและร่วมรำลึกปีแห่งการต่อสู้ในวันที่19 เดือนเดย์ ปี 1356 (ปฏิทินอิหร่าน) โดยท่านถือว่า ชาวเมืองกุมเป็นประชาชนที่มีความกล้าหาญ เต็มไปด้วยกับความมุ่งมั่นและความหวัง อีกทั้งยังธำรงอยู่ในแนวทางที่เที่ยงตรงของการปฏิวัติอิสลาม และท่านยังกล่าวว่า “ประชาชนเมืองกุมในปีนี้ ก็เหมือนกับในหลายปีที่ผ่านมา พวกเขาได้เข้าร่วมในการเดินขบวนเมื่อวันที่ 9 เดย์ ที่ผ่านมา แต่หลังจากที่ผ่านไปสี่วัน จากการเกิดเหตุการณ์รุนแรงล่าสุด ในวันที่ 13 เดย์ พวกเขาก็ออกมาเคลื่อนไหวครั้งยิ่งใหญ่อีกครั้ง”
ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ยังเน้นถึงถ้อยคำที่มีต่อประชาชาติอิหร่าน โดยเฉพาะบรรดาเยาวชน เมื่อสี่สิบปีที่ผ่านมา ก็คือ การยืนหยัดต่อการเผชิญหน้ากับเหล่าผู้กดขี่และไม่ยอมศิโรราบให้กับมหาอำนาจชาติใดๆทั้งสิ้น และท่านยังกล่าวเสริมว่า “ประชาชาติอิหร่านก็เหมือนดังตรรกะเดิม ได้ดำเนินตามเป้าหมายอันสูงส่งด้วยตรรกะอันนั้นต่อไป แต่ด้วยความมุ่งมั่นที่มากกว่าและมีประสบการณ์มากกว่าที่ผ่านมา อีกทั้งเยาวชนในการปฏิวัติของประเทศก็มีปริมาณที่มากกว่าในช่วงเริ่มแรกของการปฏิวัติเสียอีก”
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อหลายวันที่ผ่านมา เป็นการยืนยันในการมีจิตวิญญาณของประชาชาติอิหร่าน โดยกล่าวว่า “จากวันที่ 9 เดย์ ประชาชาติอิหร่านได้มีการเคลื่อนไหวในหลายพื้นที่ทั่วประเทศ นับจากช่วงแรกที่มีการเล่นไฟและแผนการณ์ร้าย แต่ เมื่อเห็นว่า เหล่าสุนัขทาสรับใช้เหล่านี้ของศัตรูไม่ยอมหยุด ก็เลยต้องมีการเดินขบวนขึ้นอีกหลายครั้งในหลายวัน”
ท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลาม เน้นว่า การเดินขบวนนี้ มิใช่ปรากฏการณ์ธรรมดา แต่เป็นการเคลื่อนไหวที่ยิ่งใหญ่ เต็มไปด้วยกับความสามัคคีของประชาชน ในการเผชิญหน้ากับแผนการณ์ร้ายของศัตรูที่ในโลกนี้ เกิดขึ้นน้อยมากและเต็มด้วยกับความเป็นระเบียบ มีบะซีรัต และมีเจตนามุ่งมั่นอย่างแท้จริง
ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ยังได้อธิบายถึงการเคลื่อนไหวอย่างเสมอของประชาชาติ โดยกล่าวว่า “การต่อสู้นี้ของประชาชาติกับการต่อต้านประชาชาติ การต่อสู้ของอิหร่านกับการต่อต้านอิหร่าน การต่อสู้ของอิสลามกับการต่อต้านอิสลาม และหลังจากนี้ต่อไปการต่อสู้เช่นนี้ก็ยังคงมีอยู่อย่างต่อเนื่อง”
ท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลามยังตั้งข้อสังเกตอีกว่า “แต่ทว่าในการต่อสู้และการยืนหยัด อย่าได้เป็นสาเหตุให้มีการเพิกเฉยจากมติต่างๆของการดำรงชีวิต เช่น การพัฒนาก้าวหน้าและการรักษาความมั่นคงและความเรียบร้อย”
ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ถือว่า รากฐานที่มาของความเป็นปฏิปักษ์และแผนการสมรู้ร่วมคิดในการต่อต้านประชาชาติอิหร่าน ก็คือ การปฏิวัติอิสลาม โดยท่านเน้นว่า “การเคลื่อนไหวที่ล้มเหลวของศัตรูในช่วงสี่สิบปีที่ผ่านมา โดยมีจุดประสงค์เพื่อทำลายการปฏิวัติอิสลาม เพราะว่าการปฏิวัติอิสลามจะเป็นการตัดรากถอนโคนของการแทรกซึมทางการเมืองของเหล่าศัตรู”
ท่านผู้นำสูงสุด กล่าวว่า ในครั้งนี้ก็เช่นกัน ประชาชาติอิหร่านด้วยกับการยืนหยัดที่เหมือนดั่งสายเชือกที่แข็งแกร่งได้บอกกับเหล่าชาติมหาอำนาจ อเมริกา อังกฤษและลิ่วล้อในกรุงลอนดอนว่า พวกท่านนั้นไม่มีความสามารถและหลังจากนี้ก็จะไม่มีสามารถอีกด้วย”
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังชี้ถึงการใช้จ่ายหลายพันล้านๆดอลลาร์ ในการสร้างเครือข่ายและสมุนทาสรับใช้ที่ไม่หวังดีต่อประชาชาติอิหร่าน โดยการสร้างปัญหาให้เกิดขึ้นภายในประเทศ และท่านยังกล่าวเสริมว่า “เจ้าหน้าที่คนปัจจุบันของอเมริกาในกิจการทางการเมืองนั้นมีความมักง่ายอย่างเปิดเผย และในครั้งนี้พวกเขาก็กระทำผิดพลาดอีก โดยยอมรับในการสร้างเครือข่ายและลิ่วล้อ อีกทั้งค่าใช้จ่ายอันมหาศาลในการวางแผนการโดยหลอกลวงต่อรัฐบาลในประเทศแถบอ่าวเปอร์เซีย เพื่อที่จะทำให้ขยะมูลฝอยที่หนีออกจากอิหร่านได้กลับสู่สนามอีกครั้งหนึ่ง”
ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ยังชี้ถึงการปฏิบัติการของเหล่าศัตรูในหลายปีที่ผ่านมาในการจัดตั้งสื่อออนไลน์หลายพันช่อง และสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมหลายสิบช่อง การสร้างเหยื่อในการลอบสังหาร การระเบิด การส่งตัวแทนเข้าไปยังชายแดน การกล่าวหาประชาชาติด้วยกับการโกหก การดูถูกเหยียดหยามและการสร้างข่าวลือ และท่านกล่าวว่า “พวกเขาได้พยายามอย่างสุดความสามารถเพื่อที่จะเปลี่ยนแปลงทัศนติของประชาชาติ โดยเฉพาะกับเยาวชนทั้งหลาย แต่ผลที่ได้รับคือ การเกิดขึ้นของชะฮีดอย่างชะฮีดฮุญะญีและเหล่าชะฮีดทั้งหลายที่พวกเขาได้เอาตัวเป็นเกราะคุ้มกันในการปกป้องการปฏิวัติอิสลาม”
ท่านผู้นำกล่าวเสริมว่า “เหล่าศัตรู แม้กระทั่งในการแทรกซึมในบางหน่วยงานภายในได้หลอกลวงคนบางคนและเช่นกัน พวกเขายังได้กระโดดเข้ามายังสนามด้วยตัวเองอีก เหมือนกับที่พวกท่านทั้งหลายได้เห็นแล้วในการแทรกซึมของเจ้าหน้าที่อเมริกาเมื่อหลายวันที่ผ่านมา แต่พวกเขาก็ไม่มีความสามารถและล้มเหลวลงอย่างไม่เป็นท่าเลยทีเดียว”
ท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลาม ยังกล่าวขอบคุณต่อประชาชาติอิหร่าน โดยกล่าวว่า “ไม่ใช่เพียงครั้งเดียว แต่หลายครั้งในการขอบคุณต่อประชาชาติอิหร่าน ซึ่งประชาชาติอิหร่านถือว่าเป็นประชาชาติที่รุ่งเรือง มีบะซีรัต รู้จักรับผิดชอบต่อหน้าที่ มีความอุตสาหะ รู้จักเวลาและวินาทีที่สำคัญ และรู้ดีว่า เวลาไหนที่จะต้องมีเคลื่อนไหว”
ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ยังเน้นว่า “แม้ว่าเหล่าศัตรูจะรับเอาสารอันนี้ไป จากการโฆษณาชวนเชื่อของพวกเขาก็ตาม ผู้ที่ก่อความไม่สงบจำนวนร้อยคน พวกเขาอ้างว่ามีจำนวนพันคน และการเคลื่อนไหวของประชาชนหลายล้านคน ก็ถือว่ามีจำนวนน้อยนิด แต่ทว่า บรรดานักการเมืองทั้งหลายต่างเข้าใจดีในการเคลื่อนไหวครั้งนี้และจะมีสารให้กับพวกเขาด้วย”
ท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลาม กล่าวเสริมว่า ไประชาชาติอิหร่านด้วยกับการเคลื่อนไหวครั้งยิ่งใหญ่นี้ ได้สร้างความหวาดกลัวให้กับผู้กำหนดนโยบายให้กับเหล่าศัตรูเป็นอย่างมาก อีกทั้งยังทำให้ประชาชาติได้รู้แจ้งเห็นจริงและมีเจตนามุ่งมั่นที่เพิ่มขึ้นอีกด้วย”
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังชี้ถีงการวิเคราะห์ที่มากมาย เมื่อหลายวันก่อนจากฝ่ายต่างๆทั้งในสื่อสิ่งพิมพ์และโซเชียลมีเดีย โดยท่านกล่าวว่า ในทุกๆการวิเคราะห์ได้ชี้ถึงจุดร่วมอันเดียวกันที่ถูกต้อง นั่นคือ การมีความแตกต่างกันระหว่างข้อเรียกร้องที่ชอบธรรมของประชาชนกับพฤติกรรมอันป่าเถื่อนของกลุ่มชนที่สร้างความเสียหาย ซึ่งจะต้องมีดำเนินการในข้อเรียกร้องและความต้องการของประชาชน”
ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ยังกล่าวอีกว่า กลุ่มชนหนึ่งเรียกร้องสิทธิที่ถูกต้องของพวกเขา โดยได้มีการรวมตัวนั่นคือประเด็นหนึ่ง ส่วนกลุ่มหนึ่งที่ฉวยโอกาสอันนี้โดยกล่าวว่าร้ายต่ออัลกรุอานและอิสลาม และมีการดูถูกเหยียดหยามธงชาติของอิหร่าน อีกทั้งยังมีการจุดไฟเผามัสญิด ก็เป็นอีกประเด็นหนึ่ง”
ท่านผู้นำสูงสุด ยังกล่าวเสริมว่า “การประท้วงและการเรียกร้องจากประชาชนเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นมาโดยตลอดและขณะนี้ก็ได้เกิดขึ้นมาอีก และเช่นกันเมื่อปีที่ผ่านมา ได้มีประชาชนกลุ่มหนึ่งได้มารวมตัวกันในบางเมืองหรือหน้ารัฐสภาเพื่อเรียกร้องให้มีการแก้ไขปัญหาด้านทุนทรัพย์หรือบางสถาบันทางการเงิน ก็ไม่มีผู้ใดออกมาคัดค้านหรือขัดแย้งกับพวกเขา และจะต้องรับฟังข้อเรียกร้องของพวกเขา โดยหาวิธีการแก้ไขตามขีดความสามารถอีกด้วย”
ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี หลังจากที่ได้กล่าวถึงมิติต่างๆของสถานการณ์ล่าสุด โดยกล่าวว่า “พยานต่างยืนยันแสดงให้เห็นว่า เหตุการณ์นี้มีการวางแผนไว้แล้วอยู่ในรูปทรงสามเหลี่ยม”
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังกล่าวเสริมว่า “แกนหลักแรกของสามเหลี่ยมนี้ ก็คือ อเมริกาและรัฐเถื่อนไซออนิสต์ที่เป็นผู้วางแผนการและได้มีการปฏิบัติการตามแผนการที่ได้วางไว้เมื่อหลายเดือนที่ผ่านมา โดยพวกเขาต้องการให้มีการเคลื่อนไหวที่เริ่มจากเมืองเล็กๆแล้วลุกลามไปยังเมืองใหญ่ในที่สุด”
ท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลาม กล่าวว่า “แกนหลักที่สองของสามเหลี่ยมอันนี้ ก็คือ รัฐบาลที่ร่ำรวยในอ่าวเปอร์เซียที่รับผิดชอบหน้าที่ในค่าใช้จ่าย และแกนที่สามก็คือ เหล่าองค์กรมุนาฟิกีนที่ลอบสังหารผู้คนบริสุทธิ์ โดยมีการเตรียมการไว้แล้วเมื่อหลายเดือนก่อน”
ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ยังชี้ถึงคำเชิญชวนต่างๆ โดยกล่าวว่า “คำเชิญชวนต่างๆที่พวกเขาใช้เป็นสโลแกนก็คือ คำว่า “เราไม่เอาของแพง” ซึ่งถือว่าเป็นสโลแกนที่ดีและมีแรงดึงดูดผู้คนให้เข้ามาร่วมได้เป็นอย่างดี
ในช่วงแรกก็มีประชาชนกลุ่มหนึ่งได้เข้ามาร่วมด้วยโดยการกล่าวสโลแกนอันนี้ แต่เมื่อพวกเขาเห็นถึงจุดประสงค์และมีการเปลี่ยนสโลแกน พวกเขาก็ได้ถอนตัวออกห่าง”
ท่านผู้นำสูงสุด กล่าวเสริมในประเด็นนี้ว่า กลุ่มชนที่เมื่อวันพฤหัสบดีและวันศุกร์ได้เข้ามาร่วมประท้วงว่า เราไม่เอาของแพง หลังจากที่ได้แยกตัวออกมาก็ได้เข้ามาร่วมกับประชาชนในการรวมตัวครั้งยิ่งใหญ่ในวันที่ 9 เดย์ที่ผ่านมาโดยมีการต่อต้านอเมริกาและพวกมุนาฟิก
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังกล่าวต่อไปในเหตุการณ์ล่าสุดโดยชี้ถึงคำพูดของบางสื่อของเหล่าศัตรู กล่าวว่า ในการปฏิบัติการณ์ พวกเขาได้จัดตั้งสองหน่วยปฏิบัติการพิเศษในประเทศเพื่อนบ้านอิหร่าน หน่วยปฏิบัติการแรกมีหน้าที่ในการปฏิบัติการทางสื่อสังคมออนไลน์ และหน่วยที่สองนั้นรับผิดชอบคอยควบคุมผู้ก่อความรุนแรง โดยทั้งสองหน่วยปฏิบัติการได้รับการชี้นำจากสหรัฐและรัฐเถื่อนไซออนิสต์ และถือว่า ตนเองจะได้รับชัยชนะอย่างแน่นอน
ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ยังกล่าวขอบคุณต่อพระผู้อภิบาล ผู้ทรงสูงส่ง โดยทำให้เหล่าศัตรูของอิหร่านนั้นเป็นพวกโง่เขลา และท่านยังเน้นอีกว่า “จากการเผชิญหน้ากับประชาชนอย่างต่อเนื่อง ณ บัดนี้ ศัตรูทั้งหลายก็ยังไม่รู้จักประชาชาติอิหร่านดี และไม่เข้าใจถึงสายเชือกที่มั่นคงอันแข็งแกร่งของศรัทธาและความกล้าหาญ”
ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ถือว่า คำพูดที่ไร้สาระของเจ้าหน้าที่สหรัฐฯแสดงถึงความโกรธอย่างรุนแรงของเขา โดยกล่าวว่า “พวกเขากล่าวหาว่า ระบอบการปกครองของอิหร่านมีความหวาดกลัวต่อประชาชนของเขา ไม่เลย! การปกครองของอิหร่านนั้นได้เกิดขึ้นมาจากประชาชน และรัฐอิสลามก็เข้ามาสู่ปีที่สี่สิบจากการสนับสนุนของพวกเขาในการเผชิญหน้ากับพวกท่าน”
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม กล่าวเสริมว่า “พวกเขายังกล่าวหาว่า ระบอบการปกครองของอิหร่านมีความหวาดกลัวต่ออำนาจของสหรัฐ เราจะตอบให้พวกเขาว่า ถ้าหากว่า เรากลัวพวกท่านจริงแล้วละก็ในช่วงศตวรรษที่ห้าสิบ(ประมาณสิบปีแรกของการปฏิวัติ) เราได้ทำให้พวกท่านกระเด็นออกจากอิหร่าน และในช่วงศตวรรษที่เก้าสิบ(สามสิบปีหลังการปฏิวัติ) เราได้ขับไล่พวกท่านออกจากภูมิภาคนี้ทั้งหมดได้อย่างไรกัน?”
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังชี้ถึงความไร้สาระในคำพูดของเจ้าหน้าที่สหรัฐที่มีความกังวลต่อการปฏิบัติกับผู้ประท้วง โดยกล่าวเสริมว่า “พวกท่านไม่ละอายใจบ้างหรือ เมื่อหนึ่งปีที่ผ่านมา ชาวอเมริกาจำนวน 800 คน ต้องถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจสังหารจนเสียชีวิต ในเหตุการณ์การจราจลในวอลสตรีท พวกท่านได้ใช้ทุกวิธีการในการต่อต้านประชาชน พวกท่านสังหารประชาชนโดยกล่าวหาพวกเขาต่างๆนานา ขณะเดียวกันพวกท่านกลับมาแสดงความกังวลต่ออิหร่านกระนั้นหรือ”
ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ยังชี้ถึงความกังวลใจของเจ้าหน้าที่อังกฤษอีกเช่นกัน โดยกล่าวว่า “ล่าสุดนั้น ในประเด็นการโจมตีของชาวมุสลิมอังกฤษและการปกป้องของชาวมุสลิม ทำให้ผู้พิพากษาชาวอังกฤษต้องตัดสินด้วยโทษที่หนักยิ่ง ซึ่งในขณะนี้พวกเจ้าหน้าที่เหล่านี้ยังเกิดความกังวลต่อผู้ประท้วงในอิหร่านอีกด้วย”
ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ถือว่า การทำลายรัฐอิสลามเป็นเป้าหมายที่ชัดเจนของพวกอเมริกาโดยชี้ถึงความพยายามของรัฐบาลชุดก่อนของสหรัฐในการซ่อนเร้นเป้าหมายอันนี้ในการแสดงจุดยืนและการส่งจดหมายให้กับผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม โดยท่านผู้นำกล่าวว่า “พฤติกรรมของพวกเขาก็เหมือนกับรัฐบาลชุดก่อนในการทำลายการปฏิวัติอิสลามที่ได้เปิดเผยออกมาอย่างชัดเจน”
ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ถือว่า ความพยายามในสกัดกั้นสื่อต่างๆในการมีอำนาจของประชาชาติอิหร่านคือ วิธีการหลักโดยการใช้สื่อจากสหรัฐในการทำลาย โดยท่านกล่าวเสริมว่า “ความรู้สึกของประชาชนและทัศนะคติทั่วไปในทิศทางเดียวกันกับรัฐบาล ความศรัทธากับการมีเจตนามุ่งมั่น คือ เครื่องมือที่ใช้ในการมีอำนาจของประชาชาติ ด้วยเหตุนี้ จึงเป็นสาเหตุที่ศัตรูต้องสร้างความอ่อนแอและปฏิเสธในมัน”
ความสามารถในการป้องกันทางขีปนาวุธ การเข้าร่วมอย่างมีอำนาจในภูมิภาค คือ อีกเครื่องมือที่ใช้ในการมีอำนาจของประชาชาติอิหร่านที่ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลามได้เน้นย้ำ โดยกล่าวเสริมว่า “พวกสหรัฐฯนั้นไม่หาญกล้าที่จะร่วมเจรจากับเรา แต่ว่ามีประเทศยุโรปบางประเทศกล่าวกับเราว่า เขาต้องการที่จะเจรจากับอิหร่านในการเข้าร่วมของเราในภูมิภาคนี้ ในขณะที่เราต้องถามเขาว่า ทำไมท่านได้เข้ามาร่วมในภูมิภาคนี้ด้วย”
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม เน้นถึง สามจุดหลักที่มีต่อเหล่าผู้ปกครองของสหรัฐ
จุดแรก ก็คือ สิ่งที่พวกท่านได้กระทำในเหตุการณ์ล่าสุดเหมือนกับการเอาศีรษะของพวกท่านไปโขกกับโขดหิน และถ้าหากว่าในอนาคตยังเกิดแบบนี้ซ้ำอีก พวกท่านจะพบกับล้มเหลวอีกครั้ง”
จุดที่สอง ในหลายวันที่ผ่านมาได้เกิดความเสียหายกับอิหร่านนั้น จะต้องได้รับการชดเชย
จุดที่สาม เหล่าผู้ที่พวกอเมริกาได้พูดกันเองว่า ไม่มีจิตวิทยาที่สมบูรณ์ จงรู้ไว้เถิดว่า การแสดงล้อเล่นที่ไร้สติเช่นนี้ จะได้รับคำตอบอย่างแน่นอน
ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ยังชี้ถึง การยืนหยัดของระบอบการปกครองในการเผชิญหน้ากับการกดขี่และการปกป้องผลประโยชน์ของประเทศ โดยกล่าวเสริมว่า บุคคลที่อาศัยอยู่นอกประเทศหรือ ช่างน่าเสียใจที่บางคนอยู่ในประเทศ ต้องการที่จะมีความสัมพันธ์กับอิหร่าน จงฟังและรับร้ไว้เถิดว่า ระบอบสาธารณรัฐอิสลาม ด้วยกับความโปรดปรานแห่งพระผู้เป็นเจ้าจะขจัดทุกปัญหาที่เกิดขึ้นให้หมดสิ้นไปได้”
ในอีกด้านหนึ่ง คำพูดของท่านผู้นำสูงสุดที่มีต่อเจ้าหน้าที่รัฐฯ หน่วยงานต่างๆและนักกิจกรรมทางการเมือง และท่านผู้นำยังเป็นผู้รับฟังคำพูดนี้ของท่านเองอีกด้วย โดยท่านกล่าวถึงประเด็นที่มีความสำคัญอย่างมากว่า “การเข้ามามีส่วนร่วมของศัตรูในเหตุการณ์ล่าสุด มิใช่การวิเคราะห์ แต่ได้เกิดขึ้นจากพื้นฐานข้อมูลและข่าวสารที่เปิดเผยออกมา แต่ทว่าเราอย่าได้รู้สึกถึงอ่อนแอและเพิกเฉยต่อปัญหาต่างๆ”
ท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลาม เน้นอีกว่า เหล่าศัตรูเปรียบดังแมลงวันที่เกาะติดบนรอยแผลที่เกิดขึ้นจากปัญหาต่างๆและความอ่อนแอ ด้วยเหตุนี้เอง จึงจำเป็นจะต้องเยียวยารักษารอยแผลให้สะอาดและอย่าทำให้มันเกิดขึ้นอีกครั้งหนึ่ง เพราะว่า หากไม่มีปัญหาภายใน การโฆษณาชวนเชื่อและการสร้างสถานการณ์ก็จะไม่มีผลอะไร และพวกอเมริกาก็ไม่สามารถกระทำความผิดพลาดใดๆได้เลย”
ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ถือว่า การปกป้องสิทธิของประชาชนและความพยายามในการแก้ปัญหาของพวกเขา คือ หน้าที่ของบรรดาเจ้าหน้าที่รัฐฯ โดยกล่าวเสริมว่า “กลุ่มชนผู้ด้อยโอกาส ซึ่งขณะนี้ตกอยู่ในภาวะขับขัน ที่เจ้าหน้าที่ทั้งหลายจำต้องพยายามในการแก้ไขปัญหาของพวกเขา”
“การรู้จักปัญหาของสังคม การแก้ไขปัญหาหลักของประเทศ และการแบ่งสรรงานในการแก้ไขปัญหา” คือ สิ่งที่สำคัญที่ท่านผู้นำสูงสุดฝากถึงเจ้าหน้าที่ทั้งสามสภา
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังชี้ถึงการจัดประชุมกับเจ้าหน้าที่ ผู้บริหารในประเด็นผลกระทบทางสังคมและการดำเนินการของเจ้าหน้าที่เพื่อลดบางส่วนของผลกระทบที่เกิดขึ้น โดยกล่าวเสริมว่า “ทุกๆคน พึงรู้ไว้เถิดว่า ไม่มีปัญหาหรือเงื่อนปมใดที่ไม่ได้รับการแก้ไขในประเทศ แต่เราจะต้องเตรียมพร้อมที่มากกว่า และมีความพยายามอย่างมากในการดำเนินการ”
“เอกภาพและความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน” คือ อีกคำสั่งหนึ่งที่ท่านผู้นำสูงสุดเน้นถึงบรรดาเจ้าหน้าที่รัฐฯ
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังกล่าวเสริมว่า ในสถานการณ์เช่นนี้ ศัตรูที่โอ้อวดได้ทำการคุกคามในการสร้างปัญหา รวมทั้งเจ้าหน้าที่และองค์กรทางการเมืองจะต้องร่วมมือกัน อีกทั้งยังต้องหลีกเลี่ยงจากการวิเคราะห์และการดูถูกซึ่งกันและกันอีกด้วย”
ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ยังกล่าวถึงความเสียหายที่เกิดขึ้นในปี 88 (ปฏิทินอิหร่าน) ด้วยกับความไม่ถูกต้องของบางหน่วยงาน ทำให้ประชาชนชาวอิหร่านเข้าใจ และกล่าวเสริมว่า “การยอมรับในข้อกฏหมาย คือ สิ่งที่ข้าพเจ้าฝากไว้ตลอดกับบรรดาเจ้าหน้าที่ทุกๆคนและทุกหน่วยงาน”
ท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า การตักเตือนและการวิจารณ์อย่างยุติธรรม คือ สิ่งที่จำเป็นและมีประโยชน์ โดยกล่าวเสริมอีกว่า “อย่าทำให้การวิจารณ์และการวิเคราะห์ในเรื่องเดียวแต่มีการตีความเป็นอื่นที่เกินเลย และไร้ตรรกะ อีกทั้งยังเปลี่ยนเป็นการสร้างข่าวลือและเกิดมุมมองที่มืดมิด
ท่านผู้นำสูงสุด กล่าวเสริมว่า “อย่าทำให้จำนวนน้อยของผู้บริหารหรือผู้พิพากษารวมถึงจำนวนหลายพันคนของบรรดาผู้บริหารและผู้พิพากษาเป็นอันขาด และอย่าทำให้หัวใจของเหล่าเยาวชนต้องว่างเปล่า และเช่นกัน อย่าทำให้สมาชิกรัฐสภาเพียงคนเดียวหรือสองคนนั้นมีผลต่อสมาชิกรัฐสภาทั้งสามร้อยคนหรือทั้งหมด”
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า การเอาใจใส่ของเจ้าหน้าที่รัฐฯโดยเฉพาะบรรดาผู้บริหารประเทศในปัญหาหลัก คือ การสร้างงาน การผลิต และการแก้ไขปัญหาการนำเข้านั้นเป็นสิ่งที่จำเป็น โดยกล่าวเสริมว่า “ในประเด็นเหล่านี้ หลายต่อหลายครั้งที่ข้าพเจ้าได้เตือนต่อเจ้าหน้าที่ผู้บริหารประเทศไปแล้ว”
ท่านผู้นำสูงสุด ยังกล่าวเสริมอีกว่า บางคนได้ฟ้องร้องว่า ทำไมผู้นำสูงสุดจึงไม่กล่าวตักเตือนพวกเขาเสียบ้าง แต่ทว่าข้าพเจ้าได้รับรู้ด้วยกับการรายงานของประชาชนและข้อมูลอื่นๆเกี่ยวกับปัญหาหลักและปัญหาของประชาชนและยังได้กล่าวเตือนอยู่ตลอด โดยเป็นการกล่าวเตือนอย่างเป็นทางการ ในทุกๆครั้งที่หนึ่งในสิบของคำพูดจะเป็นคำตักเตือนเสียมากกว่า และส่วนมากในเวลาของเราจะอยู่กับเจ้าหน้าที่ทั้งหลายโดยเป็นการประชุมอย่างเป็นทางการ”
ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ยังเน้นอีกถึงความสำคัญของเจ้าหน้าที่ในการสร้างงานและการเพิ่มผลในการผลิตภายในประเทศ โดยกล่าวว่า “ปัญหาการว่างงานเป็นบ่อเกิดของความชั่วร้ายทั้งหลาย และจะต้องเพิ่มยอดในการผลิต ซึ่งสามารถที่จะแก้ไขปัญหานี้ได้ แต่การใช้จ่ายที่ไม่มีบัญชีและการตรวจสอบนั้น ไม่สามารถแก้ปัญหานี้ได้ แต่ช่างโชคดีที่บรรดาเจ้าหน้าที่รัฐฯต่างขะมักเขม้นกันอย่างเต็มที่”
ท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลาม ในส่วนหนึ่งของการปราศรัย ท่านได้กล่าวขอบคุณต่อเจ้าหน้าที่ความมั่นคง ทหาร ซิพอฮ์ และองค์กรบะซีจ โดยกล่าวเสริมว่า “ในปัญหาล่าสุดที่เกิดขึ้นจำต้องแยกกันระหว่างเยาวชนและยุวชนที่ได้รับรู้ข้อมูลจากสื่อออนไลน์กับผู้ที่เขายืนเคียงข้างสหรัฐฯในการต่อต้านการปฏิวัติอิสลาม”
ท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลาม กล่าวเสริมว่า “จะต้องคิดบัญชีที่แตกต่างกันระหว่างกลุ่มชนที่เข้ามาร่วมในเหตุการณ์ดังกล่าวนี้อย่างสับสน ไม่ว่าจะเป็นนิสิต นักศึกษา ซึ่งจะต้องมีการพูดคุยกันอย่างละเอียด กับกลุ่มชนที่เป็นไม้เป็นมือให้กับเหล่าพวกมุนาฟิกได้เข่นฆ่าผู้บริสุทธิ์ ซึ่งบัญชีของพวกเขานั้นมีความแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง”
ในช่วงท้ายของการปราศรัย ท่านผู้นำสูงสุดยังกล่าวถึงประชาชนโดยตรง โดยถือว่า การเข้าร่วมอย่างทันเวลาต่อสถานการณ์ด้วยกับการมีบะซีรัตของประชาชาติ ผู้ทรงเกียรติในเวลาที่ประเทศชาติต้องการ เป็นสิ่งที่ได้รับความพึงพอพระทัยต่อพระผู้อภิบาลเป็นอย่างยิ่ง โดยกล่าวเสริมว่า “ในช่วงสี่สิบปี ไม่ว่าในสถานที่ใดก็ตาม ในการเลือกตั้ง การเดินขบวน หรือสนามใดๆก็ตาม ประชาชนจะเป็นโล่เกราะคุ้มกันมาโดยตลอด และทำให้อิหร่านได้รับเกียรติและความภาคภูมิใจ”
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติยังชี้ถึงการสร้างข่าวลือ คือ เครื่องมือที่สำคัญของเหล่าศัตรูที่มีประชาชน โดยกล่าวว่า “ไม่ว่าเรื่องใดๆก็ตาม ตราบใดที่ยังไม่ได้เห็นหลักฐานแน่ชัด ก็อย่าได้ปักใจเชื่อเป็นอันขาด เพราะว่าศัตรูได้สร้างข่าวลือและคำพูดที่ไม่มีพื้นฐาน ซึ่งพวกท่านทั้งหลายอย่าได้มีการเผยแพร่เป็นอันขาด”
ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี กล่าวเสริมว่า “ประชาชน จะรู้ดีว่า เจ้าหน้าที่รัฐฯมิได้นอนหลับ พวกเขาได้พยายามอย่างสุดความสามารถ แต่ทว่าก็ยังมีความผิดพลาดอยู่บ้าง”
ท่านผู้นำสูงสุดของการปฏิวัติอิสลาม ยังชี้ถึงแนวทางในการแก้ไขบางปัญหา โดยกล่าวว่า “การแก้ไขบางปัญหาจำเป็นที่จะต้องใช้เวลา แต่ทว่าจากการเลือกตั้งโดยประชาชนของเจ้าหน้าที่รัฐโดยทางตรงหรือทางอ้อม ที่จำเป็นต้องมีนวัตกรรมใหม่และมีการเตรียมพร้อมทางร่างกายในการแก้ไขปัญหาต่างๆอย่างถูกต้อง”
ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ยังกล่าวอีกถึงประเด็นนี้ถึงเจ้าหน้าที่รัฐฯที่ได้รับเลือกจากคะแนนเสียงของประชาชน โดยกล่าวว่า “การมีประชาธิบไตยทางศาสนาของประชาชนถือว่า สิ่งที่ถูกต้องและข้าพเจ้าก็ยอมรับ ด้วยเหตุนี้ บุคคลใดก็ตามที่ประชาชนให้คะแนนเสียงกับเขา ข้าพเจ้าก็จะให้ความช่วยเหลือกับเขาด้วยและเช่นกันในทุกๆรัฐบาลที่ผ่านมา รวมทั้งรัฐบาลนี้ก็เช่นเดียวกันที่ข้าพเจ้าให้การช่วยเหลืออย่างต่อเนื่อง”
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ในช่วงท้ายได้เน้นว่า “ข้าพเจ้ามีความหวังในอนาคตอันสดใส และข้าพเจ้าทราบดีว่า นี่เป็นพระประสงค์ของพระผู้เป็นเจ้าที่จะทำให้ฐานันดรของประชาชาตินี้สูงส่งยิ่งขึ้น ด้วยกับความโปรดปรานของพระองค์ ก็ขอให้เป็นเช่นนั้นด้วยเถิด”