ช่วงเช้าของวันพุธที่ผ่านมา บะซีจ (กลุ่มอาสาสมัคร)ทั่วประเทศหลายพันคน เข้าพบท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม อยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี โดยท่านถือว่า อาสาสมัครเป็นปรากฎการณ์หนึ่งที่มีความเหมือนน้อยที่สุดในประเทศและเป็นองค์กรในการแก้ไขปมปัญหาต่างๆ อีกทั้งยังถือว่าเป็นความภาคภูมิใจของท่านอิมามโคมัยนีด้วย ซึ่งท่านผู้นำยังได้เน้นถึงการขยายกว้างทางจิตวิญญาณของอาสาสมัคร ก็คือ "การมีแรงจูงใจและความกระตือรือร้นและความพยายามในการบรรลุสู่เป้าหมายในการปฏิวัติและความภาคภูมิใจที่มีเกียรติยิ่ง อีกทั้งความก้าวหน้าของอิหร่าน" ท่านผู้นำยังกล่าวเสริมว่า "ศัตรูได้ทวีความรุนแรงมากขึ้นในทุกๆด้านเพื่อที่จะทำลายความต้านทานที่เกิดจากแนวคิดของปฏิวัติอิสลามในภูมิภาคนี้ แต่ทว่า เหล่าเยาวชนและบุรุษผู้ศรัทธาทั้งหลายได้กระทำการกำจัดก้อนเนื้อร้ายของมะเร็งตักฟีรีกลุ่มไอซิส จึงต้องทำให้ศัตรูนั้นยอมคุกเข่าสยบต่อหน้า และยังทำให้เราได้เข้าใจในความหมายของคำว่า “เรามีความสามารถไ ซึ่งได้พิสูจน์กันให้ทุกคนเห็นอีกครั้งแล้ว
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า บะซีจ (อาสาสมัคร) หมายถึง การรวบรวมและการใช้ศักยภาพของประชาชนและพลังประชาชน นักต่อสู้และผู้ที่มีความคิดสร้างสรรค์ โดยท่านเน้นย้ำว่า “หากไม่มีอาสาสมัครในการปฏิวัติอิสลาม ก็จะเกิดช่องว่างที่ยิ่งใหญ่ขึ้น” และท่านยังกล่าวเสริมว่า “องค์กรการยืนหยัดของอาสาสมัครถือว่าเป็นองค์กรที่มีประสิทธิภาพเป็นสัญลักษณ์หนึ่งในการเข้ามาเป็นอาสาสมัครประชาชนที่ต้องรับผิดชอบในหน้าที่ๆสำคัญ”
ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ยังชี้ถึง"คำพูดใหม่" ของการปฏิวัติอิสลามที่มีต่อมนุษยชาติว่า "คำพูดใหม่ของการปฏิวัติอิสลาม คือ การที่ทำให้สังคมมนุษย์สามารถบรรลุถึงความเจริญก้าวหน้าทางวัตถุและทางวิทยาศาสตร์ ความรู้ ในขณะเดียวกันก็ยังคงรักษาความพึงพอใจของพระเจ้าและคุณค่าของพระองค์ไว้ได้"
ผู้นำการปฏิวัติอิสลาม ยังตั้งข้อสังเกตว่า การอุบัติขึ้นของสังคมในรูปแบบนี้ และการได้รับถึงความก้าวหน้าทางวัตถุและเป้าหมายอันสูงส่งทางจิตวิญญาณ ซึ่งต้องการสิ่งที่ควรและไม่ควรในทางปฏิบัติ ความอยุติธรรม เผด็จการ การเว้นช่องว่างทางฐานภาพในสังคม และการทุจริตในเชิงปฏิบัติและทางปัญญา อีกทั้ง การลุ่มหลงทางกิเลส ถือว่าเป็นสิ่งที่ไม่ควรปฏิบัติ ส่วนความบริสุทธิ์ใจ ความรู้สึกรับผิดชอบต่อหน้าที่ ความอุตสาหะพยายามในการทำงานและการแสวงหาความพึงพอใจของพระเจ้า ทั้งหมดนี้คือสิ่งที่ควรกระทำเป็นอย่างยิ่ง
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม กล่าวเสริมว่า “ระบอบของสาธารณรัฐอิสลาม คือโครงสร้างและรูปแบบที่สามารถรับเอาทั้งหมดของสิ่งที่คู่ควรและไม่ควรปฏิบัติอยู่ในตัวของมัน”
ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ยังกล่าวว่า “สาธารณรัฐอิสลามด้วยกับความช่วยเหลือและคำชี้นำของพระผู้เป็นเจ้าและความตื่นตัวและความฉลาดหลักแหลมของท่านอิมามผู้ล่วงลับและความพยายามของประชาชาติอิหร่าน จึงสามารถทำให้อิสลามที่เป็นความหวังของบรรดามุสลิมเกิดขึ้นในระบบการเมืองและยังได้วางโครงสร้างพื้นฐานไว้อีกด้วย”
ผู้นำของการปฏิวัติอิสลาม กล่าวว่า "แน่นอนว่า ระบบการเมืองนี้นั้นยังห่างไกลจากเป้าหมายที่ได้ตั้งไว้ แต่การบรรลุถึงเป้าหมายเหล่านี้เป็นไปได้ด้วยการกำหนดและพึ่งพากำลังคนที่มีความมุ่งมั่นและมีเจตนารมณ์อีกด้วย
ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ยังเน้นว่า: หากว่า พลังของมนุษย์ไม่ว่าจากผู้ใดก็ตาม การขับเคลื่อนและวิธีการของอาสาสมัครได้ถูกตั้งอยู่บนพื้นฐานของความพยายามและการปฏิบัติในภาคสนามต่างๆ แน่นอนว่า ประชาชนทุกสัดส่วนของประเทศก็จะเป็นอาสาสมัครกันทั้งหมด
ผู้นำสูงสุดของการปฏิวัติอิสลาม กล่าวเสริมว่า "ภารกิจหลักของกองกำลังต้านทานอาสาสมัคร (บะซีจ) คือ การประสานความสามัคคีในศักยภาพและเจตนารมณ์ อีกทั้งการมีนวัตกรรมใหม่ของประชาชนโดยเฉพาะบรรดาเยาวชนเพื่อให้บรรลุเป้าหมายสูงสุดของสาธารณรัฐอิสลามและจะได้เห็นถึงการขับเคลื่อนหนึ่งที่มีการพัฒนาในผลผลิตจากประชาชนหลายล้านคนในส่วนต่างๆของประเทศอีกด้วย
ผู้นำของการปฏิวัติอิสลาม ยังชี้ถึงความต่อเนื่องของการสมรู้ร่วมคิดของเหล่าศัตรูกับบรรดาผู้ที่ไม่พอใจที่ได้ถูกเปิดเผยตนและการกล่าวซ้ำในนามของศัตรูโดยท่านได้วิพากษ์วิจารณ์และกล่าวเสริมว่า: "บุคคลเหล่านี้พวกเขาไม่เข้าใจว่า หากปล่อยให้ศัตรูฉวยโอกาสเข้าสู่ภาคสนามเมื่อไหร่ เมื่อนั้นเราก็ไม่สามารถที่จะคาดการณ์ได้ ด้วยเหตุนี้เอง ตามหลักการทางปรัชญาที่ยั่งยืน บ่งบอกว่า ไม่จำเป็นที่จะต้องแสดงตัวตนทางการกระทำ คำพูดหรือสภาพใดก็ตามออกมาให้ศัตรูได้เห็นเป็นอันขาด ที่ทำให้ศัตรูคิดว่าได้เกิดความอ่อนแอต่อชาวอิหร่าน ซึ่งสามารถที่จะทำร้ายพวกเขาและสร้างศัตรูขึ้นมาได้
ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ยังได้ยกหลักฐานจากโองการอัลกุรอานเกี่ยวกับการยืนหยัดในแนวทางของพระเจ้า ที่เป็นเหตุให้ได้รับมรรคผลทั้งจากโลกนี้และโลกหน้า นั่นหมายถึง การมีเกียรติและความภาคภูมิใจในการมีอำนาจและความเจริญก้าวหน้า
โดยกล่าวเสริมว่า “ตลอดเวลา 38ปีมาแล้วที่สาธารณรัฐอิสลามได้ยืนหยัดต่อความเป็นปฏิบักษ์ของชาติมหาอำนาจและไซออนิสต์ แต่ทว่าในวันนี้หลายร้อยหรือหลายพันครั้ง นับจากช่วงแรกของการปฏิวัติอิสลามได้มีการพัฒนาและก้าวหน้าที่มากยิ่งขึ้น และนี่คือความหมายของรางวัลในโลกนี้จากการยืนหยัดต้านทาน”
ท่านผู้นำของการปฏิวัติอิสลาม ยังเรียกร้องให้มีการวิเคราะห์ถึงข้อเท็จจริงที่ถูกต้องของประเทศโดยถือว่า เป็นสิ่งมีความจำเป็น และยังชี้ให้เห็นว่า "อย่าได้มองว่าการปฏิวัติและระบบรัฐอิสลามนั้นจะพบกับความอ่อนแอด้วยกับทัศนคติของบางคนที่ไร้ซึ่งศรัทธาและพื้นฐานที่มั่นคง เพราะว่าประเด็นเหล่านี้ได้เคยเกิดขึ้นมาแล้วในช่วงแรกของการปฏิวัติอิสลาม ขณะที่มีการขับเคลื่อนที่สวยงามและมีเกียรติยิ่งของเหล่าเยาวชนผู้ศรัทธา ซึ่งคือความจริงที่จะมีความสดใสเสมอ
ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า อิทธิพลของเยาวชนและประชาชนผู้ศรัทธาในภูมิภาคนี้ ถึงแม้ว่าจะไม่ได้รับรู้ถึงยุคช่วงสมัยของการปฏิวัติอิสลามโดยท่านอิมามโคมัยนีก็ตามและการป้องกันอันศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งนี่คือ หนึ่งในปาฏิหาริย์ของการปฏิวัติอิสลาม โดยกล่าวว่า “พวกท่าน เยาวชนทั้งหลายมีความสามารถในการทำให้อเมริกาต้องเข้ามาคุกเข่ายอมรับในความพ่ายแพ้”
ผู้นำของการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า ปัจจัยที่แท้จริงในการกำจัดก้อนเนื้อร้ายของมะเร็งกลุ่มไอซิสก็คือ การมีจิตวิญญาณและรู้สึกในการเป็นอาสาสมัคร โดยกล่าวเสริมว่า “ศัตรูพยายามที่จะใช้กลุ่มก่อการร้ายตักฟีรีย์นี้ในการสร้างสถานการณ์ต่อต้านกลุ่มต้านทานอิสลาม แต่ทว่าเหล่าเยาวชนผู้ศัรทธาได้เข้าร่วมในภาคสนามด้วยความมุ่งมั่นและมีเป้าหมายที่ชัดเจน จึงทำให้พวกศัตรูต้องยอมคุกเข่าในความพ่ายแพ้นั้น”
ท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลาม ยังชี้ถึงประสบการณ์ที่ประจักษ์ของประชาชาติอิหร่านในสถานภาพที่เรานั้นมีความสามารถ โดยกล่าวเสริมว่า “เรามีความสามารถ” มิใช่ความหมายในด้านศรัทธาเท่านั้น แต่ทว่าประชาชาติอิหร่านได้ประจักษ์ชัดแล้วมาหลายครั้งแล้วด้วยกับสายตาของพวกเขาในการมีศักยภาพของเรา”
ท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า การเพียรพยายามและการยืนหยัด คือ สิ่งที่จำเป็นและสำคัญที่สุดในปัจจัยของความก้าวหน้า โดยกล่าวเสริมว่า พวกท่านจะต้องมองในภายในและสภาพแวดล้อม และปัจจัยที่เกี่ยวข้อง จนกว่าจะได้รับชัยชนะที่เป็นสัญญาของพระเจ้า
ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ยังชี้ถึงเป้าหมายของการปฏิวัติอิสลามในด้านต่างๆ ทางเศรษฐกิจ สังคม วิทยาศาสตร์ การเมือง วัฒนธรรม โดยเน้นว่า ด้วยความโปรดปรานของพระผู้อภิบาล จะทำให้อิหร่านในอนาคตอันใกล้นี้บรรลุสู่เป้าหมายที่แท้จริงของตนและเหล่าเยาวชนจะเป็นผู้แก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจ การเพิ่มขึ้นของความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์ ความรู้ ความหมายทางวัฒนธรรมและอัลกุรอานในด้านสังคม
ท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลาม ยังเน้นอีกครั้งถึงความฉลาดหลักแหลมในการเผชิญหน้ากับศัตรู โดยเสริมว่า “กองกำลังที่มีศรัทธา จะต้องเตรียมพร้อมในการป้องกันในกลยุทธ์และวิธีการต่างๆของศัตรู ซึ่งจะต้องมีคำตอบอย่างเหมาะสม”
ท่านผู้นำการปฏิวัติ ยังกล่าวในช่วงท้ายว่า “ขอวิงวอนต่อพระผู้เป็นเจ้าทรงทำให้ดวงวิญญาณอันบริสุทธิ์ของเหล่าชะฮีดทั้งในอิรักและซีเรียได้อยู่ร่วมกับบรรดาเอาลิยาอ์ของพระองค์ด้วยเถิด”
ก่อนการปราศรัยัของท่านผู้นำการปฏิวัติอิสลาม นายพล มูฮัมมัดอะลี ญะอ์ฟะรี ผู้บัญชาการซิพอฮ์อิหร่านได้ชี้ถึงการสูญสลายของกลุ่มก่อการร้ายไอซิส ตักฟีรี และการลดบทบาทของอเมริกาในภูมิภาคนี้ว่า
“ในวันนี้ทั้งมิตรและศัตรูต่างเข้าใจดีว่า ไซออนิสต์มิอาจที่จะเป็นภัยคุกคามอีกต่อไปและการเกิดสงครามจะเป็นเหตุมีการทำลายระบอบรัฐเถื่อนของไซออนิสต์อย่างแน่นอน”
ผู้บัญชาการซิพอฮ์ ถือว่า สิ่งสำคัญในอันดับแรกของอาสาสมัครก็คือ การช่วยเหลือประชาชนเพื่อแก้ไขปัญหาในการดำรงชีพของพวกเขา โดยกล่าวเสริมว่า การเข้าร่วมอย่างมีประสิทธิภาพในการช่วยเหลือประชาชนผู้เคราะห์ร้ายและการทำให้เกิดความมั่นคงในพื้นที่ ถือว่า นี่คือหน้าที่ๆสำคัญของบะซีจ”
และเช่นเดียวกัน นายพลฆุลามฮุเซน เฆบพัรวาร ผู้อำนวยการองค์การอาสาสมัครกลุ่มชนที่ถูกกดขี่ ยังได้กล่าวรายงานถึงแผนงานการดำเนินการขององค์กรอาสาสมัคร กล่าวว่า “การเกิดขึ้นของคนรุ่นใหม่เหมือนกับชะฮีดฮุญาญีซึ่งป็นความหวังที่มีเกียรติของการปฏิวัติอิสลามและทำให้บะซีจนั้นเป็นแบบอย่างให้กับประชาชาติทั้งหลายของอิสลามและกลุ่มชนที่ถูกกดขี่อีกด้วย
ในช่วงแรกของการพบปะ นักเคลื่อนไหวทางสังคมและตัวแทนของอาสาสมัครหลายคนได้กล่าวรายงานถึงกิจกรรมและการดำเนินการของพวกเขาให้กับท่านผู้นำสูงสุดได้รับทราบ
ฮะซัน อิสมาอีล (ปริญญาเอกทางการแพทย์)
อะบูลกอซิม ตอลิบี (ผู้กำกับภาพยนตร์)
ญะลีล อาหรับเครัด (แพทย์ผู้เชี่ยวชาญระบบปราสาท)
มัสอูด ฮะซันซาเดฮ์ (นักกีฬายูโดดีเด่น)
มัสอูด ฮะซันซาเดฮ์ (นักกีฬายูโด)
อะลีฆัฟฟารี (ปริญญาเอกเคมี)
ซะอีด ซูฟีซาเดฮ์ (ปริญญาเอกเกษตรกรรม)
มัรซีเยฮ์ อิซซะตี วะซีเฟฮ์คอฮ์ (นักเคลื่อนไหวสังคมกิจการสตรีและครอบครัว)
ประเด็นต่อไปนี้ คือ หัวข้อที่ถูกนำเสนอต่อท่านผู้นำสูงสุด
-ให้มีการจัดตั้งสภาสูงสุดเพื่อใช้ประโยชน์จากศักยภาพของบะซีจและให้ความสนใจที่พิเศษต่อชุมชนที่ขาดแคลนและการสนับสนุนกลุ่มญิฮาดี
-ความเข้มแข็งทางวัฒนธรรมของบะซีจทางด้านศิลปะและศิลปินที่เป็นอาสาสมัครในการแก้ไขปัญหาของประชาชน
-การเพิ่มศักยภาพในการบริการทางการแพทย์ยังชุมชนที่ขาดแคลน
-การสร้างความแข็งแกร่งให้กับกลุ่มญิฮาดีในด้านอุตสาหกรรม
-การวางแผนการณ์ในการเพิ่มผลผลิตทางการเกษตรโดยการเข้าร่วมของนักวิชาการผู้เชี่ยวชาญด้านการเกษตร